ยี่สิบปีที่ทุ่มเทไป ห้าปีที่ตั้งใจทุ่มเททำงานจนได้เลื่อนยศตำแหน่งอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็วีรบุรุษแห่งปี เืสายหนึ่งที่ยังร้อนรุ่ม หัวใจที่เต็มไปด้วยความห้าวหาญ ล้วนจะต้องถูกฝังให้เป็ผุยผงอยู่ที่นี้ อะไรที่เรียกว่าท่านอ๋องผู้บ้างาน อะไรคือแผ่นดินมั่นคง อะไรคือชื่อเสียงเป็ที่เลื่องลือ ชื่อเสียงความนับถือที่จะมีให้หลังตายไปก็จะกลายเป็เพียงกองดิน
ต่อให้เ้ามีเงินทองม้าเหล็กมากมายแต่ก็ไม่อาจสู้ภัยธรรมชาติที่ไร้หัวใจ ต่อให้เ้ามีความสามารถพิเศษก็ไม่อาจสู้โชคชะตาที่คอยทำร้ายคน ช่างน่าขันนัก
มู่หรงอวี้คิดถึงตรงนี้ก็หันหน้าไปมองนาง
แสงสีแดงส่องไปยังใบหน้าของนาง นางอยู่ข้างกายเขาเพียงแค่เอื้อมมือไปก็จะััได้
หากตอนนี้เขาจะต้องตาย เช่นนั้นในเวลาสั้นๆ ก่อนตายเขาจะทำสิ่งใด?
บางทีเขาอาจจะจับนางโอบเข้ามาในอ้อมกอด พูดคำพูดที่อยู่ในใจที่ไม่ทันได้พูดออกมา จากนั้นก็กอดนางไปสู่ปรโลกด้วยกัน
นี่คือสิ่งที่เขาสามารถคิดได้
ถึงแม้จะมีความเสียดายและความไม่พอใจอยู่มากมาย แต่โชคดีที่ข้างกายยังมีเตี้ยนเซี่ยอยู่กับเขา จะเป็หรือจะตาย พวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกัน
ความคิดนี้แปลกประหลาด แต่ก็ชัดเจนและรุนแรงมาก
เขาอดที่จะยื่นมือไปจับมือของเตี้ยนเซี่ยไม่ได้ ทว่ามู่หรงฉือรู้สึกถึงความคิดของเขาได้จึงหลบหลีก
นางถลึงตาใส่เขา ทันใดนั้นก็คิดได้ว่าเมื่อตอนกลางวันเขาเคยพูดเอาไว้ว่า ยังไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไร
เขาก็เหมือนกับนาง ต่างวางแผนเอาไว้แล้วว่าคืนนี้จะมาที่กองทัพตรวจสอบอาวุธ เพียงแต่เลือกที่จะไม่พูดออกมา เพราะว่าหากนางรู้ถึงความคิดของเขา คืนนี้ก็คงจะไม่มา
ในใจของนางพลันหงุดหงิดเล็กน้อย หงุดหงิดที่ถูกเขาวางแผนเอาไว้ ความจริงแล้วเขาก็คงคำนวณเอาไว้อย่างแม่นยำว่าคืนนี้นางจะมาที่กองทัพถึงได้มาด้วยสินะ
“เตี้ยนเซี่ยหาหลักฐานความผิดที่พวกเขาลอบค้าอาวุธกับก่ออาชญากรรมได้หรือไม่?” จู่ๆ มู่หรงอวี้ก็ถามขึ้น
“หาไม่เจอ” นางปฏิเสธออกไป “เมื่อตอนกลางวันท่านอ๋องเหมือนจะสนใจภาพูเานั้น”
“ภาพนั้นแปลกอยู่เล็กน้อย บางทีอาจจะซุกซ่อนความลับที่ไม่อยากให้คนรู้”
“หาหลักฐานไม่เจอ ก็ไม่สามารถเอาผิดคนทำผิดได้”
“หากพวกว่านฟางลอบค้าอาวุธจริงๆ เส้นทางนี้ก็มีค่าพอให้ตรวจสอบ”
“ลอบค้าอาวุธหากออกไปทางประตูหลักจะต้องถูกตรวจสอบ เดินทางไปถึงเส้นทางหลวงก็สะดุดตาเกินไป หากออกไปจากเส้นทางนี้เช่นนั้นก็ไม่มีใครรู้แล้ว”
มู่หรงอวี้พยักหน้า “เป็เช่นนั้นจริงๆ คิดไปแล้วทางเส้นนี้ หากมุ่งหน้าไปก็เป็สถานที่รกร้างไร้ผู้คนแล้ว”
พูดไป จู่ๆ เขาก็หยุดฝีเท้าลง มองไปด้านหน้า
มู่หรงฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้านหน้ามีทางแยก ทางสองทางแผ่อยู่ใต้เท้าของเขา
ดวงตาของเขาหรี่ตาลงน้อยๆ แผ่ความเ็าออกมา “หากเลือกผิด บางทีอาจจะมีอันตราย”
นางคาดเดา “หรือว่าพวกเขาจงใจทำเอาไว้หลายทางเพื่อให้คนหลงทาง?”
