ซวี่เฉินฟางหันกลับไปกล่าวกับนางเซี่ย “ท่านป้า เด็กสาวแต่งงานตอนอายุสิบแปดสิบเก้าก็ไม่ถือว่าช้า ข้าเห็นว่าญาติผู้น้องอาอู่ยังห่างจากสิบแปดสิบเก้าอีกหลายปี ต่อไปยังมีเวลาค่อยๆ เลือกสรรอีกมาก”
นางเซี่ยยิ่งเห็นด้วย กล่าวว่า “เฉินฟาง เ้าช่างเข้าใจข้าจริงๆ”
ซวี่เฉินฟางยิ้มพลางขยิบตาให้เมิ่งอู่ กล่าวว่า “ได้ยินหรือไม่ ยามที่ญาติผู้พี่ไม่อยู่ เ้าต้องเชื่อฟังท่านแม่นะ”
ยังคิดว่าตนเองเป็ญาติผู้พี่ของนางจริงๆ หรือ? เมิ่งอู่อยากจะกดหัวเขาลงไปเหยียบกับพื้นจริงๆ เ้าคนนี้จงใจไม่ให้นางอาเหิงเร็วๆ!
เนื้อแกะย่างสุกแล้วดึงดูดความสนใจของพวกอันธพาลไปได้ทั้งหมด
ในหม้อที่อยู่ในครัวเคี่ยวน้ำแกงเครื่องในแกะด้วยไฟอ่อนๆ ไว้ เวลานี้นางเซี่ยจึงเข้าครัวไปตักน้ำแกง
อินเหิงเอ่ยปลอบเมิ่งอู่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ไม่เป็ไร พวกเราคบหาดูใจกันอีกสักพัก”
ซวี่เฉินฟาง “คบหาดูใจ?” เขาไม่เคยได้ยินคำศัพท์แปลกใหม่เยี่ยงนี้มาก่อน
อินเหิงกล่าว “เ้าอาจจะไม่เข้าใจ หมายถึงแสดงความรักต่อกันทุกวันน่ะ”
ซวี่เฉินฟางหน้ามืดครึ้ม หันไปมองนางเซี่ยในครัวก่อนะโ “ท่านป้า เมิ่งอู่นาง…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ คิ้วของเมิ่งอู่ก็กระตุก นางรู้สึกลึกๆ ว่าจะต้องไม่มีคำพูดดีๆ หลุดออกมาจากปากเขาเป็แน่ จึงรีบคว้าแตงกวาที่อยู่ข้างๆ ยัดปากเขาพร้อมตวาด “มา กินแตงกวานี่เสีย!”
พวกอันธพาลมองตาค้าง พึมพำว่า “ทำอย่างไรดี ญาติผู้พี่คนงามนี่ ไฉนถึงทำให้คนอยากรังแก…”
จู่ๆ ภาพฉากนี้ก็เปลี่ยนไป เห็นเพียงซวี่เฉินฟางเปลี่ยนจากรับเป็รุก เขาใช้มือหนึ่งจับเมิ่งอู่ที่กดข้อมือของเขาไว้ ทันทีที่เขายกเท้าข้างหนึ่งขึ้นก็ดันหัวเข่าที่นางกดลงบนเก้าอี้เอนที่เขานั่งอยู่ ออกแรงเพียงเล็กน้อย เมิ่งอู่ไม่ทันระวังชั่วขณะจึงพลาดท่าให้เขา จากนั้นคนทั้งคนก็ถลาเข้าหาเขาอย่างควบคุมไม่ได้
เกือบจะในเวลาเดียวกัน อินเหิงที่อยู่ด้านข้างก็จู่โจมอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว รีบปัดมือของซวี่เฉินฟางออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจับมืออีกข้างหนึ่งของเมิ่งอู่ เบี่ยงแขนไปด้านข้าง ่เวลาก่อนที่นางจะล้มลงในอ้อมกอดของซวี่เฉินฟาง นางก็ถูกอินเหิงดึงเข้าสู่อ้อมแขนของเขาแล้ว
แตงกวาครึ่งลูกหล่นลงพื้น
พวกอันธพาลในหมู่บ้านตกตะลึงพรึงเพริด เหล่านี้ล้วนแต่เป็ยอดฝีมือ การประลองของยอดฝีมือรวดเร็วปานสายฟ้า ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว
ซวี่เฉินฟางหัวเราะเบาๆ อย่างไร้ความหมาย “น่าเสียดาย เกือบไปแล้ว”
อันธพาล “พี่ใหญ่ปกป้องอาหารของตนเองดีจริงๆ”
“ไร้สาระ หากไม่ปกป้องให้ดี คงถูกผู้อื่นแย่งไปแล้ว”
อันธพาลบางคนมองเื่ราวบางอย่างออก กล่าวว่า “ดูคล้ายญาติผู้พี่ก็อยากลิ้มลองอาหารจานนี้เหมือนกัน”
อินเหิงกับซวี่เฉินฟางมองพวกเขาอย่างเรียบเฉย พวกอันธพาลสะดุ้งเล็กน้อย รีบกล่าวเสียงดัง “เนื้อแกะนี่อร่อยจริงๆ!”
