หลังจากสวี่จือถูกแม่นมลู่พาขึ้นไป้าแล้วก็นอนอยู่บนตั่งอุ่นๆ แต่ยังไม่หลับ จึงถูกแม่นมเรียกไปทานบะหมี่ร้อนๆ เมื่อทานเสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับหลับปุ๋ยไปทันที
เมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาในเรือน ในวินาทีนั้นสวี่จือกลับมิรู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด ราวกับฝันอยู่ ผ่านไปสักประเดี๋ยวถึงได้ตื่นเต็มตา แล้วพบว่าในเรือนไม่มีผู้ใดอยู่ นางลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปด้านนอกห้องจากนั้นก็พิงร่างอยู่ที่กรอบประตูเรือน กระทั่งพบว่าในเรือนเองก็ไม่มีคน
หัวใจของสวี่จือก็พลันหวาดหวั่นขึ้นมา ร้องเรียกท่านแม่ ไม่มีผู้ใดตอบ นางร้องเรียกอีกครั้ง คราวนี้ได้ยินเสียงคนที่อยู่เรือนด้านหน้าะโตอบกลับมา “คุณหนูเก้า คุณหนูเก้าตื่นแล้วหรือ? อย่ากลัวไปเลย แม่นมมาแล้ว”
เป็แม่นมลู่นั่นเอง สวี่จือเห็นแม่นมลู่ที่รีบร้อนเดินมาหาจากหน้าเรือน ซึ่งสวี่จือก็รีบเข้าไปหานางเช่นกัน พลันกอดเอวของแม่นมลู่เอาไว้แน่น ในดวงตามีน้ำตาไหลออกมา นางเบะปากและบ่นออกมาอย่างน่ารักว่า “แม่นม ท่านไปทำอันใดมาเ้าคะ ข้าตื่นขึ้นไม่เห็นท่าน ข้ากลัวมากเลยเ้าค่ะ”
แม่นมลู่หัวเราะเหอะๆ ก่อนจะกล่าว “ไม่ต้องกลัวไป แม่นมอยู่ที่เรือนหน้า คุณชายใหญ่กลับมาแล้ว เอาของกลับมามากมายเลย พวกเราจึงออกไปดูที่เรือนด้านหน้ากันน่ะ”
สวี่จือได้ยินดังนั้นก็ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเ้าคะ แม่นม ข้าไปดูได้หรือไม่เ้าคะ?”
สวี่จืออายุเจ็ดขวบปี หลายเื่จะต้องถามแม่นมก่อน หากแม่นมบอกว่าทำได้นางถึงจะทำ หากแม่นมบอกว่าทำไม่ได้ ถึงแม้นางจะอยากทำก็ต้องอดทนเอาไว้ สวี่ตี้เอ็นดูน้องสาวที่เป็เช่นนี้มาก ใจอยากจะให้น้องสาวไม่ต้องไปสนใจเื่พวกนี้ อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่ก็คิดได้ว่า สวี่จือเป็คนของยุคนี้ ต่อไปนางยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มีกฎบางอย่างที่จะต้องปฏิบัติตาม ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็ต้องให้เรียนกฎระเบียบั้แ่ยังเด็ก ต่อไปจะได้ไม่ถูกคนหัวเราะเยาะเพราะว่ามารยาทไม่ดี
แม่นมลู่เอ่ย “ได้สิ เหตุใดจะไม่ได้ ไป แม่นมจะพาเ้าไปเอง”
สวี่จือเดินตามแม่นมลู่ออกไปเรือนหน้า ก็เห็นดาบโค้งที่คนจากนอกด่านที่บุกรุกเข้ามาเมื่อคืนใช้เป็อาวุธวางอยู่ด้านหน้าเรือนเต็มไปหมด บนตัวดาบมีผ้าห้อยอยู่ รวมถึงยังมีของชิ้นเล็กๆ อย่างอื่นอยู่อีกด้วย
พอเห็นสวี่จือเดินเข้ามา สวี่ตี้ก็รีบเดินเข้ามาจูงมือของสวี่จือเอาไว้ “จือเอ๋อร์ เมื่อคืนใมากเลยใช่หรือไม่? แต่ว่าไม่เป็อันใดแล้วนะ พี่ชายแก้แค้นให้เ้าแล้ว พวกคนที่มารังแกพวกเราไม่ได้ไปไหน เกอเกอพาคนมาจับพวกเขาให้อยู่ที่นี่แล้ว มาดู นี่คือของที่ได้จากการต่อสู้เมื่อคืนนี้”
สวี่จือฟังแล้วก็มองสวี่ตี้ด้วยความนับถือ “เกอเกอ ท่านเก่งมากเลยเ้าค่ะ ท่านทำอย่างไรถึงจับพวกเขาได้หรือเ้าคะ?”
