ปกรณัมรักข้ามภพ 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        การกระทำของฉู่เหลียนทำให้เฮ่อฉางตี้นิ่งงัน เขาจ้องนางด้วยสีหน้าฉงนระคนหม่นหมอง

        เขามั่นใจยิ่งว่าภรรยาตัวน้อยผู้งดงามเบื้องหน้านี้ย่อมต้องเป็๞ฉู่เหลียนคนเดิมดังเช่นในชีวิตที่แล้ว เพราะทั้งคู่ดูเหมือนกันไม่มีผิด ทว่าเหตุใดนิสัยจึงต่างกันถึงเพียงนี้?!

        สตรีร้ายกาจ ‘ฉู่เหลียน’ ในชีวิตก่อนของเขาไม่เคยเข้าใกล้เขาถึงเพียงนี้ หากให้นางเลือกระหว่างเขาและเซียวป๋อเจี้ยน นางย่อมเลือกเซียวป๋อเจี้ยนโดยมิต้องครุ่นคิดให้มากความ

        ทว่าหากนางมิใช่ ‘ฉู่เหลียน’ จากชีวิตก่อน เหตุใดนางจึงยังลอบพบกับเซียวป๋อเจี้ยนอีกเล่า?

        ยิ่งครุ่นคิดดวงตาของเฮ่อซานหลางยิ่งดำมืด ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ส่ายหน้าและหัวเราะตัวเอง แน่นอนว่านางย่อมเป็๲สตรีแพศยาคนเดิม ทว่านางรู้จักปิดบังตัวตนที่แท้จริงได้ดีขึ้นในครานี้

        ฉู่เหลียนเห็นสีหน้าเฮ่อฉางตี้เปลี่ยนไป จึงหยุดแกล้งเขาและนั่งลงอย่างเรียบร้อยข้างกายชายหนุ่ม

        เฮ่อฉางตี้ทำทีปัดฝุ่นที่มองไม่เห็นบนเสื้อตนออก จากนั้นจึงตั้งใจเย้ยหยันนาง “เพียงสามวันนับจากแต่งงาน ใครจะรู้ว่าภรรยารักกลับมีผู้อื่นอยู่ในใจตลอดมา”

        ฉู่เหลียนย่นหน้าเมื่อหันมองเฮ่อซานหลาง “สามีที่รัก ท่านพูดเ๹ื่๪๫อะไรหรือ? ข้ายังไม่เข้าใจ”

        “ฮึ่ม ข้ามิได้รู้สึกเลยว่าเ๽้าแสดงดีขึ้นนัก ฉู่เหลียน ดูเอาเถอะว่าครานี้เ๽้าจะแสดงต่อไปได้อีกนานแค่ไหน!”

        เมื่อกล่าวจบ เฮ่อซานหลางก็นั่งหลับตาอยู่ที่มุมรถม้า เมินเฉยต่อฉู่เหลียน

        เขาปฏิบัติราวกับภรรยาตัวน้อยข้างกาย เป็๲อากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น

        ฉู่เหลียนมิใคร่อยากยุ่งกับเขา เฮ่อซานหลางนั้นมองนางในแง่ร้ายอย่างชัดเจน การพยายามทำดีด้วยล้วนแต่ส่งผลตรงข้าม เหตุใดจึงไม่เพียงเมินแล้วพักเสียหน่อยเล่า ตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะสิ้นแรงแล้วจากการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรดาสตรีทั้งหลายในจวนอิ้ง

        ฉู่เหลียนนิ่งเงียบ สวนทางกับความเกรี้ยวกราดในใจของเฮ่อฉางตี้ที่มีแต่มากขึ้นทุกขณะ

        เขาคำรามในใจ เหอะ! ดังคาด แม้นางจะเสแสร้งว่ามิได้ใส่ใจ ทว่าในใจนางยังคงคิดถึงเซียวอู่จิ้ง!

        ดูเอาเถอะว่าเ๽้าจะเสแสร้งได้อีกนานเพียงใด!

        ไม่ช้าไม่เร็ว วันนั้นก็จะมาถึง วันที่เซียวอู่จิ้งตกอยู่ในกำมือเขา ในเวลานั้นเขาจะได้เห็นว่าฉู่เหลียนจะยังใจเย็นได้หรือไม่!

        ฉู่เหลียนมิได้คิดสิ่งใดมากมายดังเช่นที่เขาคาด นางเพียงเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับการมาเยี่ยมบ้านในวันนี้ ถนนหนทางที่รถม้าวิ่งนั้นเรียบมาก การสั่นไหวเพียงเบา ๆ ช่วยขับกล่อมนางให้เข้าสู่ห้วงนิทราในเวลาไม่นานนัก

        เฮ่อซานหลางยังคงหลับตาพลางคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในหัว ทันใดนั้นสิ่งหนัก ๆ ก็ร่วงทับบ่า เขาจึงรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดต้นคอ ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อในทันใด เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นฉู่เหลียนที่หลับไหลอยู่ที่บ่า

        สตรีข้างกายเขามีสีหน้าสงบยิ่งยามนอนหลับ ริมฝีปากนางเผยอเล็กน้อยราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา

        หากเขามิได้เห็นว่านางเลวร้ายเพียงใดในชาติก่อน เขาคงยังคิดว่านางเป็๞ภรรยาที่ดีของตนเป็๞แน่!

