เฉียวเยว่รู้แก่ใจว่าป้าสะใภ้ใหญ่คิดการอันใด พวกนางจะก่อความวุ่นวายอย่างไรก็ช่าง แต่ถ้าคิดจะดึงเรือนสามไปเกี่ยวข้อง หมายลากพวกเขาลงน้ำไปด้วย นางยอมไม่ได้เป็อันขาด
ในเรือนหลัก นอกจากสาวใช้คนนั้น ยังมีหวังหรูเมิ่งคุกเข่าอยู่ที่นั่น
เฉียวเยว่นั่งหน้านิ่งอยู่ด้านข้าง เดิมทีเด็กน้อยเช่นนางไม่ควรเข้าไปมีส่วนร่วมกับเื่นี้ แต่เมื่อนางถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าเป็นกต่อ นางย่อมต้องอยู่
"่เวลาที่เ้าบอกว่าเห็นข้า ข้ากำลังคุยกับพี่หรงเยว่กับพี่ิเยว่ จุดนี้ทุกคนเป็พยานได้ ไม่รู้ว่าเ้าอาศัยสิ่งใดมาบอกว่าเป็ข้า หรือว่าเ้าจะสามารถเห็นผี?"
เฉียวเยว่พูดเหน็บแนม ยามกวาดสายตาไปที่ป้าสะใภ้ใหญ่ รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้น
แต่สาวใช้คนนี้ดูไม่คล้ายว่าจะพูดปด หากนางโกหกจริงๆ ก็น่าจะต้องยืนกรานอย่างเอาเป็เอาตายชี้ว่าเป็นาง สายตาของเฉียวเยว่ไปตกที่ชิงเยว่ เย็นวันนั้นคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงไม่ได้มีแค่นางคนเดียว ก็แสดงว่าคนที่ไม่อยู่ตอนนั้นคือชิงเยว่
สิ่งที่นางนึกได้ คนอื่นก็ย่อมนึกได้ สีหน้าของชิงเยว่ยามนี้ม่วงคล้ำไปหมดแล้ว
"ท่านย่าเ้าคะ เื่นี้ควรตรวจสอบอย่างละเอียด มิเช่นนั้นไม่ว่าข้าหรือท่านลุงย่อมเสื่อมเสียชื่อเสียง หึๆ หลักฐานไม่มีสักชิ้นแต่กลับยืนกรานจะใส่ร้ายขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งของราชสำนัก หากพูดไป ข้าคิดว่าคงไม่น่าฟังสักเท่าไรกระมัง?" เมื่อคิดจะสาดน้ำครำใส่ผู้อื่นโดยไร้เหตุผล พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง
"ไม่ผิด วันนั้นข้าไปพบคนที่สวนดอกไม้จริงเ้าค่ะ" หวังหรูเมิ่งถูกบีบคั้นจนไม่ไหวแล้ว ในที่สุดก็เอ่ยปากออกมา "แต่ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับคนผู้นั้น และคนที่ไปพบก็หาใช่ท่านเสนาบดีฉี แม้ว่าตอนแรกที่ข้ามาจวนสกุลซูจะเคยแอบคิดว่าจะสามารถติดต่อทำความรู้จักกับท่านเสนาบดีฉีมากขึ้น แต่เมื่อแต่งให้ผู้อื่นแล้ว ข้าก็ต้องตระหนักในสถานะ ข้าหาใช่คนที่ไม่รักษาจรรยาสตรี"
ระหว่างการสอบสวน หวังหรูเมิ่งมีท่าทีผ่อนคลายและพูดต่อไป "คนที่ข้าไปพบคือบ่าวรับใช้ในจวน ข้าให้เขาไปซื้อยาจากข้างนอกมาให้ หลังจากนั้นก็ให้ลักลอบนำมาให้ข้า ตอนนั้นคนที่ช่วยดูต้นทางคือคุณหนูหก"
ชิงเยว่ฟังมาถึงตรงนี้ ก็คุกเข่าลง มุมปากสั่นระริก "ท่านย่า ข้าไม่มีประสงค์ร้าย ข้าเพียงแค่..."