ในเรือนล้วนเป็คนของครอบครัวตนเอง สวี่ตี้จึงเล่าว่า “เมื่อวานพวกเขาไปที่ไร่ก่อน โชคดีที่พวกเราเตรียมตัวกันมาอย่างดี ไม่ได้ถูกพวกเขาโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว พวกเราก่อนหน้านี้ก็ได้ทำกับดักเตรียมเอาไว้แล้ว ม้าศึกสิบกว่าตัวของพวกเขาจึงถูกมัดเอาไว้ ต่อมาจึงจัดการได้ง่าย พวกท่านลุงในไร่ก็พาพวกเราไปจับเขามัดเอาไว้ แต่ว่าคนของหมู่บ้านจางเจียได้รับาเ็อยู่หลายคน โชคดีที่ไม่ได้เป็อันใดมาก จากนั้นพวกเราก็ขี่ม้าของพวกเขาไล่ตามมาที่นี่ พอดีได้เจอกับพวกพี่เว่ยที่ได้รับจดหมายพอดี ก็เลยจับพวกนั้นเอาไว้ได้”
สวี่ตี้อธิบายออกมาได้อย่างละเอียด แต่ว่าใน่เวลาอันตรายทุกคนต่างสามารถคิดภาพออก คนที่อยู่นอกด่านจะมีร่างกายแข็งแรงกำยำ นิสัยกล้าหาญ เก่งกาจด้านการขี่ม้าหรือยิงธนู คนที่สวี่ตี้พามาาเ็ไปแล้วห้าคน ตอนนี้ต่างพันแผลนอนอยู่ตรงเรือนหน้า
สวี่จือมองสวี่ตี้ด้วยความปวดใจ “เกอเกอ ท่านไม่ได้รับาเ็ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
สวี่ตี้ตอบ “ไม่มี เ้าดู ข้ามิได้รับาเ็ ข้ายังดีอยู่ ครั้งนี้พวกเรารวยแล้ว ม้าศึกก็ทิ้งเอาไว้ให้ ในอนาคตข้าจะคิดดูว่าจะสามารถทำอย่างไรให้ม้าพวกนี้คลอดลูกม้าออกมา จือเอ๋อร์ รอลูกม้าคลอดแล้วเกอเกอจะเก็บเอาไว้ให้เ้าสักตัว”
สวี่ตี้ที่เริ่มเชี่ยวชาญด้านการปลูกพืชก็เริ่มรู้สึกว่าความจริงแล้วการผสมพันธุ์ม้าเองก็เป็เื่ที่ไม่เลวเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นเขาก็จะเปิดสนามม้าที่นี่ ที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับทุ่งหญ้า การจะปล่อยม้าออกมากินหญ้าย่อมสะดวก อีกอย่างหลังจากเก็บเกี่ยวธัญพืชไปแล้วพวกฟางข้าวสาลี ฟางข้าวโพดก็จะเป็อาหารของม้าได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็ไปได้ สวี่ตี้เริ่มคิดเื่การเปิดสนามม้าไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทางด้านสวี่เหรากับจางจ้าวฉือกลับมาด้านในเรือนด้วยกัน พอเข้าประตูก็เห็นสถานการณ์หนักหน่วงตรงเรือนหน้า เมื่อคืนในเมืองถึงแม้จะเงียบสงบมาก แต่ว่าด้านนอกเมืองจนถึงนอกประตูเมือง โดยเฉพาะทางด้านประตูทางทิศใต้มีคนแอบลักลอบเข้ามา แล้วก็โชคดีที่ทางนี้เตรียมตัวไว้พร้อมรับมือ ถึงได้ไม่ปล่อยให้พวกนั้นทำลายประตูเข้ามาได้ แม้จะเป็แบบนั้น ทว่าทหารที่เฝ้าเมืองก็ยังมีผู้เสียชีวิต
