“แน่อยู่แล้ว เ้าคิดว่าในแปดคนนี้จะมีใครเทียบเคียงเฉินอ้าวเทียนได้ เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ในสามอันดับแรกของรายนามขั้นรวมชี่ เป็บุคคลผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง แม้แต่ซ่างกวนหงที่อยู่ขั้นรวมชี่เหมือนกันก็ยังด้อยกว่าเฉินอ้าวเทียน” มีคนพยักหน้าเห็นด้วย พลอยทำให้คนอื่นพยักหน้าตามกัน เฉินอ้าวเทียนเป็ใคร อาจกล่าวได้ว่าก่อนเขาเข้าร่วมการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียน อันดับที่ 1 ก็ถูกจำกัดไว้เป็ของเขาแล้ว แม้ว่าอีกเจ็ดคนจะมีพร์ แต่เมื่อเทียบกับเฉินอ้าวเทียน พวกเขาก็ยังคงด้อยกว่า
ทุกคนต่างพากันคิดว่าเฉินอ้าวเทียนต้องได้อันดับที่ 1 ขณะนั้นหนานกงหลิงซวงที่ปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ตาเปล่งประกายด้วยรอยยิ้ม ราวกับแสดงความยินดีล่วงหน้าให้กับเฉินอ้าวเทียน
เฉินอ้าวเทียนเอามือไขว้หลัง เสื้อคลุมพลิ้วไหวไปตามสายลม ต่อหน้าผู้คนนับไม่ถ้วนที่แหงนหน้ามอง สีหน้าของเฉินอ้าวเทียนยังคงเฉยเมย ในดวงตาลึกล้ำทอประกายแสงภาคภูมิใจราวกับว่าทุกอย่างควรเป็เช่นนี้ และเขาเกิดมาเพื่อให้คนอื่นเชิดชู
ขณะนั้นแววตาของเฉินอ้าวเทียนเปล่งประกายแสงจ้า เขาได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชามาจากรูปปั้นกิเลนบนยอดเขาเทียนเสวียน มันทำให้ิญญาาแรกของเขาพัฒนาไปอย่างก้าวะโ พลังก็ยังแข็งแกร่งขึ้น เขาเชื่อว่าด้วยเคล็ดวิชานี้เขาจะอยู่เหนือผู้อื่นและกลายเป็อันดับที่ 1 ในการทดสอบครั้งนี้ ดังนั้นเฉินอ้าวเทียนจึงดื่มด่ำไปกับเกียรติยศที่ตัวเองจะได้รับอย่างเต็มที่
ซ่างกวนหง เฟิงเฉียน เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ โจวมู่ไป๋ หลิวอวิ๋นเจี๋ย และคนอื่น ๆ ต่างมองเฉินอ้าวเทียน แม้พวกเขาจะมีความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ต่อหน้าเฉินอ้าวเทียน ความภาคภูมิใจของพวกเขากลับไม่ควรค่าจะเอ่ยถึง หากเฉินอ้าวเทียนได้อันดับที่ 1 ในการทดสอบครั้งนี้ พวกเขาก็ต้องยอมรับให้ได้ ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็บ่งบอกอยู่แล้ว แม้แต่ฉินเยียนหรานก็จำต้องยอมรับ ความเป็เลิศของเฉินอ้าวเทียนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทัดเทียมได้
ในบรรดาเจ็ดคนยกเว้นเฉินอ้าวเทียน มีเพียงเย่เฟิงที่มีท่าทีนิ่งเฉย กระทั่งไม่ปรายตามองเฉินอ้าวเทียนแม้แต่นิดเดียวั้แ่ต้นจนจบ ราวกับว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เฉินอ้าวเทียนจะดีเลิศเพียงใด เย่เฟิงก็ไม่จำเป็ต้องสนใจเขา
“พวกเ้ามานี่” ขณะนั้นผู้าุโเรียกทั้งแปดคนมาที่ด้านหน้าตำหนัก จากนั้นพวกเขาทั้งแปดคนก็เดินไปหา เวลามอบรางวัลได้มาถึงแล้ว!
