เมื่อฟางซื่อเห็นโจวซื่อเข้ามา นางก็ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมที่จะถือชามสองใบในมืออย่างระมัดระวัง นางเงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อแล้วพูดด้วยความตื่นตระหนกใว่า "ท่านแม่ ท่านอย่าเข้ามานะ เ้าสิ่งนี้สามารถช่วยชีวิตน้องสี่ได้!"
หลังจากที่ฟางซื่อพูดจบ ร่างกายของโจวซื่อก็หยุดอย่างกะทันหัน ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ฟางซื่อด้วยความประหลาดใจ หันไปจับจ้องชามในมือของฟางซื่ออย่างสงสัย
ชามใบหนึ่งบรรจุของเหลวสีขาว ดมกลิ่นแล้ว กลิ่นคล้ายๆ นม ชามอีกใบดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเื สิ่งเหล่านี้ จะสามารถช่วยชีวิตลูกชายของนางได้จริงหรือ?
“เ้าคงไม่ได้สับสนไปแล้วหรือ?” โจวซื่อพูดด้วยใบหน้าบึ้ง “ของพวกนี้โดยปกติเป็ของหายาก จะมีประโยชน์อย่างไร?”
“ท่านแม่” ฉือหางช่วยประคองหลินกู๋หยู่เดินเข้าไป สายตาของเขาจับจ้องไปที่ชามในมือของฟางซื่อ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองที่โจวซื่ออย่างจริงจัง “สิ่งนี้สามารถช่วยน้องสี่ได้จริงๆ!”
"ท่านแม่สามี"
เดิมทีเมื่อโจวซื่อเห็นหลินกู๋หยู่ นางมักจะกัดฟันจนแหลก แทบจะโยนนางสารเลวคนนี้ออกไปทันที นางแค่นเสียงฮึแล้วหันศีรษะมองไปทางอื่น
ทว่าเวลานี้เ้าสี่ยังนอนอยู่บนเตียง ยัง้าผู้หญิงสารเลวคนนี้ช่วยชีวิต
“ข้าขอพูดถ้อยคำไม่น่าฟังก่อน” หลินกู๋หยู่มองท่าทีของโจวซื่อโดยไม่้าทะเลาะแต่อย่างใด นางพูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า “น้องสี่ป่วยมานานแล้ว ข้าไม่มั่นใจว่าจะรักษาเขาให้หายป่วยได้หรือไม่! ถ้าเกิด....."
"ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าไม่ใช่คนจิตใจดีอะไร" โจวซื่อรีบตรงไปหาหลินกู๋หยู่ ดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ชี้นิ้วมือไปที่ปลายจมูกของหลินกู๋หยู่ "คนอื่นเขาป่วยเป็ไข้ทรพิษ เ้ายังสามารถรักษาให้หายได้เลย ทำไมหรือ น้องสี่ของเ้าป่วยเป็ไข้ทรพิษ เ้ากลับบอกว่าไม่มั่นใจ!”
ฉือหางยื่นมือไปขวางมือของโจวซื่อไปด้านข้าง เสียงของเขาอ่อนโยนลง "ท่านแม่ น้องสี่ป่วยมานานแล้ว กู๋หยู่และเด็กคนนั้นเพิ่งป่วยเป็ไข้ทรพิษเมื่อไม่นานมานี้เอง นี่..."
"เพียะ!"
ฉือหางมองไปที่โจวซื่อด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าด้านซ้ายของชายหนุ่มแดงเถือกและรู้สึกมึนงง
ในหูของเขาได้ยินเสียงหึ่งๆ สมองของเขาว่างเปล่า เขาเห็นเพียงโจวซื่อที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาพร้อมกับน้ำมูกและน้ำตา
“ข้าให้กำเนิดเ้าด้วยความยากลำบาก และเลี้ยงดูเ้าให้เติบโต ข้าไม่ขอให้เ้าตอบแทนข้า ทำไมหรือ ตอนนี้เ้าโตแล้ว เ้าก็เข้าข้างภรรยาของเ้าแล้วใช่หรือไม่!” โจวซื่อมองไปที่ฉือหางด้วยดวงตาแดงก่ำ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาและก่นด่าด้วยเสียงต่ำ “ข้าไม่รู้ว่าชาติที่แล้วข้าทำบาปอะไรไว้ ชาตินี้ข้าถึงได้ให้กำเนิดลูกชายเช่นเ้า!”
