พูดตามตรง เฉียวเยว่เพิ่งเคยพบเจอเื่ทำนองนี้เป็ครั้งแรก ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าขัน ไม่ว่าอย่างไรนางก็รู้สึกว่าเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ดูเกินจริงไปมาก
หรงจ้านจงใจมาป่วนงานโดยเฉพาะ ทั้งยังปากคอเราะรายชนิดที่คนฟังต้องจดจำไปอีกร้อยปี
"เ้าอยากกินผลไม้หรือไม่?"
น้ำเสียงเยือกเย็นผ่านเข้ามา "เฉียวเยว่รีบเลิกม่านขึ้น เห็นรถม้าหยุดลงแล้ว นางเงยหน้ามอง ถึงจวนซู่เฉิงโหวแล้วนับว่าเร็วยิ่ง
นางยิ้มอย่างเริงร่าตอบรับทันควัน "อยากเ้าค่ะ"
ตอบตรงไปตรงมาเหมือนตอนเป็เด็กไม่มีผิด
ความจริงแล้วเฉียวเยว่ก็ไม่เคยคิดว่าหรงจ้านเป็คนนอกสักเท่าไร แต่เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าเขาน่าเชื่อถือถึงเพียงนั้นก็สุดที่จะรู้ได้เหมือนกัน
"ที่ท่านไปวันนี้เพื่อช่วยข้าใช่หรือไม่?" เฉียวเยว่รำพึงเสียงเบา
ถึงแม้จะเก้อเขินอยู่บ้างที่เขาแต่งตัวเหมือนตนเองทุกกระเบียด แต่เมื่อตรองดูอย่างถ้วนถี่ ก็รู้สึกเหมือนว่าพี่จ้านจะทำเพื่อนาง
หากพินิจดูให้ดีแล้ว จะพบว่าหรงจ้านมักปฏิบัติต่อคนที่อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของตนเองอย่างดีเยี่ยม
หรงจ้านคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม มองเฉียวเยว่ั้แ่หัวจรดเท้า ก่อนจะเอ่ยว่า "คนในครอบครัวรู้หรือไม่ว่าเ้าหน้าหนาถึงเพียงนี้?"
เฉียวเยว่แทบสำลัก แต่กลับไม่โกรธเคือง นางรู้อย่างไหนคือหาเื่ อย่างไหนคือล้อเล่น
"คนในครอบครัวข้าไม่รู้ แต่ท่านรู้ พี่จ้าน ผลไม้ของข้าเล่า?" นางทวงถาม
นางยื่นมือน้อยๆ ออกมา หรงจ้านก้มหน้า เห็นมือขาวเนียนเล็กจ้อยแลดูบอบบางน่ารัก ไม่รู้เหตุใดพานให้นึกถึงลำคอของนางเมื่อครู่นี้
หรงจ้านกระแอมกระไอพลางเอ่ยถาม "เ้าไม่หนาวหรือ?"
เฉียวเยว่เกาหัวมองเขาอย่างงุนงง "ท่านว่าข้าดูเหมือนหุ่นฟางหรือไม่?"
ไยนางจึงเอ่ยถึงสิ่งนี้ หรงจ้านส่ายหน้าอย่างงงงวย
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "เมื่อไม่ใช่หุ่นฟาง ข้าย่อมจะรู้จักหนาวเป็ หากไม่หนาวข้าจะสวมเสื้อคลุมกันลมมาทำไมเล่า ท่านว่าจริงหรือไม่?"