ผู้คนต่างมองแปดคนนั้นไม่วางตา ราวกับ้าเป็สักขีพยานในเกียรติยศของทั้งแปดคนไปด้วยกัน
เมื่อทั้งแปดคนมาถึงใจกลางตำหนัก เฉินอ้าวเทียนก็ไปยืนตรงกลางเองทันที ราวกับว่าเขาคือผู้นำของทั้งแปดคน
“พวกทั้งเ้าแปดคนผ่านการทดสอบหุบเขาเทียนเสวียนมาได้ ถือว่าเป็อัจฉริยะมากพร์ที่หาได้ยากในสำนักยุทธ์ ต่อไปนี้ข้าจะมอบให้กับพวกเ้า” ผู้าุโคนนั้นกล่าว จากนั้นผู้าุโโบกมือ ก่อนจะมีศิษย์เจ็ดคนเดินถือถาดออกมา
ผู้คนรู้ว่าของในถาดคือรางวัลของการทดสอบในครั้งนี้ก็อดตาเป็ประกายไม่ได้
“เจ็ดรางวัลนี้คงจะมอบให้กับเจ็ดคนยกเว้นเฉินอ้าวเทียนสินะ” หลายคนคิดในใจ อันดับที่ 1 ในการทดสอบครั้งนี้ เฉินอ้าวเทียนต้องได้รับรางวัลที่ล้ำค่ามากแน่นอน
ศิษย์ทั้งเจ็ดที่ถือถาดยังคงเดินไปข้างหน้า แต่มีคนไม่น้อยพบว่าหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเดินไปผิดทาง ซึ่งกำลังเดินไปยังตรงใจกลางที่เฉินอ้าวเทียนยืนอยู่
“คนผู้นี้เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมเดินไปหาเฉินอ้าวเทียน? เฉินอ้าวเทียนน่าจะได้รับรางวัลในฐานะอันดับที่ 1 ในการทดสอบไม่ใช่หรือ?” เมื่อศิษย์ผู้นั้นไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าเฉินอ้าวเทียน ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างก็ตกตะลึงและคิดว่าศิษย์ผู้นี้ไม่รู้กฎ ส่วนเฉินอ้าวเทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนไปดูไม่สู้ดีนัก
อีกหกคนที่เหลือได้รับรางวัลของตัวเองซึ่งเป็ ‘ยาปราณหิมะ์’ ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาหรือขั้นรวมชี่สามารถใช้ในการทะลวงขั้นพลังได้ ทั้งยังเสริมสร้างพลังกาย มันจึงเป็สิ่งที่มีค่ามาก ทำให้หลายคนที่ต่างปรารถนาอยากจะได้มันต้องมองด้วยความอิจฉาริษยา ในขณะเดียวกันพวกเขาดูให้ความสนใจต่อสถานการณ์ของเฉินอ้าวเทียนเป็พิเศษ พวกเขา้าทราบว่า ทำไมศิษย์ที่ไม่รู้กฎผู้นั้นถึงนำรางวัลธรรมดามาให้เฉินอ้าวเทียนผู้ที่ควรจะได้อันดับที่ 1 ในการทดสอบในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเฉินอ้าวเทียนยังไม่ได้หยิบของรางวัล แต่เขามองไปที่ผู้าุโคนนั้นด้วยท่าทีกังขา ทว่าผู้าุโคนนั้นไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ทำให้เฉินอ้าวเทียนรู้สึกไม่ชอบใจ
“ศิษย์พี่ นี่คือรางวัลที่ทางสำนักยุทธ์มอบให้ท่านที่ผ่านการทดสอบ เชิญรับไปเถิด” ศิษย์ผู้นั้นที่รับผิดชอบการมอบรางวัลเห็นเฉินอ้าวเทียนยังไม่ยอมรับรางวัลเสียที จึงกล่าวเช่นนั้น
