เมื่อพูดถึงเมืองหลวงนอกจากกำแพงเมืองจีนสูงตระหง่าน หอสักการะฟ้าเทียนถัน และพระราชวังต้องห้ามตลาดโบราณพานเจียหยวน ก็เป็อีกสถานที่หนึ่งที่พบบ่อยตามนิยายและรายการโทรทัศน์
่หลายปีที่ผ่านมาผู้คนให้ความสนใจกับการเก็บสะสมมากขึ้นตลอดทั้งวันในโทรทัศน์ก็จะมีกลุ่มคนผู้เชี่ยวชาญมาค่อยเสริมไฟให้อยู่ตลอดตลาดโบราณพานเจียหยวนที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เดิมทีก็เป็ตลาดขายของเก่าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอยู่แล้วตอนนี้กลับถูกกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่หอบเอาความคิดที่ว่าอาจจะเผลอเก็บตกได้อะไรดีๆ กลับไป มาแออัดยัดเหยียดอยู่จนไม่อาจจะขยับตัวไปไหนได้แน่นอน โดยปกติแล้วคือเก็บตกพวกเขาต่างหาก
แต่น้อยนักที่จะมีคนรู้ว่าที่ตลาดโบราณแห่งนี้ก็มีการพนันหยกด้วยเช่นกัน
ในวงการของหยกโบราณพ่อค้าบางคนก็จะนำก้อนหยกมาวางเอาไว้หน้าร้านเพื่อเรียกลูกค้าแต่ว่าก็เป็เพียงการเล่นๆ กันเท่านั้น ถ้าคุณหวังว่าจะผ่าออกมาเจอหยกจริงๆนั่นอาจจะมีความเป็ไปได้ต่ำว่าการเก็บตกของจริงเสียอีก
ในเช้าวันนี้ร้านขายของใช้หยกโบราณที่เพิ่งเปิดออกได้ไม่นานพนักงานที่เพิ่งเรียนจบออกมาปีนี้อย่างเสี่ยวหวัง กำลังถือผ้าเช็ดไปตามเคาน์เตอร์ก่อนจะพบว่ามีลูกค้าสาวคนหนึ่งกำลังยืนพิจารณาก้อนหยกที่กองอยู่บนพื้น
“ลูกค้าครับ สนใจจะซื้อหยกใช่ไหม? เชิญเข้ามาด้านในก่อนสิครับ!” ทุกครั้งที่ขายหยกออกไปได้เขาก็จะได้รับเปอร์เซ็นต์บางส่วนและนี่ก็ทำให้วัยรุ่นที่เพิ่งจะเริ่มทำงานอย่างเขารู้สึกกระตือรือร้นกับการขายขึ้นมาในทุกๆ วัน
เมื่อลูกค้าสาวที่สวมเสื้อกันลมเอาไว้ได้ยินคำพูดของเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานๆ มาให้ ผ้าที่อยู่ในมือของเสี่ยวหวังร่วงลงบนเคาน์เตอร์ก่อนที่สมองของเขาจะว่างไปหมด เสี่ยวหวังกล้าสาบานต่อบรรพบุรุษของเขาได้เลยชีวิตนี้เขาเสียไปโดยไร้ประโยชน์มาแล้วยี่สิบสามปีที่เมืองหลวงแม้จะศิวิไลซ์มากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยพบผู้หญิงที่งดงามขนาดนี้มาก่อนเลย
เมื่อเห็นว่าลูกค้าสาวส่งรอยยิ้มมาให้เสี่ยวหวังก็รู้สึกว่าสิวเนื้อหนุ่มสองเม็ดที่ไม่เคยหายไปจากใบหน้าของเขานั้นช่างเกะกะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าขึ้นมา ในตอนนั้นไม่รู้เลยว่าจะต้อนรับเธออย่างไรดี
ลูกค้าสาวยิ้มๆ ก่อนจะชี้ไปยังกองก้อนหินแล้วถามขึ้น “พวกนี้ขายไหม?” เสียงของเธอฟังดูราวกับเป็เสียงของลมที่พัดผ่านป่าไผ่ทำให้คนรู้สึกสงบลงได้ อีกทั้งยังรู้ว่าใบไผ่เ่าั้เหมือนกับมือเล็กๆ ซนๆจับเข้าที่หัวใจของคนอื่น