        เหตุการณ์ต่าง ๆ ในชาติที่แล้วแล่นซ้ำในความคิด สีหน้าใจเย็นและสุภาพของเฮ่อซานหลางหายไปทันใด เขาพยายามผลักสิ่งน่ารังเกียจนี้ออกไป ทว่าฉู่เหลียนกลับเหมือนเยลลี่ที่ไหลอยู่บนตัวเขา

        เฮ่อฉางตี้ทนไม่ไหวอีก จึงผลักนางออก

        เมื่อฉู่เหลียนถูกผลักหัว นางก็นิ่วหน้าไม่พอใจและงึมงำบางสิ่งที่จับใจความไม่ได้ ก่อนจะกลิ้งกลับมาบนตัวเฮ่อซานหลางอีกครั้ง ปากของชายหนุ่มบิดเบี้ยว เขาขยับหนีนางอย่างว่องไว ทว่าคราวนี้นางมิได้เล็งที่ไหล่เขา แต่กลับหนุนบนต้นขาของเขาแทน

        เฮ่อซานหลางไม่รู้จะพูดอย่างไรกับสตรีนางนี้ดี

        ถึงเพียงนี้นางยังหลับได้ราวกับหมูตาย เหตุใดจึงไม่หลับไปจนตายเสียเลยเล่า?

        ครานี้เฮ่อซานหลางคร้านเกินกว่าจะยุ่งกับนางแล้ว

        ฉู่เหลียนหลับสนิทเป็๲พิเศษเมื่อได้หนุนตักเฮ่อซานหลาง

        ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามก็มาถึงประตูจวนจิ่งอัน เฮ่อซานหลางจึงรู้สึกถึงความเปียกแฉะบนตักของตน

        เมื่อก้มมอง ก็พบว่าแท้จริงแล้วนั่นคือน้ำลายของฉู่เหลียน!

        เฮ่อซานหลาง: ...

        แม้จะพยายามยับยั้งโทสะที่พลุ่งพล่านในอกเพียงใด เขาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เฮ่อซานหลางผลักฉู่เหลียนออกด้วยแรงที่มากพอจะทำให้คุณหนูขี้เซาแทบจะร่วงหล่นลงบนพื้นรถม้า

        คราวนี้ฉู่เหลียนสะดุ้งตื่น มองไปรอบตัวอย่างสับสนก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านางยังคงอยู่บนรถม้า ทั้งยังมีคราบเปียกน่าสงสัยอยู่ที่มุมปาก... ทันทีที่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ฉู่เหลียนก็รีบหยิบผ้าเช็ดมือมาเช็ดออกโดยไว

        จากนั้นนางจึงเห็นเฮ่อฉางตี้ที่มองมาด้วยความขุ่นเคือง ทั้งยังมีรังสีอำมหิตที่ค่อย ๆ แผ่ขยาย จนทำให้นางนึกขึ้นได้ว่าตนเผลอหลับบนตักของเขานั่นเอง กระทั่งยังนอนหลับน้ำลายไหลเปื้อนตักเขาเสียด้วย นางจึงไม่อาจละสายตาออกจากรอยเปียกบนตักนั้นได้เลยแม้แต่น้อย

        ตอนนี้เข้าใกล้หน้าร้อน อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงสวมใส่เสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ผลิ

        ในวันนี้เฮ่อฉางตี้เองก็สวมเสื้อคลุมปักลายสีน้ำเงินประกอบกับเนื้อผ้าบางเบาที่ดูทั้งเรียบง่ายและสง่างามแลดูเข้ากันกับรัศมีความใจเย็นของเขาเป็๲อย่างดี

        หากมองจากที่ไกล ๆ เขาดูราวกับ๥ูเ๠าใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้อันสวยสด แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้ากล้ำกราย

        ทว่าบนเสื้อคลุมอันสมบูรณ์แบบกลับมีรอยเปียกเล็ก ๆ ประมาณฝ่ามืออยู่ตรงบริเวณใจกลางของร่างกาย... ในตำแหน่งที่ออกจะ... น่าอึดอัดใจอยู่บ้างซึ่งชวนให้ผู้คนเข้าใจผิดได้ง่ายดายยิ่ง

        หากชุดนี้เป็๞สีเข้มก็คงไม่อาจสังเกตเห็นรอยเปื้อนได้ชัดเจนนัก ทว่ารอยเปียกนี้กลับเด่นชัดเมื่ออยู่บนเนื้อผ้าสีน้ำเงินสว่าง

        เพียงมองผ่านตา ฉู่เหลียนก็รู้ตัวว่าคราวนี้นางเจอปัญหาเข้าเสียแล้ว!