ฉือหางไม่ได้สติเป็เวลานาน ถ้าไม่ใช่เพราะหลินกู๋หยู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาดึงร่างของเขาไว้ เขาอาจจะยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปปั้นก็เป็ไปได้
"พวกเราไปหาน้องสี่กันเถอะ" หลินกู๋หยู่เดินไปด้านข้างฉือหาง เงยหน้าขึ้นมองเขา จู่ๆ นางก็รู้สึกสงสารผู้ชายคนนี้
ดูเหมือนว่าั้แ่นางมาที่นี่ นางมักจะเห็นด้านที่เ็ปของผู้ชายคนนี้เสมอ
เมื่อถูกให้แยกครอบครัว แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเ็ปมากเพียงใด แต่กระนั้นเขาก็ยังคงยืนอยู่ที่ประตูและยอมรับการแยกครอบครัว
เมื่อนางถูกโยนทิ้งที่เชิงเขา คิดถึงเื่นี้ก็พอจะรู้ว่าชายคนนี้ต้องลอบออกไปเพื่อช่วยนางโดยไม่สนสิ่งใดอย่างแน่นอน สุดท้ายเขาก็ถูกพี่ชายสองคนของเขาบังคับให้กลับบ้าน
ในขณะที่โจวซื่อก่นด่านาง ชายคนนี้ที่พูดไม่เก่งนักกลับยืนอยู่ข้างหน้านาง ปกป้องนางไว้ด้านหลัง ใช้ปากที่พูดไม่เก่งนั้นช่วยพูดแก้ต่างแทนนาง
ดวงตาของฉือหางหลุบลงด้วยความผิดหวัง เขาเอื้อมมือไปประคองหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่ยื่นมือไปจับมือของฉือหางราวกับมอบความกล้าหาญทั้งหมดให้กับเขา
เด็กสาวนั่งลงข้างเตียง ลดสายตามองลงไปที่ฉือเย่ซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงพลันถอนหายใจเบาๆ
ผิวหน้าของฉือเย่ซีดเซียว ร่างของเขาซูบผอมลงมาก เขาไม่เหลือพละพลังและความมีชีวิตชีวาเช่นแต่ก่อนแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาของเขายังเปิดอยู่ หลินกู๋หยู่คงจะสงสัยว่าบุคคลนี้อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว
ตอนนี้ฉือเย่กำลังหายใจติดขัดคล้ายกำลังหายใจเฮือกสุดท้าย หากเขาหมดลมหายใจนี้ เขาจะต้องจากไปอย่างแน่นอน
ฉือหางยืนอยู่ด้านหลังหลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือเย่อย่างวิตกกังวล หรี่ตาเล็กน้อย เอ่ยถามเสียงเบาว่า "เขาอาการหนักถึงเพียงนี้ ยังพอมีวิธีรักษาได้หรือไม่?"
เด็กสาวจับข้อมือของฉือเย่ และจับที่ชีพจรของเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ถอนหายใจเบาๆ และวางมือของฉือเย่ลงบนเตียงเช่นเดิม
“พี่สะใภ้รอง ในบ้านมีสุราหรือไม่?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฟางซื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ขณะเอ่ยถามอย่างใจเย็น
"มี มีๆ!" ฟางซื่อรีบวางชามทั้งสองในมือลงบนโต๊ะด้านข้างอย่างรวดเร็ว
หลังจากฟางซื่อหยิบเหยือกสุราเข้ามา หลินกู๋หยู่ก็รินสุราทั้งหมดลงในอ่าง หยิบเอาผ้าขนหนูบนหน้าผากของฉือเย่ใส่ลงในอ่างไม้เพื่อล้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างฉือหางและฉือเย่นั้นดีมากเสมอมา เมื่อเห็นสภาพของฉือเย่ ฉือหางรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก "น้องสี่ เ้าไม่ต้องกังวล กู๋หยู่จะช่วยเ้า!"
ในขณะที่ลมหายใจสุดท้ายกำลังจะมาถึง ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของฉือหาง ไม่รู้ด้วยสาเหตุใดฉือเย่ถึงได้นึกถึงพี่ชายสามเมื่อสองสามเดือนก่อน
ในเวลานั้นพี่สามก็เป็เช่นนี้ เขาเชื่อมั่นว่าพี่สะใภ้สามจะกลับมา
ฉือเย่รู้อย่างชัดเจนว่าเวลานี้เขาเริ่มไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้ แต่ก็ยังโชคดีที่เขายังสามารถมองเห็น ยังสามารถได้ยินและยังพูดได้
เขาพยายามฝืนเปิดริมฝีปาก ลำคอของเขาแห้งผากราวกับเปลือกไม้แห้งกำลังเสียดสีกับลำคอ “พี่… พี่สาม!”
