ได้เวลาที่เซี่ยเสี่ยวหลานควรจะมาถึงโรงเรียนแล้ว
เธอไม่ได้จงใจปิดบังตำแหน่งที่อยู่ของตนเอง เซี่ยเสี่ยวหลานเดินผ่านถนนหน้าประตูโรงเรียนเส้นนั้นอย่างเนิบนาบมิใช่ต้องผ่านจางจี้หรือ?
จางชุ่ยเฝ้าคอยด้วยความกระวนกระวาย เฝ้าตอรอกระต่าย [1] ตั้งหลายวันกว่าจะเจอเซี่ยเสี่ยวหลานหลายวันมานี้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขนาดตอนที่ทำของกินยังรวบรวมสติไม่ได้ลูกค้าพูดว่าไส้ซาลาเปาไม่เค็มก็จืดจางชุ่ยจึงมอบหมายงานนี้ให้เจียงเหลียนเซียงเสียเลย
ในร้านจางจี้อาหารว่าง ผู้ที่ฝีมือดีสุดเป็จางชุ่ยเธอตั้งแผงลอยอาหารว่างในอันชิ่งถึงสามปี จากตอนแรกที่ทำไม่อร่อยก็ค่อยๆฝึกฝนฝีมือจนชำนาญ
เมื่อคำนึงถึงผลประโยชน์ของร้านจางชุ่ยเป็เถ้าแก่แล้วแต่ยังไม่กล้าหย่อนยาน น้องชายเธอจางหม่านฝูรับผิดชอบนวดแป้งเจียงเหลียนเซียงจัดการงานกระจุกกระจิก จางชุ่ยคุมรสชาติไม่ว่าเครื่องปรุงต้องใส่เท่าไร รวมไปถึงอัตราส่วนของผักและเนื้อสัตว์จางชุ่ยเชี่ยวชาญมากที่สุด... ทว่าตอนนี้ จิตใจของเธอวิ่งวุ่นไปติดกับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
เดิมทีนึกว่าเข้าหาอาจารย์ใหญ่ซุน มั่นใจว่าเซี่ยเสี่ยวหลานต้องถูกไล่ออกแน่นอนที่ไหนได้แม้มอบของฝากไม่เคยขาดมือ ทว่าคราวก่อนภรรยาอาจารย์ใหญ่กลับมาเทศนาพวกเธอเสียยกใหญ่
เซี่ยเสี่ยวหลานกลายเป็นักเรียนดีเด่นแล้ว?
ทั้งยังเล่าถึงความลำบากต่างๆ นานาในการศึกษาของเซี่ยเสี่ยวหลานคนตระกูลเซี่ยควรปล่อยวางอคติช่วยเหลือเธอให้มาก
จางชุ่ยโมโหจนเส้นเืในสมองแทบแตกแล้ว!
ช่วยเซี่ยเสี่ยวหลาน? เธอต้องบ้าไปก่อน
ในใจกังวลแต่กับเื่นี้ จางชุ่ยกินไม่ได้นอนไม่หลับเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยได้จริงหรือเธอขอให้เซี่ยฉางเจิงคิดหาหนทาง เซี่ยฉางเจิงก็โกรธเคืองเช่นกันเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินย้ายไปกระทั่งทะเบียนบ้าน ตระกูลเซี่ยควบคุมเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้แม้แต่น้อยเซี่ยเสี่ยวหลานไม่พึงพาการเลี้ยงดูของตระกูลเซี่ยและไม่้าให้ตระกูลเซี่ยช่วยจ่ายค่าเล่าเรียนด้วยเซี่ยฉางเจิงและจางชุ่ยจึงไร้ซึ่งอุบายจัดการเธอ
“ให้ต้าจวินออกโรง?”
