เมื่อก่อนตอนที่เขาได้ยินคนกล่าวเื่เล่านี้ขึ้น กลับไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย คนชราป่วยหนัก อาศัยชาชั้นเลวและอาหารจืดชืดของบ้านครอบครัวเกษตรกรจะสามารถรักษาอาการป่วยให้ดีขึ้นได้อย่างไร? ล้อเล่นอะไรกัน เช่นนั้นจะยังมีหมออย่างพวกเขาไว้ทำอะไร?
ตอนนั้นเขาเปล่งเสียงขึ้นจมูกเหยียดหยาม [1] คนครอบครัวเกษตรกรกับชาชั้นเลวและอาหารจืดชืดเ่าั้ไม่เห็นว่าจะอายุยืน แต่งเื่ราวขึ้นก็ไม่รู้จักแต่งให้น่าเชื่อถือ
แต่ ณ ขณะนี้ คิดถึงสิ่งของต่างๆ ที่สกุลหูนำมาส่งให้ แล้วคิดถึงสถานการณ์ที่คุณชายทานอาหารอีกครั้ง กลับคล้ายคนชราในเื่เล่าก็ไม่ปานจริงๆ อาศัยวัตถุดิบของครอบครัวเกษตรกร อาการป่วยของคุณชายถึงได้ทุเลาลงช้าๆ
ขณะที่เขาใคร่ครวญ ห้องครัวก็เคี่ยวน้ำแกงเสร็จแล้วจึงยกเข้ามา
ความร้อนลอยแผ่คลุมน้ำแกงกลิ่นหอมสดชื่น กลิ่นเนื้อกระต่ายบางเบาลอยคละคลุ้งในห้องนั้น
กู้จงประคองถ้วยด้วยความระมัดระวังเดินมาถึงหน้าเตียง
“แค่กๆๆ” กู้ฉีที่ตื่นอยู่ ทั่วทั้งร่างกายไม่มีแรงอย่างมาก แม้แต่เสียงไอล้วนแหบและหมดแรง
“คุณชาย! คุณชาย! นี่เป็กระต่ายที่สกุลหูนำมามอบให้ น้ำแกงเพิ่งจะตุ๋น เหล่าหนี่ว์ประคองท่านลุกขึ้นซดสักหน่อยนะขอรับ?” กู้จงมองแก้มคุณชายที่ตอบและผอมจนเสียรูป พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลลงมา
กู้ฉีกะพริบดวงตาที่แดงก่ำ มองถ้วยเคลือบสีขาวลวดลายก้อนเมฆบนหัวเตียง น้ำแกงอุ่นร้อนในถ้วยมีกลิ่นคุ้นเคยลอยกระจาย ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกว่าในปากมีน้ำลายไหลล้นขึ้นมา
กู้ฉีงงงันเล็กน้อย เขาอาเจียนและท้องเสียอยู่หลายวัน ความรู้สึกอยากอาหารในปากเหลือไว้เพียงความแห้ง ขม และกลิ่นเหม็นคาว ไม่ว่าจะบ้วนปากสักกี่ครั้ง ในปากก็ยังขมฝาด ช่างเป็ทุกข์นัก ยามนี้ได้กลิ่นหอมสดชื่นของน้ำแกงนี่ ในท้องที่แห้งเหี่ยวว่างเปล่ากลับส่งเสียงร้องอยากทานอาหารขึ้นมา
กู้จงประคองเขาให้นั่งพิงบนหมอน แล้วยกถ้วยขึ้นพร้อมกับตักน้ำแกงหนึ่งคำยื่นส่งไปด้วยความระมัดระวัง
ความรู้สึกละมุนละไมที่คุ้นเคยแผ่ซ่านผ่านลำคอแหบแห้ง เข้าไปในกระเพาะที่เต็มไปด้วยความทรมาน กระจายระลอกคลื่นส่งความสบายขึ้นสายหนึ่ง สายตากู้ฉีอดรีบเร่งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ คอยจดจ่อน้ำแกงในชามต่อไป
เห็นว่าคุณชายซดลงไปหนึ่งอึก และไม่ได้อยากจะอาเจียนออกมา กู้จงที่เดิมทีคิ้วขมวดก็คลายออก ตักหนึ่งช้อนยื่นส่งไปอีกโดยมิรอช้า
ซดแล้วไม่อาเจียน? เหวยจื่อยวนทั้งประหลาดใจระคนยินดี จะเหมือนชายชราในเื่เล่าจริงๆ หรือนี่? คนครอบครัวเกษตรกรอย่างสกุลหูเช่นนั้นจะเป็เหตุบังเอิญท่ามกลางโชคชะตาของคุณชายเชียวหรือ? ในโลกนี้มีเื่มหัศจรรย์เช่นนี้จริงหรือ?
