มีใครบ้างในเป่ยฉีที่ไม่รู้จักหนานสวิน มีวรยุทธ์ล้ำเลิศั้แ่ยังเยาว์ เป็คนที่ใครๆต่างยกย่องชมเชย เหล่าองค์ชายล้วน้าการสนับสนุนจากเขาทั้งสิ้น ฉีเฉินเองก็เคยส่งของขวัญไปให้ แต่ไม่คิดว่าเขาไม่แม้แต่จะเปิดของขวัญก็ให้คนส่งคืนกลับมา ถือเป็การตบหน้าตนเองฉาดใหญ่ ฉีเฉินจึงเห็นหนานสวินเป็ศัตรูคู่อาฆาตั้แ่บัดนั้นเป็ต้นมา
จวินหวงหันไปมองหนานสวินแวบหนึ่ง เพียงปราดตามองแค่แวบเดียวเท่านั้น ช่างเป็สุดยอดไร้เทียมทานแห่งยุคอย่างแท้จริง นางหลุบตาลงสะบัดพัดกระดูกหยกให้กางออก จากเส้นทางเล็กๆ ด้านข้างลงไปสู่ทางลาดก็ถือว่าเข้าไปในพื้นที่ชายแดนเป่ยฉีแล้ว
พวกชาวบ้านได้ยินมานานแล้วว่าเมืองหลวงส่งคนมา และได้ยินว่ายังจัดสรรสิ่งของบรรเทาทุกข์มาไม่น้อย พวกเขารออยู่นอกเมืองร้างอยู่นานแล้ว พอเห็นคณะเดินทางของพวกจวินหวง ดวงตาก็สว่างวาบ
"มาแล้วๆ คนจากเมืองหลวงมาแล้ว มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว" สตรีเสื้อผ้ามอมแมมขาดกะรุ่งกะริ่งอุ้มลูกวัยไม่ยังครบเดือนไว้ในอ้อมอกน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ในสายตาของพวกเขา พวกจวินหวงก็คือดาวช่วยชีวิตที่เทพยดาส่งมา คือคนที่มาช่วยชีวิตพวกเขา
เดินทางมายังไม่ทันถึงประตูเมือง ก็ถูกพวกเขาล้อมเอาไว้หมดแล้ว หนานสวินขึ้นมาด้านหน้าคุ้มกันจวินหวงไว้ด้านหลังของตนเอง มองผู้ประสบภัยด้วยสายตาเยือกเย็น
อาจจะด้วยสายตาของหนานสวินเย็นเยียบเกินไป ผู้ประสบภัยเ่าั้จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาอีก จวินหวงไอเบาๆ เสียงหนึ่งแล้วพูดกับพวกเขา "พวกเ้าอย่าได้กังวล ตอนนี้พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว จะไม่ให้พวกเ้าต้องพเนจรไร้ที่อยู่อาศัยอีก"
คณะเดินทางของพวกเขาเข้าเมืองมา ภายใต้การแวดล้อมของฝูงชน ฉีเฉินส่งคนไปหาโรงเตี๊ยมที่ทรุดโทรมแต่สะอาดเพื่อจัดเตรียมเป็ที่พัก จวินหวงกับหนานสวินเดินไปสำรวจสถานการณ์ของประชาชนบนท้องถนน เห็นคนเ่าั้นั่งอยู่ตามรายทางก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
เดินมาได้ครู่หนึ่ง หนานสวินหันข้างไปมองจวินหวง เห็นใบหน้าของนางขาวซีดไปเล็กน้อย จึงถามขึ้นด้วยความกังวล "เป็เพราะเหนื่อยจากเดินทางไกลใช่หรือไม่?"