เซี่ยฉางเจิงส่ายหน้า น้องชายรองของเขาไม่ฉลาดเฉลียว แต่ก็ไม่โง่งมขนาดนี้
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าเรียนได้โดยไม่ต้องให้ตระกูลเซี่ยส่งเสียพอสอบติดมหาวิทยาลัยบิดาแท้ๆ อาจพลอยได้อานิสงส์ไปด้วยแม้เซี่ยต้าจวินจะเป็ท่อนไม้ ทว่าเขาไม่ได้จิตบกพร่อง ทำไมจะไม่อนุญาตให้เซี่ยเสี่ยวหลานเรียนหนังสือกัน—อีกอย่างต้าจวินก็คุมเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยู่หรอก เด็กนั่นดื้อรั้นไม่น้อย
“จางเสเพลจากหมู่บ้านสือพัวจื่อโดนตัดสินจำคุกตลอดชีวิต...”
เซี่ยฉางเจิงเสียใจยิ่งนัก จางเสเพลปรารถนาในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานมานานนมหากใช้เขาไปก่อความวุ่นวายที่โรงเรียน บอกเล่าเื่ราวรักๆ ใคร่ๆระหว่างเขาและเซี่ยเสี่ยวหลาน บางทีเซี่ยเสี่ยวหลานอาจอับอายที่จะอยู่ในเซี่ยนอีจงต่อไปก็ได้!
นอกจากจางเสเพล จะไปหาคนที่เหมาะสมได้จากไหน?
สถานการณ์การปราบปรามยังไม่ผ่านพ้นไปร้านค้าเร่บนถนนหนทางล้วนปฏิบัติซื่อสัตย์สุจริตเพราะกลัวโดนคนรายงานนับประสาอะไรกับอันธพาลที่คุกคามข่มเหงสตรีพวกนั้น แต่ละรายพากันหลบซ่อนกลัวโดนสำนักงานสันติบาลจับไปเป็เป้าหมายที่้าปราบปราม
“ลองถามความเห็นของจื่ออวี้ดีไหม?”
ตอนแรกเซี่ยฉางเจิงและภรรยา้าจัดการปัญหานี้ด้วยตนเองพวกเขาเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ใช่คนโง่ สามีภรรยาอายุอานามรวมกันตั้งเท่าไร เพียงเด็กสาวเหลวไหลคนหนึ่งเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานยังต่อกรไม่ได้เชียวหรือทว่าเื่ราวมันลามมาถึงขนาดนี้ั้แ่เซี่ยจื่ออวี้ลาจากบ้านเกิดไปศึกษาต่อที่ปักกิ่ง ไม่มีลูกสาวคอยบงการพวกเขาทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ราบรื่นเอาเสียเลย
ฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากอำนาจของอาจารย์ใหญ่ซุนเหมือนกันแต่ตอนนั้นเซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้มอบสินน้ำใจใด เป็อาจารย์ใหญ่ซุนเสนอตัวเอ่ยปากช่วยเหลือเอง
เซี่ยฉางเจิงมอบของขวัญมากมายแด่บ้านซุนกลับกลายเป็ว่าโดนภรรยาอาจารย์ใหญ่ซุนติเตียนอบรมเข้าจางชุ่ยเรียนรู้ทักษะจากลูกสาวเซี่ยจื่ออวี้มาบ้าง สุดท้ายก็เพราะวาดเสือจบที่สุนัข [2] นั่นแหละ เสแสร้งแกล้งทำว่าในบ้านเซี่ยนั้นไร้ปัญหาพอห่างจากหมู่บ้านต้าเหอเล่ห์กลของเธอก็ไม่ได้ผลแล้ว
“รออีกหน่อย เธอถามจื่ออวี้ก่อนว่าปิดภาคเรียนฤดูหนาวจะกลับมาหรือไม่”
โทรเลขหนึ่งฉบับเล่าเื่ราวได้ไม่ชัดเจน ถ้าเซี่ยจื่ออวี้ไม่กลับมาเจอด้วยตนเองจะรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างไร?
จางชุ่ยพยายามข่มอารมณ์ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะยุแยงเซี่ยหงเซี๋ย่นี้เซี่ยหงเซี๋ยจดจ้องหน้าประตูเซี่ยนอีจงไม่วางตาทั้งวันในที่สุดก็มองเห็นเงาเซี่ยเสี่ยวหลานจนได้ เซี่ยหงเซี๋ยรีบร้อนคาบข่าวไปรายงาน
“ป้าสะใภ้ เธอมาโรงเรียนแล้ว!”