ฮูหยินผู้เฒ่ายังนิ่งอยู่ หันไปมองหวังหรูเมิ่ง "เ้าพูดต่อ เพราะเหตุใดถึงไปจัดยาจากข้างนอก ในจวนไม่มีหมอหรือไร?"
หวังหรูเมิ่งหัวเราะเสียงเย็น "ในจวนย่อมมีหมอ แต่ท่านหมอในจวนยินดีช่วยข้าจริงหรือ? ข้าแต่งเข้ามาไม่เคยมีครรภ์ หลายวันก่อนตอนกลับไปเยี่ยมบ้านให้ท่านหมอมาตรวจ เขาวินิจฉัยว่าข้ากินยาห้ามครรภ์ ถึงไม่อาจตั้งครรภ์ได้ง่ายๆ นี่หมายความเช่นไร? นายท่านใหญ่ปรารถนาให้ข้ามีบุตรมาโดยตลอด แล้วจะมีใครได้นอกจากไท่ไท่ เอาเถอะ จุดนี้ข้าจะไม่กล่าวโทษนาง ใครให้นางเป็หลวง ข้าเป็อนุกันเล่า ดังนั้นข้าจึงแอบลอบซื้อยาจากข้างนอก แล้วให้บ่าวที่เคยติดหนี้บุญคุณข้าเป็คนนำมาส่งให้ หมัวมัวข้างกายของพี่สาวข้าก็ถูกไท่ไท่ใหญ่ซื้อตัวไปแล้ว ข้าจะไม่ระวังได้หรือ? ย่อมไม่กล้าให้สาวใช้ข้างกายรู้อะไรมาก เพียงแค่ลอบซื้อยาเองเท่านั้น คุณหนูหกยังเด็ก ไม่รู้ความ และคงจะไม่มีใครนึกถึงนาง ดังนั้นข้าจึงไหว้วานให้นางช่วยเหลือ"
หวังหรูเมิ่งกลับไม่บอกเื่ที่ตนเองมิได้ขอให้ชิงเยว่มาช่วย
ชิงเยว่รีบพยักหน้า "ถูกต้อง ถูกต้อง ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าแค่เห็นว่าท่านน้าหวังน่าสงสารถึงช่วยนาง ข้าแค่..."
"เอาล่ะ เด็กอย่างพวกเ้าสองคนออกไปก่อน วันนี้มีแขกมิใช่หรือ ออกไปเล่นเถอะ"
"เื่นี้ปรักปรำข้า แต่ไม่มีคำขอขมา" เฉียวเยว่ไม่ขยับ
ทว่าไม่ช้านางก็ถอนหายใจราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย "เฮ่อ ช่างเถอะ ช่างเถอะ ใครใช้ให้พวกท่านล้วนเป็ผู้ใหญ่กันเล่า แต่ถ้ามีครั้งต่อไป ข้าจะบอกเสด็จพี่รัชทายาทให้ทรงทราบ และถามเขาว่าการใส่ร้ายป้ายสีขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งมีโทษสถานใด"
"เอาล่ะ เฉียวเยว่ เ้าออกไปเล่นเถอะ"
ในใจของไท่ไท่สามก็โกรธเคืองมาก แต่จำเป็ต้องสะกดกลั้นไว้ ไม่ใช่เื่ง่ายที่พูดออกไปโดยตรง
"เ้าออกไปเถอะ"
เฉียวเยว่ประสานมือ "เ้าค่ะ"
หลังจากนั้นก็กลับไปเป็เด็กหญิงตัวน้อยที่สดใสไร้เดียงสา
หลังจากพ้นประตูมาแล้ว นางก็หัวเราะเยาะ
"คุณหนูร้ายกาจมาก ตอนนั้นบ่าวยังกลัวเลยเ้าค่ะ" เสี่ยวชุ่ยเอ่ยเสียงเบา
