เยว่เฟิงเกอไม่สนใจมีดสั้นเล่มนั้นอีก กล่าวกับชายตรงหน้าว่า “เื่ในวันนี้ กล่าวได้ว่าเป็คนของท่านที่โกงก่อน ส่วนตัวข้า เพียงเล่นพนันไปตามปกติเท่านั้น อย่างไรเสีย ที่นี่ก็มีสายตาหลายคู่จ้องมองอยู่ หากข้าโกง จะไม่มีใครเห็นเลยหรือ? ”
ซูมู่เจ๋อได้ยินเช่นนั้นก็หันมองท่านฟางด้วยสายตาดำคล้ำ
เยว่เฟิงเกอยังคงกล่าวต่อไป “ก่อนข้าจะลงเล่น ข้าได้สังเกตการณ์อยู่ก่อนแล้ว ท่านฟางผู้นี้ของท่านโกงผู้อื่นชัดๆ เขาแทบจะเล่นสกปรกในทุกตา ส่วนท่านที่เป็เถ้าแก่ของที่นี่ ปล่อยให้ลูกน้องเล่นตุกติกหลอกเอาเงินผู้อื่นได้อย่างหน้าตาเฉย ทำให้ข้าต้องมองท่านใหม่จริงๆ ”
คำพูดของเยว่เฟิงเกอทำให้ซูมู่เจ๋อขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าท่านฟางนั้น คิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าเยว่เฟิงเกอจะสังเกตเห็นได้เร็วเพียงนี้ว่าเขาโกง จึงอดใจเต้นตึกตักไม่ได้
แต่เพื่อรักษาผลประโยชน์และหน้าตาของตนเองไว้ เขาไม่มีทางยอมรับเื่ที่ตนเองโกงอย่างแน่นอน
เพราะหากเขายอมรับออกไปตรงๆ คนที่นี่ต้องมาทวงเงินคืนกับเขาอย่างเอาเป็เอาตายแน่
เมื่อทุกคนได้ยินคำอธิบายนี้ ต่างก็พากันมองไปยังท่านฟางเป็ตาเดียว
ใบหน้าของท่านฟางกระตุกน้อยๆ เขารีบร้อนกล่าวขึ้น “เ้าอย่ามาปรักปรำผู้อื่น ข้าไปโกงั้แ่เมื่อใด เ้าเห็นด้วยตาข้างไหนว่าข้าโกง”
เยว่เฟิงเกอยิ้ม เดินก้าวยาวๆ ไปตรงหน้าท่านฟาง ก่อนจะจับข้อมือของเขาไว้
ตอนที่ท่านฟางยังไม่ทันดึงสติกลับมาได้ มือข้างหนึ่งของเยว่เฟิงเกอก็ล้วงเข้าไปในแขนเสื้อของเขาแล้ว
นางดึงมือตนกลับออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยไพ่และลูกเต๋ามากมาย
บรรดาไพ่และลูกเต๋าเ่าั้ต่างหล่นระนาวลงบนพื้น ทุกคนจ้องมองภาพฉากตรงหน้าเป็ตาเดียวอย่างโง่งมไป
เมื่อดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ถึงได้พากันขึ้นหน้าไปตบตีท่านฟาง
บางคนะโเสียงดังว่า “นี่ มิน่าเล่า่นี้ข้าถึงได้แพ้พนันบ่อยนัก ที่แท้ก็เป็เ้าที่เล่นตุกติกนี่เอง ไม่ต้องพูดมาก คืนเงินข้ามา”
ในตอนนี้เองคนอื่นๆ ก็พูดตามกันเป็ทอดๆ
“คืนเงิน”
“ใช่ คืนเงิน”
ซูมู่เจ๋อสีหน้าดำคล้ำ สายตาที่เขาใช้มองท่านฟางแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร
“นี่มันเื่อะไรกันแน่? ” ซูมู่เจ๋อถามเสียงขรึม
ท่านฟางใจนหนังศีรษะชา ขาเขาอ่อนแรงจนแทบจะคุกเข่าลงตรงหน้าซูมู่เจ๋อ
“เถ้าแก่ ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก” เมื่อท่านฟางพูดออกมา คนอื่นๆ ที่รวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างก็พากันส่งเสียงเยาะหยัน
ขณะที่ซูมู่เจ๋อเพียงส่งเสียง “อ๋อ” ออกมา เขานั่งลงบนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งเท้าศีรษะ มองท่านฟางด้วยสายตาเกียจคร้าน “เช่นนั้นเ้าลองบอกมาสิว่าเป็ใครกันที่บังคับให้เ้าทำ”