พอดีกับที่นางเซี่ยตักน้ำแกงออกมา เมิ่งอู่สะดุ้งในิดหน่อย รีบผละออกจากอ้อมกอดของอินเหิง
จากนั้นทุกคนก็ซดน้ำแกงพลางกินเนื้อแกะย่าง ช่างมีความสุขยิ่งนัก
สุดท้ายเนื้อแกะสองตัวก็ถูกกินจนหมดเกลี้ยง ทุกคนล้วนพึงพอใจ
เมิ่งอู่รู้ว่าในไม่ช้าพวกอันธพาลจะต้องเดินทางไปทำงานในเมืองกับซวี่เฉินฟาง นางจึงไม่มีอันใดจะพูด
ทุกคนล้วนมีหนทางของตนเอง จะเลือกเดินอย่างไร นั่นมีเพียงตนเองเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้
หากมีหนทางที่ดีกว่านี้ ใครบ้างจะเต็มใจใช้ชีวิตอยู่ในชนบทที่ห่างไกลและยากจนข้นแค้นเยี่ยงนี้ ยิ่งกว่านั้น การออกไปทำงานนอกบ้านย่อมมีอนาคตมากกว่าการเป็อันธพาลในหมู่บ้าน
เพียงแต่หลังดื่มกินจนอิ่มหนำสำราญ บรรยากาศในลานเรือนกลับเงียบลง จู่ๆ ความรู้สึกอ่อนไหวแปลกๆ ก็เข้าปกคลุม
สุดท้ายหัวหน้าอันธพาลก็ตบเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นยืน ยกมือคำนับเมิ่งอู่ อินเหิง และนางเซี่ย ก่อนกล่าวว่า “ูเาเขียวไม่แปรเปลี่ยน สายน้ำทอดยาวมิไหลกลับ ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่ ทุกคน…”
เมิ่งอู่อดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะ “ในเมืองก็แค่นั้น ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยไป ทำอย่างกับจะจากกันตลอดกาล”
จู่ๆ อารมณ์ความรู้สึกหมองหม่นของหัวหน้าอันธพาลบิดเบี้ยวเล็กน้อย กล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ ไว้หน้าข้าหน่อย!”
บรรยากาศในลานเรือนจึงผ่อนคลายลงบ้าง
หลังเก็บกวาดข้าวของที่กระจัดกระจายเสร็จเรียบร้อย พวกอันธพาลก็เดินโซซัดโซเซด้วยความมึนเมาออกจากเรือนไป นี่เป็คืนที่เงียบสงบ
ยามที่เมิ่งอู่พาอินเหิงกลับเข้าห้องพักผ่อน นางก็เอ่ยถามอย่างไม่ตั้งใจ “อาเหิง เ้าถือว่าตนเองเป็ของขวัญวันเกิดของข้าหรือไม่?”
“อืม”
เมิ่งอู่กล่าว “เช่นนั้นข้าอยากจะทำอันใดก็ได้ใช่หรือไม่?”
อินเหิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา “เ้าอยากทำอันใดหรือ?”
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น เมิ่งอู่เผชิญหน้ากับเขาแบบต่อหน้าต่อตา แสงสลัวส่องเข้ามาจากภายนอก ก่อนหน้านี้ยามจูบก่อนนอน เมิ่งอู่ฉวยโอกาสได้คืบจะเอาศอก แต่ยามนี้เมื่อให้นางตรงเขประเด็นเลย นางกลับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงมือจากที่ใด
อินเหิงถามเสียงแ่เบา “ยังคิดไม่ออกหรือ” สิ้นเสียง เขาก็จับข้อมือของเมิ่งอู่ ดึงมือนางไปััชายเสื้อของเขา
อินเหิงก้มหน้าลงมองั์ตาเบิกกว้างนิดๆ ของนาง ริมฝีปากเผยรอยยิ้มยั่วยุเลือนราง โน้มน้าวทีละคำทีละประโยคว่า “สถานการณ์เช่นนี้สมควรจะปลดสายรัดเอวของข้าก่อน”
เมิ่งอู่เลียริมฝีปาก พึมพำว่า “ไม่นึกเลยว่า คืนนี้อาเหิงจะเร่าร้อนถึงขนาดเริ่มก่อนเช่นนี้ ทำให้ข้าทำอันใดไม่ถูก”
ครานี้เมิ่งอู่ถูกเขานำพาไปอย่างสมบูรณ์
เพียงแค่ปลายนิ้วััโดน เมิ่งอู่ก็รู้สึกเหมือนถูกอุณหภูมิร่างกายของเขาแผดเผา นางรีบชักนิ้วกลับ
อินเหิงโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ รินรด เอ่ยว่า “กลัวหรือ?”
…
นางตักน้ำเย็นสาดใส่หน้า แต่ยังคงรู้สึกไม่สบายตัวจึงอาบน้ำเย็นอีกรอบหนึ่ง
เมื่อออกจากห้องน้ำ เมิ่งอู่ก็ถอนหายใจยาว ในที่สุดก็รู้สึกสบายแล้ว
ทว่าเมื่อนางไปที่ห้องของอินเหิงอีกครั้ง กลับพบว่าเขาปิดประตูห้องแล้ว เมิ่งอู่แนบหูกับช่องประตู กระซิบว่า “อาเหิง ให้ข้าเข้าไปเถิด พวกเรามาต่อกัน”
เสียงของอินเหิงดังลอดออกจากภายใน “เลยยามจื่อ [1] แล้ว รอจนถึงวันคล้ายวันเกิดของเ้าครั้งต่อไป ข้าค่อยตอบสนองความ้าของเ้า”
……….
[1] คือ เวลา 23.00-01.00 นาฬิกา