เซวียนหยวนเช่อกวาดตามอบไปรอบๆ ท้องพระโรง เป็ไปตามที่เขาคาดการเอาไว้ ทันทีที่ค่ายกลถูกทำลาย พวกเขาย่อมฟื้นคืนสติได้เอง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวล สิ่งที่เขากังวลในตอนนี้ก็คือการจบเกม การจบเกมจึงจะเป็บททดสอบความสามารถที่แท้จริงของนักเดินหมากคนหนึ่ง!
นางจะเอาชนะได้หรือไม่
พูดจริงแล้วๆ เขาเองไม่มั่นใจเลย อีกทั้งคู่ต่อสู้ของนางคือศิษย์น้องของเขา!
อัจฉริยะหมากล้อมผู้เป็อันดับหนึ่งของใต้หล้า!
คนอื่นๆ อาจคิดว่าศิษย์น้องอาจจะทำลายค่ายกลดาวหกดวงไม่ได้ แต่เขากลับไม่คิดเช่นนั้น เหตุใดจึงเรียกเขาว่าอัจฉริยะ ก็เพราะเขาไม่เคยเดินตามเส้นทางของคนอื่นเลย แต่ไรมาเขาเป็คนแหกกฎเสมอ!
ดังนั้น จะชนะหรือแพ้ ยังเป็เื่ไม่แน่นอน
ทว่า เขาปรารถนาให้นางชนะ!
เพราะสตรีของเขาจะแพ้ไม่ได้!
ภายใต้ดวงตานิ่งลึกนั้น เปล่งประกายระยิบระยับในชั่วพริบตา!
การต่อสู้กันใน่จบเกมเริ่มขึ้น บนกระดานหมากใหญ่ หมากดำและหมากขาวปะทะกันอย่างดุเดือด ประเดี๋ยวหมากขาวถูกโจมตี ประเดี๋ยวหมากดำถูกกิน คนที่ชมการเดินหมากดูจนตาพร่า!
ทันใดนั้น ฟางเสียร้องขึ้นมาว่า “แย่แล้ว! ค่ายกลดาวหกดวงถูกทำลายเสียแล้ว!”
เมื่อเขาะโขึ้นมา ทุกคนจึงตื่นตระหนก
“ให้ตาย! ซือคงเซิ่งเจี๋ยร้ายกาจเกินไปแล้ว!”
“เขายังเป็คนหรือไม่ ค่ายกลยากเช่นนี้ยังทำลายลงได้”
ผู้ชมจากแคว้นหนานเยียนได้ทีขี่แพะไล่
“องค์ชายสามทรงพระปรีชาสามารถ!”
“องค์ชายสามทรงพระเจริญ!”
“...”
หานไท่ฟู่ตบเข่าตัวเองอย่างร้อนใจ “แย่แล้ว แย่แล้ว! ตอนนี้เป็การปะทะใน่จบเกม แม่นางเฟิงขึ้นมาเป็ฝ่ายได้เปรียบอย่างมิง่ายดาย ตอนนี้ค่ายกลกลับถูกทำลายลง แล้วจะทำอย่างไรกัน”
ความกังวลใจของฟางเสียไม่น้อยไปกว่าเขา “ที่ยุ่งยากกว่านั้นคือค่ายกลใหม่ของซือคงเซิ่งเจี๋ยได้เปิดมุมกว้างเพื่อเขมือบและกดดันให้หมากขาวของแม่นางเฟิงจนตรอก แม่นางเฟิงตกอยู่ในอันตรายแล้ว...”
ในวังหลวง ม่านตาของเซวียนหยวนเช่อหดเล็กลงแล้วปรากฏให้ประกายวับวาว “นี่เป็ค่ายกล หิมะถล่มพันลี้ ที่ศิษย์น้องคิดค้นขึ้นมา เป็ท่าไม้ตายของเขา! หากฮองเฮาไม่อาจหากลยุทธ์ที่เหนือกว่ามาต่อกร กระดานนี้ นางต้องแพ้แน่แล้ว!”
ภายในห้องพิเศษ ตี้ เฟิ่งเฉี่ยนตื่นตระหนกจนเหงื่อแตกท่วมตัว นางใช้พื้นฐานของค่ายกลเจดีย์เหล็กค่อยๆ เดินไปทีละก้าว ไม่ง่ายดายเลยกว่านางจะสร้างค่ายกลดาวหกดวงได้สำเร็จ คิดไม่ถึงว่ายังคงถูกอีกฝ่ายทำลายลงจนได้
อีกทั้งค่ายกลใหม่นี้วิตถารอย่างยิ่ง การวางหมากปรากฏให้เห็นเวิ้งที่เว้าเข้าด้านใน เพื่อจะเขมือบหมากขาวของนางทั้งหมดลงในทะเลหิมะ นางคิดจะฝ่าวงล้อมออกไปแทบจะเป็ไปได้!
