น้ำขิงที่ไหลผ่านลำคอมีรสหวานเล็กน้อย เจือด้วยรสต้วน[1] อ่อนจาง น่าจะเป็น้ำผึ้งจากต้นต้วนที่หาได้ในฤดูกาลนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
มีน้อยคนที่เติมน้ำผึ้งในน้ำขิง และน้อยคนที่รู้ว่าเขาแขยงรสขม
มีเื่ราวเ็ปเกิดขึ้นมากมาย แม้นเขาเผชิญทุกอย่างด้วยสีหน้านิ่งเฉยอยู่เป็นิจ แต่ก็มิได้หมายความว่าเขาจะชอบความทุกข์
ชีวิตเขาโดดเดี่ยวเดียวดาย คาดไม่ถึงว่ายังมีคนห่วงใย เติมน้ำผึ้งลงในน้ำขิงให้เขา
เจาเจาเอ๋ย...
ดวงตาหนานิเหอปรากฏแววอ่อนใจ
ความสุขท่ามกลางความเลวร้ายเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
แต่เมื่อนึกถึงอาการป่วยของเจาเจา ั์ตาเขาก็เข้มขึ้น ก่อนจะหันกลับไปมองหลานเล่อ
มาทางฝั่งเยี่ยนเจาเจา หลังนางดื่มยาเสร็จ เสี่ยวชุ่ยก็เกลี้ยกล่อมให้นางพักต่ออีกสักหน่อย
แต่นางหายง่วงแล้ว จึงอยากไปดูงานในเรือนว่าสามารถจัดสรรเรือนและย้ายหญิงรับใช้สองคนมาปรนนิบัติข้างกายตนได้หรือไม่
ตอนนี้เสี่ยวชุ่ยอายุน้อยเกินไป เลยจำเป็ต้องรับคนหัวไวมาสักคนสองคน
หลังจากที่นางใส่อาภรณ์ตามใจนึกมานั่งลงข้างไฟอุ่นร้อนจากถ่าน แล้วมองหนังสือในเรือน นางก็เห็นเสี่ยวชุ่ยเปิดม่านเข้ามา ใบหน้าของเสี่ยวชุ่ยซ่อนความยินดีเอาไว้ไม่มิด “คุณหนู องค์หญิงกลับมาจากค่ายทหารเหลียงเป่ยแล้วเ้าค่ะ!”
เื่ราวที่ค่ายเหลียงเป่ยน่าจะใกล้จบแล้ว กอปรกับเยี่ยนเจาเจาป่วยสลบไปหลายครั้งหลายครา องค์หญิงฉงหยางถึงได้กลับมาก่อนกำหนด
“ยามนี้ท่านแม่อยู่ที่ไหนหรือ?” เยี่ยนเจาเจาคิดถึงท่านแม่มานาน จนน้ำตาอดไหลซึมออกมาจากหางตาไม่ได้
“องค์หญิงเข้าวังไปแล้ว พระองค์ตรัสว่าจะไปรับนายน้อยกลับมาเ้าค่ะ” เฝ่ยชุ่ยตอบ
นายน้อยหมายถึงเยี่ยนเหิงนั่นเอง องค์หญิงไม่โปรดคำเรียกท่านราชบุตรเขยนัก อย่างไรเสียการอภิเษกองค์หญิงก็มิใช่เื่น่าฟัง แม้นเยี่ยนเหิงกับนางจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ แต่นางก็ยังสั่งพวกบ่าวให้เรียกเยี่ยนเหิงว่านายน้อยอยู่ดี
เมื่อองค์หญิงกลับมาก็นับว่าสวนมวลบุปผาหอมมีเ้านายแล้ว เมื่อคิดว่าบ้านใหญ่คงไม่กล้ามากระทำบุ่มบ่ามอีก จิตใจทุกคนจึงสงบลง
เฝ่ยชุ่ยกับปี้สี่เข้าวัยยี่สิบแล้ว และเป็คนที่องค์หญิงทรงเรียกตัวจากวังมาโดยเฉพาะ ทั้งยังเป็คนที่องค์หญิงกับฮองเฮาล้วนเคยพบหน้าค่าตามาก่อน ทั้งคู่มีนิสัยอ่อนโยนมีชีวิตชีวา เหมาะจะปรนนิบัติเ้านายน้อยที่สุด ยามนี้ยังมีอารมณ์หยอกล้อ
“อาจเพราะองค์หญิงไม่ได้พบนายน้อยมานาน พอทรงทราบว่าฝ่าาทรงรั้งนายน้อยไว้ในวังเพื่อซักไซ้เอาความเกี่ยวกับการเล่าเรียนของเหล่าองค์ชาย องค์หญิงจึงร้อนรนมากเ้าค่ะ”
เห็นปี้สี่พูดเช่นนั้นพร้อมกับปิดปากลอบหัวเราะ เฝ่ยชุ่ยจึงดุนาง “ดูเ้าพูดเข้าสิ คุณหนูอายุยังน้อย ระวังข้าจะฉีกปากเ้า!”
