“เช่นนั้นก็ต้องทำสัญญากันเสียหน่อย” กงเจวี๋ยนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหญิงสาว ก่อนหันหน้าไปมองบานประตู แล้วเรียกหลีเฉินที่ยืนรออยู่ด้านนอก
หลีเฉินเดินเข้ามาภายในร้าน เขาประสานมือก้มศีรษะ “พ่ะย่ะค่ะ”
“นำแผ่นสัญญาจากตำหนักของข้ามา” ชายหนุ่มกล่าว แล้วหันกลับมายิ้มพลางยักคิ้วข้างเดียวให้จ้าวเหม่ยหลิน หญิงสาวชาวบ้านร่วมกิจการควรป้องกันไว้ก่อนคงไม่เสียหาย
ระหว่างรอหลีเฉิน ร่างสูงก็ใช้เวลานี้มองสำรวจใบหน้าของจ้าวเหม่ยหลิน กงเจวี๋ยสังเกตเห็นนางดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย แก้มนวลดูอิ่มเอิบกว่าครั้งแรกที่พบ คงอาจจะเป็เพราะอาหารในเมืองหลวงอุดมสมบูรณ์กว่าชนบทที่นางจากมา
กงเจวี๋ยยิ้มกรุ้มกริ่ม เอ่ยกลั้นเสียงหัวเราะ “เ้าคงชื่อซาลาเปาน้อย”
จ้าวเหม่ยหลินชะงัก บุรุษผู้นี้ไร้มารยาทนัก สีหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน แต่ก็ยังตอบกลับน้ำเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้ชื่อซาลาเปา ข้าชื่อจ้าวเหม่ยหลิน”
เพียงสิ้นเสียงของนาง กงเจวี๋ยก็พลันเข้าใจหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่หญิงชาวบ้านธรรมดาอย่างที่ตนเข้าใจ ที่แท้ก็เป็บุตรสาวรองเสนาบดีคลัง
จ้าวเหม่ยหลินถึงไม่มีความเคารพต่อชายหนุ่มเลย
เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว กงเจวี๋ยก็เริ่มรู้สึกสนใจจ้าวเหม่ยหลินั้แ่แรกพบ เขามองหญิงสาวเป็คนเฉลียวฉลาด สามารถโน้มน้าวใจคนอื่นได้อย่างแเี
“ท่านเคยบอกข้าที่หลิงเซียนว่าท่านชื่ออาเจวี๋ย หากให้ข้าเดาท่านคงชื่อกงเจวี๋ย ไม่ก็เจวี๋ยกง เพราะร้านของท่านมีคำว่ากงใช่หรือไม่” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยขึ้น
กงเจวี๋ยไม่ได้ตอบกลับสิ่งใด เขาเพียงพยักหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มมุมปาก
หลีเฉินมาแล้ว เขาเดินถือแผ่นไม้บางสี่เหลี่ยมเข้ามาด้วย บนแผ่นไม้บางมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ ข้างกันเป็ถ้วยหมึกที่ฝนไว้ให้เรียบร้อย พร้อมพู่กันด้ามหนึ่งวางเคียงข้าง
หลีเฉินวางของทั้งหมดลงตรงหน้าจ้าวเหม่ยหลิน
หญิงสาวมองสิ่งของตรงหน้าก็นึกลังเล ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแ่ “ข้าเขียนพู่กันไม่เป็” นางเคยฝึกเขียนมาบ้างตอนเรียนประถมต้น แต่ส่วนมากก็ใช้เพียงปากกาและดินสอ
กงเจวี๋ยฟังแล้วก็ไม่ได้กล่าวอะไร เขาเพียงเดินไปหยิบเข็มเล่มเล็ก แล้วส่งให้จ้าวเหม่ยหลิน
“หากเขียนไม่ได้ ก็ใช้เข็มเล่มนี้จิ้มนิ้วแล้วประทับลงบนกระดาษแทนเถิด” สายตาของเขามองนางนิ่งๆ เหมือนจะเตือนล่วงหน้าไม่ให้ร่างเล็กคิดตุกติก
จ้าวเหม่ยหลินเห็นเช่นนั้นก็เริ่มรู้สึกกลัวชายหนุ่มขึ้นมา สุดท้ายจึงยอมใช้พู่กันเขียนชื่อลงบนกระดาษด้วยลายมือบิดเบี้ยวไร้ระเบียบ
หลีเฉินเห็นลายมือบนกระดาษแล้วก็หัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวติดตลก “ลายมือของแม่นาง เหมือนเด็กเพิ่งหัดเขียนเลยขอรับ”