ซดน้ำแกงร้อนๆ ครึ่งถ้วยหมดลง กู้ฉีผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลาย กระแสความอบอุ่นค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วหน้าอกและท้อง ความรู้สึกไม่สบายจากความเหนื่อยล้าและใจสั่นก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก
“วันนี้สกุลหู… เป็ผู้ใดมาส่งกระต่าย?” แม้เสียงยังคงแหบอยู่นิดหน่อย แต่เทียบกับความแหบพร่าก่อนหน้านี้ และสามารถเอ่ยปากพูดคุยได้ก็ไม่เลวแล้ว
“ได้ยินหลิวผิงว่าเป็สองพี่น้องสกุลหู นำสินค้ามาส่งมอบให้สือหลี่เซียง เลยถือโอกาสมาส่งกระต่ายด้วยขอรับ” กู้จงสังเกตเห็นขณะที่กู้ฉีเอ่ยถามสีหน้ามีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย เขาดีใจจนในหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มจึงตอบกลับไปอย่างร่าเริง
“อืม…” เด็กสาวผู้นั้นไม่มา กู้ฉีผิดหวังอยู่บ้าง หลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอนาง ท่าทางสง่างามดูเ้าเล่ห์ดวงตาใสเป็ประกายและมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยพลังนั่น มีความแข็งแรงร่าเริงทำให้คนอิจฉานัก
“คุณชาย ท่าน… รู้สึกดีขึ้นหน่อยแล้วหรือไม่ขอรับ?” เหวยจื่อยวนถามอย่างระมัดระวัง
แม้ใบหน้ากู้ฉีไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ท่าทางสีหน้าผ่อนคลายแววตาสงบเงียบ บ่งชี้ว่าอาการของเขามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจริงๆ
“ดีขึ้นหน่อยแล้ว ในกระเพาะไม่ได้ทรมานเพียงนั้น ความรู้สึกมึนงงหมดแรงก็ดีขึ้นด้วย” กู้ฉีพยักหน้า แค่ท้องยังคงโล่งอยู่ รู้สึกหิวอย่างมาก เขาลังเลเล็กน้อยจึงกล่าวออกไป “เหมือนว่าท้องจะรู้สึกค่อนข้างหิวด้วย”
“จะไม่หิวได้อย่างไรเล่าขอรับ! คุณชายท่านไม่ได้ทานอะไรมาสามวันแล้ว กว่าจะบำรุงเนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาได้ไม่ง่ายเลย แล้วก็กลับไปซูบอีก ท่านผอมจนร่างกายเหลือแต่กระดูกแล้วขอรับ” เฉินเผิงเฟยยืนอยู่ข้างหลังกู้จงกล่าวด้วยใบหน้าดีอกดีใจ
“เช่นนั้น เช่นนั้นเหล่าหนี่ว์จะไปตักน้ำแกงมาอีก คุณชายท่านรอสักครู่ขอรับ” กู้จงสีหน้าปีติยินดีทั่วใบหน้า วิ่งสุดฝีเท้าไปยังด้านนอก
เห็นว่ากู้ฉีมีชีวิตชีวาไม่เลว เหวยจื่อยวนจึงพิจารณาเล็กน้อย แล้วนำเื่ของชายชราบอกให้เขาฟัง
กู้ฉีได้ยินดังนั้นก็ค่อนข้างประหลาดใจ หากมีเื่เช่นนั้นจริง ชายชราผู้นี้ก็ประสบเคราะห์ร้ายเหมือนกันกับเขามาก