เมื่อครู่เว่ยหลางมาแล้วได้พูดถึงเื่การลอบเข้ามา คาดว่ารอบนี้คงจะมีการเตรียมตัวก่อนมา ไม่เหมือนพวกที่ฆ่าแล้วปล้นเอาของก่อนจะหนีไปเหมือนที่ผ่านมา พวกทหารม้าหลายกลุ่มที่มาพวกนี้มีระบบกันมาก อีกทั้งยังขี่ม้าศึก อาวุธที่ใช้ล้วนเป็ของที่ดีมาก ปกติแล้วแถบทุ่งหญ้าที่ล้าหลังไม่มีอาวุธที่ดีขนาดนั้น
หลังจากทำความสะอาดสนามรบและประชุมสรุปครั้งนี้เสร็จ สวี่เหรากับจางจ้าวฉือถึงได้กลับมาที่เรือน
จางจ้าวฉือยังสวมชุดบุรุษที่ใส่ออกไปเมื่อคืน ตอนนี้้าชุดเต็มไปด้วยรอยเื แม้แต่ใบหน้าของนางก็มีเืติดมาเล็กน้อย ใบหน้าของสวี่เหรามีความอ่อนล้า ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นดิน ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าไปติดมาจากที่ใด
สวี่จือเห็นบิดามารดาตนเองกลับมาแล้วก็รีบวิ่งพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของจางจ้าวฉือ พลางเบะปาก “ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านเ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือตบหัวสวี่จือเบาๆ “ผ่านไปแล้ว ผ่านไปแล้ว ต่อไปจะไม่เป็เช่นนี้อีกแล้ว”
สวี่เหรามองเสื้อผ้าบนตัวของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจ “จือเอ๋อร์ กอดพ่อด้วยสิ?”
สวี่จือได้ยินแล้วก็ชะงักไป แต่ว่าดวงตาก็ยังคงแดง เดินเข้าไปกอดเอวสวี่เหรา ซึ่งเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างพอใจมาก “ในที่สุดก็ผ่านไปแล้ว พ่อได้เจอจือเอ๋อร์อีกครั้ง เอาล่ะ พ่อกับแม่ขอตัวไปอาบน้ำกันก่อนนะ”
สวี่จืออายุเจ็ดขวบแล้ว ไม่เพียงแค่จะต้องรักษาระยะห่างกับบุรุษภายนอกเท่านั้น กระทั่งบิดาและพี่ชายของตนเองก็ต้องรักษาระยะห่างเช่นกัน แต่ว่าเมื่อคืนสวี่เหราประสบกับเื่ที่น่าใจนิญญาแทบจะหลุดออกจากร่าง ถึงแม้จะไม่ใช่ทหารกองทัพใหญ่เข้ามาตีโจมตี แต่ว่าความรุนแรงในการมารุกรานของกลุ่มเล็กๆ ในครั้งนี้ก็ร้ายแรงมาก ตลอดทั้งวันเขาก็เอาแต่คอยระแวดระวังไม่ได้ผ่อนใจลงมาแม้แต่น้อย
