มู่อวิ๋นจิ่นมองหนุ่มน้อยที่ร้องไห้อย่างสงสาร โดยที่คุณป้าคนนั้นเป็คนช่วยบอกทางมู่อวิ๋นจิ่น
คุณป้าคนนั้นมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยสายตาแปลกประหลาด จากนั้นร้องไห้ไปทางหนุ่มน้อยที่เกาะกิ่งไม้ติดน้ำท่วม
มู่อวิ๋นจิ่นกอดอกเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำนิ่งเฉย “คุณป้า เมื่อครู่ข้าถามทางไปเรือนใต้เท้าหยาง คุณป้าบอกทางข้าผิดใช่ไหม?”
คุณป้าหยุดส่งเสียงร้อง ถลึงตาใส่มู่อวิ๋นจิ่น “ข้าไม่มีเวลาสนใจเ้า ถ้าเ้าจะคิดบัญชีก็รอให้ข้าช่วยลูกชายลงมาให้ได้ก่อน”
มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะเยาะ ยกมือชี้ไปที่หนุ่มน้อย ร้องเสียงตกอกใ “อั๊ยย่ะ ดูเร้วเข้า น้ำท่วมขึ้นสูงแล้ว!”
“เ้า……” คุณป้าร้องด้วยความร้อนรนใจ จึงตวาดใส่มู่อวิ๋นจิ่นด้วยความโกรธา “ข้าดูเ้าไม่น่าใช่คนดี!”
“ลูกเอ๊ย” ร้องะโสุดเสียง ไม่รู้จะช่วยลูกชายได้เช่นไร
มู่อวิ๋นจิ่นส่ายหน้าไปอีกทาง ถอนหายใจออกมา “เดิมทีข้าคิดจะยื่นมือเข้าช่วย ในเมื่อคุณป้าพูดเช่นนี้ ก็ช่วยเองแล้วกัน”
สิ้นเสียงมู่อวิ๋นจิ่นเดินจากไปทันที
ทันใดนั้นคนที่นางตามหามาครึ่งค่อนวัน กลับปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของนาง
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง เป็เวลานานแล้วที่ฉู่ลี่ไม่เคยใช้แววตาเ็าจ้องมองมา จนนางรู้สึกแปลกใจถามขึ้นว่า “เป็อะไรไป?”
ฉู่ลี่มองหนุ่มน้อยที่ติดอยู่บนต้นไม้ จากนั้นสั่งติงเซี่ยน “ไปช่วยเขา”
ติงเซี่ยนใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นไปบนต้นไม้ อุ้มเด็กน้อยคนนั้นลงมา
คุณป้าคนนั้นรีบเข้าไปดึงลูกชายเข้ามากอด หันมาขอบคุณฉู่ลี่ไม่หยุด “ขอบคุณองค์ชายหนิงหวางเป็อย่างสูง องค์ชายอยู่ที่นี่ พวกเาาวเมืองชิงโจวจะต้องเอาชนะน้ำท่วมในครั้งนี้ได้เ้าค่ะ”
ฉู่ลี่พยักหน้ารับ “่นี้ภัยน้ำรุนแรง ต้องดูแลลูกชายให้ดี!”
“เ้าค่ะๆๆๆ” คุณป้าก้มหน้างกๆ ก่อนหันไปมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยสายตาดูแคลน หันไปฟ้องฉู่ลี่ “องค์ชายหนิงหวาง นางคนนี้ไม่รู้โผล่มาจากไหน ทำตัวลับๆ ล่อๆ แต่เช้า เมื่อครู่ยังพูดจาดูถูก ขอให้องค์ชายหนิงหวางจับนางไปสอบถามความจริงด้วยเ้าค่ะ”
“นางคือพระชายาของข้าเอง” ฉู่ลี่ตอบเสียงน้ำเสียงเรียบเฉยที่สุด
คุณป้าคนนั้นได้ฟังก็สะดุ้งโหยงขึ้นทันที มองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นคิดในใจว่าคราวนี้นางซวยแล้ว
“เ้าไปก่อนเถอะ” ฉู่ลี่ไม่รอให้คุณป้าเอ่ยคำใด รีบตัดบทขึ้นก่อน
คุณป้าแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ฉู่ลี่บอก จึงมองฉู่ลี่ ตามด้วยมู่อวิ๋นจิ่น และรีบพาลูกชายวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
มู่อวิ๋นจิ่นมองฉู่ลี่ที่ทำท่าเ็าใส่นางตั้งนานแล้ว พลางถามขึ้นว่า “เ้าเป็อะไรไป?”