“…ทุกคนในสกุลหูนั่นผู้ใต้บังคับบัญชาล้วนตรวจสอบมาแล้ว เป็แค่ครอบครัวเกษตรกรทั่วไปครอบครัวหนึ่ง ที่บ้านไม่มีญาติหรือสหายพิเศษอะไร ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจนและเรียบง่ายมาโดยตลอด ปีก่อนขายส่วนประกอบอาหารการกินให้สือหลี่เซียงเลยหาเงินมาได้จำนวนหนึ่ง ความเป็อยู่ครอบครัวพวกเขาจึงมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ท่านหญิงชราสกุลหูฝีมือครัวดีมาก เงินที่หาได้จากอาหารการกิน คำนวณแล้วก็ไม่ได้มีพิเศษอะไรเลย?” เฉินเผิงเฟยหวนนึกถึงฝีมือของท่านหญิงชราสกุลหูขึ้นได้ ก็นึกถึงลานเล็กที่ทำอย่างเรียบง่ายของสกุลหูขึ้นมาอีก ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกับครอบครัวชนบทธรรมดาเลยจริงๆ
“เื่นี้ อย่างเพิ่งแพร่งพรายออกไป” กู้ฉีครุ่นคิดไปชั่วขณะ ทันทีหลังจากนั้นก็จัดการสีหน้าให้กลับเป็ดังเดิม กวาดสายตามองสองคนแวบหนึ่งแล้วกล่าวกำชับเบาๆ
สองคนร่างกายยืนตรง โค้งคำนับรับปากทันที
กู้จงประคองถ้วยเข้ามา ก้นถ้วยครั้งนี้ยังใส่เนื้อกระต่ายที่ตุ๋นจนเปื่อยนุ่มสองชิ้น
ภายใต้การปรนนิบัติอย่างระมัดระวังของกู้จง กลืนอาหารในถ้วยลงท้องไปทั้งหมดอย่างช้าๆ ในที่สุดกระเพาะของกู้ฉีก็มีอาหารลงไป ไม่หดเกร็งจนกล้ามเนื้อบิดด้วยความว่างเปล่าอีก
กู้ฉีผ่อนลมหายใจยาวๆ ออกมาอย่างผ่อนคลาย ในที่สุดลำไส้และกระเพาะอาหารที่ทรมานมาหลายวันก็ได้พักผ่อนสักที
กลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง เขาลูบคลำส่วนกระเพาะของตนเองเบาๆ นึกถึงคำของเหวยจื่อยวน หากเป็เช่นชายชราผู้นั้นจริง เช่นนั้นก็เป็วาสนาของเขาแล้ว ตอนยังเด็กมากเขาก็รู้ว่าอาการป่วยของตนเองยากที่จะรักษาให้หายเป็ปกติได้ จะมีชีวิตจนโตเป็ผู้ใหญ่ไหมยังไม่อาจรู้ได้ หากพบเข้ากับสถานการณ์ที่เหมือนในเื่เล่าจริง เช่นนั้น…
ลูบหัวใจที่เต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย กู้ฉีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยลมหายใจออกอย่างผ่อนคลาย เขาประสบกับความหวังมาหลายครั้งแล้ว แต่กลับเป็ความผิดหวังทุกครั้งไป ยิ่งคาดหวังสูง ความผิดหวังยิ่งมาก
กู้ฉีสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ อยู่หลายครั้ง จึงสงบและสบายใจลงได้
...ฝนตกไม่หนักมาก ลงเม็ดปรอยๆ ติดต่อกันไม่หยุดแล้วยังมีลมเย็นสบายอ่อนโยน ูเาที่ไกลออกไปมีหมอกขมุกขมัว
เจินจูกำลังเก็บวัชพืชพลิกมาคว่ำไปอยู่บนแปลงผัก
หลี่ซื่อออกแรงพลิกดินไปมาั้แ่เช้า ใช้จอบขุดสวนผักหลังบ้านหนึ่งรอบ เตรียมปรับปรุงดินและแปลงปลูกสวนผักของครอบครัวตนเองให้เสร็จ
หากไม่ใช่่นี้ยุ่งเกินไป สวนผักควรจะเพาะปลูกตั้งนานแล้ว ไม่กี่วันก่อนหลี่ซื่อมีความวิตกกังวล สวนผักของครอบครัวอื่นล้วนเห็นต้นอ่อนแล้ว แต่ของตนเองล้วนยังไม่ได้ขุดเลย
เพราะเป็เช่นนี้ เมื่อเื่ในบ้านจัดการเสร็จ หลี่ซื่อจึงรีบเร่งยุ่งกับงานในสวนผักขึ้น
เจินจูกำลังรื้อค้นเมล็ดพันธุ์ผักของในบ้าน นางปลูกผักมากมายในมิติช่องว่าง มีพันธุ์ผักบางอย่างที่หยิบออกมาเปลี่ยนแทนของเดิมไว้ เช่นพวกฟักทอง กระเทียม ขิง ข้าวโพด เผือก...
