แน่นอนว่าอู๋ฮวนไม่ได้ถึงขั้นซื้อน้ำผึ้งขวดหนึ่งไม่ได้ เพียงแต่เธอโกรธที่คนในหน่วยงานเดียวกันยังแบ่งชนชั้นกันอยู่ แถมยังจงใจทำเหมือนเธอที่เป็แค่ลูกจ้างชั่วคราวนั้นด้อยกว่าคนอื่น
“โธ่ อย่าไปโกรธเลย รอให้ลูกได้เป็พนักงานประจำ เดี๋ยวก็ได้เป็ข้าราชการอย่างเต็มตัว ถึงตอนนั้นพ่อจะไปคุยกับหัวหน้าสหกรณ์ของพวกเธอให้ พ่อจะย้ายลูกไปเป็รองหัวหน้าสำนักงานก็ยังได้
พอได้เป็พนักงานประจำแล้ว อีกสามปีค่อยหาตำแหน่งให้ลูกเป็เ้าหน้าที่สำรอง อีกหนึ่งปีต่อมา เ้าหน้าที่สำรองก็สามารถเลื่อนขั้นเป็รองหัวหน้าฝ่ายได้ จากนั้นค่อยส่งลูกไปทำงานที่เมืองเล็กๆ สักสามปีห้าปี พอถึงตอนนั้นก็จะได้เป็หัวหน้าฝ่ายสำรอง พ่อจะค่อยๆ ฝึกฝนลูก ต้องมีสักวันที่ลูกจะมาถึงจุดที่พ่ออยู่ตอนนี้ได้”
อู๋ต๋าซานวางแผนอนาคตของลูกสาวเอาไว้หมดแล้ว อันที่จริงสำหรับอู๋ต๋าซาน การวางแผนอนาคตที่ดีให้กับอู๋ฮวนนั้นไม่ใช่เื่ยาก แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดตอนนี้ก็คือ อู๋ฮวนยังไม่ได้เป็พนักงานประจำ
เนื่องจากอู๋ฮวนสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยหลังจบมัธยมปลาย ดังนั้นเธอจึงต้องทำงานเป็ลูกจ้างชั่วคราวไปก่อน และลูกจ้างชั่วคราวไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ตามปกติ หากไม่สามารถเปลี่ยนเป็พนักงานประจำได้ ก็ต้องเป็ลูกจ้างชั่วคราวไปตลอดชีวิต
สหกรณ์นี้มีลูกจ้างชั่วคราวจำนวนไม่น้อย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็คนที่รู้จักกัน ดังนั้นทุกๆ ครั้งที่สหกรณ์มีโควตาโควตาสำหรับพนักงานประจำ ก็มีคนจำนวนมากเข้ามาแย่งชิงกัน ทั้งหมดนี้ต้องใช้ทั้งความสามารถและเส้นสาย
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาอย่างอู๋ต๋าซานนั้นไม่ได้ต่ำต้อยเลย แถมปัจจุบันผู้ปกครองต่างก็เริ่มให้ความสำคัญกับการศึกษาของลูกหลาน ไม่ว่าจะย้ายโรงเรียนหรือเข้าเรียนในห้องเรียนพิเศษก็ตาม ขอแค่ยกหูหาอู๋ต๋าซาน ทุกอย่างก็จะได้รับการแก้ไข
มีผู้บังคับบัญชาของเขาจำนวนไม่น้อยที่ลูกๆ เรียนไม่เก่ง สอบเข้าโรงเรียนมัธยมลำดับหนึ่งไม่ได้ หาก้าย้ายลูกไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นลำดับหนึ่ง พวกเขาต้องติดต่ออู๋ต๋าซาน เพราะแบบนี้ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาจึงมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนจำนวนมาก
โอกาสที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาติดหนี้บุญคุณนั้นไม่ได้มีบ่อยนัก โดยปกติแล้วลูกหลานของพวกเขาเ่าั้มักจะเป็จุดอ่อนของพวกเขาเสมอ อู๋ต๋าซานกุมจุดอ่อนของผู้บังคับบัญชาเ่าั้เอาไว้ได้ จะไม่เป็ใหญ่เป็โตในอำเภอหลี่ว์ได้อย่างไร?
ในอำเภอหลี่ว์ อู๋ต๋าซานยังมีฉายาอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ทงเฉิงหู่’ [1] หมายความว่าในอำเภอหลี่ว์ไม่มีใครที่อู๋ต๋าซานไม่รู้จัก และไม่มีสิ่งใดที่เขาจัดการไม่ได้
ดังนั้นเมื่อมีโควตาสำหรับลูกจ้างชั่วคราว อู๋ต๋าซานจึงต้องแย่งชิงมาให้ลูกสาวของเขา
ครั้นเห็นพ่อของตนมีท่าทางมั่นใจเช่นนี้ ไหนจะความสามารถของเขาอีก อู๋ฮวนก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่ง เมื่อนึกถึงว่าอีกไม่นานตนเองจะได้เป็พนักงานประจำอย่างเต็มตัว เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
พอเห็นว่าพ่อแม่กำลังมีความสุข เธอจึงคิดว่าตอนนี้เป็โอกาสอันดีที่จะพูดเื่ฟู่ซินหลาง หากพูดเื่นี้ในเวลานี้คงถือว่าเป็การนำความสุขมาสู่ครอบครัวมากขึ้นไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นอู๋ฮวนจึงพูดขึ้น “พ่อคะ แม่คะ ถ้าหนูได้เป็พนักงานประจำแล้ว แบบนั้นหนูคงหาแฟนได้แล้วใช่ไหม? หนูมีเื่อยากบอกพ่อกับแม่ค่ะ อันที่จริงหนูกับฟู่ซินหลางยังคงติดต่อกันมาตลอดค่ะ!”