หลินกู๋หยู่บิดผ้าขนหนูชุบน้ำ บิดให้หมาดๆ เดินไปที่เตียง เช็ดใบหน้าของฉือเย่อย่างระมัดระวังหนึ่งรอบ จากนั้น ขณะที่คว้าฝ่ามือของฉือเย่ นางก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มเช็ด
แขนของเขาเต็มไปด้วยตุ่มหนองที่แห้งจนกลายเป็สะเก็ดหนา ทำให้คนที่เห็นต้องใด้วยความสยดสยอง
ฉือเย่ก้มศีรษะด้วยความอับอาย เขา้าถอนมือออก แต่ร่างกายของเขาอยู่เหนือการควบคุมของตนเองแล้ว
เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา พี่ใหญ่และพี่ชายรองเช็ดตัวของเขา เมื่อพวกเขาเห็นตุ่มหนองและสะเก็ดหนาบนร่างกาย พวกเขาต่างก็รังเกียจเขามาก ในเวลานั้นฉือเย่กำลังคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่สั่งกำชับให้พวกเขามาดูแลเขา พวกเขาก็คงไม่มาอย่างแน่นอน
พี่สะใภ้สามย่อมต้องเกลียดเขาที่เป็เช่นนี้เช่นกัน
การเคลื่อนไหวของนางเบามากจนไม่รู้สึกถึงความน่ารำคาญเลยแม้แต่น้อย เขาชำเลืองมองที่หลินกู๋หยู่อย่างระมัดระวัง เห็นใบหน้าที่สงบนิ่งของพี่สะใภ้สาม ดูเหมือนว่าความรู้สึกเดียวที่นางมีคือความเห็นใจ?
พี่สะใภ้สามไม่รังเกียจเขาหรือ?
เมื่อเขาตระหนักถึงเื่นี้ ดวงตาทั้งสองข้างของฉือเย่ก็จ้องมองที่หลินกู๋หยู่อย่างจริงจัง เมื่อเขารู้สึกได้ว่าหลินกู๋หยู่กำลังมองมาที่เขา เขาก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว
ฉือหางเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ และด้วยเหตุผลบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าเมื่อหลินกู๋หยู่เช็ดตัวให้เขา นางก็สงบนิ่งเช่นนี้เช่นเดียวกัน
ในเวลานั้น เขารู้สึกอึดอัดมากที่ต้องถูกผู้หญิงคนหนึ่งเปลื้องเสื้อผ้า
ถ้าในเวลานั้นเปลี่ยนเป็คนอื่น นางจะถอดเสื้อผ้าของคนอื่นได้อย่างเป็ธรรมชาติถึงเพียงนั้นได้หรือไม่?
ไม่รู้ด้วยสาเหตุ ยามเมื่อฉือหางคิดถึงข้อสงสัยนี้ เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกอย่างมาก
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่ลดแขนเสื้อของฉือเย่ จากนั้นยกมือขึ้นช้าๆ
มือของนางแตะที่สายรัดเอวของฉือเย่
“อย่า” ฉือหางจับมือของหลินกู๋หยู่อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาแดงก่ำอย่างไม่อาจควบคุมได้ โชคดีที่ในห้องมืดพอที่คนอื่นมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก “ข้าจะเช็ดตัวให้เขาเอง!”
หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองไปทางฉือหางด้วยความประหลาดใจ จากนั้นส่ายศีรษะ "ข้าจะเช็ดแขนให้เขาอีกสักครู่ แล้วเ้าค่อยเช็ดตัวให้เขาทีหลัง!"
ฮู้!
ความไม่สบายใจในใจของฉือหางค่อยๆ บรรเทาลง เขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่ากู๋หยู่แค่ถอดเสื้อผ้าของเขาอย่างสบายๆ เท่านั้น และจะไม่ถอดเสื้อผ้าของคนอื่น เมื่อเขารู้เื่นี้ มุมปากของฉือหางก็อดไม่ได้ที่จะขดตัวเป็เส้นโค้งแห่งความปีติ
โชคดีที่นางไม่้าถอดเสื้อผ้าของผู้ชายอื่น
หลินกู๋หยู่เช็ดแขนอีกข้างหนึ่งของฉือเย่ จากนั้นนำนมมาให้ฉือเย่
"เ้าดื่มนม!" หลินกู๋หยู่วางชามไว้ข้างหน้าฉือเย่ ถือช้อนไว้ในมือ ป้อนให้ฉือเย่ดื่มอย่างระมัดระวัง
ฉือเย่ดื่มนมช้ามาก น้ำนมสีขาวไหลออกจากปากของเขาเป็ครั้งคราว หลินกู๋หยู่ช่วยฉือเย่เช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าขนหนูอย่างระมัดระวัง
ฟางซื่อมองไปที่การเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ จากนั้นมองไปที่ชามที่มีเื นางรู้สึกประหลาดใจ เป็ไปได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้ก็จะต้องดื่มด้วย?