ที่บ้านยังมีเมล็ดพันธุ์พืชอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เพาะปลูกในมิติช่องว่าง ล้วนเป็พวกถั่วฝักยาว มะระ บวบ น้ำเต้าและแตง แต่ละชนิดที่ต้องสร้างค้างผัก [2] ในมิติช่องว่างเป็พื้นที่เล็กเช่นนั้น ถ้าสร้างค้างผักขึ้นมาอีกล่ะก็ ดูแล้วแม้แต่พื้นที่ให้เดินก็จะไม่มี
คิดไปถึงต้นพุทราที่ปลูกไม่กี่ต้นก็ค่อยๆ โตวันโตคืน เจินจูรู้สึกปวดศีรษะไปพักหนึ่ง ทำไมนางถึงได้ปลูกต้นพุทราในมิติช่องว่างอย่างเซ่อซ่าได้ แล้วตอนนี้จะทำอย่างไร ต้นพุทราสูงเมตรกว่า ออกกิ่งก้านงอกงามใบเขียวชอุ่ม หากคิดจะย้ายออกมาก็ทำไม่ได้ง่ายเลย
นางเกาศีรษะด้วยความขัดเคือง ทำการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ไม่กี่ชนิดที่มีติดตัวหนึ่งรอบ แล้วตบเศษผงในมือออกเบาๆ เตรียมไปให้อาหารกระต่ายหลังบ้าน
“ย่า!ๆ”
นอกลานบ้านแว่วเสียงหูฉางกุ้ยขับเกวียนเข้ามา
พวกเขากลับมาแล้ว! เจินจูดีใจและรีบร้อนออกไป
เปิดประตูลานออกกว้าง หูฉางกุ้ยสวมหมวกหญ้าและใส่เสื้อกันฝน กำลังจูงเกวียนล่อร่างกายกำยำล่ำสันหนึ่งตัวเข้ามาในลานบ้าน หลัวจิ่งก็สวมหมวกหญ้ากับใส่เสื้อกันฝนเช่นกันตามมาอยู่ด้านหลังเกวียนล่อ
“ท่านพ่อ ยู่เซิง พวกท่านกลับมาแล้ว!”
ฝนโปรยปรายร่วงลงมาเป็ระยะ เจินจูยืนอยู่ใต้ชายคาจ้องมองล่อที่เขาจูงอยู่ในมืออย่างประหลาดใจตาโต “ท่านพ่อ นี่เป็ล่อกระมังเ้าคะ?”
“แหะๆ ใช่สิ ล่อตัวน้อยอายุสามปีกว่า สามารถทำงานได้พอดี” หูฉางกุ้ยฉีกยิ้มอย่างคนซื่อ เพิ่มสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ในบ้านอีกหนึ่งชนิด ในใจของเขามีความสุขดอกไม้บานอยู่นานแล้ว เขาจูงล่อเดินเข้าไปถึงใต้ชายคา
“เอ๋ เพิ่งสามปี สามารถลากของหนักได้หรือเ้าคะ?” เจินจูพินิจพิเคราะห์มันด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ลากได้ คนขายล่อกล่าวว่าแรงกำลังของล่ออาจมากกว่าม้าเสียอีก ทั้งเชื่องทั้งแบกของหนักได้ ชาวบ้านอย่างเราใช้ล่อทำงานสะดวกสบายที่สุด” หูฉางกุ้ยลูบศีรษะหนาๆ ของล่อและยิ้มกว้าง
เมื่อวานตอนบ่ายบุตรสาวได้ปรึกษาหารือกับเขา ให้วันนี้ไปซื้อรถม้าหรือไม่ก็เกวียนล่อในเมือง ตอนนี้กำลังจะปรับปรุงดินหว่านเมล็ดพืชอยู่แล้ว งานขับเกวียนส่งสินค้าไม่สามารถล่าช้าได้ เป็เช่นนี้การซื้อสัตว์เลี้ยงหนึ่งตัวโตจึงเป็เื่ที่เร่งรีบอยู่ตรงหน้า
ดังนั้น หลังจากหูฉางกุ้ยได้ปรึกษาความเห็นของมารดา จึงเห็นพ้องต้องกันกับพี่ชายและยู่เซิงว่าเลือกล่อที่แข็งแรงตัวนี้จากตลาดค้าวัวและม้าในเมือง
“เจินจู ของเหล่านี้เ้าจะให้วางไว้ไหน?” หลัวจิ่งชี้สิ่งของบนเกวียนล่อแล้วถาม
“อ่า…” เจินจูได้ยินดังนั้นจึงโยกย้ายสายตาไปมอง “ว้าว ทำเสร็จแล้วหรือ ฮ่าๆ… ข้าดูหน่อย”
เจินจูะโเข้ามาข้างเกวียนล่อทันที ประคองส้วมนั่งยองเครื่องปั้นเคลือบสีขาวหนึ่งชิ้นขึ้นมาดูให้ทั่วเล็กน้อย ไม่เลว ค่อนข้างเหมือนส้วมนั่งยองยุคปัจจุบันเลย ว้าว... ฮ่าๆ ในที่สุดจะมีส้วมใช้แล้ว
นางตื่นเต้นจนอุ้มส้วมนั่งยองเดินเข้าไปทางห้องโถงทันที
หลัวจิ่งมีความงงงวยในสายตา ของสิ่งนี้คืออะไร? นางดีใจได้เพียงนี้? เขาได้แต่เก็บความสงสัยที่มีอยู่ไว้ แล้วย้ายของไม่กี่อย่างที่เหลือเข้าบ้านไปอย่างว่องไว
หูฉางกุ้ยช่วยถอดแผ่นกระดานเกวียนออกให้ล่ออย่างระมัดระวัง แล้วจึงจูงล่อไปไว้ในเพิงหมูหลังบ้าน ที่บ้านยังไม่ได้ซื้อลูกหมูมาเลี้ยง เหมาะที่จะให้ล่อมีที่อยู่ก่อนพอดี
ในห้องโถง เห็นเจินจูย้ายสิ่งของไม่กี่ชิ้นวางลงด้วยความระมัดระวังราวกับเป็ของล้ำค่า ในที่สุดหลัวจิ่งก็ข่มกลั้นเอาไว้ไม่ไหว “ของพวกนี้ ล้วนใช้ทำอะไรหรือ?”