คนที่อุ้มหนังสืออยู่ตรงนั้น ก็คือเซี่ยเสี่ยวหลาน
แต่งตัวไม่ใหม่ไม่เก่า ทว่ากลับต่างไปจากเดิมปราศจากความโง่เขลาในอดีตที่ใกล้เคียงกับเซี่ยหงเซี๋ย เธอดูสุขุมขึ้นมาก ลักษณะเหลาะแหละและอารมณ์ร้อนสลายสิ้นหวนคืนความงามหนึ่งร้อยส่วนแก่เซี่ยเสี่ยวหลาน
เด็กคนนี้พริ้มเพราเหลือเกิน
ั์ตาของจางชุ่ยปรากฏความอับเฉาขึ้นแวบหนึ่งไม่ว่าผู้ใหญ่โปรดปรานหรือไม่ อย่างไรเสียการที่เหล่าบุรุษชื่นชอบจิ้งจอกสาวนั้นเป็ความจริงที่ไร้ขอกังขา
เซี่ยจื่ออวี้กำลังระแวดระวังว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะคว้าหัวใจของหวังเจี้ยนหัวไปทัศนคติแบบนี้ได้ส่งอิทธิพลต่อจางชุ่ยเช่นกัน หากเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยหวังเจี้ยนหัวจะเปลี่ยนใจหรือไม่?
จางชุ่ยถอดผ้ากันเปื้อนบนตัวออก “หงเซี๋ยหลานอยู่ร้านตั้งใจช่วยงาน ป้าไปคุยกับเสี่ยวหลานสักหน่อย”
นังเด็กนี่คิดอะไรกันแน่ จางชุ่ย้ารู้ด้วยตนเอง
“เสี่ยวหลานมาแล้วหรือ?”
เหล่าจ้าวยามเฝ้าประตูเซี่ยนอีจงได้รับของคนเขามาแล้วมือไม้อ่อน [3] อีกทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานสุภาพต่อเขาเสมอ มอบท้อคืนพลัม [4] เขาจึงมีไมตรีต่อเธอเช่นกัน
เหล่าจ้าวแจ้งเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยความเป็ห่วงลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของเธอวนเวียนหน้าประตูโรงเรียนตลอดเวลาท่าทางยัง้าดักเธออยู่
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ได้โดยไม่ต้องอธิบาย จากนั้นนำ ‘ไฉ่เตี๋ย’ ที่พกติดกระเป๋ายัดให้ยามหนึ่งซองเหล่าจ้าวเบาเสียงลง “ครั้งก่อนฉันเห็นภรรยาของอาจารย์ใหญ่ซุนกินข้าวที่จางจี้”
เซี่ยเสี่ยวหลานสายตาเป็ประกาย “แถวนี้มีแค่จางจี้ร้านเดียว”
เหล่าจ้าวกล่าวเช่นนี้มิใช้ไร้จุดประสงค์ดูแคลนใครก็ได้แต่อย่าดูแคลนยามเฝ้าประตูประจำหน่วยงาน ทุกวันมีคนเข้าๆ ออกๆยามหน้าประตูเฝ้ามองไว้ในสายตาทั้งหมด ความสามารถในการสืบเสาะและซุบซิบแนบเคียงมาด้วยกันเขาพูดว่าภรรยาอาจารย์ใหญ่ไปกินข้าวที่จางจี้คือการบอกใบ้เซี่ยเสี่ยวหลานว่าจางจี้และอาจารย์ใหญ่ซุนมีความสัมพันธ์กัน
ที่แท้ก็เข้าทางอาจารย์ใหญ่ซุนนี่เอง
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจว่าอะไรเป็อะไรแล้ว ถึงว่าทำไมคราวก่อนอาจารย์ใหญ่ซุน้าพบเธอด้วยตนเอง...ทว่าเห็นแก่คะแนนสอบของเธอ ในฐานะอาจารย์ใหญ่อาจบอกไม่ได้ว่าโปรดปรานเธออย่างน้อยก็ไม่แสดงความรังเกียจบนใบหน้า เซี่ยเสี่ยวหลานกอดหนังสือในอกไว้แน่นผลการเรียนก็คือยันต์กันภัย ถ้าศักยภาพของเธอสมบูรณ์แบบ ข่าวลือเล็กน้อยจากคนปากเปราะจะทำร้ายเธอได้หรือ?