“ถ้าเ้ายังคิดว่าที่ประสบภัยพิบัติเป็ที่เที่ยวเล่น เ้าก็เดินทางกลับไปเถอะ” ฉู่ลี่กล่าวจบหันหลังเดินไปทันที
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วครุ่นคิดสิ่งที่กระทำ ได้ข้อสรุปว่านางทำเล่นเกินไปทำให้ฉู่ลี่ไม่พอใจ รีบวิ่งไล่ตามเขาไป
“อะไรกัน อันที่จริงข้าจะช่วยหนุ่มน้อยแล้ว แต่คุณป้าพูดจาไม่มีหูรูดบอกข้าเป็คนไม่ดี ข้าจึงอยากแกล้งดัดนิสัยเสียหน่อย” มู่อวิ๋นจิ่นพูดจบลง กลับคิดได้ว่าการอธิบายของนางเกินความจำเป็
นางกับฉู่ลี่อยู่กันมานานสักระยะแล้ว นิสัยใจคอนางเป็เช่นไร ฉู่ลี่ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ทำไมต้องเอาเื่นี้มาเป็ปัญหาใหญ่โตด้วย
คิดได้เช่นนี้ จิตใจมู่อวิ๋นจิ่นก็รู้สึกไม่ดี พอเดินมาถึงสามแยก นางเลือกเดินไปอีกทางกับฉู่ลี่ ด้วยน้อยใจและโมโห ที่ฉู่ลี่คิดว่านางมาป่วนให้ที่เมืองชิงโจวยุ่งเหยิง
ในเมื่อเขาเอ่ยมาเช่นนี้ นางขอเลือกกลับไปดีกว่า จะอยู่ต่อไปทำไมให้เสียเวลา!!1
ด้วยความโมโหขึ้นหน้า มู่อวิ๋นจิ่นรีบหันหลังกลับไปหมายไปเก็บข้าวของที่เรือนกลับไปเสียดีกว่า
พอเดินกลับไปที่สามแยก นางเห็นฉู่ลี่ยืนมือพ่ายหลังอยู่ที่เดิมคนเดียว ด้วยความนิ่งสงบ สายตาจับจ้องที่นาง ไม่แสดงความรู้สึกใดผ่านทางสีหน้าและแววตา
มู่อวิ๋นจิ่นเดินกัดฟันต่อไป พอถึงตัวฉู่ลี่ก็เอ่ยขึ้น “ตอนนี้ข้าจะเก็บข้าวของกลับเมืองเตี๋ยฮวา จะได้ไม่รกหูรกตาเ้า!”
“ดีเลย” ฉู่ลี่กลับเห็นด้วย น้ำเสียงและสีหน้าไม่เ็าเหมือนเมื่อครู่แล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นฉู่ลี่ไม่เห็นด้วยโดยไม่รั้งนางไว้ มู่อวิ๋นจิ่นก็แสยะยิ้ม “ฉู่ลี่ ในที่สุดข้าก็จักธาตุแท้ของเ้าแล้ว!”
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินจ้ำเท้าผ่านฉู่ลี่ไปได้เพียงสองก้าว ขานางกลับเหยียบโคลนลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว จนไถลลงไปทั้งตัว
นางเกลือกกลิ้งอยู่ในนั้น ด้วยความโมโหโกรธาจนเกือบขาดสติ
นางหันกลับไปมองเห็นฉู่ลี่หันหลังกลับมา ใช้รอยยิ้มเยาะเย้ยที่ไม่เคยเห็นมาก่อนส่งมาให้ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่สาแก่ใจเป็ที่สุด
มู่อวิ๋นจิ่นสาบานกับตัวเอง ว่านี่เป็ครั้งแรกที่นางเห็นฉู่ลี่ยืนหัวเราะจนตัวงอท้องแข็งไปหมดแล้ว
……
“เ้าหัวเราะเยาะจนพอใจหรือยัง?”