เฉียวเยว่ยอกย้อน
"เมื่อหนาวแล้วเหตุใดไม่สวมหลายชั้นหน่อย" หรงจ้านค่อยๆ เอ่ย
เฉียวเยว่เบิกตากว้าง พูดตามตรง ในบรรดาแขกทั้งหมดของหรงฉางเกอวันนี้ นับว่านางสวมอาภรณ์เยอะที่สุดแล้ว นี่ยังเรียกว่าน้อยอีกหรือ? สายตาของเฉียวเยว่เลื่อนไปหยุดที่ตัวหรงจ้านบ้าง "ตนเองสวมน้อยกว่าข้าอีก"
นางค่อนแคะเสียงเบา
หรงจ้านยิ้มน้อยๆ "ก็ข้าไม่หนาวนี่ หากเ้าหนาว ควรสวมเสื้อคอตั้งจะดีกว่า"
เฉียวเยว่ "..."
อะไรนะ?
หรงจ้านมุ่นคิ้วเล็กน้อย "อย่าบอกนะว่าเ้าไม่มี?"
เฉียวเยว่ไม่มีจริงๆ ดังว่า นางมักรู้สึกว่าคอของตนเองสั้น จึงไม่ชอบสวมเสื้อคอตั้ง เพราะรู้สึกว่าสวมแล้วดูไม่สวย
เห็นแม่หนูน้อยทำปากยื่นออกมา หรงจ้านก็หัวเราะเบาๆ "เ้าไม่มีสินะ เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะส่งไปให้"
เฉียวเยว่เงยหน้า "แต่ข้าไม่ชอบสวมนี่นา"
หรงจ้านปฏิเสธที่จะยอมรับคำอธิบายเช่นนี้ "เด็กผู้หญิงควรจะมีอาภรณ์ให้ครบทุกแบบ"
เฉียวเยว่พลันรู้สึกว่าหากภายภาคหน้าหรงจ้านมีภรรยา คงจะซื้อๆๆ ไม่หยุดราวกับเป็เศรษฐีเป็แน่
นางส่ายหน้า โยนความคิดไร้แก่นสารในสมองทิ้งไป หลังจากนั้นก็กล่าวว่า "เช่นนั้นข้าจะให้ท่านแม่ตัดให้"
หรงจ้านเปรยเสียงเบา "สายตาของมารดาเ้าไม่ได้หนึ่งในหมื่นของข้าหรอก"
เฉียวเยว่รู้สึกอย่างล้ำลึก คนผู้นี้หากนางไม่ต่อปากต่อคำกับเขาสักหน่อยคงต้องรู้สึกผิดต่อการท้าทายความตายของเขามาตลอดหลายปีมานี้
ซูซานหลางกลับมาเห็นบุตรสาวคุยกับอวี้อ๋องอยู่หน้าประตูจวนก็นิ่วหน้า รู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ดีอย่างยิ่ง "เฉียวเยว่ ไยไม่เข้าบ้าน"
หลังจากนั้นก็บ่นว่า "มีอะไรก็เข้าไปคุยข้างใน คุยกันหน้าประตูใช้ได้ที่ไหน"
เฉียวเยว่ตอบทันควัน "ข้ากำลังจะเข้าไปเ้าค่ะ พี่จ้าน ท่านจะเข้าไปเป็แขกหรือไม่?"
หรงจ้านยิ้มพลางส่ายหน้า "ไม่จำเป็"
หลังจากนั้นก็มอบผลไม้ให้เฉียวเยว่ แล้วหันไปผงกศีรษะให้ซูซานหลางก่อนหมุนตัวจากไป
หัวคิ้วของซูซานหลางขมวดแน่น มองอาภรณ์ของบุตรสาวตนเอง แล้วมองของหรงจ้าน "นี่หมายความว่าอย่างไร?"