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ประหลาดใจ ขณะมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับเฉินอ้าวเทียนทางด้านนั้นก็มีบางคนไม่อยากเชื่อว่านี่เป็ความจริง
“เกิดอะไรขึ้น ศิษย์ผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ? ทำไมนำรางวัลธรรมดา ๆ เช่นนั้นมอบให้เฉินอ้าวเทียน เขาต้องเข้าใจอะไรผิดเป็แน่” มีหลายคนคิดในใจ พวกเขายังคงคิดว่าเฉินอ้าวเทียนควรจะได้อันดับที่ 1 ในการทดสอบครั้งนี้
“เ้าเด็กคนนี้ไม่รู้กฎหรือ? ศิษย์พี่เฉินควรจะได้รับรางวัลอันดับที่ 1 ถึงจะถูกสิ” เฟิงเฉียนที่อยู่ข้าง ๆ เฉินอ้าวเทียนตำหนิศิษย์ผู้นั้นราวกับจงใจทำให้เฉินอ้าวเทียนพอใจ
“ข้าได้รับมอบหมายจากท่านผู้าุโให้มามอบรางวัล แล้วจะผิดพลาดได้อย่างไรกัน รางวัลนี้เป็ของศิษย์พี่เฉินจริง ๆ หากศิษย์พี่เฉินไม่ยอมรับ ข้าก็คงต้องให้ท่านผู้าุโเป็ผู้ตัดสิน” ศิษย์ผู้นั้นไม่พอใจกับคำพูดของเฟิงเฉียนอย่างมาก เขาปกป้องหุบเขาเทียนเสวียน มีฐานะสูงส่ง ไม่ใช่ใครที่ไหนจะมาด่าทอได้
“เ้า...” เฟิงเฉียนอยากพูด แต่กลับเห็นเฉินอ้าวเทียนโบกมือห้ามปราม จากนั้นพูดกับศิษย์ผู้นั้นว่า “ได้ ดีมาก รางวัลนี้ข้ารับแล้ว ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าหุบเขาเทียนเสวียนหนึ่งในสามแดนทดสอบของสำนักยุทธ์จะจัดอันดับอย่างไร”
เมื่อกล่าวจบ เฉินอ้าวเทียนก็ยื่นมือออกไปรับรางวัลชิ้นนั้น คำพูดของเขาแข็งกระด้าง สายตาเ็าแฝงไว้ด้วยความเคลือบแคลงต่อหุบเขาเทียนเสวียน
ฝูงชนเบื้องล่างตำหนักส่งเสียงดังเป็พลุแตก เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างมาก นึกไม่ถึงว่าเฉินอ้าวเทียนจะได้รับรางวัลเช่นเดียวกับอีกหกคน เช่นนั้นอันดับที่ 1 ในการทดสอบครั้งนี้จะเป็ของใครกันแน่?
หลายคนเกิดความสงสัยขึ้นขณะกวาดตามองทั้งแปดคน จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่เงาร่างตรงริมสุด มีคนผู้นี้ที่ยังไม่ได้รับรางวัล นั่นหมายความว่าเขาก็คืออันดับที่ 1 ที่แท้จริงในการทดสอบครั้งนี้อย่างนั้นหรือ?
“เขาที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 คืออันดับที่ 1 ในการทดสอบครั้งนี้จริง ๆ หรือ?” ผู้คนต่างมองเงาร่างนั้นด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
หนานกงหลิงซวงก็มองเย่เฟิงเช่นกัน นางดูเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นางเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน ทำให้หัวใจด้านชาจนไม่รู้สึกอะไร คนผู้นั้นคือชายหนุ่มที่ชอบถูกคนอื่นด่าทอว่าเป็เศษสวะ ทั้งยังถูกหนานกงหลิงซวงทอดทิ้ง บัดนี้จะกำราบเฉินอ้าวเทียนผู้ชายของนางแล้วขึ้นไปยืนอยู่จุดสูงสุดอย่างนั้นหรือ?