“ขายครับ! ก้อนละสองพัน!” เสี่ยวหวังได้สติกลับมา เขาพยักหน้าราวกับลูกไก่ที่กำลังกินเมล็ดข้าว
ลูกค้าสาวไม่ได้ต่อรองราคาอะไรดูเหมือนว่าจะเลือกๆ ขึ้นมาสองก้อนตามใจชอบ ก่อนจะเรียกให้เสี่ยวหวังมาคิดเงิน
ขายของได้ราคาแพง เสี่ยวหวังควรจะดีใจแต่ดูเหมือนว่าวันนี้ความคิดของเขาจะโดนบางสิ่งครอบงำ เขาส่ายหน้าไปมา “นั่นเป็ราคาที่เอาไว้ให้ลูกค้าต่อรองคุณดูท่าทางสบายๆ แบบนี้ ก้อนละพันห้า ก็แล้วกันนะครับ” เมื่อพูดออกมาแบบนี้เขาก็รู้ว่าตัวเองเหมือนว่าดูให้ความประทับใจกับเธอมากเกินไป จึงเติมเข้าไปอีกประโยคหนึ่ง “ถือว่าให้เป็ราคาพิเศษสำหรับคุณนะครับ ต่อจากนี้ก็มาอุดหนุนบ่อยๆ นะครับ”
ดูเหมือนว่าลูกค้าสาวจะไม่ได้รู้สึกถึงความเกรงใจในประโยคที่เสริมต่อเข้ามาจึงจ่ายเงินออกไปตามที่เขาบอกจริงๆ
เสี่ยวหวังรับเงินมาไว้ในมือ รู้สึกว่ามันส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา เป็กลิ่นน้ำหอมหรือเปล่านะ ดูสูงศักดิ์มากเลยน่าจะเป็น้ำหอมที่มีราคาแพงมากเลยใช่ไหม ผู้หญิงแบบนี้ดูเหมือนว่าจะต้องใช้ของที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้นไม่อย่างนั้นก็คงดูไม่เข้ากันกับเธอ
เมื่อซื้อก้อนแร่เรียบร้อย ลูกค้าสาวก็ไม่ได้ออกไปโดยทันทีเธอใช้ความคิดก่อนจะเดินเข้ามาในร้านและมองไปยังข้าวของหยกที่ถูกวางเอาไว้ในเคาน์เตอร์กระจก
ร้านขายของหยกโบราณมีขนาดเล็ก นอกจาก “ของประจำเมือง” ไม่กี่ชิ้น ก็ต่างเป็หยกเก่าๆ ที่พ่อค้าเก็บกลับมาจากบ้านเกิดทั้งนั้นด้านในยังเต็มไปด้วยของที่ทำให้ดูเก่าเองหรือแม้แต่พวกข้าวของเครื่องประดับที่รับมาในราคาถูกๆ จากบริษัท เสี่ยวหวังรู้ดีลูกค้าแบบที่พ่อค้าชอบก็คือ พวกคนที่รวยขึ้นมาโดยไร้ซึ่งความรู้นั่นต่างก็เป็เหยื่อที่สังหารได้ง่ายๆ ทั้งนั้น
“อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ห่อให้ฉันทีนะ” นิ้วเรียวยาวของลูกค้าสาวไล่ไปตามโต๊ะกระจกเหมือนว่าจะเลือกเครื่องประดับหยกที่ดูเรียบๆ ง่ายๆ
เมื่อเสี่ยวหวังดูอย่างละเอียดในใจที่ถูกความงดงามเข้าปกคลุมก็เหมือนจะได้สติขึ้นมากว่าครึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่หยกที่ดีอะไร เงินที่ได้มาก็ไม่ได้มาก แต่ว่าของที่ลูกค้าสาวคนนี้เลือกมาทั้งสามชิ้นต่างก็เป็ของจริงที่เ้าของร้านขายของเก่าแห่งนี้ เก็บกลับมาด้วยตัวเอง
หรือก็คือ ไม่ว่าคุณภาพหยกจะดีหรือไม่มันก็เป็วัตถุโบราณจริงๆ!
