“อดทนหน่อยนะเ้ากระต่ายน้อย มันแสบเดี๋ยวเดียวเท่านั้น แล้วเ้าจะหายดี” โม่โฉวขมวดคิ้ว แล้วมองสิ่งที่เสี่ยวเฟยทำ ก่อนเขาจะค่อย ๆ ขยับเท้าไปใกล้ ๆ แล้วเห็นเป็กระต่ายน้อยนอนแน่นิ่งอยู่
“เ้าเข้าไปที่เรือนใหญ่ เพื่อไปเอายามารักษากระต่ายตัวนี้รึ” เสี่ยวเฟยเงยหน้าแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา หากแต่นั่นทำให้เขาเผลอมองนางครู่หนึ่ง
“ใช่แล้ว กระต่ายตัวนี้ข้าเจอมันที่สวนดอกไม้ในวังหลวง เห็นมันนอนาเ็ ก็เลยให้มู่เลี่ยนเอากลับมารักษา แต่อาการของมันก็แย่ลงทุกวัน ข้าไม่มีทางเลือกก็เลยต้องฝ่าฝืนคำสั่ง แอบเข้าไปที่เรือนใหญ่” เสี่ยวเฟยอธิบายช้า ๆ เพราะรู้ตัวว่าทำผิด ก่อนจะหันไปพันแผลให้กระต่ายแล้วหันกลับมารับโทษแต่โดย
“เ้าทำอะไร” โม่โฉวถาม เมื่อเห็นเสี่ยวเฟยยื่นมือทั้งสองข้างให้อย่างจำยอม
“ข้าจะกลับไปรับโทษที่เรือนใหญ่ไงเ้าคะ” หญิงสาวยู่หน้า ก่อนชายหนุ่มจะเหลือบมองไปยังกระต่ายน้อย ที่นางทำผิดเพราะ้ารักษาชีวิตกระต่ายตัวนั้น ความโกรธของเขาก็ค่อย ๆ ลดลงทีละน้อย
“ครั้งนี้ข้าจะเว้นโทษให้เ้า แต่ต่อไป หากมีเื่สำคัญ ก็ให้เข้าไปขออนุญาตข้าดี ๆ มิใช่ลักลอบเข้าไปเยี่ยงโจรเช่นนี้” รอยยิ้มหวานของเสี่ยวเฟยเผยออกมา
“แล้วเื่ที่ข้าจูบท่านล่ะ เว้นโทษให้ข้าด้วยหรือไม่” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ทว่าทั้งเจ่าเจาและมู่เลี่ยนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง นั่นทำให้โม่โฉวถึงอึกอัก
“มานี่” เขารีบดึงมือหญิงสาวออกจากจวน ก่อนที่นางจะเผลอพูดอะไรไม่ควรออกมา ท่ามกลางสายตาของเจ่าเจาและมู่เลี่ยนที่หันมองกันด้วยความตกตะลึง
“เ้าเห็นเหมือนข้าหรือไม่” มู่เลี่ยนเผลอถามชายหนุ่ม ก่อนเขาจะพยักหน้ารับ เมื่อได้สติ ทั้งสองที่ไม่ค่อยถูกกัน จึงรีบหันหลังให้กันในทันที
สองเท้าของโม่โฉวเดินฉับ ๆ ลากเสี่ยวเฟยออกจากเรือนมาในที่ลับตาคน แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือหญิงสาวออก
“เ้าอยากให้ผู้อื่นรู้นักหรือไง เื่เ้ากับข้า...จูบกัน” เขาพูดไม่เต็มปากนัก ทว่าอีกฝ่ายหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาแล้วเฉไฉ
“หากข้าไม่ทำเช่นนั้น ท่านก็สั่งให้พวกทหารมาจับข้า ข้าทำเพราะต้องเอาตัวรอด อย่างว่าแหละข้าเป็ภรรยาที่ท่านไม่โปรดปราน ทำผิดหน่อยก็ต้องระแวง” เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม
“เหตุใดเ้าจึงทำตัวเป็เด็กไม่รู้จักโต กับแค่้ายามารักษากระต่าย ต้องทำเป็เื่ใหญ่” จื่อหลานในร่างของเสี่ยวเฟยเม้มปาก จริง ๆ นางเพิ่งจะอายุยี่สิบ จะเป็ผู้ใหญ่เหมือนร่างนี้ของเสี่ยวเฟยได้อย่างไร