แม้แต่จางจ้าวฉือที่เป็หมอ อีกทั้งยังเป็หมอศัลยแพทย์ที่เคยชินกับการเจ็บการตาย การเผชิญหน้ากับความตายของทหารที่ต่อต้านการรุกรานในครั้งนี้ ในใจของนางได้รับความกระทบกระเทือนเป็อย่างมาก ที่แท้าที่แท้จริงเป็เช่นนี้ ที่แท้บนสนามรบชีวิตของคนก็เหมือนกับต้นหญ้าต้นหนึ่งเท่านั้น
หลังจากทานข้าวเย็นกันแล้ว ทั้งสี่คนรวมทั้งแม่นมลู่ก็มานั่งพูดคุยกันบนตั่งในห้องของจางจ้าวฉือ บอกเล่าประสบการณ์ที่ตนเองประสบมา สวี่ตี้อยู่ในบ้านสวน เดิมทีนอนหลับไปแล้ว แต่เขาได้ยินว่ามีการเคลื่อนไหวจากหมู่บ้านจางเจีย บวกกับ่นี้มีข่าวลือว่าคนเป่ยตี้จะเข้ามาโจมตี สวี่ตี้จึงรีบเรียกรวมคน อาศัยความมืดไปที่หมู่บ้านจางเจีย ก็พบว่ามีบุรุษตัวใหญ่ขี่ม้าสิบกว่าคนมุ่งมาที่หมู่บ้านจางเจีย บ้านหลายหลังในหมู่บ้านถูกจุดไฟ หลังจากความวุ่นวายผ่านไป เหล่าบุรุษในหมู่บ้านก็เริ่มที่จะต่อต้าน
สวี่ตี้คิดมานานแล้วว่าหากทหารของเป่ยตี้มาโจมตีตนเองจะรับมืออย่างไร จนสรุปได้ว่าบนตัวจะต้องพกกับดักเอาไว้ตลอด แถมยังสั่งให้ลูกน้องของตนเองพกเอาไว้อีกด้วย ทหารม้าของเป่ยตี้มีพละกำลังมาก ทักษะการต่อสู้ก็แข็งแกร่ง การที่จะโจมตีพวกเขาโดยตรงนั้นเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นหากอยากจะเอาชนะ ก็ต้องเอาวิธีแปลกๆ ออกมาใช้รับมือ
คนข้างกายของสวี่ตี้เองก็ผ่านการฝึกสอนพิเศษจากเขา เพียงครู่เดียวพวกเขาก็ได้รับภารกิจการต่อสู้ รวมสวี่ตี้เข้าไปด้วยก็เป็เจ็ดคน แล้วสร้างที่ซ่อนตัวง่ายๆ ตรงหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นก็สร้างที่ซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปไม่ไกลอีกที่ หลังจากสร้างเสร็จแล้ว สวี่ตี้ก็หยิบกลองออกมาตี
ทหารม้าสิบกว่าคนนั้นได้ยินเสียงด้านนอกหมู่บ้านก็ไม่ได้สนใจอย่างอื่นอีก รีบขี่ม้าวิ่งไปด้านนอก สุดท้ายตอนที่ออกจากประตูหมู่บ้านก็ถูกพวกที่ซุ่มโจมตีอยู่ดึงลงจากหลังม้า
พวกสวี่ตี้เห็นคนตกลงมาจากม้าก็รีบเข้าไปลงมือฆ่า พวกที่อยู่ด้านหน้าไม่ทันได้ป้องกันตัว จึงพลาดท่าถูกพวกสวี่ตี้จัดการ แต่ว่าพวกคนที่อยู่ด้านหลังรู้ตัวแล้ว สวี่ตี้พาคนเข้าไปตะลุมบอนต่อสู้ พวกเขาสู้กับคนเป่ยตี้ที่มีร่างกายแข็งแรงพวกนั้นไม่ไหวจริงๆ ต่อมาพวกสวี่ตี้ก็ได้รับการช่วยเหลือจากคนของหมู่บ้านจางเจียที่เข้ามาช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันเวลาถึงเอาชนะมาได้
