แรกเริ่มเดิมที ิอวี่คิดว่ารูปร่างลักษณะของสายฟ้านั้นมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ยิ่งดูกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่
ลวดลายลักษณะทรงกลมเหมือนดอกกุหลาบ มันเหมือนกับลายเส้นอักขระไม่มีผิดเลย!
หรือว่าลายเส้นอักขระยังสามารถสร้างขึ้นบนฟ้าได้อีกด้วย?
“ััแห่งิญญา”
ิอวี่เปิดััแห่งิญญาขึ้น ประสาททั้งหมดถูกเปิดออก ดวงตาสีดำวาวของเขาทั้งสองข้างพบว่า สายฟ้าเป็ทรงกลมและมีขอบที่เข้าหาศูนย์กลางอยู่ตลอด
พลังงานที่สามารถทำให้คนหัวปวดได้ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ราวกับว่าอสูรที่หลับใหลเป็เวลานานนั้นกำลังจะตื่นขึ้นมา!
หากไม่ใช่เพราะิอวี่มีประสาทััเหนือกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว ก็แทบจะไม่มีใครรู้เลยว่ามันคือลายเส้นอักขระ เพราะพลังงานที่อยู่ด้านในยังไม่ได้ปล่อยออกมา มันซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเมฆ ต่อให้เป็ยอดฝีมือชั้นสูงก็ยังยากที่จะตรวจพบได้
“มันเป็แบบนี้ไปได้อย่างไร?”
ิอวี่หน้าซีด ลายเส้นอักขระอันนี้มันใหญ่มาก เขามองดูลายเส้นอักขระก่อตัวขึ้นโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อจ้องมองไปแบบนี้ก็พบว่าสายฟ้าที่ประหลาดและลึกลับนั้นกำลังเริ่มเป็รูปเป็ร่างขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มหมุนเป็กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ และเริ่มดูดพลังงานรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง
เสียงอื้ออึงดังลงมาจากฟ้าทำให้บ้านเรือนสั่นะเื ในเวลานี้ทุกคนถึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า แต่มันก็สายไปแล้ว พลังอักขระสายฟ้ากระจายทั่วไปหมด จากนั้นก็มีแสงสีฟ้าที่น่ากลัวฟาดลงมาอย่างแรง
ตำแหน่งของสายฟ้าที่ฟาดลงมานั้น ก็คือ ... ตำหนักิหุน!
ทันใดนั้นเอง รอบวังหลวงต้าิก็มีลายเส้นอักขระสว่างจ้าขึ้นมา ก่อตัวเป็กระโจมแล้วหุ้มทั่วทั้งวังหลวงเอาไว้ด้านใน
มันเป็ลายเส้นอักขระป้องกันวังหลวงที่ทำงานทันทีเมื่อััได้ว่ามีอันตราย!
แต่ว่าเพราะมันทำงานขึ้นเองโดยไม่มีใครควบคุม แสงสีเหลืองจึงถูกแสงสีฟ้าผ่าทำลายจนแตกกระเจิง จากนั้นแสงสายฟ้าก็พุ่งลงไปะเิตำหนักิหุน
“ไม่นะ!”
ิอวี่ะโออกไป แต่ไม่สามารถหยุดยั้งอะไรได้เลย สายฟ้าได้ฟาดะเิลงไปที่ตำหนักิหุนจนเกิดเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว
“ตู้ม!”
ิอวี่รู้สึกได้ว่ามีแรงสั่นะเืจากพื้นจนเกือบจะล้มลง ะเิเป็แสงสีน้ำเงินเข้มที่รุนแรงมาก ลมที่น่ากลัวแผ่กระจายออกไปทั่ว ต้นไม้สูงใหญ่บางส่วนถูกโค่นล้ม
เดิมิอวี่คิดว่าวังหลวงจะถูกสายฟ้าฟาดจนไม่เหลือ แต่ว่ามันกลับไม่ได้เป็แบบนั้นเลย ั้แ่เริ่มะเิจนจบใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบวินาที นอกจากความเสียหายที่เกิดจากคลื่นแล้ว ก็ไม่มีความเสียหายอย่างอื่นเลย
แต่ตำหนักิหุนเป็สถานที่เดียวที่เสียหายอย่างมาก
ิอวี่วิ่งตรงไปยังตำหนักิหุนท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำ ในใจของเขารู้สึกสงสัยไม่เข้าใจ และอีกอย่างเขาก็เป็ห่วงิเฉินเหยียนด้วย
ถึงแม้ในใจของิอวี่จะไม่ค่อยประทับใจในตัวของิเฉินเหยียนเท่าไร อีกทั้งยังแย่มากด้วย! แต่ว่าต่อให้จะไม่ดีอย่างไรก็ยังเป็พ่อของเขา ซึ่งมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงเื่นี้ได้
ต่อให้ิอวี่จะเกลียดเขาแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางไม่สนใจความปลอดภัยของเขา
ิอวี่วิ่งอยู่บนหลังคาประมาณสิบนาทีก็มาถึงบนหลังคาของตำหนักิหุน
ตอนที่เขามองเข้าไปในตำหนักิหุนก็ต้องอึ้งไปอย่างมาก
ตำหนักิหุนที่ดูยิ่งใหญ่ไม่เหลือสภาพเดิมอยู่เลยแม้แต่น้อย เหลือเพียงหลุมดำที่ลึกลงไปกว่าร้อยเมตร!