“วัน ๆ ท่านเอาแต่จับผิด จ้องแต่จะลงโทษ ข้าก็ต้องระแวงเป็ธรรมดา เอาล่ะ ๆ ข้าผิดข้าขอโทษ” นับจากแต่งงานกันมา คำขอโทษจากเสี่ยวเฟยไม่เคยหลุดออกจากปากนางสักครั้ง ความผิดปกตินี้ ทำให้เขาจับจ้องมองนางไม่ละสายตา
“ข้าพูดสิ่งใดผิดอีกงั้นเหรอ” คนระแวง เริ่มหวาดหวั่น
“เมื่อครู่...เ้าพูดอะไรออกมา” เขาหรี่ตาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ข้าขอโทษเ้าค่ะ” นางตอบ เขาแน่นิ่งครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“รู้ตัวว่าผิด กล่าวคำขอโทษออกมา ข้าก็จะไม่ถือสา” ทว่าหญิงสาวยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมา
“เช่นนั้น ความผิดครั้งนี้ท่านอภัยให้ข้าหมดแล้วใช่หรือไม่” โม่โฉวทบทวนทุกอย่าง ก่อนพยักหน้า
“เช่นนั้น ข้าขอไปดูเ้ากระต่ายน้อยก่อนนะเ้าคะ” หญิงสาวพูดจบ ก็วิ่งจากไป ทิ้งปริศนามากมายให้โม่โฉวได้ขบคิด หลังจากนางฟื้นจากการดื่มพิษในครั้งนั้น กิริยา แววตา ท่าทาง ของเสี่ยวเฟยก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
“นางไม่เหมือนเสี่ยวเฟยเลยสักนิด” เขาพึมพำ
หลังจากนั้นอาการของกระต่ายน้อยก็ค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายดีเป็ปกติ เสี่ยวเฟยปล่อยให้มันวิ่งเล่นในจวนสองสามวัน เมื่อเห็นว่าหายดีแน่นอนแล้ว จึงคิดเอากระต่ายไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
“มู่เลี่ยน” เสี่ยวเฟยเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิท
“เ้าคะ”
“ถึงเวลาแล้วที่เ้ากระต่ายน้อยตัวนี้ต้องกลับสู่ธรรมชาติ ข้าว่าจะลองเอามันไปวิ่งเล่นที่สวนไผ่ หากมันแข็งแรงก็จะปล่อยมันไว้ที่นั่นเลย”
“ดู ๆ แล้ว เ้ากระต่ายน้อย มันติดนายหญิงมากเลยนะเ้าคะ”
“แต่ไม่ว่ายังไง อยู่กับธรรมชาติจะดีกว่า เ้ารอข้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าจะพามันไปเดินเล่นที่สวนไผ่”
“เ้าค่ะ” มู่เลี่ยนน้อมรับคำสั่ง ก่อนจะเบี่ยงตัวเข้าครัวไปทำอาหาร ปล่อยให้นายหญิงพากระต่ายน้อยออกไปเดินเล่นตามลำพัง
ขณะที่สองเท้าของฮูหยินเสี่ยวเฟยมุ่งตรงไปยังสวนไผ่ เหล่าทหารต่างหลีกทาง ทว่ามีเสียงซุบซิบตามหลังให้ได้ยินเป็ระยะ เสี่ยวเฟยหลับตาลงบอกกับตัวเอง
“เ้าทำความชั่วไว้มาก ก็ต้องรับผลเช่นนี้ เสี่ยวเฟยนะเสี่ยวเฟย ข้าต้องมารับกรรมแทนเ้า ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” หญิงสาวตัดสินใจอุ้มกระต่ายตัวน้อยเดินไปยังสวนไผ่ ที่มีสายลมอ่อนพัดโชยมาเป็ระยะ เมื่อเห็นเป็จังหวะที่เหมาะ นางจึงค่อย ๆ ปล่อยกระต่ายตัวน้อยลง
“เ้าแข็งแรงดีแล้ว กลับคืนสู่ธรรมชาติเถอะนะ” หญิงสาวพูดจากับกระต่ายน้อยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่ร่างของโม่โฉวยืนมองนางอยู่ห่าง ๆ