ท่านฟางพูดไม่ออก เขาอยากจะกล่าวว่า เป็เถ้าแก่อย่างท่านนั่นแหละที่บังคับ แต่กลับไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ
หากเขาพูดเื่จริงทั้งหมดออกมา เกรงว่าแม้แต่ชีวิตเขาก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้
“เ้าพูดมาสิ เป็ใครกันที่บังคับเ้า”
เมื่อเห็นว่าท่านฟางยังคงไม่เอ่ยว่าจาก็เริ่มมีคนทนไม่ไหวะโว่า “ข้าว่าเ้าไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรถึงได้จงใจพูดออกมาเช่นนั้นกระมัง”
“นั่นสิ ข้าว่าเขากำลังหาข้ออ้างอยู่ ที่นี่จะมีใครไปบีบบังคับให้เ้าทำได้อีกเล่า เพราะนอกจากเถ้าแก่แล้ว เ้าก็ใหญ่ที่สุด”
“พวกเรา อย่าไปฟังเขากล่าววาจาไร้สาระอีกเลย รีบคืนเงินมาเสีย”
ทุกคนส่งเสียงเอะอะข้าประโยคเ้าประโยคทำเอาเยว่เฟิงเกอปวดศีรษะ
เดิมนางแค่จะมาพนันเติมเงินเข้ากระเป๋าสักเล็กน้อย และทำให้คนที่นี่ได้ลิ้มรสแห่งชัยชนะ หมดหนี้หมดสินกันบ้างก็เท่านั้น
เช่นนี้นางจะได้พาจินว่านหลี่ไปที่จวนอ๋องเพื่อให้คนได้กล่าวคำขอโทษต่อฉิงเอ๋อร์อย่างจริงใจ
มิคาดเื่ราวจะเลยเถิดไปถึงขั้นนี้ เยว่เฟิงเกอถูกเสียงเอะอะโวยวายทำเอาปวดหัวไปหมด ในที่สุดนางก็ะโเสียงดัง “หุบปากให้หมด”
เสียงของเยว่เฟิงเกอดังมาก กลบเสียงโหวกเหวกของทุกคนได้ทั้งหมด
ทุกคนต่างพร้อมใจกันปิดปากเงียบเสียง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
เมื่อครู่พวกเขาต่างได้เห็นความร้ายกาจของเยว่เฟิงเกอแล้ว นางไม่ใช่คนที่จะหาเื่ได้โดยง่าย
ตอนนี้แม้แต่เถ้าแก่โรงพนันยังทำอะไรนางไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่ไม่เป็วรยุทธ์
ซูมู่เจ๋อยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาเลิกเปลือกตาขึ้นมองเยว่เฟิงเกอ รอฟังว่านางจะพูดอะไรต่อไป
เยว่เฟิงเกอดึงตัวจินว่านหลี่มา กล่าวกับท่านฟางว่า “เื่ในวันนี้ เ้าจะยอมรับหรือไม่ก็ช่าง ทุกคนต่างได้เห็นกับตาแล้วทั้งสิ้น ข้าจึงไม่อยากสร้างความลำบากให้เ้าอีก ส่วนจินว่านหลี่คนนี้ เขาติดเงินเ้าเท่าใด ก็ให้ถือเสียว่าหมดสิ้นกันวันนี้”
เมื่อท่านฟางได้ยินเด็กหนุ่มตรงหน้าบอกว่าจะให้หนี้ทั้งหมดของจินว่านหลี่เป็โมฆะเสียแต่วันนี้ เขาก็แอบเหล่ตามองซูมู่เจ๋อ
จินว่านหลี่ไม่เพียงติดเงินเขา แต่ยังติดเงินของโรงพนันอีกด้วย
ซูมู่เจ๋อไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะออกมาแทน เขาหัวเราะเบาๆ กล่าวขึ้นว่า “เ้าคิดว่าเพียงจับเื่ที่เขาโกงได้แล้ว ก็จะสามารถล้างหนี้ล้างสินทั้งหมดของจินว่านหลี่ได้? เ้าจะเล่นเป็เด็กเกินไปหน่อยแล้วกระมัง”
“ถึงแม้ท่านฟางจะเป็คนของโรงพนันข้า แต่ตัวข้านี้สนแค่เงิน ไม่สนคน เื่ในวันนี้เกิดขึ้นเพราะเขา ั้แ่พรุ่งนี้เป็ต้นไปเขาย่อมไม่อาจทำมาหากินอยู่ที่โรงพนันแห่งนี้ได้ ส่วนหนี้ที่จินว่านหลี่ติดไว้ จะอย่างไรก็ต้องคืนให้ครบทั้งหมด ห้ามขาดแม้อีแปะเดียว”
จินว่านหลี่ได้ยินเช่นนี้ ความรู้สึกในใจก็ให้หนักอึ้งยิ่ง