พลังงานจากลายเส้นอักขระสายฟ้าเมื่อครู่นั้นรวมตัวกัน แล้วะเิใส่ตำหนักิหุนทั้งหมด!
ภายในหลุมขนาดใหญ่นี้ยังพอมองเห็นแสงสายฟ้าระยิบระยับอยู่บ้าง
มันเป็การโจมตีในขอบเขตที่เล็กมาก ถึงแม้ขอบเขตของพลังสังหารจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่พลังสังหารนั้นกลับมีอานุภาพที่ร้ายแรงมาก
เป้าหมายคือใครไม่ต้องคิดก็รู้ คนที่ทำไม่ได้้าทำลายวังหลวงต้าิ แต่้าทำร้ายิอ๋องให้าเ็สาหัส!
หากิอ๋องล้ม ต้าิก็จะล่มสลาย!
ิอวี่เริ่มเปิดใช้งานััแห่งิญญา รวบรวมสมาธิอย่างต่อเนื่อง เขาพบว่าหลุมมีขนาดใหญ่และลึกมาก มันยังมีพลังชีวิตอยู่ หัวใจของเขาเต้นเร็วมากเหมือนกำลังตีกลองอยู่
“ตุบตุบ ... ตุบตุบ ...”
“อ๊าก!”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากในหลุม ิเฉินเหยียนะโขึ้นมาที่ขอบหลุมแล้วพยายามคุกเข่า
ทั่วทั้งตัวของิเฉินเหยียนมีควันลอยขึ้นมา ชุดัของเขาขาดจนหมดสภาพเห็นถึงร่างกายที่แข็งแกร่งกำยำ แต่ที่ขาด้านนอกด้านซ้ายของิเฉินเหยียนนั้นหายไปจนเห็นกระดูกด้านใน บนมือและบนบ่าก็เห็นถึงกระดูกจนหมด!
แม้แต่เนื้อหนังและเืบนโหนกแก้มซ้ายของิเฉินเหยียนก็หายไปด้วย ทำให้เห็นกะโหลกศีรษะของเขากว่าครึ่งหน้า!
แต่าแพวกนี้กลับไม่มีรอยเืเลย เพราะมันถูกเผาจนแห้งไปแล้ว รอยเืบนร่างกายของิเฉินเหยียนกลายเป็สีดำ อีกทั้งที่าแยังมีร่อยรอยการบาดของแสงสีน้ำเงินนั้นด้วย!
ิเฉินเหยียนเ็ปมาก หากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปถูกสายฟ้าโจมตีจะต้องดับสูญไปแล้วเป็แน่ แต่ิเฉินเหยียนยังมีชีวิตอยู่!
เขาฝึกวิชาอยู่ในใต้ดินของตำหนักิหุน ไม่มีทางสังเกตเห็นอักขระสายฟ้านี้แน่นอน แต่เมื่อสายฟ้าะเิออกเขาก็รับรู้มันได้ในทันที แต่เมื่อคิดจะหนีมันก็สายไปแล้ว
เพราะไม่มีทางเลือก เขาจึงะเิท่าไม้ตายออกมาเพื่อต้านพลังสังหารจากอักขระสายฟ้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้รับาเ็สาหัสอยู่ดี
ที่ิเฉินเหยียนไม่ตายนั้นก็เกี่ยวข้องกับระดับพลังชีวิตและพลังฝีมือของเขาอย่างมาก เพราะิเฉินเหยียนหลุดพ้นขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนไปสู่ระดับใหม่อย่าง “ขอบเขตอมฤต”!