เสี่ยวหวังรู้สึกได้ถึงหยาดเหงื่อที่ไหลรินออกมาเต็มหน้าผากถ้าขายทั้งสามชิ้นออกไปล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เปอร์เซ็นต์เท่านั้นแต่เหมือนว่าเงินพิเศษของอีกหลายเดือนต่อจากนี้ก็จะหายไปด้วยแต่ว่าเื่สกปรกแบบนี้ จะบอกกับลูกค้าสาวว่าอย่างไร?
เหมือนว่าเธอจะรับรู้ได้ถึงความเครียดของเสี่ยวหวังลูกค้าสาวส่งยิ้มขึ้นมาบางๆ “ของที่ฉันเลือกมา ต่างก็เป็ของจริงทั้งนั้นคุณก็คงจะโดนหัวหน้าว่าเอาสินะ?”
ถ้าพูดแบบนี้ก็แปลว่าเธอไม่ได้เลือกมันมาเพราะความโชคดีน่ะสิ?
เสี่ยวหวังยังคงคิดว่าจะตอบกลับไปอย่างไรลูกค้าสาวกลับชี้ไปยังแหวนอีกสองวง “เอาสองอันนี้มาด้วย แบบนี้ก็คงไม่เป็อะไรแล้วนะ”
แหวนทั้งสองวงนั้นเป็ของที่พ่อค้าซื้อมาจากโรงงานต่างก็เป็ของที่ทำขึ้นมาจากเศษเสี้ยวของหยกเท่านั้น ยิ่งขายออกมาในจำนวนมากก็ยิ่งราคาถูก หากขายออกไปตามราคาป้าย ก็จะได้กำไรมากทีเดียว
เสี่ยวหวังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรแต่เหมือนว่าลูกค้าสาวจะเข้าใจความคิดของเขาดี “คุณเองก็เป็แค่ลูกจ้างฉันไม่อยากจะทำให้คุณลำบากใจหรอก ห่อมารวมกันเถอะ”
ประโยคคำพูดนั้นทำให้คนที่เข้ามาทำงานในเมืองหลวงอย่างเสี่ยวหวังรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจแต่ว่าเด็กผู้ชายอกสามศอกจะร้องไห้ออกมาไม่ได้เด็ดขาดจึงได้แต่แสดงความขอบคุณออกมา พร้อมทั้งรีบไปหากล่องใส่สวยๆมาห่อบรรจุของทั้งห้าชิ้น
“ทั้งหมดห้าชิ้น ราคา 26,180 เพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณ คิดเป็ 26,000 ถ้วนแล้วกันครับ” เสี่ยวหวังรับบัตรมาจากมือของลูกค้าสาวก่อนจะจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว
“ลูกค้าครับจะให้ช่วยเรียกรถให้ไหมครับ?” เมื่อเห็นว่าลูกค้าสาวที่ทำให้คนไม่อาจละสายตาได้คนนี้เหมือนว่าจะไม่ได้ขับรถมา เสี่ยวหวังก็กังวลขึ้นมาเพราะของที่เธอซื้ออย่างก้อนแร่ทั้งสองนั่น ต่างก็เป็ของที่ค่อนข้างหนักทั้งนั้นแล้วจะให้เธอขนไปคนเดียวได้อย่างไร