เฉียวเยว่เลิกคิ้วอย่างไร้พิษภัย "พวกเราไม่ได้ทำเสียอย่าง จะกลัวอันใด? ยิ่งไปกว่านั้นข้าเชื่อในคุณธรรมของท่านลุง พวกนางแย่งชิงความโปรดปรานกันเอง น่าอับอายขายหน้าไม่ว่า ยังดึงเรือนสามของพวกเราไปเกี่ยวข้อง ไม่รู้จักละอายใจกันบ้างเลย ถึงอย่างไรบิดาข้าก็ดีที่สุด เขารอบคอบเฉลียวฉลาด เยือกเย็นไม่มากรัก เื่เลยลดลงไปเยอะ"
เสียงของเฉียวเยว่ไม่ดังแต่ไม่เบา เพียงพอให้คนในห้องได้ยิน
อวิ๋นเอ๋อร์รีบอุดปากของนางทันควัน
เฉียวเยว่ดิ้นขลุกขลัก ถูกอวิ๋นเอ๋อร์ลากตัวออกไป
"คุณหนู เดี๋ยวในห้องได้ยินนะเ้าคะ"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ "ข้ารู้ ก็ข้าอยากให้พวกนางได้ยิน จะได้ไม่มีคราวหน้าอีก"
นางฮัมเพลงเบาๆ จนกระทั่งมาถึงเรือนของบ้านใหญ่ อันที่จริงิเยว่ก็ได้ยินมาบ้าง แต่สตรีอายุเช่นนางไม่ควรเข้าไปมีส่วนร่วมกับเื่นี้ พอเห็นเฉียวเยว่เดินมาก็เอ่ยทักทาย "น้องสาวรีบเข้ามา เ้ามาสายแล้ว"
ภายในห้องมีแม่นางน้อยอยู่สองสามคน ิเยว่แนะนำให้เฉียวเยว่รู้จักทีละคน
ดูรู้ว่าแม่นางน้อยเหล่านี้หาใช่สหายที่สนิทสนมคุ้นเคยกับิเยว่ แต่เป็รุ่นเยาว์กว่าเล็กน้อย ดูท่าคงอยากจะแนะนำสหายร่วมเล่นให้แก่เฉียวเยว่จริงๆ
หนึ่งในนั้นเป็แม่นางน้อยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอายุสิบกว่าขวบแล้วแต่ยังดูเด็กอยู่ นางเบิกตากว้างเอ่ยปากทักทาย "ข้าชื่อโม่หลัน เ้ายังจำข้าได้หรือไม่ ตอนเล็กๆ ข้าเคยเจอเ้าแล้ว"
เฉียวเยว่นึกดูก็รู้สึกว่ามีเค้าความทรงจำอยู่บ้าง นี่คือญาติผู้น้องของคุณหนูจูซึ่งค่อนข้างสนิทกับพี่ิเยว่
ชื่อว่า... ชื่อว่าหยางโม่หลัน
"เ้าจำข้าได้ด้วยหรือ ข้าเปลี่ยนไปมากเลยนะ" เฉียวเยว่หัวเราะออกมา
"ได้สิ เ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ นี่เ้าผอมลงได้อย่างไร ช่างดียิ่ง" นางรู้สึกอิจฉามาก "หน้าของข้ามีแต่เนื้อ ทำอย่างไรก็ไม่ลด ขนาดกรำอ่านตำราอย่างหนักทุกคืนยังเป็เช่นนี้เลย"
"ข้าออกไปอยู่ข้างนอกสองปี เดินทางยากลำบาก จะไม่ผอมได้อย่างไร ว่าแต่โม่หลันจะสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีปีหน้าหรือ?"
โม่หลันพยักหน้า "วันเกิดของข้าเพิ่งผ่านไป ปีนี้ยังเข้าสอบไม่ได้ ปีหน้าถึงเข้าร่วมสอบ ได้ยินพี่ิเยว่บอกว่าเ้าเด็กกว่าข้าหนึ่งปี เ้าอยากสอบล่วงหน้าหรือไม่?"
