ตู้เ้าฮุยคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่ง รวมถึงหน้าด้านหน้าทนเป็พิเศษ
เพื่อแสดงละครตบตาต่อหน้าตู้เชิงหรง และเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกคลื่นไส้ เขาสามารถเรียกบรรดาเมียน้อยของตู้เชิงหรงว่า ‘แม่’ ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ แม้ในใจจะไล่หลิวเทียนเฉวียนให้ไปกินขี้ แต่ปากก็ยังเรียกว่าคุณลุงอย่างไม่กระดากอาย... ผู้ชายคนนี้มีหลายหน้าและมีความอดทนสูงมาก ขอเพียงมีประโยชน์กับเขา เขาไม่สนใจว่าตนจะต้องเสียหน้าแต่อย่างใด หน้าตามีไว้ใช้ตามแต่สถานการณ์ ขอเพียงมีผลประโยชน์กับเขามากพอเขาย่อมสามารถสละหน้าตาของตนเองทิ้งได้!
ท่าทีที่เขาปฏิบัติกับผู้อื่นก็เช่นกัน คนที่มีประโยชน์กับเขา เขาจะยอมก้มหัวให้ แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ก็เป็ได้แค่เหลือบไรที่เขามองผ่านเท่านั้น
ทำไมตู้เ้าฮุยถึงให้ความสำคัญกับทังหงเอิน นั่นก็เป็เพราะทังหงเอินมีอำนาจในการอนุมัติเงื่อนไขการลงทุนของเครือเชิงหรงที่เผิงเฉิง มีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตู้เ้าฮุย อีกทั้งทังหงเอินยังไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อเงินทองและสาวงาม แน่นอนว่าหลิวเทียนเฉวียนใช้สองวิธีนี้กับเขาไม่สำเร็จ
ในเมื่อใช้ทางลัดกับนายกทังไม่ได้ผล ตู้เ้าฮุยก็จำเป็ต้องให้ความเคารพ!
ตอนนี้ตู้เ้าฮุยกำลังโทษไป๋เจินจูที่เตะเขา และทำเอาสติสัมปชัญญะของเขากระเจิดกระเจิง อย่างไรก็ตามเขาไม่ควรแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมาให้ทังหงเอินเห็น เื่นี้ควรต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ตู้เ้าฮุยจึงเตรียมแผนการ ‘บังเอิญเจอ’ ที่โถงทางเดินไว้ล่วงหน้า พร้อมบทพูดอีกจำนวนมาก แต่พอเห็นโจวเฉิงที่กำลังยืนโอบไหล่เซี่ยเสี่ยวหลาน าาภาพยนตร์อย่างตู้เ้าฮุยถึงกับลืมบท!
ให้ตาย เซี่ยเสี่ยวหลานช่างโหดเสียจริง เมื่อวานตอนเกิดเหตุเซี่ยเสี่ยวหลานถึงกับกดเศษกระจกลงเนื้อเพื่อเรียกสติตนเอง แม้แต่ตู้เ้าฮุยก็ยังอดที่จะรู้สึกใกับการกระทำของเธอไม่ได้
ที่เธอโหดกับตัวเองแบบนั้นเพราะกลัวว่าพวกตู้เ้าฮุยจะไม่ให้ความช่วยเหลือคังเหว่ย
ไปๆ มาๆ ผู้ชายคนนั้นกลับไม่ใช่แฟนเธอ นี่เธอกินยาผิดขวดหรืออย่างไรกัน?
ใครเป็แฟนกันจริงๆ แน่นอนว่าตู้เ้าฮุยพอดูออก สายตาที่สนิทสนม ท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีทางรอดพ้นสายตาของตู้เ้าฮุยไปได้ แม้เสื้อผ้าที่โจวเฉิงสวมใส่นั้นไม่หรูหราเหมือนของตู้เ้าฮุย และต่อให้วันนี้ตู้เ้าฮุยเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าราคาถูกที่สุดที่มี มูลค่าเสื้อผ้าทั้งตัวของโจวเฉิงก็ยังไม่พอซื้อเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งของตู้เ้าฮุยด้วยซ้ำ...