เสี่ยวหวังไม่ทันได้รู้สึกถึงความใส่ใจของตัวเองในวันนี้ที่ไปคิดเอาเองแทนลูกค้าสาวเสียหมด เพียงแค่ตัดสินเอาเองตามความรู้สึกว่าเธอดูไม่เหมาะกับการทำงานหนักแบบนี้
ลูกค้าสาวคิดอยู่เพียงครู่ก่อนจะตอบตกลงข้อเสนอของเสี่ยวหวัง อย่างไรก็เป็ความหวังดีจากคนอื่นถ้าปฏิเสธไปก็คงไม่สุภาพนัก
เสี่ยวหวังวิ่งออกไปเรียกรถลูกค้าสาวเองก็เดินออกมายังหน้าร้าน ในร้านไร้ผู้คนหากเธอจะทำอะไรก็คงทำได้ทั้งนั้น
สาวแก่หลังค่อมคนหนึ่งเดินไปเดินมาอยู่บนถนนเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวสาวที่สวมเสื้อผ้าดูดีและใบหน้างดงามก็ส่งสายตามายังร่างของเธอทันที
“สาวน้อย ช่วยดูอะไรหน่อยได้ไหม?” สาวแก่พูดพร้อมทั้งหยิบซองผ้าออกมาจากด้านในเสื้อด้วยมือไม้สั่นๆเธอใช้มือผอมแห้งของตัวเอง ค่อยๆ เปิดมันออกทีละชั้น
ตอนแรกลูกค้าสาวตั้งใจว่าจะปฏิเสธแต่เมื่อเห็นว่าผมของสาวแก่ต่างเป็สีขาวไปหมดแล้ว ในวันที่หนาวเหน็บแบบนี้แต่กลับยังสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ ท่าทางดูไม่แข็งแรงนักริมฝีปากก็ม่วงคล้ำเพราะความหนาวคำปฏิเสธของเธอจึงค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจจะเปล่งออกมาได้
เธอก้มหน้าลงมองกลางถุงผ้ามันคือปิ่นปักผมฟีนิกซ์ที่ประดับไปด้วยไข่มุก ไข่มุกสว่างเปล่งประกายแสงที่ดูชุ่มชื้นแบบสีของน้ำตัวปิ่นปักผมที่เป็สีขาวเหมือนว่าทำถูกทำขึ้นด้วยเงินรูปร่างดูแปลกประหลาดหาได้ยากตัวมีเพียงหนึ่งแต่กลับมีหัวถึงสอง...มีอะไรดูผิดแปลกไปกันนะ?
ในระหว่างที่นักท่องเที่ยวสาวกำลังคิดอยู่นั้นสาวแก่ก็เช็ดน้ำตาพร้อมกับพูดออกมา “นี่เป็ของที่สืบทอดต่อกันมาจากตระกูลของฉัน...ถ้าไม่ใช่เพราะสามีต้องทำการผ่าตัดฉันก็คงไม่เอามันออกมาขาย...”