จวินหวงส่ายหน้า "ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีสภาพเป็ไปได้ถึงขนาดนี้" พูดไปก็ก้าวเท้าเดินไปไม่หยุด
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงประตูศาลาว่าการ ที่นั่นกำลังมีการแจกจ่ายข้าวต้ม หลายวันก่อนหน้านี้ฉีเฉินได้ให้คนส่งเงินบรรเทาทุกข์มาให้ แต่เมื่อเห็นน้ำข้าวที่ใสโจ๋งเจ๋งและมีน้ำเพียงน้อยนิดในหม้อใบใหญ่ จวินหวงก็หน้านิ่วทันที
หนานสวินก็คิ้วขมวดย่น ดึงตัวเ้าหน้าที่ศาลาว่าการที่อยู่ข้างๆ เข้ามาถาม "เงินบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยไม่เพียงพอหรืออย่างไร ถึงได้ทำของแบบนี้ออกมาได้"
เ้าหน้าที่ศาลาว่าการใจนแทบะโหนี เห็นบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่วงท่าห้าวหาญทรงอำนาจ ดวงตาแหลมคมราวกับจะสังหารคนได้ ก็กลัวลนลานพูดตะกุกตะกัก "ผู้น้อยก็แค่จัดการไปตามที่เบื้องบนสั่งมา เสบียงเหล่านี้ก็เป็ของที่เบื้องบนส่งมา ผู้น้อยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลยสักนิด"
จวินหวงหรี่ตามองดูความโอ่อ่าหรูหราของศาลาว่าการ แล้วมาเปรียบเทียบตำแหน่งนายอำเภอของที่นี่ เขาจะต้องได้รับการสนับสนุนจนมั่งคั่งเป็พิเศษเป็แน่ จวินหวงทำท่าจะวิ่งเข้าไป แต่ถูกหนานสวินดึงตัวไว้ทัน
"เื่นี้ขาดความโปร่งใส หากใช้วิธีเข้าไปซักถามตรงๆ ย่อมไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจแน่นอน" กล่าวจบเขาก็กระตุกข้อมือของจวินหวงให้ออกมาจากที่นั่น พอมาถึงมุมหัวโค้ง ก็ได้ยินเสียงของฉีเฉินดังมา
"โอ... หวางเหย่มาแล้ว นายท่านของเรารอรับเสด็จอยู่นานแล้ว" ใบหน้าของเ้าหน้าที่ศาลาว่าการหน้าอาบไปด้วยรอยยิ้ม กุลีกุจอนำทางฉีเฉินให้เข้าไปด้านใน
จวินหวงกับหนานสวินยืนอยู่ไม่ไกลจึงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ความจริงต่างคนต่างก็รู้แจ้งแก่ใจ เพียงแต่ไม่มีใครเผยความจริงออกมา
หนานสวินถามจวินหวงว่าจะกลับไปโรงเตี๊ยมเลยหรือไม่ จวินหวงส่ายศีรษะ "ข้าอยากเดินเล่นไปเรื่อยๆ"
"งั้นข้าจะไปเป็เพื่อนเ้า"
จวินหวงไม่ปฏิเสธ ยอมให้หนานสวินตามมาแต่โดยดี นางรู้ว่าในสถานที่แบบนี้ อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากข้างกายมีใครสักคนย่อมดีกว่า
ครั้นแล้วทั้งสองคนก็เริ่มดำเนินการตรวจสอบอย่างลับๆ
เดินไปได้พักใหญ่ ก็เห็นบ้านที่ถล่มลงมายังอยู่สภาพเดิม ข้างถนนคนที่ผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนมีให้เห็นอยู่ทุกที่ พวกเขามองมาที่จวินหวงกับหนานสวิน แม้แต่เรี่ยวแรงจะโบกมือยังไม่มี ปากก็ร้องพึมพำแต่คำว่าหิว อยากจะกินอาหาร