เจินจูไม่ได้ตอบกลับทันที เพียงหันไปกะพริบตามองเขาอย่างซุกซนและลึกลับ ในรอยยิ้มมีความคลุมเครือเล็กน้อยให้มองเห็นได้ “พวกมันน่ะหรือ แหะๆ ประโยชน์ยิ่งใหญ่มาก ผ่านไปไม่กี่วันเ้าก็จะรู้เอง”
กล่าวจบก็ะโโลดเต้นจากไปอย่างยิ้มแป้น
ไม่นึกเลยว่าเด็กสาวผู้นี้จะอุบไว้เป็ความลับให้อยากรู้ หลัวจิ่งเพียงรู้สึกคันรากฟัน [3] เล็กน้อยไปพักหนึ่ง
ในกระท่อมกระต่าย เจินจูกำลังให้อาหารกระต่าย ฟักทองที่หั่นเป็ชิ้น ซังข้าวโพดเป็ท่อนๆ แล้วยังมีผักป่าที่ผึ่งให้แห้งนิดหน่อย
ผักป่าที่เก็บตุนไว้ตอนฤดูใบไม้ร่วงเหลืออยู่เล็กน้อย อาหารหลักของกระต่ายในขณะนี้เปลี่ยนเป็ฟักทอง ผักกาดขาวและใบหัวไชเท้า วางไว้ให้วนเวียนกันไป เจินจูเพิ่มฟางผลผลิตจากมิติช่องว่างลงไปอยู่ตลอดจำนวนหนึ่ง
หวังซื่อปวดใจอยู่บ้าง แต่ยังคงนำผักกาดขาวและฟักทองของบ้านตนเองมาส่งให้ ส่วนใบหัวไชเท้าเดิมทีตั้งใจจะใช้เลี้ยงหมู แต่ตอนนี้ต้องเอามาเลี้ยงกระต่ายด้วย
เจินจูไม่ได้กลัดกลุ้มสิ่งนี้ แต่นางกำลังกลุ้มใจเื่ฟักทองลูกกลมโตในมิติช่องว่างที่จะไม่มีโอกาสได้ใช้ พอดีเลยที่ตอนนี้จะได้ถือโอกาสบริโภคพวกแตงที่ตนเองปลูกลงไปบ้าง แล้วยังมีฟางข้าวโพดหนึ่งกองใหญ่นั่นอีก วันนี้นางสับมาเลี้ยงกระต่ายบ้างแล้ว ถึงจะเป็เช่นนี้ฟางก็ยังกองสูงอยู่มาก จนนางในตอนนี้ไม่กล้าปลูกพืชผลที่มีฟางอีกเลย
อุณหภูมิสูงขึ้นช้าๆ ประตูกระท่อมกระต่ายก็เปิดกว้างให้อากาศทะลุผ่านได้อย่างปลอดโปร่ง เงาดำมืดหนึ่งร่างวิ่งผ่านไป ฟางที่อยู่ในมือเจินจูก็หายไปอย่างไร้ร่อยรอยในพริบตาเดียว
เชิงอรรถ
[1] เปล่งเสียงขึ้นจมูกเหยียดหยาม บรรยายถึง การดูถูก
[2] ค้างผัก คือ ไม้ที่ก่อขึ้นเพื่อให้พืชไม้เลื้อยได้มีที่เจริญเติบโตพันเกี่ยวขึ้นมาได้
[3] คันรากฟัน บรรยายถึง เคียดแค้นกัดฟันกรอด