โจวซื่อยืนข้างฟางซื่อด้วยใบหน้าบูดบึ้ง มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้ามืดมนมาโดยตลอด
ฉือเย่ไม่กล้ามองหลินกู๋หยู่ เขาไม่รู้ว่าเป็เพราะเป็ไข้หรือเป็เพราะอะไร คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้สึกว่าพี่สะใภ้สามของเขาสวยมาก
หลังจากป้อนนมให้ฉือเย่ หลินกู๋หยู่ก็มองฉือหางที่ยืนอยู่ข้างๆ "ขอมีด!"
ฉือหางพยักหน้า หมุนตัวหันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอก
เวลาผ่านไปไม่นาน โจวซื่อก็เห็นฉือหางเดินเข้ามาพร้อมมีดทำอาหาร
หลินกู๋หยู่หยิบมีดจากมือของฉือหาง และจับแขนของฉือเย่ด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นยกมีดขึ้นเหนือข้อมือของฉือเย่ ปลายมีดส่องแสงเย็นวับทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
"เ้าจะทำอะไร?" โจวซื่อที่เดิมทีไม่ได้ปริปากพูด นั่นเพราะนางรู้ว่าหลินกู๋หยู่กำลังป้อนนมให้ฉือเย่ ของเช่นนั้นดื่มได้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน แต่สิ่งนี้ไม่ใช่ มีดนี้ต่างออกไป!
โจวซื่อผลักฟางซื่อออกไปแล้วเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว หยิบมีดจากมือของหลินกู๋หยู่ แล้วเขย่ามีดต่อหน้าหลินกู๋หยู่ นางตะคอกอย่างเ็า "เ้า้าฆ่าเขา!"
ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็ประโยคยืนยัน
หลินกู๋หยู่มองดูท่าทีของโจวซื่อพลางเม้มริมฝีปากอย่างจนปัญญา ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ท่านแม่ ท่านแม่ให้ข้ารักษาน้องสี่ไม่ใช่หรือ แล้วเวลานี้ท่านก็มารบกวนการรักษาของข้า มันหมายความว่าอย่างไร?"
ที่นี่ไม่มีวิธีการใช้เข็มฉีดเชื้อเพิ่มภูมิต้านทานให้ทุกคนที่ติดเชื้อ วิธีเดียวคือจะต้องััเชื้อโดยตรง ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้มากเท่าไรก็เท่านั้น ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงใช้าแัักับเชื้อฝีดาษเท่านั้น เพื่อให้เชื้อฝีดาษวัวสามารถเข้าสู่ร่างกายได้
“เ้าอย่ามาพูดพล่ามใส่ข้า เห็นๆ อยู่ว่าเ้ากำลังจะฆ่าคน!” ใบหน้าของโจวซื่อมืดดำ ดวงตาของนางเบิกกว้างจ้องเขม็งที่หลินกู๋หยู่ “อาการป่วยของเ้าสี่แย่ลงเรื่อยๆ เ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดของเ้าหรือ ภายนอกเ้าเสแสร้งทำเป็รักษา แต่ที่จริงแล้วเ้าอยากจะฆ่าเ้าสี่!”
หญิงชนบทผู้โง่เขลา ยากเกินกว่าจะรักษาให้หายแล้วจริงๆ!
หลินกู๋หยู่มองโจวซื่อด้วยใบหน้าเ็า หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ทอดถอนหายใจ และเอ่ยถามกลับไปว่า "ในเมื่อท่านไม่เชื่อข้า เช่นนั้นท่านก็ช่วยเขาด้วยตัวเองเถอะ ข้าจะไปแล้ว!"
หลังจากสิ้นคำพูด หลินกู๋หยู่ก็ลุกขึ้นทันที มองไปที่โจวซื่ออย่างเฉยเมย จากนั้นพูดเบาๆ ว่า "อย่างไรเสียเขาก็เป็ลูกชายของท่าน ไม่ใช่ลูกชายของข้า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับข้าเลยแม้แต่น้อย!"
โจวซื่อถือมีดทาบที่ลำคอของหลินกู๋หยู่ นางโกรธขึ้งจนตัวถึงกับสั่นเทิ้ม
ฟางซื่อมองโจวซื่อด้วยความใ ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด รีบจับแขนของโจวซื่อด้วยความตื่นตระหนก กระซิบเบาๆ ว่า "ท่านแม่ ท่านจะทำอะไรหรือ! ถึงท่านทำเช่นนี้อาการของน้องสี่ก็ไม่ดีขึ้น!"
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบนิ่ง มองไปที่โจวซื่อด้วยสายตาเย็นเยียบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้