“เสี่ยวหลาน เป็หลานจริงๆ หรือ?”
เท้าหนึ่งข้างของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ทันย่างเข้าโรงเรียนสุ้มเสียงอัศจรรย์ใจก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง
เธอไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ ตระกูลเซี่ยมีพวกน่ารำคาญเหลือทนอยู่มากมายจางชุ่ยไม่ใช่ท่อนไม้ แต่เธอคือราชินีการละคร—ทั่วโลกยังติดค้างรางวัลตุ๊กตาทองจางชุ่ยอยู่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่้าสยบต่อเธอ เธอจึงทำเป็ไม่ได้ยินเสียดื้อๆไปต่อไม่กี่ก้าวแล้ววิ่งเข้าโรงเรียน
จางชุ่ยตระเตรียมคำพูดไว้เป็กระบุง แต่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงไม่เดินตามอุบายเล่า?
“นั่นเป็หลานสาวฉัน... น่าสงสารทีเดียว”
ภายใต้การคุมเชิงของเหล่าจ้าว จางชุ่ยไม่ยอมเสียท่าทีทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน
เหล่าจ้าวจ้องเธออยู่ครู่ใหญ่ นึกถึงบุหรี่ไฉ่เตี๋ยในกระเป๋าแล้วพยักศีรษะแสดงความเห็นด้วย
“น่าสงสารทีเดียวนั่นแหละ อยากเรียนหนังสืออย่างสงบสุขก็ไม่ได้ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าเป็ลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่อันที่จริงถ่อมาเพื่อว่าร้ายคนเขาคุณเป็ญาติคนไหนของนักเรียนเซี่ยอีกเล่า?”
สีหน้าของจางชุ่ยแดงช้ำก่ำม่วง
เซี่ยนอีจงจ้างยามเฝ้าประตูจากที่ไหน ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน!
ถ้าจื่ออวี้อยู่ด้วย ต้องไล่ยามน่าโมโหคนนี้ไปได้แน่ จางชุ่ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพระหนีรอดแต่วัดหนีไม่รอด เธอจึงดักรอที่เดิมเซี่ยเสี่ยวหลานต้องออกมาจากโรงเรียนอยู่ดี
เชิงอรรถ
[1]守株待兔 เฝ้าตอรอกระต่าย หมายถึงไม่คิดลงมือทำสิ่งใดแต่เฝ้ารอคอยถึงผลลัพธ์ หวังลมๆ แล้งๆมีที่มาจากเื่ราวของชาวนาคนหนึ่งที่เห็นกระต่ายวิ่งเข้าชนตอไม้อย่างจังกระต่ายคอหักตาย เขาจึงได้มันไปประทังชีวิต ต่อมาเขาจึงละทิ้งงานเกษตรของตนเอาแต่เฝ้าคอยที่ตอไม้ หวังว่ากระต่ายจะพุ่งเข้าชนตอไม้ตายอีกแต่รอนานเท่าไรก็ไม่มีกระต่ายโผล่มาให้เขาอยู่ดี
[2]画虎不成反类犬 วาดเสือจบที่สุนัข หมายถึง ทะเยอทะยานมากเกินไป ทว่าความสามารถไม่อำนวยจบลงที่ผลลัพธ์ไม่เป็ดั่งใจหวัง
[3]拿人手短 รับของแล้วมือไม้อ่อน หมายถึง รับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาย่อมทำอะไรเพื่อคนๆ นั้นบ้าง แม้ว่าจะเห็นถึงข้อเสียหรือความผิดก็ยอมทำไม่รู้ไม่ชี้
[4]投桃报李 มอบท้อคืนพลัม หรือ มอบลูกท้อคืนลูกพลัม หมายถึงแลกเปลี่ยนน้ำใจไมตรีต่อกันและกัน