หลังจากพวกสวี่ตี้โจมตีคนพวกนี้แล้วก็เก็บกวาดสนามรบแบบง่ายๆ สั่งคนของหมู่บ้านจางเจียให้ไปหลบอยู่บนูเาก่อนชั่วคราว แล้วเขาก็พาคนไปทางเมืองเหอซี
จากหมู่บ้านไปถึงในเมืองจะต้องผ่านหุบเขาที่มีป่ารกทั้งสองทาง พอมาถึงตรงหน้าหุบเขา สวี่ตี้ก็ครุ่นคิด เขาไม่ได้เข้าไปด้านในหุบเขาแต่อ้อมขึ้นไปบนูเาแทน บนเขามีเส้นทางที่ลับมากๆ อยู่เส้นหนึ่ง เส้นทางเล็กๆ นี้อยู่ใกล้กับเมืองเหอซีมาก แต่เส้นทางนี้ค่อนข้างจะเดินยาก คนของหมู่บ้านจางเจียบางครั้งหากอยากจะย่นระยะทางในการไปเมืองเหอซีก็เลือกเดินทางนี้
ด้วยความยากรู้อยากเห็นเป็ชีวิตจิตใจของเด็กหนุ่ม สวี่ตี้จึงเคยเดินตามหัวหน้าหมู่บ้านไป หลังจากเดินไปจากตรงนี้เขาก็จำทางไม่ค่อยจะได้สักเท่าไหร่ บวกกับคืนนี้ยังถือว่ามีแสงจันทร์ สวี่ตี้ครุ่นคิดก่อนจะพาคนเข้าูเาไป
สวี่ตี้พอจะดูออกว่าอาวุธของทหารพวกนั้นเป็ของดี ไม่ใช่อาวุธของคนจากทุ่งหญ้าธรรมดา พวกนั้นจะต้องเป็ทหารที่เก่งกาจที่สุดของเป่ยตี้เป็แน่
คนเป่ยตี้ไม่มีทางส่งคนมาแค่นี้แน่ ในเมื่อคนพวกนี้สามารถมาถึงที่นี่ได้ เช่นนั้นพวกเขาจะต้องลอบเข้าไปที่เมืองเหอซีแน่นอน และอาจไปถึงทางด่านเยี่ยนเหมินแล้วก็เป็ได้
ข้อได้เปรียบของคนเป่ยตี้นอกจากร่างกายที่สูงใหญ่แล้ว ความสามารถในการขี่ม้ายิงธนูดีกว่าทางต้าเหลียงมาก พวกเขาสามารถต่อสู้จากทุ่งหญ้าไปจนถึงพื้นที่ที่ไกลกว่านี้ได้ ที่พึ่งก็คือม้า ขี่ม้าวิ่งไปมาอย่างรวดเร็ว เมื่อมีม้าอยู่พวกเขาก็สามารถยึดสถานที่หนึ่งได้อย่างไม่สนใจสิ่งใด เหอซีกับด่านเยี่ยนเหมินทางทิศใต้และทางทิศเหนือทั้งสองข้างเป็ูเาสูง ขี่ม้ามาไม่ได้ ดังนั้นหากพวกเขาอยากจะลอบเข้ามา จะต้องมาจากแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไป แม่น้ำสายนั้นกว้างใหญ่มาก หลังจากเข้าฤดูหนาวน้ำในแม่น้ำก็จะจับตัวเป็น้ำแข็ง พวกเขามักจะมาทางแม่น้ำ ถึงแม้ต้าเหลียงจะมีทหารเฝ้าอยู่ริมแม่น้ำ แต่ว่าก็ต้องมีเวลาที่ไม่ได้ตั้งตัวอยู่บ้าง
สวี่ตี้คาดว่าทหารที่พักอยู่ที่ริมแม่น้ำน่าจะเกิดเื่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางปล่อยทหารม้าพวกนี้เข้ามาได้
ในเมื่อกลุ่มนี้มีสิบกว่าคน คาดว่าคงมีกลุ่มละสิบคนหรือมากกว่านี้ สวี่ตี้ไม่กล้าเสี่ยง พละกำลังของพวกเป่ยตี้แข็งแกร่งเกินไป เมื่อครู่ตนเองเกือบจะเพลี่ยงพล้ำให้กับคนเป่ยตี้สิบคนนี้แล้ว สวี่ตี้ไม่กล้าที่จะรีบไปเสี่ยงอันตรายใดๆ