ตลอดทางกลับเรือน ฉู่ลี่แบกมู่อวิ๋นจิ่นขึ้นหลัง นางััได้ถึงร่างกายที่สั่นสะเทิ้มของเขา และดินโคลนที่เลอะเปรอะเปื้อนเนื้อตัวเต็มไปหมด
ฉู่ลี่แบกมู่อวิ๋นจิ่นที่เต็มไปด้วยโคลน และถอนหายใจ “ไม่รู้มาก่อนเลยว่า เปิ่นหวางไม่คิดรังเกียจเ้า”
มู่อวิ๋นจิ่นกัดฟันจนสามารถแตกเป็แถวได้แล้ว “เ้าลองพูดอีกครั้งดูสิ เชื่อหรือไม่ว่าเดี๋ยวตะวันตกดินแล้วค่อยมาดวลกันตัวต่อตัว”
“ทำไมต้องรอให้ตะวันตกดินด้วย?” ฉู่ลี่ถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอก” มู่อวิ๋นจิ่นมองค้อน รอตะวันตกดินท้องฟ้ามืดมิด ฉู่ลี่จะมองไม่เห็นรอบข้างย่อมง่ายต่อการโจมตี ถ้าสู้ตอนฟ้าสว่างย่อมสู้ไม่ไหว
เมื่อกลับมาถึงเรือน เสี่ยวจวี๋รีบออกมาต้อนรับทั้งสองท่าน นางเอยด้วยความใ “องค์ชาย พระชายา เกิดอะไรขึ้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไปเตรียมน้ำอุ่น” ฉู่ลี่สั่งการ
เสี่ยวจวี๋ผงกหน้ารับ รีบสาวเท้าไปทำตามทันที
มู่อวิ๋นจิ่นลงจากหลังฉู่ลี่ เขาเห็นโคลนติดอยู่เต็มเสื้อด้านหลัง จึงก้มหน้าอมยิ้ม ส่งสายตาไปที่ห้องใหญ่
“หยางว่านซานบอกว่าจะส่งคนมาซ่อมห้องวันนี้มิใช่หรือ? ทำไมยังเป็แบบเดิมอยู่?” มู่อวิ๋นจิ่นนึกถึงเตียงที่เล็กก็เกิดปวดเอวขึ้นมาทันที
“ทิศตะวันตกมีน้ำท่วมไหลหลาก มีคนช่วยไม่พอ” ฉู่ลี่เล่าให้ฟัง
มู่อวิ๋นจิ่นสะบัดหน้าเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ ถอดชุดที่เปื้อนโคลนทั้งหมดออก หย่อนตัวแช่ลงในอ่างน้ำอุ่น
หลังจากชำระร่างกายเป็ที่เรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นเดินกลับห้องเล็ก ได้ยินฉู่ลี่กำลังแช่น้ำอยู่ นางจึงเอนตัวลงบนเตียงอย่างสบายใจ
นอกหน้าต่างเสียงฝนตกดังอย่างต่อเนื่อง มู่อวิ๋นจิ่นจึงยกมือพาดคอครุ่นคิด หากฝนยังคงตกอยู่เช่นนี้ อุทกภัยย่อมไม่มีทางแก้ไขได้
คิดไปคิดมา นางก็คิดไปถึงเื่ฉู่เย่ที่เป็รัชทายาท ย้ายเข้าไปอยู่ในตำหนักตงกง ทว่าฉู่ลี่กลับต้องมาทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ในเวลานี้เอง ประตูถูกผลักเปิดออก
มู่อวิ๋นจิ่นเด้งตัวขึ้นนั่ง หันขวับไปมอง “ฉู่ลี่ เ้าคิดว่ามีคนกำลังควบคุมการตกของฝนไหม? มิเช่นนั้นทำไมจู่ๆ ฝนถึงตกไม่ลืมหูลืมตา ในสถานที่ห่างไกลจากเมืองได้ถึงเพียงนี้?”
“เ้าคงฟังนิทานมาเกินไป?” ฉู่ลี่หันไปส่ายหน้า “เมื่อก่อนรู้สึกว่าเ้าเฉลียวฉลาด มาตอนนี้นับวันยิ่งโง่เขลาขึ้น”
มู่อวิ๋นจิ่นถลึงตาใส่ฉู่ลี่ที่ยืนอยู่ขอบเตียง นางจึงรีบนอนแผ่ให้เต็มเตียง มิให้ฉู่ลี่ได้ลงมานอน
ฉู่ลี่หรี่ตา ยกมือขึ้นลูบคางไปมา “เ้ากำลังจะสื่อบางอย่างให้ข้า……”
“นอนทับลงบนเรือนร่างเ้าใช่ไหม?”