แต่การปรากฏตัวของโจวเฉิงก็สามารถข่มตู้เ้าฮุยได้ชะงัด
ผู้ชายเองก็ชอบเื่อย่างการเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเื่รูปร่างหรือหน้าตา และแน่นอนว่าตู้เ้าฮุยเป็คนให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเป็อย่างมาก มิเช่นนั้นเขาคงไม่แต่งตัวหรูหราและนำแฟชั่นเช่นนี้
สายตาของตู้เ้าฮุยสบเข้ากับสายตาของโจวเฉิง โจวเฉิงส่งยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นทำเอาตู้เ้าฮุยรู้สึกขนลุกซู่
ผู้ชายคนนี้เป็ใครมาจากไหนกัน?
ตู้เ้าฮุยลืมบทพูดไปจนหมด พอนึกขึ้นได้คังเหลียนิก็พาทุกคนเดินไปถึงหน้าประตูแล้ว พวกเขาทำราวกับตู้เ้าฮุยเป็อากาศธาตุ
ตู้เ้าฮุยกวักมือเรียกลูกน้องของตน “พวกแกไปสืบมาว่าผู้ชายคนนั้นเป็ใคร”
เขาเพิ่งสืบประวัติของคังเหลียนิมาได้ไม่ทันไรก็ต้องสืบเื่ของอีกคน แน่นอนว่าตู้เ้าฮุยย่อมรู้สึกหงุดหงิดไปหมด
“คุณชายใหญ่ ผู้ชายคนนั้นน่าจะเคยทำงานในกองทัพนะครับ”
พวกลูกน้องรู้ดีว่าคุณชายใหญ่ตู้้าสืบเื่ของใคร คนคุ้มกันที่สามารถจับตัวไป๋เจินจูได้ชิงพูดขึ้น ตู้เ้าฮุยได้ยินดังนั้นก็ทำท่าบอกให้เขาพูดต่อ
“ท่าทางการเดินและการยืนเป็ไปตามแบบฉบับของพวกทหาร อีกอย่างมือของเขาน่าจะเคยเปื้อนเื... คุณชายใหญ่ เขาคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอนครับ”
ถ้าหมาไจ๋ที่หนีรอดจากการค้าของเถื่อนที่มณฑลิ่อยู่ด้วยคงจำโจวเฉิงได้อย่างแน่นอน โจวเฉิงพาคนบุกขึ้นเรือขนสินค้าและเกือบฆ่าหมาไจ๋ตายมาแล้วรอบหนึ่ง ดังนั้นใบหน้าหล่อเหลาของโจวเฉิงคือฝันร้ายของหมาไจ๋!
ตู้เ้าฮุยอยากด่าคนเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยบอกว่าคังเหว่ยเป็แฟนของตน เป็ตู้เ้าฮุยที่คิดเองเออเองทั้งนั้น... แต่ถ้าเป็แบบนี้แล้วเขาจะเรียกเซี่ยต้าจวินมาจากฮ่องกงทำไมกัน ยังจะมีประโยชน์อะไรอีก!
“เซี่ยต้าจวินมาถึงหรือยัง”
“คุณชายใหญ่ ตอนนี้เขาเดินทางมาถึงสนามบินไป๋อวิ๋นแล้ว พวกเราจะรับเขามาที่เผิงเฉิงโดยเร็วที่สุด คุณชายใหญ่จะให้พาเขามาที่โรงพยาบาลเลยไหมครับ”
ตู้เ้าฮุยคว้าหมอนอิงบนรถเข็นปาใส่หน้าลูกน้อง
“เดี๋ยวฉันจะให้หมอพาแกไปตรวจสมอง!”
เขาคิดผิดจริงๆ ถึงเวลาสำคัญลูกน้องพวกนี้ไม่เอาไหนสักตัว!