ทุกคนคลำความมืดเดินไปยังเส้นทางลัดในูเา โชคดีที่ไม่ได้มีเหตุไม่คาดฝันระหว่างทาง รอจนเห็นประตูทิศตะวันออกของเมืองเหอซีที่อยู่ไม่ไกล ก็พบว่าประตูทิศตะวันออกถูกคนเป่ยตี้ขี่ม้ามาล้อมเอาไว้ มองดูแล้วมีคนหลายร้อยคน สวี่ตี้รับรู้ได้ว่า ครั้งนี้พวกเขามีแบบแผน จนถึงขั้นว่านี่อาจเป็แผนการที่วางแผนกันมานานเลยทีเดียว
พวกสวี่ตี้ไม่กล้าทำตัววู่วาม ตามองคนพวกนี้ยิงธนูเข้าไปทางกำแพงเมืองทีละดอก ถึงขั้นมีรถกำลังชนกำแพงเมืองใหม่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จได้ไม่นาน
สวี่ตี้มองดูด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ในใจของเขากลับเข้าใจดีกับสถานการณ์เช่นนี้ ตอนนี้ตนเองไม่มีวิธีรับมือดีๆ ถึงแม้จะฝืนบุกเข้าไปก็มีแต่ตายกับตาย แต่ว่าสวี่ตี้ยังไม่อยากจะตายตอนนี้ เขายังมีอีกหลายเื่ที่จะต้องทำ
ตอนนี้สวี่ตี้กังวลใจเกี่ยวกับประตูทางทิศใต้กับทิศเหนือ ประตูทั้งสองด้านไม่เหมือนกันประตูทิศตะวันออก จากกำแพงเมืองถึงประตูล้วนทำการซ่อมใหม่หมด เพราะว่าเงินไม่พอ จึงทำได้แค่เพิ่มความสูงกับเพิ่มความมั่นคงพื้นฐานง่ายๆ โชคดีที่ทั้งสองประตูนี้ไม่เหมือนประตูทิศตะวันออกที่ด้านนอกประตูมีพื้นที่โล่งกว้าง เป็สถานที่ต่อสู้ได้ดี
สวี่ตี้พาคนเดินไปทางประตูทิศเหนือ จึงได้เจอกับพวกหม่าิที่มาเป็กำลังเสริม
หม่าิพาคนมาสามสิบคน หลังจากได้รับข่าวก็รีบเดินทางจากด่านเยี่ยนเหมินมาที่นี่ หนึ่งส่วนมาจากประตูเมืองทิศตะวันตกเข้ามาในเมือง ช่วยต่อต้านอยู่บนกำแพง หม่าิพามือดีสามสิบคนมาเตรียมตัวอ้อมโจมตีจากด้านหลัง
ทหารศัตรูตรงประตูทิศเหนือมีไม่มาก ตอนแรกคงจะอยากมาลอบโจมตี คงคิดไม่ถึงว่าตรงนี้จะมีคนเฝ้ายามตลอดกระมัง เมื่อคนเฝ้ายามเห็นพวกเขามาก็เคาะสัญญาณเตือนให้คนทั้งเมืองเตรียมตัวป้องกัน
ประตูทางทิศเหนือปิดสนิท คนเป่ยตี้ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่พาคนส่วนมากไปทางประตูทิศตะวันออก แล้วโจมตีประตูต่อ ทิ้งคนส่วนน้อยเอาไว้ ก่อนจะยิงธนูใส่กำแพงไปเรื่อยๆ
หม่าิคิดไม่ถึงว่าจะเจอกับสวี่ตี้ที่นี่ หลังจากจัดการกับคนเป่ยตี้ที่ด้านล่างประตูได้แล้วจึงยิ้มแล้วถามเสียงเบา “คุณชาย กลัวหรือไม่?”