ตอนนี้เขาจะไปเอาเงินจากที่ใดมาไถ่ถอนหนี้ได้เล่า คราวแรกยังหวังจะเอาเงินจากฉิงเอ๋อร์ที่ขายเสียงดนตรีอยู่ในหอชมบุปผา ให้นางหาเงินมาไถ่พนันให้เขา แต่ตอนนี้ฉิงเอ๋อร์ถูกไถ่ตัวไปแล้ว นี่ย่อมจะเท่ากับเป็การตัดแหล่งทำเงินของเขา
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เขายังถูกคุณชายคนนี้ซื้อตัวไว้ คนบอกว่าจะซื้อตัวเขาหนึ่งวันแลกกับเงินห้าร้อยตำลึง แต่เงินก้อนนี้ก็ยังไม่ได้อยู่ในมือเขา แล้วจะให้เขาไปเอาเงินจากที่ไหนมาจ่ายให้เล่า
ซูมู่เจ๋อเห็นจินว่านหลี่มีสีหน้าลำบากใจ ก็ยิ่งรู้สึกเริงร่าอยู่ในใจ
เขารู้ดี จินว่านหลี่ไม่มีเงิน ส่วนคุณชายท่านนี้ ถึงแม้จะชนะไปหลายตา แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะช่วยออกเงินล้างหนี้ให้
เพียงดูก็รู้แล้วว่าคนทั้งสองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน คาดว่าคุณชายสูงศักดิ์คนนี้คงแค่ทนเห็นท่านฟางเล่นตุกติกไม่ได้ ถึงได้สร้างความลำบากให้อีกฝ่ายด้วยการกล่าววาจาเช่นนั้น
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าเ้าของโรงพนันไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนาง ก็ไม่แม้แต่จะโกรธ นางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ และหยิบไพ่บนโต๊ะขึ้นมา กล่าวกับซูมู่เจ๋อว่า “ถ้าอย่างไรเรามาพนันกันสักตาเป็อย่างไร? ”
“เราสองคนพนันกัน? ” ซูมู่เจ๋อนับว่าประหลาดใจเล็กน้อย
เขามองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาขบคิดล้ำลึก ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่าย้าทำสิ่งใด
“ถูกต้อง พวกเรามาพนันกันสักตา หากว่าข้าชนะ หนี้ที่จินว่านหลี่ติดพวกเ้าไว้ทั้งหมดให้ถือเป็โมฆะ แต่หากข้าแพ้ เงินที่ข้าชนะได้มาในวันนี้ทั้งหมดยกให้ท่าน เป็อย่างไร? ” เยว่เฟิงเกอมั่นใจในความสามารถของตนเป็อย่างมาก
เยว่เฟิงเกอไม่พูดเปล่า นางนำเงินในอกเสื้อทั้งหมดออกมากองไว้บนโต๊ะ
ซูมู่เจ๋อก้มหน้าหัวเราะเบาๆ นี่นับเป็ครั้งแรกที่มีคนอยากจะพนันกับเขา
ในฐานะเถ้าแก่ของโรงพนันแห่งนี้ หากเป็ในยามปกติเขาไม่มีทางเล่นพนันขันต่อกับใครง่ายๆ แต่วันนี้ที่เยว่เฟิงเกอเสนอตัวว่าจะพนันกับเขาสักตา ทำให้เขาอดประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้
ซูมู่เจ๋อมองตั๋วเงินบนโต๊ะเ่าั้พลางคิดว่าอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีสักพันกว่าตำลึง หากว่าครั้งนี้เขาชนะ ไม่เพียงจะได้ตั๋วเงินเหล่านี้ทั้งหมด แต่จินว่านหลี่จะยังคงติดเงินเขาต่อไป คนต้องหามาคืนเขาในวันหน้า
อีกทั้ง ในฐานะเถ้าแก่โรงพนัน ความสามารถของเขาย่อมต้องอยู่ในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว
เขามองคุณชายสูงศักดิ์ตรงหน้าที่กล่าววาจาโอหัง จู่ๆ ก็ให้รู้สึกอยากจะดับความยโสของอีกฝ่าย
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะเล่นกับคุณชายสักตา” ซูมู่เจ๋อมั่นใจในความสามารถของตน เขาเชื่อว่าเขาต้องชนะแน่ ไม่มีวันแพ้