เฉียวเยว่ผงกศีรษะยิ้ม "ใช่แล้ว"
"ช่างดียิ่ง พวกเราไปสอบด้วยกัน นึกถึงการสอบแล้วข้าก็แทบหัวโต แต่เ้าคงจะไม่วิตกกระมัง ตอนนั้นพี่อิ้งเยว่ของเ้าทำเอาสั่นะเืไปทั้งสนามสอบ ข้าได้ยินญาติผู้พี่บอกว่า นอกจากวิชาขี่ม้ายิงธนูที่ผ่านแบบคาบเส้นพอดี วิชาอื่นๆ นางล้วนล้ำเลิศ"
เฉียวเยว่ถอนหายใจ "ข้าไม่เหมือนนาง นางเป็เด็กเรียน แต่ข้าเป็คนธรรมดาทั่วไป ซ้ำยังหนีไปเที่ยวตั้งสองปี ไม่รู้ว่าระดับความรู้จะเป็อย่างไรบ้าง ตอนนี้ก็อ่านตำราทุกวัน หากสอบไม่ติด บิดาต้องไม่ละเว้นข้าแน่"
โม่หลันพยักหน้า "บิดาข้าก็เหมือนกัน ยังมีมารดาอีกคน พวกเขาบอกว่าถ้าข้าสอบไม่ผ่านจะตีขาสุนัขของข้าให้หัก"
แม้อายุเกินสิบขวบแล้ว แต่โม่หลันยังค่อนข้างไร้เดียงสา เพียงพบหน้าเฉียวเยว่ก็รู้สึกเหมือนคนคุ้นเคยกัน สนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว
เฉียวเยว่ร่าเริงสดใสมาแต่ไหนแต่ไร ผู้อื่นกระตือรือร้นมีไมตรีปราศจากเจตนาร้ายแอบแฝง นางย่อมยินดีคบหา "เช่นนั้นเ้ามาอ่านตำราด้วยกันกับข้าก็ได้ พวกเราศึกษาร่วมกัน ช่วยกันดูว่าใครบกพร่องส่วนไหน หากมีปัญหาก็สามารถถามพี่สาวของข้าได้"
พอได้ยินเช่นนี้ โม่หลันก็ดีใจมาก "เช่นนั้นก็ดีเยี่ยมเลย ข้าจะมา ข้าจะมา"
แท้จริงแล้วครอบครัวก็สนับสนุนให้นางคบหากับแม่นางน้อยของสกุลซู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือนสาม
เห็นเฉียวเยว่มีเพื่อนใหม่อย่างรวดเร็ว ิเยว่ก็ถอนหายใจ "เด็กน้อยอยู่ด้วยกันเดี๋ยวเดียวก็สนิทกันแล้ว เป็ข้าวิตกมากไปเอง"
คนอื่นๆ ต่างหัวเราะ
แม่นางน้อยคนหนึ่งเม้มปาก ก่อนเอ่ยถาม "ไม่รู้เหตุใดชิงเยว่ถึงยังไม่มา"
แต่พอสิ้นเสียง ก็เห็นชิงเยว่เลิกม่านขึ้นพอดี ทั้งสองต่างทักทายกัน เห็นได้ชัดว่าแม่นางน้อยผู้นี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับชิงเยว่
เฉียวเยว่รู้จักกับแม่นางน้อยอีกสองสามคน แต่พวกนางมีอุปนิสัยที่แตกต่างกันไป บางคนก็คุยกันได้แต่บางคนก็ไม่ไหว
เฉียวเยว่ค่อนข้างจะเปิดกว้างกับการคบหาสหาย
"เฉียวเยว่ พวกเ้ากลับมาเมืองหลวงแล้ว คุณชายิ่กับรัชทายาทยังมาเรียนที่นี่อยู่หรือไม่" คุณหนูชุดสีชมพูถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เฉียวเยว่ส่ายหน้าอย่างไม่นำพา "ไม่รู้สิ เื่แบบนี้ใครเขาจะบอกข้าเล่า"
ขณะที่นางสั่นศีรษะ กระพรวนน้อยบนศีรษะก็ดังขึ้นมา ทำให้นางดูเป็คนขี้เล่น
"ตอนนี้สิ่งใดกำลังเป็ที่นิยมเล่นกันในเมืองหลวง พวกเรามาเล่นกันบ้างดีหรือไม่?" เฉียวเยว่ท่าทางผ่อนคลาย
"กระพรวนน้อยของเ้าน่ารักจัง เฉียวเยว่ เ้าออกไปตั้งนาน คงเรียนรู้อะไรมาเยอะกระมัง มีอะไรน่าสนใจบ้างล่ะ..."