หลังจากสอบถามไปแล้วรอบหนึ่ง พวกเขาถึงรู้ว่าที่แท้ขุนนางในท้องถิ่นไม่เคยคิดจะใส่ใจประชาชน วันนี้การแจกจ่ายข้าวต้มก็เพียงแค่การแสดงให้พวกเขาเห็นเท่านั้น
ชายแดนที่กว้างใหญ่เช่นนี้ กลายมาเป็ขุมนรกในโลกมนุษย์ ไม่มีโรงหมอ ยิ่งไม่มีใครมาบอกว่าพวกเขาจะป้องกันโรคระบาดได้อย่างไร บ้านก็ยังไม่ได้บูรณะซ่อมแซม ผืนดินเรือกสวนไร่นาไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว
เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งเดินสะโหลสะเหลมาอยู่ข้างกายจวินหวง ยื่นมือมาดึงแขนเสื้อของจวินหวงไว้ "พี่ชายขอข้าดื่มน้ำสักคำเถอะ"
ดวงตาเด็กน้อยใสกระจ่าง แต่บนใบหน้ากลับสกปรกมอมแมม ริมฝีปากแห้งแตก น้ำเสียงแหบพร่าจนน่ากลัว มองออกว่าไม่ได้ดื่มน้ำมานานมากแล้ว
ไม่ต้องรอจวินหวงไปหยิบน้ำ หนานสวินปลดเอาถุงน้ำที่เอวส่งให้เด็กหญิง ให้นางเอาไปทั้งหมด
จวินหวงยืนอยู่กลางเมือง มองดูความเสื่อมโทรมทั่วทั้งสี่ทิศ ก็อดใจเอ่ยปากขึ้นไม่ได้ "เพราะเหตุใดจึงกลายเป็เช่นนี้ไปได้ สภาพประชาชนหมดหนทางที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้เยี่ยงนี้ ชวนให้รู้สึกหมดอาลัยตายอยากแท้ๆ"
หนานสวินหันหน้าไปมองจวินหวง เห็นดวงตาของนางราวกับกักน้ำตาเอาไว้ บ่งบอกถึงความเวทนาต่อความอยุติธรรมของโลกใบนี้ เขาทอดถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง "เ้าจำเป็ต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือ ความจริงเื่นี้ก็สามารถคาดเดาได้"
"ไปกันเถอะ พวกเรากลับกันก่อน" จวินหวงไม่อยากพูดมากอีก หันกลับแล้วเดินไปทางโรงเตี๊ยม หนานสวินเดินตามอยู่ด้านหลัง
ตอนที่พวกเขากลับไปถึง ฉีเฉินก็กลับไปถึงแล้ว มองออกว่าหลังจากเขาไปศาลาว่าการแล้วก็อารมณ์ดีขึ้น หางตามีรอยยิ้มปรากฏอยู่
จวินหวงมองเขาอย่างเรียบเฉยแล้วกล่าวขึ้น "วันนี้หวางเหย่ก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างภายในเมืองแล้วมิใช่หรือ? มีเื่อันใดที่ทำให้หวางเหย่ยิ้มหน้าระรื่นเช่นนี้ได้?"
ดูเหมือนว่าฉีเฉินจะไม่พอใจน้ำเสียงของจวินหวง หน้าตึงคิ้วขมวดยู่ทันที "เ้าหมายความว่าอย่างไร?"
จวินหวงมองฉีเฉินอย่างเ็า ปราศจากความหวั่นเกรงแม้แต่น้อย "หวางเหย่ย่อมกระจ่างใจว่าข้าน้อยหมายความว่าอย่างไร?"
บางทีอาจเป็เพราะจวินหวงไม่รู้จักใช้คำพูดที่ฟังรื่นหูในการอธิบายความ ฉีเฉินโกรธมาก ตบโต๊ะยืนขึ้นชี้หน้าว่าจวินหวงทันที "เฟิงไป๋อวี้ เ้าอย่าสำคัญตนว่าเปิ่นหวางถูกใจเ้า แล้วเ้าจะทำไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ได้ เ้ายังจำได้อยู่หรือไม่ว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเ้าตอนนี้มีสถานะอะไร?"
