อกของหลี่ซานร้อนผ่าว ในอกเสื้อมีตั๋วเงินถึงสองร้อยตำลึงเงิน เขาก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่มุ่งมั่นมุ่งหน้าไปยังอำเภอฉางผิง
คราก่อนเขามีเงินเพียงสิบกว่าตำลึง ก็ซื้อที่นาดีๆ ได้หกหมู่แล้ว ครานี้เขามีตั๋วเงินตั้งสองร้อยตำลึงเงิน เขาสามารถซื้อที่นาดีๆ ได้ตั้งหกสิบหกหมู่ทีเดียว
หลี่ซานไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า วันหนึ่งตนจะกลายเป็ชาวนาผู้มั่งคั่งที่มีที่นาดีๆ มากกว่าห้าสิบหมู่ได้
ถูกต้องแล้ว ในเมืองเยี่ยน คนที่มีที่นาดีๆ มากกว่าห้าสิบหมู่ ก็นับว่าเป็ชาวนาที่มั่งคั่ง ถ้ามีมากกว่าหนึ่งร้อยหมู่ก็คือเ้าของที่ดินขนาดย่อม มีหนึ่งพันหมู่ขึ้นไปก็คือเ้าของที่ดินขนาดกลาง มีสามพันหมู่ขึ้นไปก็คือเ้าของที่ดินขนาดใหญ่
จากชาวนาทั่วไปกลายเป็ชาวนาผู้มั่งคั่ง หลี่ซานได้อานิสงส์จากบุตรสาวแท้ๆ
แต่… ไม่มีหลี่ซานก็ไม่มีหลี่หรูอี้ สรุปก็คือ นี่เป็เื่มงคลยิ่งใหญ่ของคนสกุลหลี่โดยแท้
“บรรพชนสกุลหลี่โปรดปกปักรักษาและคุ้มครองให้เื่ซื้อที่ดินของข้าในวันนี้จงราบรื่นด้วยเถิด”
ระหว่างทางมีชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นจำนวนหนึ่งเดินทางไปขายของที่ตัวอำเภอฉางผิง คนที่รู้จักกับหลี่ซานไม่มีสักคนที่จะไม่เข้ามาทักทายเขาอย่างอบอุ่น
“นี่มิใช่นายท่านหลี่หรอกหรือ เหตุใดจึงไปที่ตัวอำเภอแต่เช้าเช่นนี้เล่า”
“ข้าจะไปทำธุระในตัวอำเภอสักหน่อย” หลี่ซานยังรู้จักทำตัวให้ไม่โดดเด่น เพราะในตัวเขามีตั๋วเงินตั้งสองร้อยตำลึงทีเดียว
เมื่อถึงตัวอำเภอ ประตูอำเภอเพิ่งเปิดได้ครึ่งชั่วยาม หลี่ซานก็เดินตามกระแสผู้คนผ่านการตรวจค้นของทหาร แล้วก็เข้าไปในตัวอำเภอ
ที่ที่ขายคน ขายสัตว์ใหญ่ก็จะมีคนขายที่ดิน ครั้งก่อนหลี่ซานเคยมาแล้ว ครั้งนี้จึงตรงมาที่นี่ทันที
เขาหวังจะได้เจอคนขายที่ดินคราวเดียวเป็หลายร้อยหมู่เหมือนคราวก่อน เพราะจะต่อราคาได้ต่ำมากๆ
คนขายแพะขายลาที่ใบหน้าคล้ำผู้หนึ่งร้องบอกหลี่ซานเสียงดังว่า “พี่ชาย เห็นว่าท่านหน้าคุ้นๆ จะมาซื้อสัตว์หรือ”
หลี่ซานมาถึงที่นี่ก็ไม่มัวอมพะนำอยู่ และยังหวังว่าคนเหล่านี้จะให้เบาะแสใดได้บ้างด้วย จึงเอ่ยไปตรงๆ ว่า “ไม่ใช่ ข้าจะมาซื้อที่ดิน”