มู่อวิ๋นจิ่นแน่นิ่งไปชั่วขณะ นึกถึงเื่ที่คุณป้านั่นทำให้นางไม่พอใจ ความโมโหนั้นยังหลงเหลืออยู่ในความรู้สึก
นางจึงสวนกลับไปว่า “เ้าก็ลองดูสิ!!!”
สิ้นเสียง มู่อวิ๋นจิ่นคิดว่าสยบฉู่ลี่ลงได้แล้ว นางจึงล้มตัวลง หยิบผ้าขึ้นห่มและหลับตาลง
ทางด้านฉู่ลี่ยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย ก้มหน้ามองมู่อวิ๋นจิ่น ค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนเรือนร่างของนาง ทำเอาคนที่แกล้งหลับพรวดลืมตาขึ้นมา
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว “เ้าเอาจริงหรือเนี่ย?”
“เ้าอยากไหมละ?” ฉู่ลี่ยื่นหน้ากเข้ามาที่ซอกคอมู่อวิ๋นจิ่น ยกมือขึ้นนวดขมับให้นางอย่างเบามือ
มู่อวิ๋นจิ่นผลักฉู่ลี่ออก ด้วยรู้ว่าสู้ไม่ไหวแน่เลยถอนหายใจ “ปล่อยข้า ข้าจะเขยิบที่ให้เ้านอนแล้วกัน”
ฉู่ลี่ไม่ขยับตัว ยังคงจับจ้องไปที่ริมฝีปากอมชมพูของนาง พร้อมนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในเรือนลี่เฉวียน รอยจูบของนางนั้นช่างหอมหวาน ทำให้ท้องน้อยของเขาร้อนวูบวาบขึ้นมาทันใด ก้มหน้าลงบรรจงดูดริมฝีปากของมู่อวิ๋นจิ่นอย่างทะนุถนอม
ร่างของมู่อวิ๋นจิ่นอ่อนระทวยลงฉับพลัน แม้จิตใต้สำนึกบอกนางให้ผลักออก ทว่าการจูบที่อ่อนโยนเป็พิเศษ มู่อวิ๋นจิ่นจึงใจอ่อนลง มือที่ผลักไสไล่ส่งกลับอ่อนแรงลงชั่วพริบตา
นางคิดว่า นางชักชอบฉู่ลี่ขึ้นมาบ้างแล้ว…
หัวใจของนางสูบฉีดเต้นแรงยากอธิบายความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมา กระทั่งโอนอ่อนปล่อยใจไปตามการบรรจงจูบของฉู่ลี่
พอััได้ถึงการตอบสนองกลับของมู่อวิ๋นจิ่น ฉู่ลี่ยิ้มมุมปาก เริ่มบรรเลงการดูดดื่มที่รุนแรงขึ้น
เมื่อฉากจุมพิตดำเนินใกล้จบลง ฉู่ลี่เอื้อมมือหมายปลดเสื้อของมู่อวิ๋นจิ่นออก จู่ๆ มือกลับชะงัก แสยะยิ้ม “ดูเหมือนเ้าจะเมาแล้ว?”
มู่อวิ๋นจิ่นใตื่นขึ้นจากภวังค์
นางรวบรวมพลังที่มีทั้งหมดผลักฉู่ลี่ออก มือข้างหนึ่งจับแก้มที่แดงก่ำ มืออีกข้างทาบอก ในใจรู้สึกอับอายขายขี้หน้าที่นางเผลอไผลไป ถูกความหล่อเหลายั่วเย้า จนขาดสติสัมปชัญญะ
ฉู่ลี่กระหยิ่มยิ้มย่อง ยื่นมือขึ้นลูบผม เลื่อนลงมาที่ไหล่ พินิจใบหน้าที่ขาวเนียนของนางอย่างตั้งใจ
“มู่อวิ๋นจิ่น เ้าคิดว่าเปิ่นหวางเป็ยังไง?”
คำพูดที่ยากคาดเดาความหมายของเขา ทำให้มู่อวิ๋นจิ่นรีบหลบตาอย่างรวดเร็ว “ก็ไม่เลว!”
“ถ้าไม่เลว เช่นนั้นก็อยู่ด้วยกันไปเลย”