ดูจะไม่พอใจอย่างมาก
เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองเป็ผู้บริสุทธิ์ที่โดนหางเลขแท้ๆ นางยกมือพูดแก้ต่าง "นี่เป็เหตุบังเอิญ" เห็นสายตาของบิดาบ่งบอกว่าไม่เชื่อ นางก็รีบเอ่ยทันควัน "จริงๆ นะเ้าคะ เป็ความบังเอิญจริงๆ"
ซูซานหลางมองรถม้าที่ไกลออกไป แล้วเดินเข้าไปในจวนพร้อมบุตรสาว เห็นเฉียวเยว่หิ้วตะกร้าเล็กที่หรงจ้านมอบให้ก็เอ่ยขึ้นว่า "เ้าขาดของกินหรือ?"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองกำลังถูกกดดัน แต่นางก็ไม่อะไรมากนัก
ยังทำตาปริบๆ ตอบไปว่า "ไม่อยู่แล้ว แต่พี่จ้านหาใช่คนนอกเสียหน่อย ท่านพ่อ สองวันมานี้ท่านดูแปลกชอบกลนะเ้าคะ"
นางบ่นพึมพำ "วันนี้ข้าไปจวนของหรงฉางเกอ พบพี่จ้านโดยบังเอิญ ข้ามิได้ตั้งใจจะสวมอาภรณ์เหมือนกับเขาเลย หากคนเห็นเข้า ข้าก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน"
เฉียวเยว่พูดไปเรื่อยเปื่อย แต่ซูซานหลางได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนี้ ในที่สุดก็สบายใจขึ้น "พ่อเชื่อเ้าอยู่แล้ว แต่เป็ห่วงว่าเ้าจะถูกคนต่ำช้าหลอกลวงมากกว่า เดี๋ยวนี้คนชั่วมันมีอยู่เยอะ"
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก "แต่พี่จ้านหาใช่คนเลวร้าย จะว่าไป วันนี้เื่ของสวี่ม่านหนิงถึงจะน่าสนใจ พี่จ้านทำนางใแทบตาย ข้าคิดว่าเขาต้องจงใจขู่ให้นางกลัวเป็แน่ นางยังรู้สึกว่าตนเองเป็นางฟ้านาง์อยู่เลย นึกว่าตนเองดีเสียเต็มประดา"
เฉียวเยว่พูดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าไปในห้องก็ยังคุยถึงเื่เหล่านี้อยู่
ซูซานหลางสงบสติอารมณ์ แล้วเอ่ยว่า "วันหน้าเ้าอย่าไปใกล้ชิดกับสตรีเช่นสวี่ม่านหนิงอีก"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้าทราบเ้าค่ะ ชิ ข้ารำคาญนางจะตายอยู่แล้ว"
ซูซานหลางเห็นนางทำตัวเป็เด็กๆ ก็เบาใจลงไม่น้อย พูดตามตรง เขาไม่อยากได้อวี้อ๋องมาเป็บุตรเขย เื่อายุมากไม่ต้องพูดถึง อุปนิสัยก็ไม่ดี เฉียวเยว่ของพวกเขาเป็เด็กดีที่สุดในใต้หล้า ควรหาคนที่ดีกว่านี้ ครองคู่เป็สามีภรรยารักใคร่ปรองดอง จะให้คนจิตไม่ปรกติคนหนึ่งพาบุตรสาวของเขาเสียคนไม่ได้เป็อันขาด
"เ้าโตเป็สาวแล้ว วันหลังอย่าอยู่กับอวี้อ๋องเพียงลำพัง เ้าทำเช่นนี้จะให้ผู้อื่นคิดอย่างไร พูดอย่างไร?"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ แต่ยังคงตอบโต้เล็กน้อย "แท้จริงแล้วพี่จ้านก็ไม่ใช่คนอื่นไกล ข้าคิดว่าผู้อื่นคงไม่เอาไปพูดหรอกเ้าค่ะ ถึงอย่างไรพวกเราก็สนิทกันมาั้แ่เล็กแล้ว"