คำพูดเหล่านี้ตลกจนเจาเจาหัวเราะทั้งน้ำตา เฝ่ยชุ่ยถึงได้โล่งใจ
คนในเรือนรู้กันหมดว่าเจาเจาคิดถึงท่านพ่อท่านแม่ จึงตามเยี่ยนเจาเจาไปแต่งตัวหวีผมใหม่กันเป็พรวน
เมื่อผลัดอาภรณ์เสร็จ เจาเจาหันไปเห็นพุทราสดลูกใหญ่บนจานผลไม้ก็นึกได้ว่าท่านแม่ชอบทานเ้านี่ที่สุด จึงคว้ามันยัดเข้าแขนเสื้อแล้ววิ่งออกไปข้างนอก
“คุณหนูอย่าวิ่งไปประตูใหญ่นะเ้าคะ! องค์หญิงกับนายน้อยเพิ่งกลับมา ทั้งยังกำชับเหล่าบ่าวเป็พิเศษว่าห้ามแจ้งท่าน บอกว่าจะให้ท่านประหลาดใจเ้าค่ะ”
เยี่ยนเจาเจาได้ยินเช่นนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปดุพวกนางเล่นๆ “เดี๋ยวนี้พวกเ้าเก่งกันนักนะ รู้จักแกล้งข้าแล้ว!”
นางวิ่งเร็วจนเกือบชนเสา ทว่ากลับมีมืออบอุ่นดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเสียก่อน เยี่ยนเจาเจาจึงรอดพ้นจากการเืตกยางออก
เมื่อเยี่ยนเจาเจาหันกลับไปก็พบว่าเ้าของมือนั้นคือหนานิเหอในชุดสีขาวเรียบๆ
เขาน่าจะได้ยินว่าองค์หญิงกับเยี่ยนเหิงกลับมาแล้วเช่นกัน จึงผลัดอาภรณ์เพื่อเตรียมไปคารวะที่เรือนนภาคราม
วันนี้เยี่ยนเจาเจาสวมชุดกระโปรงหรูฉวิน[2] ริ้วเงิน ที่เนื้อผ้าเหมือนกับชุดบนร่างของหนานิเหอประหนึ่งเป็ผ้าผืนเดียวกัน โดยหนานิเหอกำลังจับมือพร้อมกับทอดสายตามาที่นาง
เจาเจามีนิสัยเสียั้แ่เล็ก คือนางชอบคนรูปงามเป็อย่างมาก เมื่อมองหนานิเหอเช่นนี้จึงรู้สึกว่าเขาช่างเกิดมาหน้าตาดีอย่างไม่ธรรมดาจริงๆ เหลียงอินยังรูปงามไม่เท่าเขาด้วยซ้ำ ทั้งที่นางพบความงามขนาดนี้มาจนชิน แต่เหตุใดยังตาบอดตกหลุมรักคนสารเลวแบบเหลียงอินอีก!
แล้วนางก็นึกได้ว่าตนเองกำลังคิดเื่ไม่เป็เื่อยู่เต็มหัว สีหน้าจึงพลันแดงเรื่อขึ้นมา
หญิงรับใช้ซ้ายขวาต่างหัวเราะนาง ทำให้เจาเจาซุกหัวในอ้อมกอดของหนานิเหอทันที ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมเงยหน้า
นางถือว่าตนเองอายุน้อย จึงได้เอ่ยเสียงเข้มอย่างงอนๆ อยู่ในอ้อมแขนของหนานิเหอ “พี่ชายรองอุ้มข้าไปเรือนนภาครามหน่อยนะเ้าคะ หญิงรับใช้กลุ่มนี้แย่มาก ข้าไม่อยากเห็นพวกเขาเ้าค่ะ!”
เสี่ยวชุ่ยและคนอื่นยิ่งหัวเราะไม่หยุด หนานิเหอเม้มริมฝีปากอมยิ้ม สุดท้ายก็ยอมอุ้มตามที่นาง้า
เขาเยาว์วัยย่อมเดินเร็ว แม้มองผ่านตาอาจไม่ไวเท่าไหร่นัก ทว่ากระทั่งสองหญิงรับใช้อย่างเฝ่ยชุ่ยกับปี้สี่ยังตามไม่ทัน
“คุณชายรองช้าลงหน่อยเ้าค่ะ ปีนี้คุณหนูโตขึ้นแล้ว เกรงว่าท่านจะอุ้มนางไม่ไหวเ้าค่ะ!”
“คุณหนูลงมาเถอะ อย่าเหนื่อยคุณชายรองเลยเ้าค่ะ!”