หนานกงหลิงซวงสะบัดหัวอย่างแรง อย่างไรเสียผู้าุโคนนั้นก็ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็ทางการ นางจึงยังไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทั้งหมดเป็ความจริง
ฉินเยียนหรานที่อยู่ข้าง ๆ เย่เฟิงก็เห็นเฉินอ้าวเทียนได้รับรางวัลเช่นเดียวกับพวกเขาทั้งหกคน แต่นางไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไรกันแน่
เป็ไปตามที่คาด หลังจากเฉินอ้าวเทียนรับรางวัลนั้นไป ผู้าุโคนนั้นก็กล่าวว่า “อันดับที่ 1 ในการทดสอบครั้งนี้ตกเป็ของเย่เฟิง! เขาจะได้รับเกียรติยศสูงสุด และจะได้รางวัลที่ล้ำค่าที่สุดจากสำนักยุทธ์”
ทันทีที่สิ้นเสียงประโยคนั้น เหล่าผู้คนก็พากันเบิกตาโพลงด้วยความใ หัวใจก็สั่นอย่างรุนแรง เฉินอ้าวเทียน หนานกงหลิงซวง เฟิงเฉียน โจวมู่ไป๋ และเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ สีหน้าของพวกเขาต่างเปลี่ยนไปจนดูย่ำแย่ จินตนาการของพวกเขาก่อนหน้านี้ได้พังทลายลงหลังจากที่ผู้าุโประกาศชื่อเย่เฟิง
“เป็ไปได้อย่างไร ไอ้สวะนี่จะได้อันดับที่ 1 ของการทดสอบได้เยี่ยงไร?” เฟิงเฉียนขมวดคิ้ว เขาไม่อยากเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็เื่จริง
“จะต้องมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่นอน มีข้าและคนอื่น ๆ อยู่ตรงนี้ทั้งคน อันดับที่ 1 จะตกเป็ของไอสวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 นี่ได้อย่างไร?” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เขายอมรับหากเฉินอ้าวเทียนได้เป็อันดับที่ 1 เสียดีกว่าให้ตกอยู่ในมือของเย่เฟิง
“เป็แบบนี้ไปได้ยังไง? เขาทำได้อย่างไรกัน?” หนานกงหลิงซวงนิ่งอึ้งไป “ตอนนั้นข้าเลือกถูกแล้วจริง ๆ หรือ?”
เย่เฟิงฉายแววเจิดจรัสในการทดสอบตอนรับศิษย์ใหม่ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เขาเหยียบย่ำนาง พอเข้าหุบเขาเทียนเสวียน เย่เฟิงก็ยังได้ผลเทียนเสวียนคนเดียวไปถึงแปดผล ทั้งยังชิงอันดับที่ 1 ในการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียน นี่เป็ครั้งแรกของหนานกงหลิงซวงที่กังขาต่อการตัดสินใจในตอนนั้นที่ทิ้งเย่เฟิงไป
ขณะนี้ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขา เย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 คิดไม่ถึงว่าจะคว้าอันดับที่ 1 ในการทดสอบที่มีแต่ยอดฝีมือมาได้ หนำซ้ำเขายังได้ผลเทียนเสวียนไปทั้งหมดแปดผลจากเก้าผล ชายหนุ่มผู้เคยโดนดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับกลายเป็ผู้ชนะของการทดสอบครั้งนี้ ทุกคนล้วนต้องเคารพยำเกรงเขา ทำให้สายตาของทุกคนที่มองเย่เฟิงในเวลานี้เปลี่ยนไป เมื่อฉุกคิดถึงความกังขาเ่าั้ที่มีต่อเย่เฟิงก่อนหน้านี้ ทุกคนก็รู้สึกละอายใจอย่างมาก
อัจฉริยะที่อยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 กำราบเฉินอ้าวเทียน ซ่างกวนหง และผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่คนอื่น ๆ ได้ ทั้งยังคว้าอันดับที่ 1 ในการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียนไป พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะกังขาในตัวอีกฝ่าย?
ไป๋หลิงและซุนจิ้งที่อยู่ในฝูงชนเบื้องล่าง พวกนางมองชายหนุ่มด้วยตาเป็ประกายและรู้สึกว่าตัวชาไปหมด โดยเฉพาะซุนจิ้ง นางรู้อารมณ์ของตัวเองในเวลานี้ดี นางกระทั่งคิดว่าถ้าก่อนหน้านี้นางไม่มีอคติต่อเย่เฟิง แต่ปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะดีขึ้นหรือไม่?