“ท่านจะซื้อที่ดินหรือ เช่นนั้นข้าก็จำคนผิดแล้ว” ชายหน้าคล้ำตบบั้นท้ายลาตัวผู้ที่อยู่ตรงหน้าตนด้วยท่าทีผิดหวัง แต่ก็ยังเอ่ยอย่างหวังดีว่า “เมื่อวานนี้มีคนตั้งหลายคนมาขายที่ ที่ดินที่ถูกที่สุดหนึ่งหมู่แค่สองตำลึงเจ็ดเฉียนเท่านั้น”
หลี่ซานดีใจเกินจะเปรียบ จึงหยุดเดินแล้วเข้าไปถามว่า “เป็ที่นาดีหรือไม่”
“ต้องเป็ที่นาดีสิ นาดินแย่ๆ ไม่ได้ราคาหรอก”
“เป็ที่ดินที่ใดหรือ”
“เป็ที่ดินที่อยู่ไม่ไกลจากประตูอำเภอนี่เอง”
“ถูกเพียงนั้นเชียว”
“ได้ยินว่า…” ชายหน้าคล้ำก็ไม่ปิดบังบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฮ่องเต้ในแคว้นศัตรูเราจวนจะตายแล้ว องค์รัชทายาทนั่นปล่อยข่าวว่า เมื่อใดที่เขาขึ้นครองราชย์ก็จะส่งกำลังทหารโจมตีจากเหนือลงไปจนถึงเมืองเยี่ยน นั่นประไร ที่ดินในเมืองเยี่ยนจึงไม่ได้ราคาเสียแล้ว พวกคนมีเงินล้วนไปทางใต้กันหมด จึงได้ขายที่ดินกันถูกนัก”
คนขายสัตว์ผู้หนึ่งกลับรู้เื่ความลับใหญ่โตของแคว้นคู่อริด้วยหรือนี่!
ความจริงแล้ว ข่าวนี้เล่าลือกันมาหลายปีมากแล้ว ครั้งที่หลี่ซานไปสร้างกำแพงเมืองเยี่ยนเมื่อปีกระโน้นก็เคยได้ยินมาก่อนแล้ว ตอนไปสร้างกำแพงปีที่แล้วและปีนี้ก็เคยได้ยิน ทั้งก่อนหลังได้ฟังมากว่าสิบครั้งแล้ว
ข่าวลือนี้เริ่มแพร่ออกมาั้แ่หลายปีก่อนที่ไปสร้างกำแพงเมือง หนำซ้ำพอถึง่ปีใหม่ทุกครั้งก็จะยิ่งลือกันหนักขึ้น เวลานี้แม้แต่คนในหมู่บ้านหลี่ก็ยังได้ยินเื่นี้ด้วย
เพียงแต่ทุกคนล้วนไม่ได้สนใจข่าวลือนี้ เพราะฮ่องเต้ของแคว้นอริยังคงอยู่ดี
“เช่นนี้เองหรือ” หลี่ซานไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี หัวเด็ดตีนขาดเขาก็ไม่เชื่อว่าจะมีา แต่ก็ยังขอบใจชายหน้าคล้ำผู้นั้น
ชายหน้าคล้ำเอ่ยกับหลี่ซานด้วยน้ำเสียงเป็การหารือว่า “พี่ชาย ข้าว่านะ ถ้าท่านจะซื้อที่ดิน หากมีาขึ้นมาจริงๆ ที่ดินมันไม่มีเท้าหนีก็ไม่ได้ มิสู้ซื้อแพะซื้อลาของข้าดีกว่า ท่านดูสิแพะกับลาล้วนมีสี่ขา ท่านเดินไปที่ใดก็พาพวกมันไปด้วยได้หมด”