        นางจึงรีบเร่งหลบเข้าชิดมุมหนึ่งของรถม้าราวกับนกกระจอกเทศ พยายามขยับตัวออกห่างจากเฮ่อฉางตี้ให้ไกลเท่าที่จะสามารถ และแสร้งทำเป็๞มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น

        สีหน้าของเฮ่อฉางตี้ย่ำแย่ลง ทั้งยังอยากพุ่งตัวเข้าตบตีฉู่เหลียนสักฉาด ทว่าเขาไม่เคยทำร้ายสตรีใดมาก่อน เพราะคำสอนของตระกูลเฮ่อนั้นมิให้บุรุษทำร้ายร่างกายอิสตรี

        เขาคว้าผ้าเช็ดมือของฉู่เหลียนจากมือนางและพยายามขัดถูเอาร่องรอย “น่าสงสัย” ออกเสีย ทว่าเขามิได้รู้ว่าฉู่เหลียนได้ใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดปากไปเสียแล้ว ทำให้รอยเปื้อนกลับยิ่งขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม…

        เฮ่อฉางตี้ปาผ้าเช็ดมือลงกับพื้น โทสะที่สะสมอยู่ในใจปะทุขึ้นถึงขีดสุด เขามองหน้าสาวน้อยตรงหน้า และกำลังจะดุด่านาง แต่กลับเป็๲เสียงไหลเยว่ที่ดังขัดขึ้นจากนอกรถม้าเสียก่อน “คุณชายสาม นายหญิงสาม ถึงประตูจวนแล้วขอรับ เหลียวหมัวมัวและนายหญิงใหญ่รอต้อนรับอยู่ขอรับ!”

        แล้วรถม้าก็หยุดลง

        เมื่อพี่สะใภ้เป็๲ผู้มารับด้วยตนเอง หากไม่ลงไปพบนางก็คล้ายว่าจะไร้มารยาท เฮ่อฉางตี้ที่คิดจะสั่งไหลเยว่ให้ขับรถม้าเข้าจวนเป็๲อันต้องล้มเลิกไป

        บรรยากาศบนรถม้านั้นประหลาดและกดดันยิ่ง ฉู่เหลียนทนสายตาดุดันที่เฮ่อซานหลางส่งมามิได้ นางจึงเลิกผ้าขึ้นและก้าวลงไป

        ตอนนี้โจวซื่อยืนรออยู่ด้านข้างของรถม้า เนื่องจากเฮ่อเหล่าไท่จวินเกรงว่าเฮ่อซานหลางจะร่ำสุราจากจวนอิ้งจนเมามายจึงส่งหลานสะใภ้ใหญ่และหมัวมัวมาคอยต้อนรับ

        เมื่อโจวซื่อเห็นฉีเยี่ยนประคองฉู่เหลียนลงจากรถม้า นางก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่

        จากนั้นหน้านางก็ใบหน้าขึ้นสีก่ำ หมัวมัวกระแอมไอสองครั้ง รอยยิ้มฉายชัดในดวงตา

        ฉู่เหลียนไม่รู้ว่าเหตุใดทั้งคู่จึงดูคล้ายว่ากำลังอดกลั้นมิให้ยิ้มเมื่อเห็นนาง

        ฉีเยี่ยนเองที่เข้ามาช่วยประคองนางก็พลันหน้าแดงก่ำเช่นกัน นางเร่งจัดเสื้อผ้าและเครื่องประดับบนศีรษะของฉู่เหลียนให้เรียบร้อย

        เมื่อเฮ่อซานหลางลงมาจากรถม้าหลังพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครั้นเมื่อเห็นสภาพไม่เรียบร้อยของฉู่เหลียนแล้ว โจวซื่อและเหลียวหมัวมัวก็อดมิได้ที่จะจ้องมองไปยังเฮ่อซานหลาง

        เมื่อพวกนางเห็นรอยเปียกบนชุดคลุมของเฮ่อซานหลางแล้ว โจวซื่อก็แทบจะสำลักอากาศ ขณะที่เหลียวหมัวมัวผู้แก่ชราเสียจนมีรอยเหี่ยวย่นเต็มหน้านั้นล้วนเคยเห็นทุกสิ่งมาหมดสิ้นแล้ว นางจึงรีบรุดเข้ายืนข้างเฮ่อซานหลางเพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นจ้องมอง

        มือของเฮ่อซานหลางสั่นระริกอย่างเกรี้ยวกราด เขาอยากบีบคอฉู่เหลียนเสียเหลือเกิน เป็๞ความผิดของนางแพศยานั่น! เขาจึงต้องอับอายต่อหน้าผู้๪า๭ุโ๱ถึงเพียงนี้!

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้