ปี้สี่กับเฝ่ยชุ่ยกอดเสื้อคลุมจิ้งจอกเงินของเยี่ยนเจาเจาไล่ตามอยู่ข้างหลัง คาดไม่ถึงว่าจะตามไม่ทันกระทั่งเงาของหนานิเหอ
บนร่างหนานิเหอมีกลิ่นใบไผ่เย็นสะอาด เยี่ยนเจาเจาอาศัยว่าตนอายุน้อย จึงซบไหล่ของเขาอย่างไม่ละอาย
ั้แ่กลับมาเกิดใหม่ นานๆ นางจะรู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้ เลยพิงตัวอย่างเกียจคร้านในอ้อมแขนเขา ใจลอยไปไกลจนเอาแต่ท่องคำว่า “พี่ชายรอง” สามคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เยี่ยนเจาเจาพูดเสียงอ่อนและเบา อีกทั้งยังเอ่ยไม่ชัดเป็บางคำ โดยเฉพาะคำว่า “รอง” ที่นางท่องรัวเร็วจนเหมือน “พี่ชายที่รัก” [3] แทน เมื่อนางได้สติกลับมาก็คิดว่าตนเองดูงี่เง่านัก
หนานิพูดไม่ได้ แต่ใบหูกลับแดงเรื่อ
ทว่ายามนี้เป็่เดือนสาม ลมยังเย็นอยู่ บนร่างเจาเจาไม่ได้สวมเสื้อคลุม ครู่เดียวนางจึงรู้สึกหนาวขึ้นมา หนานิเหอสังเกตว่านางขดตัวในอ้อมแขนของตนก็รู้ว่านางหนาว จึงรวบตัวนางไว้ใต้เสื้อคลุมตนเอง
เสื้อคลุมตัดเสียงและลมเย็นจากภายนอก ทำให้ประสาทััทั้งห้าเลือนราง มีเพียงกลิ่นหอมของใบไผ่เย็นสะอาดบนร่างเขาที่ราวกับกำลังตลบอบอวลไปทั่วทุกอณู
นางตื่นเช้าเกินไป ยามนี้เลยง่วงนอน
จากเรือนหิมะมรกตถึงเรือนนภาครามขององค์หญิงใช้เวลาประมาณหนึ่งเค่อ ตอนที่หนานิเหออุ้มนางมาถึง ดวงตานางก็ปรือลงจนแทบลืมไม่ขึ้นแล้ว
ทว่าความคิดถึงมันล้นในอก แม้จะเพิ่งมาถึงระเบียงทางเดินของเรือนนภาคราม และมีมืออีกคู่หนึ่งรับตัวนางออกจากอกของหนานิเหอ นางก็ตื่นขึ้นมาทันที
“ลูกข้า เหตุใดจึงมาเช้าเช่นนี้?”
เมื่อได้ยินพระสุรเสียงขององค์หญิงฉงหยางลอยแว่วมาจากในเรือนนภาคราม เยี่ยนเจาเจาก็ลงจากอ้อมแขนของหญิงรับใช้ที่อุ้มตนเอง ก่อนจะสาวเท้าสั้นๆ วิ่งดังตึงๆๆ เข้าไปในเรือนทันที
“ท่านพ่อ ท่านแม่!”
เยี่ยนเจาเจาวิ่งเข้าไปหาคนข้างในอย่างร้อนอกร้อนใจ คาดไม่ถึงว่าพุทราลูกใหญ่สองลูกที่ใส่อยู่ในแขนเสื้อจะกลิ้งตกลงมาลูกหนึ่ง แต่นางไม่เห็นจึงเหยียบเข้า จนล้มลงกับพื้น
เรือนนภาครามปูพรมบรรณาการจากตะวันออกกลางไว้ แม้นางล้มก็ไม่เจ็บ
แต่ภาพของเด็กหญิงยังโตไม่เต็มวัยที่ล้มนั่งอยู่บนพื้น มือกำพุทราลูกหนึ่งอย่างงุนงง อีกลูกถูกเหยียบแบนอยู่ไม่ไกล ส่วนดอกไม้กำมะหยี่บนศีรษะก็สั่นไหวเล็กน้อย ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก แต่ก็น่ารักมากเช่นกัน
“ลูกข้า เ้าระวังหน่อย!”
เชิงอรรถ
[1] ต้วน หมายถึง ลินเดน เป็พืชยืนต้นดอกสีเหลือง สามารถใช้ดอก ใบ และลำต้นมาทำยาได้ ใบลินเดนรักษาอาการหวัด คัดจมูก เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ ปวดศีรษะ เป็ไข้ และขับเสมหะ
[2] หรูฉวิน หมายถึง ชุดกระโปรดชนิดหนึ่งของสตรีจีนโบราณในสมัยราชวงศ์ถัง หรูคือเสื้อตัวสั้น ฉวินคือกระโปรง
[3] รอง ภาษาจีนออกเสียงว่า เอ้อร์ (二) ส่วนคำว่า รัก ภาษาจีนออกเสียงว่า อ้าย(爱)