จวินหวงฟังแล้วก็หัวเราะ ราวกับได้ยินเื่ตลกน่าขันอย่างที่สุด แต่นางเป็คนเฉลียวฉลาดความคิดแยบยล รู้จักกาลเทศะจึงได้หยุด นางย่อมไม่ลืมเป้าหมายที่ตนเองเดินทางมาที่นี่ จึงสะบัดแขนเสื้อเดินจากมา โดยมิได้สืบสาวราวเื่กับฉีเฉินแต่อย่างใด
ท้องฟ้าด้านนอกเวลานี้ปกคลุมไปด้วยความมืด ในใจของจวินหวงไม่รู้สึกสงบเท่าใดนัก แม้ว่าจะรู้ว่าฉีเฉินไม่ใช่ผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งฮ่องเต้ แต่ก็ไม่รู้ว่าฉีเฉินที่ภายนอกดูเป็เช่นนี้ ภายในใจยังมีความคิดหวาดระแวงอยู่อีกมากมายเท่าไร
ตกกลางคืนหนานสวินนอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นเปิดประตูออกมาเรือนข้าง มองไกลออกไปก็เห็นจวินหวงนั่งอยู่บนบันได กำลังมองไปในความมืดมิดสุดลูกหูลูกตา แสงจันทร์ทาบทอลงมาบนใบหน้าของนาง เกิดเป็ความเงียบสงบอันน่าประหลาด ทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ
จวินหวงได้ยินเสียงเท้าเดินจึงหันศีรษะไปมอง เห็นหนานสวินเดินออกมาก็เก็บความกังวลใจที่ขึ้นอยู่เต็มใบหน้าเอาไว้ ตบๆ ร่างกายเล็กน้อย พยายามทำท่าทางให้ดูผึ่งผายขึ้น ตอนนี้ตนเองอยู่ในสถานะพิเศษ จะให้ผู้อื่นสงสัยไม่ได้
หนานสวินเพียงแอบหัวเราอยู่ในใจ แต่ไม่มีท่าทางตอบสนองอื่นๆ และไม่เปิดโปงนางด้วย เพียงแต่เดินตรงเข้าไปนั่งลงบนพื้นเหมือนกับนาง โดยไม่ใส่ใจสักนิดว่าอาภรณ์แพรต่วนตัวยาวจะเปื้อนฝุ่นบนพื้นหรือไม่
แสงจันทร์นวลตา ลมหนาวพัดโชยมาเป็ระลอก จวินหวงกระชับวงแขนกอดตนเองไว้แน่น "ผู้คนต่างกล่าวขวัญว่าหวางเหย่เป็แม่ทัพผู้เปี่ยมความสามารถของแว่นแคว้น มากด้วยกลยุทธ์ เก่งกล้าทั้งบุ๋นบู๊ มิทราบว่าเื่ราวในวันนี้หวางเหย่มีความคิดเห็นประการใด?"
"แผนการในตอนนี้ มีเพียงสืบให้กระจ่างว่าเงินบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยที่ราชสำนักจัดสรรลงมาให้ไปอยู่ที่ไหน ถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้"
จวินหวงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วถอนหายใจยาวออกมา มองไปในความมืดมิได้กล่าววาจาใดต่อไปอีก กลับเป็หนานสวินที่หันมามองจวินหวง ดวงตาคมเช่นนกเหยี่ยวราวกับกำลังพินิจพิเคราะห์ พอจวินหวงรู้ตัวก็ไอเบาๆ เสียงหนึ่งก่อนจะเสไปมองทางอื่น
หนานสวินกล่าวยั่วเย้า "ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตอย่างถี่ถ้วน ว่าคุณชายจะมีหน้าตาเหมือนกับสตรีงดงามละเมียดละไมเช่นนี้"
จวินหวงหน้าแดงก่ำ รู้สึกตระหนกเล็กน้อย แต่พยายามรักษาความสงบนิ่ง มองซ้ายมองขวาแล้วก็เสไปคุยเื่อื่น "เหอะๆ หวางเหย่ล้อเล่นแล้ว... ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านมีแผนแล้วหรือไม่?"
หนานสวินรู้ในข้อหวงห้ามของจวินหวง เขายังไม่ได้ละทิ้งเื่ที่คุยกันก่อนหน้านี้ แต่ก้มหน้าไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งจริงๆ อยู่ครู่หนึ่งถึงให้คำตอบ "ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่านายอำเภอน่าจะเป็ช่องโหว่หนึ่งให้โจมตีได้"
จวินหวงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า รู้สึกว่าการวิเคราะห์ของหนานสวินมีเหตุผล "นายอำเภอช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าเื่นี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่พวกเราเห็น"
หนานสวินพยักหน้าเห็นด้วย ชั่วขณะหนึ่งที่ความเงียบสงบเข้ามาแทรกระหว่างคนทั้งสองที่กำลังนั่งอยู่เคียงกัน ไม่มีใครเอ่ยวาจาใดๆ อีก