ขอบเขตอมฤต เป็การรวบรวมเอาลมปราณมากลั่นเป็มณีวัฒนะ จากนั้นก็ปลูกเอาไว้ในร่างกาย แค่ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งถึงห้า ก็จะต้องทำการแบ่งลมปราณปลูกถ่ายไปยังหัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต
และิเฉินเหยียนเองก็สามารถกลั่นลมปราณให้เป็มณีวัฒนะปลูกถ่ายเอาไว้ที่หัวใจแล้ว ทำให้พลังความสามารถและพลังชีวิตของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว
เพราะมณีวัฒนะที่อยู่ที่หัวใจ ิเฉินเหยียนถึงสามารถซ่อนพลังลมปราณที่แข็งแกร่งมากเอาไว้ได้ และก็เป็สาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงได้รอดชีวิต
ิเฉินเหยียนะโขึ้นมาจากหลุม ผู้กล้าแทบจะทั่วทั้งวังหลวงมุ่งหน้ามาที่นี่กันหมด พอเห็นสภาพที่อนาถและน่ากลัว ทุกคนก็ล้วนแต่ก้มหน้ายอมรับโทษกันหมด
พระสนมต่างรีบเร่งกันมาที่นี่ พอได้เห็นสภาพของิเฉินเหยียนก็คุกเข่าร้องไห้กันอย่างหนัก เหมือนได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง จากนั้นก็สลบไป
“ฝ่าา กระหม่อมมาช้าไป มีโทษสมควรตาย!”
“พูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์! ยังไม่รีบคุ้มกันฝ่าากลับที่บรรทมแล้วเรียกหมอหลวงมารักษาอีก!”
ขุนนางรอบๆ บางส่วนเริ่มโต้เถียงกัน การที่ิอ๋องาเ็สาหัสนั้นส่งผลใหญ่หลวงต่อพวกเขามาก
“ทุกคน ... ฟังฟังคำสั่งข้า”
ิเฉินเหยียนพยายามลุกขึ้นยืน ร่างกายของเขาเ็ปอย่างมากจนมุมปากสั่น แต่ก็ยังใช้เสียงแหบแห้งพูดว่า “หลังจากนี้อีกสามวัน ให้องค์ชาย องค์หญิง และขุนนางระดับสามขึ้นไปที่ออกไปฝึกฝนอยู่ภายนอก กลับวังหลวงมากันให้หมด! ข้า ... มีเื่จะประกาศ!”
ิเฉินเหยียนรู้ดีว่า สายฟ้าที่ฟาดลงมาในวันนี้เป็แค่การเตือนเท่านั้น แต่มันก็เป็การข่มขู่ที่ไร้ความปราณีมาก
วันนี้เขาได้รับาเ็สาหัส ต้องใช้เวลารักษาประมาณสองปีถึงจะหายขาดได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าระหว่างสองปีนั้นจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง? ทุกอย่างมันเหนือความควบคุมของิเฉินเหยียน เขาััได้ว่าต้าิกำลังมีอันตราย จากนั้นก็คิดหาวิธีการที่เร็วที่สุดออกมาได้วิธีหนึ่ง ... มันเป็วิธีเดียวเท่านั้น และเขาจำเป็ต้องใช้!
ตลอดระยะเวลาสามวัน ชาวบ้านที่อยู่ในต้าิพูดถึงเื่สายฟ้าอันน่ากลัวในคืนนี้ ได้ยินมาว่าเกิดจากที่ิอวี่ทำการฝึกวิชาจึงทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้น
แต่ชาวบ้านไม่รู้เลยว่า ราชสำนักต้าิปิดข่าวเื่ที่ิอ๋องได้รับาเ็สาหัส มิเช่นนั้นหากพวกชาวบ้านรู้เข้าจะต้องเกิดความหวาดกลัวและแตกตื่นขึ้นเป็แน่
ตลอดสามวัน ราชสำนักต้าินิ่งมาก แต่ท่ามกลางความนิ่งสงบกลับมีความเคลื่อนไหวอย่างมหาศาล แทบจะทุกพื้นที่เขตแดนต่างกำลังเร่งเดินทางกลับมายังวังหลวงกันหมด
ผ่านไปสามวัน ในค่ำคืนที่ฝนกระหน่ำ ณ ตำหนักหลงเถิงในวังต้าิ!