ซือคงเซิ่งเจี๋ยคนนี้วิปริตเกินไป เขาไม่ใช่มนุษย์เดินดินธรรมดา!
สถานการณ์บนกระดานหมากตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง!
ซือคงเซิ่งเจี๋ยอาศัยค่ายกลใหม่ของเขาสังหารมาตลอดทาง เขากลับมาเป็ผู้ควบคุมเกมการเดินหมากอีกครั้ง และเป็ผู้ครองความได้เปรียบอย่างชัดเจน!
ผู้ชมจากแคว้นหนานเยียนดีอกดีใจ พวกเขารู้อยู่แล้วว่าองค์ชายสามไม่มีทางถูกโจมตีจนพ่ายแพ้!
“องค์ชายสามเก่งกาจ!”
“ฆ่า! ฆ่า!”
“อย่าให้นางมีโอกาสหายใจหายคอ!”
“สังหารให้หมด!”
“อย่าให้เหลือ!”
ทางด้านผู้ชมของแคว้นเป่ยเยียนได้แต่อึดอัดคับข้องใจ!
มีความรู้สึกราวกับตกลงมาจาก์แล้วร่วงลงไปในนรกอย่างไรอย่างนั้น!
เมื่อสักครู่ยังมีความความหวังว่าจะชนะ แต่เพียงแค่พริบตาเดียวก็ถูกทำลายเสียแล้ว!
ฟางเสียร้องขึ้นอย่างตระหนก “แย่แล้ว! พื้นที่บริเวณมุมซ้ายล่างถูกหมากดำยึดครองไปเสียแล้ว
จ้าวฉีพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หมากที่ตั้งกระบวนอยู่ตรงกลางก็แตกสลายเช่นกัน! แย่แล้ว แย่แล้วคราวนี้!”
“เ้าเด็กคนนี้เป็อะไรไป เมื่อสักครู่ไฉนจึงเดินมาตำแหน่งนี้เล่า ดูสิๆ ถูกกินแล้ว ครั้งนี้แย่แน่!” หานไท่ฟู่ร้อนใจ
หานหลินเยว่ส่ายหน้ายิ้มขื่น “นี่มิใช่ความผิดของแม่นางเฟิงเ้าค่ะ นางเดินได้เพียงตำแหน่งนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น!”
ในวังหลวง บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด
หากดูจากสถานการณ์บนกระดานหมาก หมากขาวถูกล้อมจากทั้งสี่ด้าน สูญเสียความได้เปรียบ หมากดำกำลังสังหารเข้ามา หากยังคงเดินหมากต่อไปเช่นนี้ ทันทีที่หมากขาวถูกโจมตีระหว่างทาง เส้นทางย่อมถูกตัดขาด ถึงเวลานั้นหมากดำย่อมเข้ายึด หมากขาวย่อมพ่ายแพ้!
การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยแต่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทั้งหมดเป็เช่นนี้เอง หมากขาวตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบากและอันตรายอย่างที่สุด การเดินหมากของหมากขาวช้าลงเรื่อยๆ...
ขุนนางทั้งหลายร้อนใจแล้ว
“หมากขาวจะแพ้แล้วใช่หรือไม่”
“แม่นางเฟิงสู้ไม่ได้หรือ”
“หรือชุมนุมหมากล้อมของแคว้นเป่ยเยียนไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง”
“แม่นางเฟิงต้องยันให้อยู่นะ!”
“เ้าคือความหวังสุดท้ายของชุมนุมหมากล้อมแคว้นเป่ยเยียน!”
“เสด็จแม่ ต้องสู้นะพ่ะย่ะค่ะ!” ไท่จื่อน้อยกำหมัดแน่น เขาขบริมฝีปากจนขึ้นเป็รอยฟัน
เซวียนหยวนเช่อไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ทว่าเส้นเืบริเวณหลังมือที่ถือจอกสุราปูดโปนขึ้นตามความรู้สึกในใจของเขาในตอนนี้
หมากขาวหยุดนิ่งในตอนนี้เอง
หานไท่ฟู่จ้องกระดานหมากเขม็ง เขาะโเสียงดัง “เปิดมุมออกไปสิ!”
ฟางเสียส่ายหน้า “ไม่ได้! นั่นเป็ทางตัน!”
จ้าวฉีะโเสียงดังเช่นกัน “ตรงกลางยังมีเส้นทางให้เดิน!”
ฟางเสียส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่มีประโยชน์! นั่นมีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงอีก!”
หานหลินเยว่ขบฟัน “หรือไม่มีทางรอดอื่นแล้วจริงๆ หรือเ้าคะ”
ฟางเสียหัวเราะสิ้นหวัง “แม้ข้าจะไม่อยากยอมรับ แต่ไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ”
ทุกคนในที่นั้นเงียบงัน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ปรารถนาที่จะยอมรับ แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับความจริง!