ซูซานหลางกลุ้มใจจริงๆ บุตรสาวของตนช่างไร้เดียงสาจนน่าวิตก
ไม่เพียงแต่หรงจ้าน ยังมีจื้อรุ่ยอีกคน
เขาเม้มปากพูดในใจ อีกสองสามวันท่านแม่ทัพิ่กับภรรยาของเขาจะเข้าเมืองหลวง แต่หวังว่าพวกเขาจะเลิกคิดถึงเฉียวเยว่ของพวกเราเป็ดีที่สุด
บุตรสาวโตแล้ว เื่ให้กังวลย่อมมีมากขึ้น
ขณะที่ครอบครัวสกุลซูมีความวิตกไม่น้อย แต่อีกด้านหนึ่งหรงจ้านกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ดูเหมือนจะอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
ซื่อผิงบังคับรถม้าพลางค่อนแคะในใจ เป็ความบังเอิญที่ไหนกันเล่า เ้านายของพวกเขารู้อยู่เต็มอกชัดๆ ว่าคุณหนูเจ็ดสกุลซูแต่งตัวอย่างไร หลังจากนั้นก็จงใจสวมใส่อาภรณ์แบบเดียวกัน อ้อ... ยังสั่งตัดขึ้นมาใหม่อีกด้วย
แต่แม้จะค่อนขอดในใจไม่หยุด ก็ไม่ปริปากออกมา ขืนพูดมากไป เ้านายพวกเขาอาจประหม่าจนกลายเป็โทสะขึ้นมาก็ได้
หรงจ้านอารมณ์ดี เอ่ยเสียงเบา "เ้าว่า... ซูซานหลางกลับไปจะต่อว่าเ้าแตงน้อยของข้าหรือไม่?"
ทันทีที่นึกถึงเื่นี้ รอยยิ้มของเขาก็หุบลงหลายส่วน
เมื่อเห็นเ้านายดูเหมือนจะไม่สบายใจ ซื่อผิดก็เอ่ยทันทีว่า "ข้าน้อยคิดว่าไม่น่าจะเป็เช่นนั้น ถึงอย่างไรคุณหนูเจ็ดสกุลซูกับท่านก็นับว่าเป็คนรู้จักกันมาแต่เล็กแต่น้อย"
หรงจ้านเอ่ยช้าๆ "ดูท่า บางครั้งข้าควรเจริญรอยตามท่านพ่อตากับท่านแม่ยายบ้างแล้ว"
ซื่อผิงฟังแล้วก็แทบหัวเราะลั่น แต่ยังคงอดกลั้นอยู่
หรงจ้านกล่าวอีกว่า "เ้า ข้าดูเป็อย่างไร?"
ซื่อผิงอมยิ้ม "นายท่านย่อมประเสริฐยิ่ง"
หรงจ้านพึงพอใจยิ่ง
แต่แม้จะเป็เช่นนี้ หรงจ้านกลับยิ้มมุมปาก นึกคาดคะเนในใจ ไม่รู้ว่าแม่หนูน้อยของเขาจะคิดเช่นไร นางยังเด็กเพียงนั้น หรงจ้านย่อมรู้ว่าตนเองไม่อาจพูดอะไรมากเวลานี้ได้
จวนซู่เฉิงโหวไม่อยากให้นางดูตัวเร็วเกินไป หากใครเข้ามาเกรงว่าจะถูกไล่ตะเพิดกลับไปเสียมากกว่า
แต่หรงจ้านเองก็รู้ เฉียวเยว่ถึงวัยปักปิ่นเมื่อใด ประตูใหญ่จวนซู่เฉิงโหวคงถูกคนเหยียบจนแทบสึกเป็แน่
แม่นางที่มีฐานะสูงสุดในจวนซู่เฉิงโหวตอนนี้ก็คือเฉียวเยว่แล้ว
เขาไม่อาจขัดขวางผู้อื่นไปสู่ขอ แต่... สามารถหาวิธีการอื่นได้
"เ้าว่าข้าควรช่วยเฉียวเยว่ปล่อยข่าวซุบซิบเื่ความรักดีหรือไม่?"