นางมองไปรอบๆ อย่างละเอียด ไม่เว้นแม้แต่นิ้วเดียว “สองทางนี้เหมือนกัน มองความแตกต่างไม่ออก”
แววตาเ็าของนางมองไป “หากหนึ่งในนั้นเป็ทางตัน เช่นนั้นเส้นทางนั้นปกติแล้วคนจะไม่ค่อยไปกัน ท่านลองดูทางเส้นนี้ พื้นดินเหนียวไม่แข็งแรงถึงเพียงนั้น ส่วนทางนั้น เนื่องจากมีคนเดินผ่านอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังต้องขนย้ายหีบอาวุธ พื้นจึงถูกเหยียบจนเรียบและแข็งแรงมาก”
มู่หรงอวี้เดินไปยังเส้นทางที่เป็ทางตัน มู่หรงฉือก็ถามด้วยความใ “ท่านอ๋อง ท่านทำอะไรน่ะ?”
“เปิ่นหวางจะบุกไปนรก”
เขาสาวเท้ายาวๆ เดินไปโดยไม่หันหลังหลับมา นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงทำได้แค่ตามไป แล้วถามอย่างหงุดหงิด “ท่านอ๋องอยากรนหาที่ตายหรือ?”
น้ำเสียงของเขาชัดเจนและเต็มไปด้วยความมั่นใจ “เปิ่นหวางก็อยากจะเห็นว่าทางตันนี้จะมีสัตว์ร้ายอะไรรออยู่”
นางรู้สึกว่าสมองของตัวเองพังไปแล้วจริงๆ ถึงได้บ้าเดินตามเขามา แต่ตอนนี้จะกลับไปก็คงถูกเขาหัวเราะเยาะที่นางขี้ขลาดกลัวตาย เดินมาได้ครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็หมุนตัวกลับมาจับมือของนางทะยานขึ้นไป
แรงมหาศาลดึงนางขึ้นไปทั้งตัว ปลายเท้าของเขาแตะกำแพง ก่อนจะพุ่งไปด้านหน้าแล้วลงถึงพื้นอย่างมั่นคง
นางที่เพิ่งจะยืนได้ พลันเกิดเสียงฟิ้วๆ ดังขึ้นก่อนธนูหลายสิบดอกจะยิงออกมา
ในระยะห่างไม่เกินครึ่งวินาที ระหว่างเส้นความเป็ความตาย
หากเขาไม่ได้พานางหนีออกมาจากตรงนั้น คาดว่าคงจะถูกธนูพวกนั้นยิงจนพรุนแล้ว
มู่หรงฉือใจนรู้สึกหวาดกลัว
หากจะพูดถึงประสบการณ์ ตัวเขาที่ผ่านการรบมาร้อยครั้ง นางย่อมสู้เขาไม่ได้ เขาสามารถััถึงอันตรายได้ภายในเสี้ยววินาที นางยังไม่อาจััได้
นี่ก็คือระยะห่างระหว่างนางกับเขา
แล้วระยะห่างนี้ บางทีนางอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี ต้องผ่านความเสี่ยงอีกนับไม่ถ้วนถึงจะตามเขาทัน บางทีทั้งชีวิตก็อาจจะยังตามไม่ทัน
“ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่” มู่หรงอวี้ถาม เห็นใบหน้าเล็กของนางขาวซีด
“ไม่เป็อะไร” สติของนางนิ่งสงบลง ก่อนจะกะพริบตาให้เขารู้ว่านางไม่ได้อ่อนแอ
“หากเตี้ยนเซี่ยอยากจะย้อนกลับไป เปิ่นหวางจะไปส่ง…”
“ไม่ต้องหรอก ไปเถิด” มู่หรงฉือเดินไปด้านหน้าด้วยความหงุดหงิด คำพูดของเขาไม่ได้บอกว่าหากเ้ากลัวก็จงกลับไปหรือ?
“ระวัง!”