สวี่ตี้ส่ายหน้า “พวกเราเจอกับพวกคนเป่ยตี้กลุ่มเล็กๆ ที่บ้านสวน พวกเขาถูกพวกเราฆ่าหมดแล้ว”
หม่าิฟังแล้วก็มองเด็กหนุ่มที่ตัวยังไม่สูงถึงไหล่ของตัวเอง ก่อนจะเอ่ย “นี่สิ ไม่เสียแรงที่เป็ครูฝึกของพวกเรา”
สวี่ตี้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนสิ ในเมื่อจะเป็ครูฝึกของพวกเ้า เช่นนั้นข้าก็จะต้องเอาตัวเองเป็ตัวอย่าง ตอนนี้ข้าก็แค่อายุยังน้อย รอข้าโตกว่านี้ และฝึกร่างกายสักหน่อย ก็สามารถเก่งกาจแบบพวกเ้าได้”
หม่าิเอ่ย “ครูฝึกสวี่ เช่นนั้นท่านว่า พวกเราจะปฏิบัติการอย่างไรดี?”
สวี่ตี้เอ่ย “อย่าเห็นว่าตอนนี้คนพวกนี้โจมตีรุนแรง คาดว่าคงจะมาลองเชิง แต่ข้าไม่อยากจะปล่อยให้พวกนั้นไปทั้งอย่างนี้ พวกเราจะต้องล่อให้พวกเขาอยู่ที่นี่ ข้ามีแผน แต่ว่าเพราะข้ายังเด็กเกินไปจึงไม่กล้าทำจริง ในเมื่อพวกพี่มากันแล้ว เช่นนั้นพวกเรามาวางแผนกันดีกว่า ความหมายของข้าก็คือ ล่อคนไปในป่า แล้วใช้ข้อได้เปรียบของพวกเราเปลี่ยนจากการถูกกระทำเป็กระทำพวกเขาแทน พี่หม่าคิดว่าอย่างไร?”
หม่าิตอบ “เป็วิธีที่ดี แล้วพวกนั้นจะทำตามแผนของพวกเราได้อย่างไร?”
สวี่ตี้เอ่ย “คาดว่าซื่อจื่ออีกเดี๋ยวจะพาทหารกลุ่มใหญ่มา คนเป่ยตี้พวกนี้ก็คงจะถอยเข้าไปในหุบเขาทางทิศตะวันออก พวกเราก็ทำกับดักที่นั่น อุดช่องหุบเขาไปเสีย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหากทางนั้นผ่านไม่ได้แล้วพวกเขาจะไม่คิดที่จะขึ้นเขา พวกเราไปจัดเตรียมสถานที่ที่นั่นก่อน ข้าจะทิ้งเอาไว้สองคน อีกเดี๋ยวซื่อจื่อพาทหารกลุ่มใหญ่มา ก็ให้คนของข้าพาเดินไปบนูเา ถึงแม้จะต้องโยนก้อนหินลงมาจากูเา ทุบก็ทุบให้พวกนั้นตายอยู่ที่นี่ พวกเรารีบจัดการเถิด ต้องทำให้พวกเขาอยู่ที่นี่ให้ได้”