"นี่... เพื่อการอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
ซื่อผิงไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเ้านายตนเองนัก
หรงจ้านมองซื่อผิงปราดหนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า "ดูเหมือนไม่ค่อยดีเท่าไร มิสู้ปล่อยข่าวว่านางเ้าอารมณ์จะดีกว่า"
เขามิได้ถามซื่อผิงอยู่แล้ว เพียงแค่พูดพึมพำกับตนเองเท่านั้น
"แต่เ้าอารมณ์ก็คงไม่ใช่เหตุผลที่จะขัดขวางคนเ่าั้ได้ หรือให้บอกว่าเื่การแต่งงานของเ้าแตงน้อยต้องมีรับสั่งจากฝ่าาดี?" เขาพูดกับตัวเอง แต่ก็รู้สึกไม่เข้าท่า "หากต้องมีรับสั่งจากฝ่าาจริง เกิดพระองค์พระราชทานสมรสส่งเดชก็ยิ่งยุ่งไปใหญ่"
เห็นหรงจ้านพึมพำไปเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ ซื่อผิงก็มองขึ้นฟ้าเงียบๆ รู้สึกว่าตนเองได้รับความะเืใจอย่างรุนแรง เ้านายของพวกเขาแม้ว่าจะปราดเปรื่องเหนือคน แต่หากเอ่ยถึงเื่ความรักกลับอ่อนหัด ถึงขั้น... ปัญญาอ่อน
แน่นอนว่าคำกล่าวนี้เขาไม่สามารถพูดออกไปส่งเดช มิเช่นนั้นอาจถูกลงทัณฑ์ถึงตาย
หรงจ้านพูดเองเออเองอยู่พักใหญ่ก็เลิกม่านขึ้น บัดนี้รถม้าหยุดลงแล้ว เขายืนอยู่ในสวนของจวนอวี้อ๋อง เห็นนกพิราบขาวบินลงมาจากท้องฟ้า ก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย พิราบขาวลงมาเกาะบนฝ่ามือของหรงจ้าน
ซื่อผิงจริงจังขึ้นทันควัน
หรงจ้านนำพิราบขาวเข้าไปในห้องหนังสือ แล้วหากระบอกใส่สารจากใต้ปีกของมัน หลังจากหยดของเหลวลงไป อักษรจึงปรากฏออกมา
แม้ใบหน้าของหรงจ้านจะมีรอยยิ้ม แต่แววตากลับเยียบเย็นไม่น้อย
"มู่หรงจิ่วหาฐานบัญชาการแห่งหนึ่งของพวกเราพบ และจับคนของพวกเราไป"
"นายท่าน เช่นนั้น..."
หรงจ้านยกมือปราม ก่อนที่มุมปากจะโค้งขึ้น "ข้าคาดไว้แล้ว เขาต้องกลับไปตรวจสอบจนถึงที่สุด ถึงอย่างไรข้าก็รู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขาทางนั้นอย่างชัดเจน เขาเป็คนฉลาดเฉียบคม ไม่มีทางไม่เคลื่อนไหว"
หรงจ้านเคาะโต๊ะ เปรยเสียงเบา "บางครั้ง ต้องเสียไปถึงจะได้มา"
ซื่อผิงพยักหน้าเข้าใจ
หรงจ้านมองหิมะนอกหน้าต่าง พลางเอ่ยช้าๆ "ข้าต้องหาคนที่สมคบกับพวกซีเหลียงให้พบ และต้องแก้แค้นให้บิดามารดาข้าให้จงได้ พวกเขาจะต้องไม่ตายเปล่า"
น้ำเสียงเย็นะเืเป็ที่สุด
ซื่อผิงคุกเข่า "ไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม ข้าน้อยจะติดตามข้างกายท่านอ๋อง และจะเป็แขนขวาช่วยงานท่านอ๋องให้ลุล่วงพ่ะย่ะค่ะ"
หรงจ้านถูฝ่ามือ "ข้าตัดสินใจจะไปสำรวจหอน้ำชาเจ็ดสมบัติคืนนี้"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้