ทันทีที่เธอพูดจบ บรรยากาศภายในบ้านก็เปลี่ยนไปกะทันหัน ยังไม่ทันที่อู๋ฮวนจะพูดจบ ฟางลี่เจินก็โยนตะเกียบลงบนโต๊ะด้วยความโกรธพร้อมบอกว่า
“ฮวนฮวน ลูกกำลังพูดอะไรอยู่? ถึงฟู่ซินหลางจะเป็แฟนเก่าของลูก แต่ไม่ใช่ว่าพวกเธอเลิกกันแล้วหรือ? อีกอย่างเขาก็แต่งงานแล้ว ลูกจะไปติดต่อกับชายที่แต่งงานแล้วทำไม?”
“แม่คะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ที่ตอนนั้นฟู่ซินหลางแต่งงานก็เพราะเขาอยากหาคนมาดูแลแม่ของเขา เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด พวกเขาสองคนไม่เคยได้เสียกันเลย และตอนนี้เขาก็หย่าแล้วด้วยค่ะ”
เพื่อให้พ่อกับแม่ยินยอมให้เธอคบหากับฟู่ซินหลาง อู๋ฮวนถึงขั้นพูดเื่นี้ต่อหน้าพวกท่าน
อู๋ฮวนมองดูสีหน้าตกตะลึงของพ่อแม่ตัวเอง จากนั้นเธอก็อธิบายต่อ “ตอนนี้ฟู่ซินหลางสอบติดมหาวิทยาลัยแล้ว แถมเขายังหย่ากับผู้หญิงคนนั้นแล้วด้วย ตอนนี้เขาก็เป็โสด หนูเลยอยากกลับไปคบกับเขาเหมือนเดิม”
อู๋ต๋าซานพูดไม่ออก เขาเบิกตากว้างอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความโมโหว่า
“ฮวนฮวน ลูกจะทำเื่โง่ๆ แบบนี้ได้ยังไง? ตอนนี้แม้เขาจะหย่าแล้ว แต่ลูกเป็หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน จะไปแต่งงานกับผู้ชายที่เคยหย่ามาแล้ว แบบนี้ดีแล้วหรือ? พ่อกับแม่เป็คนมีหน้ามีตาในสังคม ถ้าคนอื่นรู้ว่าลูกไปแต่งงานกับผู้ชายที่เคยแต่งงานมาแล้วเขาจะคิดอย่างไร? พ่อกับแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
อู๋ฮวนไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เธอคิดเพียงว่าความรักระหว่างเธอกับฟู่ซินหลางนั้น ฟ้าดินรู้เห็นเดือนตะวันรับรู้ การนินทาของคนอื่นๆ จึงยิ่งพิสูจน์ได้ว่าเธอมีวิสัยทัศน์มากแค่ไหน
ปัจจุบันนิยายรักของฉงเหยา [2] กำลังเป็ที่นิยม อู๋ฮวนไม่ชอบอ่านหนังสืออื่น เธอชอบอ่านแค่นิยายรักของฉงเหยาเท่านั้น เพราะแบบนี้ในความคิดของเธอ ความรักคือสิ่งที่สูงส่งที่สุด ตราบใดที่มีความรัก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีสถานะเช่นใดก็สามารถอยู่ด้วยกันได้
เธอกะพริบตาปริบๆ รู้ว่าการใช้ทฤษฎีความรักอย่างเดียวไม่อาจโน้มน้าวใจพ่อแม่ได้ ดังนั้นจึงพูดต่อว่า
“ตอนที่ฟู่ซินหลางคบกับหนู เขารู้ว่าหนูเป็แค่ลูกจ้างชั่วคราว แต่เขาก็ไม่เคยดูถูกหนู ตอนนี้เขาสอบติดมหาวิทยาลัยแล้ว พอเรียนจบก็จะได้งานทำเป็ข้าราชการอย่างเต็มตัว
“ไหนพ่อกับแม่เคยบอกว่าอยากให้หนูหาแฟนที่เป็ข้าราชการไงล่ะ? แต่ตอนที่หนูยังไม่ได้เป็พนักงานประจำ พวกข้าราชการที่พ่อกับแม่แนะนำให้หนูรู้จัก พอได้ยินว่าหนูเป็ลูกจ้างชั่วคราว พวกเขาก็ไม่ติดต่อกลับมาสักคน! แต่ฟู่ซินหลางไม่เคยดูถูกสถานะของหนู แบบนี้เขาถึงจะเรียกว่ารักหนูจริงๆ!”