นักเดินหมากแคว้นเป่ยเยียนแพ้อีกแล้ว!
ชุมนุมหมากล้อมแคว้นเป่ยเยียนถูกกวาดเรียบอีกครั้ง!
ภายในสิบปีข้างหน้า ชุมนุมหมากล้อมแคว้นเป่ยเยียนต้องตกอยู่ในสภาพถดถอย ไม่มีทางเกิดปาฏิหาริย์อะไรได้อีก!
ผู้ชมหมากล้อมจากแคว้นเป่ยเยียนทุกคนจับจ้องสายตาไปบนกระดานหมากเขม็งไม่ไหวติง เงียบงัน คล้ายกำลังเผชิญหน้ากับความเ็ปและทุกข์ทรมาน!
กระทั่งผู้ชมหมากล้อมจากแคว้นหนานเยียนเองก็ถูกบรรยากาศเช่นนี้ครอบงำไปด้วย ทุกคนต่างเงียบงันไม่กล้าส่งเสียงรบกวน
ทั้งชุมนุมหมากล้อมเงียบสงบ!
ในวังหลวงก็เงียบงันเช่นเดียวกัน
แพ้แล้ว!
ไม่ว่าหมากขาวจะเดินอย่างไร ไม่เกินสิบก้าว ระหว่างทางจะถูกขัดขวางเสมอ หมากขาวไม่มีทางแก้สถานการณ์ได้แล้ว!
หมดสิ้นหนทาง!
ไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ!
เฟิ่งชังตบเข่าด้วยความเสียดาย เมื่อสักครู่บุตรสาวของเขาเป็ฝ่ายได้เปรียบชัดๆ ไฉนเพียงชั่วพริบตา ความได้เปรียบจึงกลายเป็เสียเปรียบไปได้
น่าเสียดาย! น่าเสียดายเหลือเกิน!
ไท่จื่อน้อยกระบอกตาแดงก่ำ เขาพลันลุกขึ้นจากที่นั่งแล้ววิ่งออกไปจากท้องพระโรง!
เขาไม่ยากดูอีกต่อไป เขาไม่ปรารถนาจะเห็นเสด็จแม่พ่ายแพ้การเดินหมาก ยิ่งไม่ปรารถนาที่จะเห็นเสด็จแม่ไปจากวังหลวง!
น้ำตาไหลลงมาเป็สาย!
เขาทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน
“ไท่จื่อ!”
“ไท่จื่อ รอพวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ลั่วเฟิงและซิงกู่รีบวิ่งตามออกไป
บรรยากาศภายในท้องพระโรงอึดอัดยิ่งกว่าเดิม
มุมหนึ่งด้านนอกท้องพระโรง โจวหมัวมัวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดของที่นี่ นางยิ้มอย่างกระหยิ่งยิ้มย่อง
ดูท่าแล้ว ฮองเฮาต้องแพ้แน่แล้ว!
นางต้องรีบนำข่าวดีนี้ไปรายงานให้องค์หญิงทราบ
ตำหนักยีหลัน องค์หญิงหลานซินยิ้มเบิกบานใจเมื่อได้รับรายงาน “ฮองเฮาหนอฮองเฮา อาศัยเ้าก็คิดจะโจมตีให้พี่สามของข้าพ่ายแพ้ ช่างเป็เื่เอาไข่ไปกระทบก้อนหินโดยแท้ ไม่รู้จักประเมินกำลังตัวเอง! ตอนนี้เปิ่นกงนอนหลับสนิทหมดห่วงได้แล้ว ตำแหน่งฮองเฮาช้าเร็วก็ต้องเป็ของเปิ่นกง! ฮ่าๆๆๆๆ...”
ภายในห้องพิเศษ ตี้ เฟิ่งเฉี่ยนตกอยู่ในความคิดของตนเอง สถานการณ์บนกระดานหมากเบื้องหน้า นางพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ ต่อให้เป็เทพเซียนก็ยากจะช่วยได้ แต่นางยังคงไม่ยอมถอดใจอยู่นั่นเอง!
ไม่ยินยอมถอดใจที่จะไปจากวังหลวงในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ ไม่ยินยอมถอดใจที่จะพ่ายแพ้ให้กับคนที่คิดใส่ร้ายนาง ยิ่งไม่ยินยอมถอดใจที่จะไปจากบุตรชาย!
แต่ทว่า ไม่ยินยอมถอดใจแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า
นางหมดหนทางแล้ว
นางลุกขึ้นเดินไปหยุดริมหน้าต่าง มองผู้คนบริเวณห้องโถงชั้นล่าง พวกเขาคาดหวังไว้กับนางมากมาย นางยังคงทำให้พวกเขาผิดหวังอยู่นั่นเอง
คนที่อยู่ชั้นล่างพบเห็นนางเช่นกัน แต่ละคนเงยหน้าขึ้นมองนาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้