เสียงะเิดังขึ้นก่อนเขาจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แขนยาวรั้งเอวนางเข้ามาแล้วพุ่งขึ้นไปบนอากาศ
ฟิ้วๆๆ
ลูกธนูเหมือนกับแมลงพุ่งเข้ามาราวกับสายฝน จนไม่มีที่ไหนสามารถหลบได้ อันตรายมาก
นางจับเขาเอาไว้แน่น ถูกเขาพาขึ้นมาหลบกลางอากาศ บางครั้งก็ลอยตัวบนอากาศบางครั้งก็ทิ้งตัวลงบนพื้น หลบอยู่ตามช่องว่างที่ไม่มีธนูพุ่งมา นางใจนิญญาแทบจะหลุดลอยไป
ความอันตรายกว่าสถานการณ์ในตอนนี้นางก็เคยเจอมาก่อน เพียงแต่ครั้งนี้ถูกธนูพุ่งเข้ามาโจมตีพร้อมกันทั้งหมด ถูกเขาล็อคตัวให้หลบลูกธนูที่ไม่มีตานั้น
ไม่รู้ทำไม นางกลับไม่รู้สึกหวาดกลัว ราวกับมั่นใจว่าเขาจะต้องหลบลูกธนูที่หมายเอาชีวิตนี้ได้
เมื่อผ่าน่นั้นมา ในที่สุดลูกธนูก็หยุดยิง ลูกธนูที่อยู่เกลื่อนพื้นมีมากมายราวกับขนวัว
ตอนนี้เอง เสียงหายใจของพวกเขารัวเร็วอยู่เล็กน้อย มู่หรงอวี้โอบนางเอาไว้ในอ้อมกอด แค่หลุบตาลงมองก็เห็นว่าใบหน้าของนางย้อมไปด้วยสีแดง เห็นแล้วชวนให้ใจสั่น
มู่หรงฉือเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้จึงรีบดีดตัวออกทันที
ตอนที่คิดว่าจะเดินขึ้นไปข้างหน้า นางก็ได้ยินเสียงะเิดังขึ้น ก่อนคิ้วจะขมวด “นี่มันเสียงอะไร?”
ตู้มๆๆๆ
“รีบวิ่งเร็วเข้า!”
เขารีบคว้ามือเล็กของนางแล้ววิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ใช้วิชาตัวเบาจนกลายเป็เงาสายหนึ่งที่รวดเร็วปานสายฟ้า
ทว่าที่พวกเขาเดาไม่ผิดก็คือ เส้นทางนี้คือทางตัน พวกเขาวิ่งมาจนสุดทางแล้ว
“ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ ทำอย่างไรดี?” นางถามด้วยใจที่ร้อนรน พยายามหากลไกที่จะเปิดประตูลับตามกำแพง
“ไม่ต้องหาแล้ว พวกเราจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย” มู่หรงอวี้พูดด้วยท่าทางนิ่งสงบ ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้มีความหวาดกลัวเลยสักนิด
“ท่านพอใจแล้วหรือไม่?” นางโกรธจนถลึงตา อยากจะเข้าไปต่อยเขาสักหมัดให้หายหงุดหงิด “เมื่อครู่เหตุใดท่านถึงได้เดินมาเส้นนี้?”
เวลานี้เองนางเห็นก้อนหินกลมขนาดใหญ่กลิ้งพุ่งตรงมา เพียงไม่นานย่อมกลิ้งมาถึงตรงหน้าพร้อมจะทับให้พวกเขาแบนเป็แผ่นเนื้อเละๆ
แรงของหินก้อนั์นั้นน่ากลัวมาก ทำเอาพื้นถึงกับสั่นะเื
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ตวาดเสียงดุ “รีบคิดหาวิธีสิ!”
เห็นท่าทางสติแตกของนาง ดวงตาของเขาก็เ็า จับข้อมือของนางไว้ ก่อนที่เขาจะหมุนตัวแล้วเอานางเข้ามาปกป้องในอ้อมกอด
หินกลมที่กลิ้งมานั้นรวดเร็วยิ่งนัก เพียงพริบตาเดียวก็กลิ้งมาตรงหน้า
ทันใดนั้น มู่หรงอวี้ก็พุ่งไปทางมุมที่อยู่ริมสุด เอียงตัวแล้วหลบเข้าไป
ตู้ม!