วันต่อมาหนานสวินสั่งให้คนของตนเองนำเงินทองที่พกมาไปแลกอาหารแห้งและข้าวต้ม เริ่มช่วยเหลือประชาชนด้วยกำลังของตนเอง ส่วนจวินหวงได้สร้างบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง ด้านข้างจุดที่พวกเขาแจกจ่ายข้าวต้มและเริ่มสอนวิธีการป้องกันโรคระบาดให้แก่ประชาชน หากชาวบ้านเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ นางก็ช่วยรักษาให้
่เวลาว่างเป็ครั้งคราวระหว่างการแจกจ่ายข้าวต้ม หนานสวินก็จะหันมาทางนี้ ยามที่เห็นจวินหวงตรวจชีพจรและจ่ายยาให้ผู้คน เขาก็เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ
ฉีเฉินมาดูอยู่สองสามครั้ง คิดว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นเป็การเสียแรงเปล่า แต่กลับมิได้พูดอะไรมาก ให้คนนอกเอาสุราดีที่ไม่รู้ว่าไปหามาจากที่ไหน นัดร่ำสุรากันที่ศาลาว่าการ ั้แ่ออกจากเมืองหลวงมา เขาก็แทบไม่มีความเป็องค์ชายเหลืออยู่เลยสักนิด
หลังจากที่การแจกจ่ายข้าวต้มเสร็จสิ้น หนานสวินมองดูจวินหวงตรวจร่างกายให้กับเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ด้านข้าง ในขณะนั้นคนที่เขาส่งไปฝีเท้าดั่งวายุไปมาไร้สุ้มเสียงคุกเข่าเข้ามาแล้วกระซิบบางอย่างที่ข้างหูหนานสวิน เห็นเพียงหนานสวินย่นหัวคิ้ว
"มีเื่อะไรเกิดขึ้นเช่นนั้นหรือ?" หลังจากองครักษ์เงาออกไปแล้ว จวินหวงจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
หนานสวินพยักหน้า แต่กลับไม่มีวาจาอื่นใด จวินหวงรู้ว่ายังไม่ใช่เวลาพูดคุยจึงไม่ได้ถามอะไรอีก
รอจนทุกอย่างเสร็จสิ้น ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน ท้องฟ้าในเวลานี้งดงามจับตา จวินหวงและหนานสวินเดินเคียงกันไปในยามโพล้เพล้ มองไกลๆ ราวกับคู่รักเทพเซียนโดยแท้
จนกระทั่งเดินมาถึงเนินเขาเตี้ยๆ แห่งหนึ่ง จวินหวงก็มองไปที่หนานสวินรอเขาเอ่ยปากพูด หนานสวินฮัมเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอชั่วครู่ก็เอ่ยปากอย่างช้าๆ "ตามที่เ้าคาดไว้ เื่นี้มีนอกมีในจริงๆ ด้วย"
ที่แท้จวินหวงพบว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่เรียบง่ายมาั้แ่แรก คิดว่าไม่ว่าอย่างไรนายอำเภอก็ไม่กล้าหักล้างอย่างโจ่งแจ้ง ่นี้นายอำเภอไม่เพียงแค่ใกล้ชิดสนิทสนมกับฉีเฉิน ยังเป็คนที่ฉีเฉินให้คนส่งเงินบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติมาให้ ก็เป็เื่ธรรมดาที่จวินหวงจะสงสัยว่าภายในต้องมีปัญหา และมีความเป็ไปได้สูงว่าฉีเฉินคือคนคอยชักใยอยู่เื้ันายอำเภอให้ทำแบบนี้
หนานสวินไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็เช่นนี้ไปได้ เขาให้คนไปตรวจสอบเื่นี้อย่างละเอียด ทั้งสืบสวนถึงสถานที่ที่ฉีเฉินใช้ซ่อนเงิน
"เ้าคิดว่าตอนนี้ควรจะทำอย่างไร?" หนานสวินหันไปถามจวินหวง เขาอยากรู้ความคิดเห็นของจวินหวง
จวินหวงคิดๆ ดูแล้วก็กล่าวว่า "ในเมื่อองค์ชายรองกล้าทำเื่อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ก็แสดงว่าอำนาจของเขาในตอนนี้จะดูเบาไม่ได้ ถ้าหากพวกเราดำเนินการไม่รัดกุม ก็เป็ไปได้มากที่จะต้องกลายเป็ศพอยู่ที่นี่"
หนานสวินพยักหน้าเห็นด้วย แล้วกล่าวว่า "เ้าไม่ต้องสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่นี้อีกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเ้าก็อยู่ในจวนฉีเฉิน หากตั้งตนเป็ศัตรูกับเขาในเวลานี้ ย่อมไม่มีผลดีอันใด ส่วนที่เหลือมอบให้ข้าจัดการก็พอ"