ตู้เ้าฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อครู่พวกคังเหลียนิเมินเขากันหมด ดังนั้นตู้เ้าฮุยจึงเรียกคนคุ้มกันที่สู้กับไป๋เจินจูได้มาอยู่ข้างกาย “เข็นฉันไปที่ห้องของคังเหว่ย”
คนคุ้มกันคนอื่นถูกไล่ไปให้พ้นหมดแล้ว ทันทีที่ตู้เ้าฮุยโผล่เข้ามาในห้องด้วยสภาพนี้ เลขาของคังเหลียนิจึงค่อนข้างใ
“สหายตู้เ้าฮุย ขาของคุณ...”
คนที่เป็เลขาของข้าราชการระดับสูงได้ล้วนไม่ธรรมดาด้วยกันทั้งสิ้น
เลขาเผิงของนายกทัง เลขาของคังเหลียนิ ตู้เ้าฮุยดูก็รู้ว่าเก่งกาจยิ่งกว่าเลขาเงินเดือนสูงลิ่วของเขามาก นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้ตู้เ้าฮุยคิดไม่ตก เลขานุการในแผ่นดินใหญ่ เดือนๆ หนึ่งได้เงินแค่ไม่กี่ร้อยหยวน แต่กลับทำงานอย่างกับได้เงินเป็หมื่นหยวน
ต่างจากเลขาที่ตู้เ้าฮุยจ้างมา คนที่มีฐานเงินเดือนสูงสุดได้ถึงหลักหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ทุกอย่างแม้แต่คนเดียว
อย่างเช่นตอนนี้ ความสามารถในการอ่านใจของเลขาคังเหลียนิอยู่ในระดับสุดยอดยิ่งนัก
ตู้เ้าฮุยทำหน้าราวกับเ็ป “ขาผมไม่เป็อะไรครับ แต่ศีรษะค่อนข้างรู้สึกปวด เวลายืนก็มักจะรู้สึกวิงเวียนก็เลยให้คนเอารถเข็นมาให้ ขายหน้าเลขาหยางแล้ว”
เลขาหยางยิ้ม “ผมไม่คิดเช่นนั้นหรอกครับ รถเข็นของสหายตู้เ้าฮุยดูท่าทางแล้วจะใช้งานได้ดี เลยกำลังคิดว่าควรหามาให้คุณชายคังสักคันดีหรือไม่ เขาถูกผ่าตัดเปิดกะโหลกมาแบบนี้คงจำเป็ต้องใช้เช่นกัน”
ฟันหักไปแค่ซี่เดียว ไม่ได้ถูกเตะจนกะโหลกยุบเสียหน่อยยังจะต้องนั่งรถเข็นอยู่อีกหรือ เลขาหยางไม่เข้าใจนักธุรกิจหนุ่มชาวฮ่องกงคนนี้เลยจริงๆ
แผนตื้นๆ เช่นนี้จะหลอกใครได้ ขนาดเขายังดูออก นับประสาอะไรกับเ้านายของเขา
พวกคนฮ่องกงพวกนี้ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ !
—-----------------------------------------------------------
มณฑลอวี้หนาน
วันเวลาของตระกูลเซี่ย ณ หมู่บ้านต้าเหอช่างไม่ราบรื่นเอาเสียเลย
เดิมทีทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่ปัจจุบันเหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับพวกเขา
เซี่ยเสี่ยวหลานที่เจริญก้าวหน้าที่สุดกลับถูกขับไล่ออกจากตระกูลเซี่ยไปพร้อมกับมันเทศจำนวนสิบกิโลกรัม ไม่ใช่แค่เื่นี้เื่เดียวที่ตระกูลเซี่ยมีตาหามีแววไม่ ั้แ่ประกาศใช้นโยบายสอบเข้ามหาวิทยาลัย เด็กคนแรกที่สอบติดมหาวิทยาลัยหัวชิงของอำเภออันชิ่งก็คือเซี่ยเสี่ยวหลาน หากบอกว่ามีเทพแห่งดาวเหวินฉวี่ [1] มาถือกำเนิดบนโลก เดิมทีคงมาจุติที่หมู่บ้านต้าเหอ แต่กลับถูกตระกูลเซี่ยไล่ตะเพิดไปเสียได้น่ะสิ
เมื่อเอาเซี่ยจื่ออวี้มาเทียบกับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร เพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็เป็นักศึกษาเหมือนกัน
แต่นักศึกษาเซี่ยจื้ออวี้ผู้นี้หลังไปปักกิ่งแล้วก็เหมือนนกออกจากรัง ปิดเทอมฤดูร้อนไม่กลับมา ปิดเทอมฤดูหนาวก็เงียบหาย เซี่ยฉางเจิงกับจางชุ่ยก็แยกออกไปอยู่ที่อื่น ทิ้งแม่เฒ่าเซี่ยให้เซี่ยหงปิงเป็คนเลี้ยงดูแต่เพียงผู้เดียว
เงินเดือนที่ให้ทุกเดือนจะไปพออะไร สิ่งที่แม่เฒ่าเซี่ยปรารถนามากที่สุดก็คือการได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานก็ถูกเธอไล่ออกไปแล้ว เซี่ยจื่ออวี้ก็ออกจากบ้านตระกูลเซี่ยไปเอง หลานสาวทั้งสองคนของตระกูลเซี่ยกลายเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยผู้สูงส่ง แต่แม่เฒ่าเซี่ยกลับพึ่งพาใครไม่ได้เลยสักคน! ตอนพิธีเดินขบวนเฉลิมฉลองวันชาติ คนทั้งหมู่บ้านนั่งเฝ้ามองโทรทัศน์เครื่องเดียวกัน ครั้นพอได้เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานที่ปรากฎตัวอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ แม่เฒ่าเซี่ยถึงกับล้มลงกับพื้นและหมดสติไปทันที
ตอนนั้นเธอถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ
หวังจินกุ้ยไม่กล้าปล่อยปะละเลยแม่เฒ่าเซี่ย เพราะมีแม่เฒ่าเซี่ยอยู่ที่บ้าน พี่ใหญ่ของตระกูลเซี่ยถึงจะส่งค่าเลี้ยงดูมาให้ทุกเดือนเช่นนี้
คนเลวมักดวงแข็ง แม่เฒ่าเซี่ยไม่ยอมตายง่ายๆ หลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอได้ครึ่งเดือน หญิงชราก็ได้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด ท่อนล่างของหญิงชราเคลื่อนไหวไม่สะดวก เวลาเดินมักจะโซซัดโซเซ ปากก็ปิดไม่สนิท เวลาพูดมักจะบิดเบี้ยวอยู่เสมอ
หวังจินกุ้ยอยากแจ้งข่าวไปบอกเซี่ยฉางเจิงเหลือเกินแต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน เธอไปถามที่อยู่ของเซี่ยฉางเจิงจากคนบ้านจาง แต่พวกเขาก็ไม่ยอมบอก
และที่แย่ไปกว่านั้นคือเซี่ยหงปิงติดการพนันหนักขึ้นทุกวัน เขาขโมยเงินที่บ้านไปหลายพันหยวนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา หวังจินกุ้ยรู้สึกว่าชีวิตของตนช่างทุกข์ทรมานเหลือคนานับ ทว่าในตอนนั้นเองก็มีคนมาบอกว่า เซี่ยต้าจวินร่ำรวยเงินทองอยู่ที่ทางใต้ และเขา้าให้พวกเธอไปเสพสุขด้วยกัน
แม่เฒ่าเซี่ยพูดปากเบี้ยวพร้อมทั้งน้ำตา “ในบรรดาลูกชายของฉัน ก็มีแค่ต้าจวินที่กตัญญูที่สุด!”
เชิงอรรถ
[1] เทพเ้าแห่งการศึกษาและความรู้ตามความเชื่อของชาวจีน