ตำหนักหลงเถิงเป็สถานที่สำคัญในการออกว่าราชการของต้าิ ในเวลานี้ ิอ๋องนั่งอยู่บนเก้าอี้บัลลังก์โดยมีผ้าพันแผลอยู่ทั่วตัว
ถึงแม้เขาจะาเ็สาหัส แต่ภายในร่างกายของเขานั้นกลับยังมีพลังอยู่อีกจำนวนมหาศาล ลมปราณที่อยู่ในมณีวัฒนะที่หัวใจจำนวนมากถูกปล่อยออกมาทั่วร่างกายพร้อมกับจังหวะการเต้นของหัวใจ กระจายอานุภาพน่าเกรงขามออกไปทั่ว
ในเวลานี้ มีผู้มีอำนาจมากมายรวมตัวกันอยู่ในตำหนักหลงเถิงที่วิจิตรตระการตา
หลังจากที่เสนาบดีกรมคลังหลี่จงหลุดจากตำแหน่งไปก็มีคนมารับตำแหน่งใหม่ ตอนนี้เสนาบดีทั้งหกคนยืนทางกราบซ้ายกันอย่างครบถ้วน ส่วนทางด้านขวาก็เป็ชายชราสวมชุดสีดำจำนวนสิบคน
แต่ละคนมีความน่าเกรงขามแผ่กระจายออกมา ราวกับพลังที่สามารถกดทับูเาได้!
สิบคนนี้คือองครักษ์หน้าพระที่นั่ง วันนี้ ทั้งสิบคนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว
ส่วนลูกๆ ของิเฉินเหยียนก็ล้วนแต่ยืนอยู่ด้านข้างกันหมด พวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียด ิอวี่ก็ยืนอยู่ในนั้นด้วย ต่อให้เขาจะมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกแล้ว และมีพลังจิตที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างนั้น การมายืนอยู่ต่อหน้าเหล่าผู้กล้าที่แข็งแกร่งจำนวนมากแบบนี้เขาก็ยังััได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา!
และในเวลานี้เอง ก็มีเงาคนเดินเข้ามายังตำหนักหลงเถิง!
คนแรก น้ำหนักการเดินราวกับพยัคฆ์ เขาสวมชุดเกราะสีเหลือง ร่างกายสูงสองเมตร ไว้หนวดไว้เครา มีดวงตาที่ดุดันและมีลมปราณที่ทรงพลังน่ากลัว สีหน้าท่าทางของเขาจริงจัง อกผายไหล่ผึ่ง ท่าทางราวกับนักรบเกราะเหล็กที่ผ่านการทำศึกมาอย่างโชกโชน!
เขาคนนี้ก็คือหนึ่งในสามขุนพลใหญ่ของต้าิ เสวียปู้หุ่ย!
เสวียปู้หุ่ย จัดอยู่ในอันดับสามของตารางอันดับนักรบของต้าิ เป็ทหารั้แ่อายุสิบขวบ เมื่อายุสามสิบก็ได้เป็แม่ทัพ มีดาบชิงหลงเป็อาวุธคู่กาย ทำศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับิอ๋องมานับไม่ถ้วน ร่วมสร้างแผ่นดินต้าิขึ้นมา มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าในขีดระดับสูงสุด มีพลังเทียบเท่ากับราชสีห์แปดพันสามร้อยตัว!
ข้างกายของเสวียปู้หุ่ยยังมีอีกคนหนึ่ง ร่างกายของเขารูปร่างสูงใหญ่เช่นกัน เขาสูงประมาณหนึ่งเมตรเก้าสิบ สวมชุดเกราะสีเทา มีเสื้อคลุมสีเื ดวงตาของเขาดูหนักแน่น ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้เผยลมปราณออกมา แต่กลับทำให้รู้สึกเสียวสันหลังไปจนถึงกระดูก ะเืไปทั่วิญญา!
เขาคนนี้ก็คือหนึ่งในสามขุนพลใหญ่ของต้าิ เซิ่นเจิ่นโหว!
เซิ่นเจิ่นโหว จัดอยู่ในอันดับสี่ของตารางอันดับนักรบของต้าิ เป็ทหารั้แ่อายุสิบห้า เป็แม่ทัพตอนอายุสี่สิบ อาวุธประจำกายคือธนูเสวี่ยเยวี่ย เขาเป็นักแม่นธนู สามารถเด็ดหัวศัตรูได้ั้แ่นอกรัศมีห้าสิบลี้! มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าในขีดระดับสูงสุด มีพลังเทียบเท่ากับราชสีห์แปดพันหนึ่งร้อยตัว!
“ถวายพระพรฝ่าา!”
“ถวายพระพรฝ่าา!”
ทั้งสองคนทำความเคารพ เสียงของพวกเขามีพลังมาก ะเืไปทั่วตำหนัก