ในคุกใต้ดินอันมืดมิด ทั้งแสงแดดก็ยังส่องไม่ถึง ทำให้อากาศไม่ค่อยจะถ่ายเทนัก ความอับชื้นและกลิ่นเหม็นสาบรุนแรง จึงตลบอบอวลอยู่ในพื้นที่ไม่จางหาย
เมื่อเห็นบรรดานักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในนั้น ในใจก็พลันรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ดีที่กู่อวี่เสวียนถูกฮ่องเต้ลงโทษสถานเบา มิเช่นนั้น นางก็คงจะมีสภาพไม่ต่างอันใดกับนักโทษเหล่านี้
ขณะครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ผู้คุมก็พามาถึงห้องที่คุมขังโจวชิงหวา ซึ่งยามนี้ช่างต่างจากคราก่อนยิ่งนัก เพราะนอกจากจะสะอาดสะอ้านแล้ว ยังมีโต๊ะขนาดเล็กและตำราสามสี่เล่มวางเอาไว้ด้วย
โจวชิงหวาในชุดคลุมสีม่วง ที่แม้จะดูยับย่นไปสักหน่อย แต่กลับสะอาดไร้ฝุ่นผง ผมของเขาถูกรวบมัดอย่างเรียบร้อย ทั้งท่วงท่าการนั่งอ่านหนังสือ ก็ยังคงสง่างามเหมือนเดิม
หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า พลางคลี่ยิ้ม... เขามิได้ตกที่นั่งลำบากเช่นก่อนหน้านี้แล้ว
โจวชิงหวาเงยหน้ามองหญิงสาวที่เดินตามผู้คุมมา พอประตูเปิด นางก็ก้าวเข้าไปทันที ดวงตาสวยชำเลืองมองกล่องอาหารลวดลายประณีตงดงามที่วางอยู่ใต้โต๊ะ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ ว่าคงจะเป็กู่อวี่เสวียนที่ส่งคนมามอบให้กับเขา
“ดูเหมือนเ้าจะสบายดีนะ มีคนส่งอาหารมาให้มิได้ขาดเช่นนี้ คงจะไม่้าอาหารที่ข้านำมาด้วยแล้วกระมัง?” กล่าวจบ ก็เตรียมหันหลังเดินจากไป
โจวชิงหวารีบคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วดึงกล่องอาหารมาทันควัน “อะไรกัน! นี่เ้าโกรธข้าหรือ? หรือว่าจะหึงแล้ว?”
จากนั้นก็เดินไปนั่งบนผ้าห่ม เปิดฝากล่อง หยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนลงมือกินอาหารตรงหน้าอย่างว่องไว
หนีเจียเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองใบหน้าเปี่ยมสุขของชายหนุ่ม พลางเหยียดยิ้ม “เลิกหลงตัวเองเถอะ! ข้าน่ะหวังว่าเ้าจะลงเอยกับองค์หญิงใหญ่ในสักวัน หากเ้าผู้เป็พี่ชายได้เกี่ยวดองกับพระองค์ ข้าก็จะได้รู้เสียทีว่าการมีญาติเป็ถึงฮ่องเต้นั้น มันดีอย่างไร”
โจวชิงหวาเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนเอ่ยเสียงยียวน “ตอนนี้ เ้าก็เป็ถึงหมอหญิงอันดับหนึ่ง ผู้มีเกียรติยศอันสูงส่ง ซึ่งแม้แต่สมาชิกในราชวงศ์บางคนก็ยังไม่อาจเทียบได้แล้วนี่!”
หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้าง เดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “อะไรกัน? เพิ่งจะจบเื่ไป แล้วเ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็คนรักษาองค์ชาย!”
โจวชิงหวายกยิ้ม มิได้ตอบสิ่งใด เพียงก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ
หนีเจียเอ๋อร์นึกชื่นชมเขา ขนาดอยู่ในคุกแท้ๆ แต่กลับล่วงรู้ถึงสถานการณ์ภายนอกได้อย่างรวดเร็ว ความสามารถของชายผู้นี้ มีอะไรที่นางยังไม่รู้อีกบ้าง?
...