“ฮวนฮวน ลูกกำลังสับสน แต่ก่อนเขาเป็ข้าราชการ หากลูกเป็ลูกจ้างชั่วคราวก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ถ้าพ่อของลูกแย่งโควตาให้ลูกได้เป็พนักงานประจำ ต่อให้ฟู่ซินหลางจะเป็ถึงข้าราชการ แต่มันจะเป็ยังไง? ลูกเองก็เป็ข้าราชการเหมือนกัน! อีกอย่างลูกยังเป็หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ส่วนเขาเป็แค่ผู้ชายที่หย่ามาแล้ว พวกเธอไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้แน่นอน!” ฟางลี่เจินกล่าวอย่างจริงจัง ในฐานะผู้เป็มารดา เธอไม่อาจทนมองดูลูกสาวเดินไปบนเส้นทางแห่งความโง่เขลาเช่นนี้ได้ จึงทำได้เพียงพูดเตือนสติลูกสาว
อู๋ต๋าซานก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างหนักแน่น “แม่ของลูกพูดถูก พ่อกับแม่หวังดีกับลูกทั้งนั้น พอลูกได้เป็พนักงานประจำ ไม่ว่าจะ้าแฟนที่มีคุณสมบัติแบบไหนก็หาได้ทั้งนั้น อย่าไปหาผู้ชายที่หย่าร้างแล้ว แถมยังยากจนคนนั้นเด็ดขาด!”
อู๋ฮวนไม่คิดเลยว่าพ่อแม่จะคัดค้านอย่างรุนแรงเช่นนี้ ตอนนั้นเธอถึงกับอึ้งไป แต่คำพูดของพ่อกับแม่ก็ทำให้เธอเริ่มวิตกกังวลขึ้นมา
แต่ก่อนเธอเป็แค่ลูกจ้างชั่วคราว จึงมักถูกคนในหน่วยงานดูแคลน แม้เธอจะเป็ลูกสาวของผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษา แต่พวกพนักงานประจำก็มักทำตัวสูงส่ง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก
หลังจากฟู่ซินหลางสอบติดวิทยาลัย เขาก็รีบมาหาเธอแล้วบอกว่าหลังจากนี้ไปเขาจะได้เป็ข้าราชการ เขาจะต้องแต่งงานกับเธอให้ได้
อู๋ฮวนซาบซึ้งมาก เพราะใน่สามปีที่เธอทำงาน มีคนแนะนำผู้ชายให้รู้จักมากมาย แต่ครอบครัวของเธอเป็เช่นนี้ พวกเขาไม่ยอมให้เธอแต่งงานกับชายหนุ่มทั่วๆ ไป พวกเขาหวังว่าเธอจะหาคนที่มีอาชีพมั่นคง ทว่าพอพวกนั้นได้ยินว่าถึงอู๋ฮวนจะเป็ลูกสาวผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษา แต่เป็แค่ลูกจ้างชั่วคราว พวกเขาจึงลังเลที่จะแต่งงานกับเธอ
เธอคบหากับข้าราชการมาแล้วหลายคน แต่สุดท้ายคนพวกนั้นต่างก็พากันขอถอนตัว มีเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ พวกเขาเ่าั้ต่างมีท่าทางเ้าชู้และจ้องแต่จะหวังผลประโยชน์จากตัวเธอ
อู๋ฮวนรู้ว่าสาเหตุหลักก็เพราะว่าเธอไม่ได้เป็พนักงานประจำ จึงทำให้เธอรู้สึกท้อแท้ใจ คิดไม่ถึงว่าพอฟู่ซินหลางสอบติดวิทยาลัย เขาจะกลับมาหาเธออีกครั้งพร้อมกับสารภาพรักกับเธออย่างจริงใจ อู๋ฮวนรู้สึกว่าฟู่ซินหลางเป็ผู้ชายที่ดี มีน้ำใจ จึงได้ตกหลุมพรางความรักอันแสนอ่อนโยนที่เขาสร้างขึ้นให้กับเธอโดยไม่ทันรู้ตัว
เชิงอรรถ
[1] ทงเฉิงหู่ เป็สมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณหลากหลาย มีฤทธิ์ขับลม แก้ปวด ลดอาการบวม และล้างพิษ ส่วนใหญ่ใช้รักษาอาการปวดกระดูก ปวดท้อง หลอดลมอักเสบ อาการชักในเด็กแรกเกิด รอยฟกช้ำ และงูพิษกัด เทียบได้กับอู๋ต๋าซานที่สามารถจัดการปัญหาให้คนที่มาขอความช่วยเหลือได้ทั้งหมด
[2] ฉงเหยา (瓊瑤) นามปากกาของนักเขียนหญิงชาวไต้หวันที่มีชื่อเสียงโด่งดังท่านหนึ่ง เป็ที่รู้จักกันดีในฐานะนักเขียนนวนิยายรักโรแมนติก ผลงานของฉงเหยาที่มีชื่อเสียงเป็ที่รู้จักอย่างมากในไทย และนำไปสร้างเป็ละครโทรทัศน์ได้แก่ องค์หญิงกำมะลอ