แต่ยังไม่ทันขาดเสียง กงเจวี๋ยก็หันขวับไปมองเขา สีหน้าหาใช่ขบขันไม่ พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ออกไปข้างนอก”
หลีเฉินยกมือปิดปากรีบก้มศีรษะรับคำ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากร้าน
“เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยพลางขยับตัวเตรียมลุกจากเก้าอี้ ทว่าในจังหวะนั้นท้องของนางกลับร้องขึ้นมาเสียงดังประท้วงเตือนว่าเมื่อเช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย
กงเจวี๋ยหลุดหัวเราะออกมา ก่อนเอ่ยชวนร่างเล็กทานอาหารเช้าด้วยกัน ถึงอย่างไรก็ร่วมมือกันแล้ว
จ้าวเหม่ยหลินปฏิเสธ แต่เมื่อได้ยินองค์ชายน้อยบอกว่าทุกจานล้วนปรุงโดยพ่อครัวในวังหลวง ดวงตาของนางก็เป็ประกายทันที
ร่างเล็กอยากลิ้มลองรสอาหารชั้นสูงมานานแล้ว จึงเปลี่ยนใจตอบรับคำเชิญชายหนุ่มตรงหน้า
จ้าวเหม่ยหลินเดินตามกงเจวี๋ยเข้าสู่ตำหนักพระราชทาน ภายในตำหนักถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง คล้ายฉากในซีรีส์วังหลวงไม่มีผิด ที่นี่ราวกับวังหลวงขนาดย่อมเลยทีเดียว
ร่างเล็กทอดสายตามองแผ่นหลังกว้าง เขาก้าวเดินนำหน้าจนมาถึงห้องโถง
อาหารถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว กับข้าวหลากชนิดก็ถูกจัดอย่างประณีต ข้างโต๊ะมีนางกำนัลสามคนยืนก้มหน้ารอคำสั่ง
“ข้าเชื่อแล้วว่าฮ่องเต้โปรดท่านจริงๆ เลื่อมใสยิ่งนัก” จ้าวเหม่ยหลินพยักหน้าตามจังหวะคำพูด น้ำเสียงแฝงความชื่นชมปนล้อเลียนเล็กน้อย
เมื่อกงเจวี๋ยและจ้าวเหม่ยหลินนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว นางกำนัลก็เข้ามารินชาให้ทั้งสองทันที
ร่างเล็กมองรอบกายแอบนึกขำอยู่บ้าง
เวลานี้เหมือนกับกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารหรูหรา เป็ครั้งแรกที่นางได้ััชีวิตแบบคุณหนูอย่างแท้จริง
“ขอบคุณ” จ้าวเหม่ยหลินคลี่ยิ้มให้นางกำนัลก่อนนางจะยกตะเกียบคีบเนื้อไก่ในจานขึ้นมา ทว่านางกำนัลผู้หนึ่งก็รีบเอ่ยน้ำเสียงแข็ง “แม่นางควรให้องค์ชายคีบก่อน ถึงจะทานได้เ้าค่ะ”
จ้าวเหม่ยหลินหันไปมองนางกำนัล แล้วยิ้มบางประคองเนื้อไก่เข้าปากอย่างไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวเตือน ยิ่งไปกว่านั้นร่างเล็กยังเย้ยด้วยแววตาท้าทาย
กงเจวี๋ยที่นั่งอยู่ข้างจ้าวเหม่ยหลินก็ไม่มีทีท่าจะตำหนิแม้แต่น้อย กลับกันชายหนุ่มกลับสั่งให้นางกำนัลทั้งสามออกจากห้อง
เวลาผ่านไปครู่เดียว หลีเฉินก็เดินเข้าห้องโถงมาพอเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับเบิกตากว้าง ก่อนจะพึมพำออกมา “แย่แล้ว… หากองค์หญิงหยางอวิ๋นซินรู้เข้า องค์ชายน้อยพาสตรีไร้ที่มาที่ไปเข้าตำหนักพระราชทาน เื่คงไม่จบง่ายๆแน่”
สีหน้าของหลีเฉินแสดงความกังวลอย่างปิดไม่มิด ด้วยความที่ไม่รู้ว่าหญิงสาวนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับองค์ชายสองต่อสองคือผู้ใดกันแน่
“เก็บเื่นี้เป็ความลับ” กงเจวี๋ยกล่าวขณะก้มหน้าก้มตาคีบอาหาร เว้นจังหวะกล่าวต่อ “ออกไปซะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้