พอออกมาจากคุก หนีเจียเอ๋อร์ก็เริ่มสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของนางกำนัลหลี่ซิ่วในทันใด และด้วยตอนนี้นางมีป้ายทองอาญาสิทธิ์ จึงทำให้ทุกสิ่งเป็ไปอย่างราบรื่น ไม่มีขุนนางคนใดกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือขัดขวาง
หลังจากไต่สวนนางกำนัลขั้นต่ำสุดในราชสำนัก ที่สนิทกับหลี่ซิ่วไปจนหมดแล้ว ก็ทำให้หญิงสาวรู้ว่าตอนนี้สมาชิกในครอบครัวของหลี่ซิ่ว เหลือเพียงมารดาผู้ชราแค่คนเดียวเท่านั้น และนางก็ดำรงตำแหน่งมามาอยู่ที่จวนหลิงกั๋วกง
ส่วนคำถามอื่นๆ ได้รับแค่คำตอบสั้นๆ เพียงสองสามคำเท่านั้น
หลังออกจากแผนกซักล้าง หนีเจียเอ๋อร์ก็มุ่งหน้าไปยังจวนสกุลหลิงกั๋วกงทันที
หลิงกั๋วกงเป็บิดาของหนึ่งในพระสนม ด้วยความที่บุตรสาวของตนเป็ที่โปรดปราน จึงทำให้ขุนนางผู้นี้ค่อนข้างผยองและหยิ่งยโส เมื่อหนีเจียเอ๋อร์ดื้อดึงที่จะมาเยี่ยมเยือน เขาก็จำต้องเปิดประตูต้อนรับอย่างจำใจ
แม้จะถูกถากถาง แต่หญิงสาวก็มิได้ใส่ใจ เพียงหยิบป้ายทองอาญาสิทธิ์ออกมา แล้วเอ่ยอย่างถ่อมตน “หลิงกั๋วกง ท่านก็น่าจะทราบดี ว่าป้ายทองอาญาสิทธิ์นี้มีความหมายอย่างไร...”
ยังพูดไม่ทันจบ หลิงกั๋วกงก็คุกเข่าลง แล้วะโเสียงดัง “ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีๆ หมื่นๆ ปี!”
หนีเจียเอ๋อร์เก็บป้ายทองอาญาสิทธิ์ด้วยรอยยิ้ม “หลิงกั๋วกง ข้าขอพบมารดาของนางกำนัลหลี่ซิ่วได้หรือไม่?”
หลิงกั๋วกงลุกขึ้น พลางตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปตามนางมาพบท่าน”
หนีเจียเอ๋อร์จึงบอกเบาๆ “ไม่เป็ไร พาข้าไปพบนางตอนนี้เถอะ”
หลิงกั๋วกงชำเลืองมองสตรีด้านหลัง ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรสาวของตนอย่างพิจารณา จากนั้นก็รู้ทันที ว่าตนคงจะประเมินแม่หนูผู้นี้ต่ำไปเสียแล้ว
เขาจึงหันไปมองพ่อบ้าน แล้วสั่งเสียงขรึม “เ้าจงพาคุณหนูหนีไปพบหลี่มามา นี่คือพระประสงค์ของฝ่าา ที่ให้ทำการตรวจสอบเื่การลอบวางยาองค์รัชทายาท ดังนั้นหากนางมีข้อสงสัย ก็จงช่วยไขข้อข้องใจให้เสีย”
“ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านตอบ แล้วหันไปยังหนีเจียเอ๋อร์ “คุณหนูหนี เชิญทางนี้ขอรับ”
พอได้ยินคำพูดของหลิงกั๋วกง หญิงสาวพลันขมวดคิ้วแน่น รู้สึกได้ว่าภายใต้คำพูดเหล่านี้ มีบางอย่างแฝงอยู่...
จิ้งจอกเฒ่า! หรือว่าเ้าจะมีส่วนรู้เห็นกับเื่นี้?