หลี่ซานปฏิเสธไปโดยอ้อมว่า “แพะกับลาของเ้าช่างดีนัก แต่ที่เรือนข้ามีลาสามตัว แพะสองตัว หมาอีกสองตัวอยู่แล้ว” และคิดในใจว่ายังมีบ่าวอีกสี่คน มีปากท้องตั้งหลายปาก วันๆ ต้องกินข้าวตั้งมากมาย ถ้าข้าซื้อแพะซื้อลาไปอีกก็ยิ่งจะเพิ่มภาระ ยิ่งต้องสิ้นเปลืองข้าวอีกมาก ไม่บอกปัดก็ไม่ได้จริงๆ
“พี่ชาย ข้าขายสัตว์อยู่ที่นี่ตลอด วันหน้าถ้าท่านอยากจะซื้อสัตว์ใหญ่ก็ให้มาหาข้า ข้าจะคิดราคาให้ท่านถูกๆ” ชายหน้าคล้ำยิ้มเจื่อนขณะมองหลี่ซานเดินจากไป
สองชั่วยามจากนั้นหลี่ซานก็เดินตามเด็กหนุ่มสวมชุดดำไว้ทุกข์คนหนึ่งไปโอนที่ดินที่ที่ว่าการอำเภอ
เมื่อครู่เขาไปดูที่ตัวอำเภอมาแล้ว ที่ดินผืนนี้อยู่นอกตัวเมืองของอำเภอฉางผิง ห่างจากที่ดินหกหมู่ที่เขาซื้อไว้คราก่อนไม่ไกลนัก
เ้าของที่ดินเป็นายผู้เฒ่าของบ้านเรือนใหญ่โตในเมืองเยี่ยนที่เพิ่งป่วยตายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
ที่ดินหลายพันหมู่ที่เขาอยู่จึงกลายเป็มรดกให้แก่บุตรชายหลายคนของเขา
เด็กหนุ่มที่สวมชุดดำไว้ทุกข์เป็พ่อบ้านของนายผู้เฒ่า
เด็กหนุ่มชื่อว่า จ้าวตงเฉวียน (น้ำแร่ยามเหมันต์) เป็เด็กกำพร้าที่นายผู้เฒ่าเก็บได้จากข้างปากทางน้ำแร่แห่งหนึ่งในฤดูหนาว
ครั้งที่จ้าวตงเฉวียนยังเล็กอยู่ในฐานะบ่าว จนเขาอายุได้เจ็ดขวบนายผู้เฒ่าเห็นว่าเขาทั้งฉลาดและรู้จักคิด จึงมีเมตตาคืนเงินซื้อตัวให้เขาและยังให้เขาได้เรียนหนังสือ
พอจ้าวตงเฉวียนเติบใหญ่ก็ได้ดูแลรับใช้อยู่ข้างกายนายผู้เฒ่า เป็พ่อบ้านให้เขา คอยดูแลเื่กิจการร้านทั้งหมดของเขา
ในสิบปีนั้นทรัพย์สินของนายผู้เฒ่าเพิ่มขึ้นสามเท่า ล้วนเป็จ้าวตงเฉวียนหามาได้จากการทำการค้าทั้งสิ้น
นายผู้เฒ่ายกคฤหาสน์เก่าชานเมืองเยี่ยนที่มีราคาถึงสองร้อยตำลึงให้จ้าวตงเฉวียน
เมื่อบุตรชายหลายคนของนายผู้เฒ่ารู้เื่นี้จึงพากันระแวดระวังจ้าวตงเฉวียนดังระวังสุนัขป่า ด้วยกลัวนายผู้เฒ่าจะแก่จนเลอะเลือนและยกทรัพย์สมบัติให้จ้าวตงเฉวียนจนหมด
ไม่กี่วันก่อนที่นายผู้เฒ่าเพิ่งเสีย บุตรชายของเขาก็ให้จ้าวตงเฉวียนส่งมอบสมุดบัญชี โฉนดเรือน โฉนดที่ดิน ให้พวกเขาในโถงงานศพ
จ้าวตงเฉวียนมีใจคอกว้างขวางจึงมอบของทุกอย่างให้จนหมดทันที รอจนไว้ทุกข์ให้นายผู้เฒ่าครบสี่สิบเก้าวัน ก็จะออกจากเมืองเยี่ยนไปอยู่ที่อื่น