ในขณะเดียวกันมีศิษย์ผู้หนึ่งเดินออกมาหยุดที่ด้านหน้าเย่เฟิง ก่อนยิ้มพลางพยักหน้าให้เย่เฟิง จากนั้นนำถาดที่อยู่ในมือส่งมอบให้เย่เฟิงและหมุนตัวเดินจากไป
เย่เฟิงนำเอาสิ่งที่อยู่ในถาดออกมา ซึ่งมันก็คือยาเม็ดสีแดง ทั้งยังมีกลิ่นหอมของยาลอยออกมา จากนั้นเย่เฟิงเก็บยาเม็ดนั้นไปทันที ก่อนจะหันไปโค้งคำนับให้ผู้าุโคนนั้นเป็การขอบคุณ
ผู้าุโผู้นั้นโบกมือ ก่อนกล่าวว่า “นั่นคือยาปราณคืนชีพ เป็รางวัลที่เ้าได้รับจากการได้อันดับที่ 1 ของการทดสอบ นอกจากยาเม็ดนี้แล้ว เ้ายังสามารถบอกความปรารถนาหนึ่งอย่างกับสำนักยุทธ์ได้ หากไม่มากเกินไป ทางสำนักยุทธ์ย่อมสนองให้เ้าได้อย่างแน่นอน”
“ยาปราณคืนชีพ!” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตกตะลึง รางวัลสำหรับอันดับที่ 1 ช่างแตกต่างกันมากตามที่คาดการณ์ไว้
ยาปราณคืนชีพ ถือว่าเป็ยาเม็ดขั้นเหลืองระดับสูง มันสามารถทำให้คนตายฟื้นกลับมาได้ หากต่ำกว่าขั้นยุทธ์แท้ไม่ว่าจะได้รับาเ็สาหัสเพียงใด ตราบใดที่ยังมีลมหายใจก็สามารถฟื้นคืนชีวิตได้โดยใช้ยาปราณคืนชีพ ซึ่งเท่ากับได้เพิ่มอีกหนึ่งชีวิต เนื่องจากยาเม็ดนี้มีฤทธิ์ทวนลิขิต ดังนั้นมันจึงมีค่าอย่างมาก มีนักปรุงยาในเมืองหลวงไม่เกินสามคนที่สามารถปรุงยาปราณคืนชีพนี้ได้ อีกอย่างบางคนก็ได้เกษียณไปหลายปีแล้ว จึงไม่ง่ายที่จะลงมือปรุงยาเอง ดังนั้นยาปราณคืนชีพจึงหาตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไปไม่ได้ แต่มีผู้คนจำนวนมาก้ามันมาเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน ทว่าน้อยคนนักที่จะได้มันมาจริง ๆ
แม้แต่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ไม่อาจนำออกมาหลายเม็ดได้ แต่เย่เฟิงคว้าที่หนึ่งในการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียน และทางสำนักยุทธ์มอบยาเม็ดอันล้ำค่าเช่นนี้เป็รางวัล เห็นชัดว่าสำนักยุทธ์ให้ความสำคัญกับผู้ชนะอันดับที่ 1 ในการทดสอบครั้งนี้มากเพียงใด
ยาปราณหิมะ์ก็ด้อยกว่ายาปราณคืนชีพหนึ่งระดับ ถึงอย่างไรการบ่มเพาะก็สามารถค่อย ๆ ฝึกฝนได้ แต่ชีวิตนั้นมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น
ดวงตาของเฉินอ้าวเทียนฉายประกายเย็นเยียบ ยาปราณคืนชีพและเกียรติยศอันดับที่ 1 นั้นควรเป็ของเขาถึงจะถูก แต่พอเห็นเย่เฟิงได้มันไปแทน ทำให้ความเกลียดชังที่อยู่ในใจของเฉินอ้าวเทียนที่มีต่อเย่เฟิงก็ทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้