เมื่อเดินไปถึงสวนหลังบ้าน ก็พบกับหลี่มามาที่กำลังตากผ้าอยู่ นางเป็หญิงชราผมหงอกขาว ผู้มีใบหน้าเหี่ยวย่น อันเปี่ยมล้นไปด้วยความเศร้าหมอง ดูน่าสงสารยิ่งนัก
“หลี่มามา นี่คือคุณหนูหนี ฮ่องเต้ส่งนางมาเพื่อสืบหาความจริง เกี่ยวกับเื่การลอบวางยาพิษองค์รัชทายาท นายท่านมีคำสั่งให้เ้าตอบคำถามทุกอย่างที่แม่นางหนี้าทราบ เข้าใจหรือไม่?” เมื่อพ่อบ้านกล่าวจบ ก็โค้งคำนับ แล้วถอยห่างไป
หลี่มามามองหน้าหนีเจียเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนโค้งกายทำความเคารพ “คารวะคุณหนูหนี”
หนีเจียเอ๋อร์จึงกล่าวเบาๆ “หลี่มามา ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย”
หลี่มามาเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของอีกฝ่าย ดวงตาเศร้าโศกนั้นฉายแววเจ็บแค้นออกมาครู่หนึ่ง ก่อนเลือนหาย ทว่าเมื่อนางรู้ตัว ก็รีบหลบตาทันที
“ขอบคุณคุณหนูหนีที่เป็ห่วง ไม่ทราบว่าท่าน้าทราบเื่ใดหรือเ้าคะ?”
หนีเจียเอ๋อร์ก็มิได้อ้อมค้อม แต่ถามออกไปตรงๆ “หลี่มามา เมื่อห้าวันก่อน บุตรสาวของท่านได้เข้าไปขโมยถ้วยชาขององค์รัชทายาท จึงถูกเฆี่ยนตีจนตาย ข้าอยากทราบว่า ท่านมีส่วนรู้เห็นกับเื่นี้หรือไม่?”
หลี่มามาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเป็ประกายวาววับ ก่อนจะค่อยๆ มีหยาดน้ำตาเอ่อนอง “ซิ่วเอ๋อร์เป็คนขโมย... นางทำเอง ไม่มีผู้ใดสมรู้ร่วมคิดเ้าค่ะ”
หนีเจียเอ๋อร์รับรู้ได้ถึงความเ็ปผ่านดวงตาของหญิงชรา จึงพูดอีกครั้ง “เข้าใจแล้ว ทว่า แม้บุตรสาวของท่านจะขโมยชุดถ้วยน้ำชาไป แต่ตามกฎหมายแล้ว โทษของนางก็หาได้ร้ายแรงจนถึงขั้นต้องปะาชีวิต แต่นางกลับต้องมาถูกตีตายเช่นนี้ ข้ารู้สึกเสียใจด้วยจริงๆ”
หลี่มามาตัวสั่นเทา นางพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถตอบคำถามต่อไปของหนีเจียเอ๋อร์ได้
พ่อบ้านรีบก้าวเข้ามาขัดจังหวะ “คุณหนูหนี หลี่มามาก็แก่มากแล้ว ซ้ำยังเพิ่งสูญเสียลูกสาว ท่านอย่าทำร้ายจิตใจนางไปมากกว่านี้เลยขอรับ”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า พลางเอ่ยปากขอโทษ ก่อนออกจากจวนหลิงกั๋วกงพร้อมกับพ่อบ้าน
ข้อมูลเดียวที่ได้รับก็คือ หลี่มามาเคยเป็แม่นมของเจินกุ้ยเฟย และผู้ที่นำร่างของหลี่ซิ่วออกมาจากวังหลวง ทั้งยังมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับหลี่มามา ก็คือเจินกุ้ยเฟยผู้นี้นี่เอง
พอนึกไปถึงคำพูดของหนีเจียเฮ่อ ว่าเจินกุ้ยเฟยเองก็มีพระโอรสเป็ถึงองค์ชายรอง ที่มีอายุห่างจากองค์รัชทายาทไม่มากนัก และหากองค์ชายรัชทายาทสิ้นพระชนม์ โอรสของนางก็ย่อมกลายเป็รัชทายาทพระองค์ใหม่ทันที
เมื่อตรองดูแล้ว จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด หากองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ก็คือเจินกุ้ยเฟย...
ฉะนั้นผู้ต้องสงสัยเพียงหนึ่งเดียวในยามนี้ จะเป็ใครอื่นไปมิได้ นอกเสียจากเจินกุ้ยเฟย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้