ผู้ใดจะรู้ว่านายผู้เฒ่ายังไม่ทันได้ฝังเลย บุตรชายของเขาก็วิวาทกันขึ้นมาด้วยเื่แบ่งที่ดิน ที่ดินนั้นมีทั้งส่วนที่เป็ที่นาดี ที่นาดอน และยังมีที่ที่อยู่นอกเขตเมือง ที่นาดีแพงกว่าที่นาดอน ที่ดินยิ่งใกล้ตัวเมืองเยี่ยนก็จะยิ่งแพง ที่ห่างออกไปก็จะยิ่งถูก
บุตรชายของนายผู้เฒ่าอาศัยว่าตนเป็บุตรคนโต จึง้าได้ที่นาดีที่อยู่ใกล้กับเมืองเยี่ยนทั้งหมด
ตอนที่บุตรชายคนโตยังหนุ่มเขาชอบกินดื่มและเล่นการพนัน ครั้งนายผู้เฒ่ายังมีชีวิตอยู่เคยไล่เขาออกจากจวน แต่ยังไม่ได้ตัดเขาออกจากตระกูล
เมื่อนายผู้เฒ่าเสีย บุตรชายคนโตก็กลับมา แต่พวกน้องชายไม่ยอมจำนนให้เขา
น้องชายคนรองเอาเชิงเทียนทุบหัวพี่ชายคนโตจนเือาบหน้า บุตรชายของพี่ชายคนโตจึงเอาตั่งที่นั่งตีอารองของเขาจนแขนหัก
พวกผู้าุโในตระกูลกลัวว่าจะมีคนตาย จึงให้จ้าวตงเฉวียนขายที่ดินทั้งหมดไปเสีย แล้วแบ่งเงินทองของนายผู้เฒ่าให้พวกลูกชั่วล้างผลาญเท่าๆ กัน
จ้าวตงเฉวียนจึงรีบขายที่ดินให้หมด เตรียมจะแบ่งเงินให้บุตรชายของนายผู้เฒ่าให้เสร็จสิ้นก่อนปีใหม่ เพื่อไม่ให้พวกเขาวิวาทกันขึ้นมาอีก ซึ่งจะทำให้ชื่อเสียงที่ดีงามที่เหลืออยู่เมื่อครั้งที่ผู้เฒ่ายังมีชีวิตถูกทำลายไปจนสิ้น
ที่ดินหลายพันหมู่ใช่จะขายได้ง่ายดาย โดยเฉพาะใน่สิ้นปียิ่งหาคนซื้อที่ดินรายใหญ่ไม่ได้ในทันทีทันใด
จ้าวตงเฉวียนจึงต้องลดราคาที่ดินลง ไม่กี่วันจึงขายที่ดินกว่าสามพันหมู่ใกล้ๆ เมืองเยี่ยนได้จนหมด เหลือเพียงที่ดินแถบอำเภอฉางผิงแค่หลายร้อยหมู่เท่านั้น
เช้าวันนี้จ้าวตงเฉวียนเพิ่งมาถึง ก็ได้พบกับหลี่ซานที่้าซื้อที่ดินแล้ว
ที่ดินที่หลี่ซาน้าซื้อไม่นับว่ามากมายนัก แต่เขาต่อรองราคาเก่งเหลือเกิน
จ้าวตงเฉวียนมองออกว่า หลี่ซานเป็ชาวนาที่มีความรักต่อที่ดินอย่างยิ่ง แต่ก็สงสัยอยู่ในใจว่า เขาจะมีเงินจากที่ใดมาซื้อที่ดิน เมื่อรู้ว่าเขาคือเ้าของร้านเต้าหู้ตระกูลหลี่ ก็ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะทำการค้าด้วย จึงลดราคาแล้วลดราคาอีก
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้