หินก้อนั์ชนเข้าไปที่ทางตัน ในที่สุดก็หยุดสนิท พื้นก็หยุดสั่นะเื โลกกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
มู่หรงฉือขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา คิดว่าตัวเองคงจะถูกทับจนแบนไปแล้ว แต่ว่าบนตัวกลับไม่มีความเ็ปสักนิด
นางลืมตาขึ้น เห็นหินกลมั์อยู่ติดกับพวกเขา เพียงแต่มุมด้านข้างมีช่องว่างอยู่เล็กน้อย พอดีให้พวกเขาหลบเข้าไปได้ อีกทั้งยังต้องกอดกันแน่นๆ ไม่เช่นนั้นที่ว่างจะไม่เพียงพอ
ทันใดนั้น นางพลันรู้สึกเขินอายและกระอักกระอ่วน ท่าทางเช่นนี้ช่างทำให้คนอื่นคิดไปไกล กลัวอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ
นางพยายามจะถอยไปด้านหลัง แต่กลับไม่มีที่ให้นางขยับได้ เรียกว่าไม่อาจขยับได้เลย
“มันเบียดเกินไปแล้ว คลายมือสักหน่อยได้หรือไม่…”
แก้มของนางย้อมไปด้วยสีแดง ทำให้คนอยากเข้าไปกัดดูสักคำ
มู่หรงอวี้หลุบตามองนาง ถึงแม้นางจะสวมชุดดำ แต่สีดำของเสื้อกลับยิ่งขับให้ผิวของนางงดงาม
ในอ้อมกอดคือคนที่นุ่มนวลอบอุ่น คอยตีรวนความคิดของเขา เขาถูกความคิดนี้พันธนาการไว้ ่อกมีลูกไฟลุกโชนขึ้นมา
“ทำอย่างไรดี?”
มู่หรงฉือรู้สึกว่าสายตาของเขาเปลี่ยนไป ดวงตาสีดำนั้นราวกับหลุมดำที่แสนห่างไกล
จู่ๆ เขาก็ก้มหน้าลงมาหยอกล้อกับติ่งหูของนาง ลมหายถี่กระชั้น
นางเหมือนถูกไอร้อนของเปลวเพลิงลวกจนร่างสั่นสะท้าน อดพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ “ปล่อยเปิ่นกง!”
มู่หรงอวี้ทำราวกับไม่ได้ยิน จับเข้าที่หลังศีรษะของนางก่อนจะจ้องนางด้วยสายตาเร่าร้อน
“เปิ่นกงเป็บุรุษ! เ้าหยุดคิด…” นางอายจนหน้าแดง โกรธจนเจ็บหน้าอก
“หากเตี้ยนเซี่ยเป็บุรุษ ที่ตำหนักชิงหยวนครั้งที่แล้ว เหตุใดถึงจูบเปิ่นหวางหรือ?” เขาถามนางด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“นั่นก็เพราะ…” มู่หรงฉือพูดไม่ออก อารมณ์ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมา
ริมฝีปากสีชมพูยั่วยวนเขาอย่างไร้เสียง เขาปล่อยให้ตนกดจูบลงไป…
นางขยับตัวไม่ได้ บวกกับช่องว่างที่จำกัด เหมือนมีแค่ทางเลือกเดียวคือปล่อยให้เขาจูบเท่านั้น
เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะปล่อยให้ความปรารถนาล้นทะลักออกมา ความเย่อหยิ่งกลายเป็ความหลงใหล
เพิ่งจะผ่านความเป็ความตายมา ในใจนางยังคงมีความหวาดกลัว บวกกับรู้สึกอับอายจนกลายเป็โกรธ เืลมของนางพลันพุ่งพวยขึ้นมา ทว่ามู่หรงฉือกลับได้แต่ยอมแพ้ให้กับความเอาแต่ใจของเขา
มู่หรงอวี้จูบลงไปที่คิ้วของนาง นิ้วโป้งเลื่อนมายังลำคอของนาง
ทว่านิ้วมือกลับหยุดลง ไม่ได้เลื่อนไปด้านหน้าอีก
“ท่านจะทำอะไร?”
มู่หรงฉือได้สติกลับมา จู่ๆ ก็พบว่ามือของเขาอยู่ที่ลำคอของตนเองก็ใจนหน้าถอดสี แล้วผลักเขาออกอย่างโมโห
มู่หรงอวี้หัวเราะสบายๆ “เปิ่นหวางยังไม่ใส่ใจว่าเ้าจะเป็บุรุษหรือสตรี เหตุใดเตี้ยนเซี่ยจะต้องใส่ใจด้วย?”
เขาคาดเดาได้นานแล้ว เพียงแต่ไม่อยากจะพิสูจน์ เขายิ่งชอบเล่นแมวไล่จับหนูอยู่ด้วย แบบนี้สิถึงจะยิ่งสนุก ยิ่งน่าสนใจ
เมื่อครู่เพียงแค่ผีสั่งให้ทำโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าสุดท้ายเขาก็เอาชนะได้ในวินาทีสุดท้าย เพียงเพื่อจะเก็บความสนุกเอาไว้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้