...
ถึงยามเย็นโพล้เพล้กลับมาถึงเรือน เฉียวเยว่ก็ถอนหายใจ "พวกนางสนใจเสด็จพี่รัชทายาทกับพี่ชายิ่มากกว่าพวกเราเสียอีก"
วกมาถามถึงพวกเขาแทบจะทุกสองสามประโยค
อิ้งเยว่สีหน้าเรียบเฉย "นี่เป็เื่ปรกติมิใช่หรือ พวกนางล้วนเป็แม่นางอายุสิบกว่าขวบ โตหน่อยก็สิบสี่สิบห้า ใกล้ถึงอายุที่ต้องหมั้นหมายพอดี รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยเป็ตัวเลือกชั้นดี ย่อมมีคนนึกถึงมากเป็ธรรมดา"
เฉียวเยว่เข้าใจเหตุผล แต่ก็ยังรู้สึกขบขันอยู่ดี "เด็กตัวจ้อยสิบกว่าขวบจะรู้อันใด"
อิ้งเยว่ชำเลืองมาที่นางพลางค่อนแคะ "เ้าเองก็เป็เด็กตัวจ้อยสิบกว่าขวบ แต่ข้าไม่เห็นว่าเ้าทำเช่นนี้จะมีอันใดน่าสนใจ ระหว่างสหายความจริงใจคือสิ่งสำคัญที่สุด อายุแค่นี้ก็คิดจะใช้น้องสาวน้องชายทำความรู้จักกับบุรุษ ไม่เห็นจะน่าสนใจสักนิด"
"แต่ก็นับว่าเป็เื่ธรรมดากระมัง ข้าเห็นพี่สาวไม่คุยกับพวกนาง ข้ารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เื่ใหญ่อันใด" ทุกคนล้วนมีจุดด้อยของตนเองทั้งนั้น
อิ้งเยว่ "ถึงอย่างไรข้าก็ไม่รู้สึกดี"
เฉียวเยว่ไม่ฝืนบังคับให้คนอื่นต้องมาเหมือนกับตนเอง จึงกล่าวไปว่า "คุยซอกแซกเื่ของชาวบ้านดีจะตาย เสียแต่เหนื่อยไปหน่อย"
นางยืดเอวบิดี้เี "ข้าจะไปดูสถานการณ์ที่เรือนของท่านย่า ไม่รู้ว่าจัดการเื่ฟอนเฟะของเรือนใหญ่ไปถึงไหนแล้ว"
"เด็กอย่างเ้าอย่ายุ่งมากนักเลย" อิ้งเยว่รั้งนางไว้
เฉียวเยว่เลิกคิ้ว "พวกเขารังแกข้าก่อนนี่ ข้าอยากรู้บทสรุปของเื่นี้ก็เป็ธรรมดามิใช่หรือ?"
อิ้งเยว่หัวเราะหึๆ "ต่อให้ไม่เกี่ยวกับเ้า เ้าก็อยากรู้อยากเห็นอยู่ดีนั่นแหละ อย่าไปเลย ท่านแม่ไม่ชอบให้เ้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับเื่เหล่านี้ อีกอย่างข้าไม่คิดว่ามันจะกลายเป็เื่ใหญ่ได้ ฟังจากเ้าเล่าข้าก็รู้แล้ว"
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "ความจริงหวังหรูเมิ่งก็ร้ายกาจไม่เบา ระดับป้าสะใภ้ใหญ่ยังติดกับดัก"
สองพี่น้องหัวเราะอย่างรู้กัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้