คนที่พอจะมีความรู้โดยทั่วไปต่างก็รู้กันดีในตลาดโบราณแห่งนี้ สิ่งที่ไม่ควรฟังที่สุดก็คือเื่เล่านี่แหละ คุณน่าสงสารฉันน่าสงสาร ทุกคนต่างก็มีเื่ไม่ดีสุดท้ายก็คือกระเป๋าเงินของคุณโชคไม่ดีเสียแล้ว อีกทั้งยังหอบ “วัตถุโบราณ” ที่ทำมาเมื่อปีที่แล้วกลับไปอีก นั่นต่างหากที่เป็เื่น่าสมเพชที่สุด
ปิ่นปักผมฟีนิกซ์อันนี้เมื่อมองไปครั้งแรกก็รู้ว่ามันประหลาด เพราะว่ามันดูใหม่เกินไปหรือเปล่าเพียงแค่มองก็รู้ว่าเป็ของที่เพิ่งทำมาใหม่
สาวแก่มองมาที่นักท่องเที่ยวสาวด้วยความกังวลมือที่จับปิ่นปักผมอยู่กลับเริ่มรัดแน่นขึ้นมา ตอนเช้าเธอไปมาตั้งหลายร้านแล้วคนที่เกรงใจอยู่บ้างต่างก็พูดว่า “ไม่ได้มาตรฐาน” คนที่ไม่ได้เกรงใจต่างก็ต่อว่าเธอว่าในเวลาเช้าขนาดนี้ ยังจะเอาของที่ดูปลอมเปลือกแบบนี้มาขายอีก ซวยจริงๆ
ปิ่นปักผมฟีนิกซ์สุดท้ายก็เป็แบบนี้สาวแก่รู้ดีแต่เธอกลับไม่เข้าใจ มันเป็ของที่สืบทอดของตระกูลเธอจริงๆทำไมทุกคนถึงได้บอกว่ามันเป็ของปลอมกันล่ะ? ถ้าไม่ใช่ว่าสามีแก่ของเธอกำลังป่วยหนักเธอก็คงไม่มีความกล้าจะเอาไปเสนอขายที่ไหนอีกแล้ว
สาวน้อยที่งดงามขนาดนี้ จะซื้อมันเอาไว้ไหมนะ?
นักท่องเที่ยวสาวมองไปยังปิ่นปักผมฟีนิกซ์อย่างพิจารณาดูเหมือนว่าเธอจะสนใจขึ้นมาแล้ว ในตอนนั้นเองเสี่ยวหวังที่วิ่งออกไปเรียกรถก็วิ่งกลับมาพร้อมหยาดเหงื่อพอดี วันนี้หัวของเขาหมุนไปหมดตอนที่ออกไปเรียกรถก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าในร้านไม่มีคนเฝ้าดังนั้นจึงรีบวิ่งกลับมาอย่างร้อนรน
เมื่อเห็นว่าลูกค้าสาวยืนอยู่นอกกร้านเสี่ยวหวังก็ถอนหายใจออกมา แล้วก็คิดขึ้นมาว่า ตัวเองคงคิดร้ายเกินไปแล้ว คนแบบนี้จะไปทำเื่แบบนั้นได้อย่างไร
เมื่อเห็นว่านอกร้านยังมีสาวแก่ที่สวมชุดขาดๆอยู่อีก หลังจากพูดอะไรออกมาไม่กี่ประโยคสัญชาตญาณของเสี่ยวหวังก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ใน่ที่เขาทำงานที่ตลาดแห่งนี้มาหลายเดือนมีเื่อะไรที่เขาไม่เคยได้ยินมาบ้าง? เื่ที่กำลังรอเปลี่ยนตับเปลี่ยนไตอะไรแบบนี้เขาฟังมาไม่รู้กี่รอบแล้ว เื่แบบนั้นล้วนแต่ก็ไร้สาระทั้งนั้น
แต่ว่าในโลกของการขายของเก่าก็คือแม้ว่าคุณจะมองออกว่ามันเป็ของปลอมก็ไม่สามารถจะพูดออกมาตอนที่คนกำลังติดต่อซื้อขายกันได้ มันคือกฎ
เสี่ยวหวังไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไรจึงหันบอกกับลูกค้าสาว “ลูกค้าครับเรียกรถเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” การที่เขาทำแบบนี้ก็ถือเป็การเตือนเธอทางหนึ่ง ตอนแรกคิดว่าสาวแก่คงจะไม่พอใจแต่ใครจะรู้ว่าสาวแก่กลับเหมือนว่าจะไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เขาซ่อนเอาไว้ในประโยคเลยเพียงแต่มองไปยังลูกค้าสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“คุณยายคะปิ่นปักผมฟีนิกซ์ชิ้นนี้ ตั้งใจจะขายเท่าไรเหรอคะ?” ในสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของสาวแก่ในที่สุดลูกค้าสาวก็เปิดปากออกมา
น้ำเสียงของเธอยังคงเป็แบบนั้นน้ำเสียงที่ดูราวกับสายลมที่โชยผ่านป่าไผ่ เสียงเอื่อยๆ ฟังดูเสนาะหูแต่เสี่ยวหวังกลับร้อนรนขึ้นมาในใจ หากเอ่ยถามราคาขึ้นมาพวกคนหลอกลวงต่างก็สามารถลากคุณลงไปได้ สุดท้ายไม่ทันได้รู้ตัวก็จะซื้อของโบราณไร้ค่ากลับมาเสียแล้ว
สาวแก่ถูกเ้าของร้านต่างๆพวกนั้นทำเอาเสียขวัญไปมาก ไม่รู้ว่าควรจะบอกราคากับหญิงสาวตรงหน้าเท่าไรจึงจะสามารถขายออกไปได้ ใบหน้าของเธอจึงกลายเป็สีแดงขึ้นมา
ดูเหมือนว่าลูกค้าสาวจะรับรู้ได้ถึงความกดดันของอีกฝ่ายเธอจึงถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม “งั้นเอาแบบนี้ ค่าผ่าตัดของคุณปู่เท่าไรเหรอคะ?”
ริมฝีปากล่างของเสี่ยวหวังเกือบจะร่วงลงไปที่พื้นในตอนนั้นสาวแก่ยังคงไม่เข้าใจอะไร จนลูกค้าสาวพูดซ้ำออกมาอีกครั้งเธอถึงได้รู้สึกทั้งดีใจและลังเลขึ้นมา
“ห้า...ห้าหมื่น” เมื่อพูดจบเธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ราคาแบบนี้ถ้าทำเอาลูกค้าเพียงคนเดียวที่มีใหายไปล่ะก็ จะทำอย่างไรกับค่าผ่าตัดของสามีล่ะ?
แต่ลูกค้าสาวกลับไม่ได้คัดค้านอะไรกับราคานี้เธอหยิบเงินออกมาด้วยความว่องไว ก่อนจะซื้อปิ่นปักผมฟีนิกซ์นี้มาอีกทั้งยังกลัวว่าสาวแก่จะโดนใครจับตาอยู่ จึงช่วยเรียกรถให้ด้วยตัวเอง
ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วจนทำให้เสี่ยวหวังที่อยู่ข้างๆ ได้แต่นิ่งไป
จนกระทั่งลูกค้าสาวขนก้อนแร่ขึ้นรถและขับห่างออกไปเสี่ยวหวังถึงได้สติกลับมา ลูกค้าสาวคนนั้นตาดีจะตายไปสามารถเลือกหยกแท้ออกมาจากกองหยกปลอมเ่าั้ได้แล้วทำไมถึงจะแยกแยะปิ่นปักผมฟีนิกซ์อันนั้นไม่ได้กันล่ะ?
ไม่รู้ว่าปิ่นปักผมฟีนิกซ์อันนั้นเป็ของจริงหรือไม่แต่ไม่ว่าจะเป็อย่างไร ต่างก็ไม่อาจจะลบล้างความใจดีของเธอได้ หากว่าเป็ของปลอมลูกค้าสาวคนนั้นก็คงจะเห็นใจสาวแก่ หรือหากเป็ของจริงเธอก็ต้องจ่ายในราคาสูงถึงห้าหมื่น ต่อให้เป็ของจริงก็ไม่น่าจะมีราคาที่สูงขนาดนั้น
เมื่อนึกถึงก่อนหน้าที่เธอสามารถแยกแยะของจริงปลอมได้อย่างแม่นยำแต่ยังคงเลือกซื้อแหวนอีกสองวงไปด้วย เสี่ยวหวังก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาตอนนี้ยังมีคนดีๆ แบบนี้อยู่ด้วย ดังนั้นโลกใบนี้ก็คงจะไม่ได้แย่นักหรอกใช่ไหม?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้