มู่หรงฉือหัวเราะน้อยๆ ในดวงตามีความเยือกเย็นปรากฏอยู่หลายส่วน “เปิ่นกงผิดหวังนิดหน่อยจริงๆ เพราะอีกประเดี๋ยวหัวของเ้าก็จะหลุดจากบ่าแล้ว”
เยว่จิ่งเฉินต้องใช้พลังค่อนข้างมากกว่าจะฝืนลุกขึ้นนั่งได้ “ข้าเชื่อว่าเ้าไม่มีทางสังหารข้า”
“อ้อ? เปิ่นกงกลับอยากจะได้ยินว่าเหตุใดเ้าถึงมีความคิดเช่นนี้”
“ข้าบริหารหลิงหลงเซวียนในแคว้นของเ้ามาหลายปี หูตาของข้าแฝงตัวเข้าไปในราชสำนักแล้ว แม้กระทั่งในวังหลวงก็ไม่เว้น เ้าจะสังหารข้าง่ายๆ ได้อย่างไร?”
เขายิ้มอย่างปราศจากความกลัว คิ้วเผยความชั่วร้ายออกมา
นางยิ้มน้อยๆ “ถึงแม้เปิ่นกงอยากจะถอนรากถอนโคนหูตาที่เ้าวางเอาไว้ในเมืองหลวงกับวังหลวง แต่เปิ่นกงกลับกังวลว่าหากปล่อยเ้าเอาไว้อาจจะเกิดเื่ที่แย่ยิ่งกว่า”
กุ่ยหยิงมองไปทางเตี้ยนเซี่ย ทั้งๆ ที่นางคลี่ยิ้มราวกระต่ายใสซื่อ แต่กลับทำให้คนรู้สึกขนลุก
เยว่จิ่งเฉินพูดอย่างไม่ร้อนรน “หรือว่าเ้าไม่อยากจะใช้ประโยชน์จากชีวิตของข้าให้มากกว่านี้?”
“แน่นอนว่าชีวิตของเ้าย่อมมีค่ามาก ทำไม? กลัวหรือ?” ดวงตาของมู่หรงฉือหรี่ลง มุมปากยกขึ้น
“ชนะเป็เ้า แพ้เป็โจร ข้าเยว่จิ่งเฉินไม่เคยหวาดกลัว แต่ข้าแค่อยากรู้ว่า เ้ารู้ตัวตนของข้าได้อย่างไร” เขายืดคออย่างอวดดี
กุ่ยหยิงก็อยากจะรู้เช่นกันว่าองค์รัชทายาทคาดเดาตัวตนของคุณชายชุดทองออกได้อย่างไร
นางพูดเสียงเย็น “ฮ่องเต้แคว้นหนานเยว่มีโอรสห้าองค์ เพราะว่าตำแหน่งรัชทายาทยังไม่ได้ถูกกำหนด องค์ชายทั้งห้าจึงแก่งแย่งชิงดีกันมาหลายปี ต่อสู้กันจนตายก็ยังไม่รามือ มารดาขององค์ชายสามฐานะต้อยต่ำ ตำแหน่งในวังหลังก็เป็เพียงเจาอี้ที่ไม่สูงไม่ต่ำ ั้แ่เด็กก็ไม่ได้รับความรักความสำคัญจากฮ่องเต้หนานเยว่ ทั้งยังไม่มีขุนนางใหญ่สนับสนุน กล่าวได้ว่า ในบรรดาองค์ชายทั้งห้าพระองค์ องค์ชายสามอ่อนด้อยที่สุด ไม่มีคนหนุนหลัง”
ดวงตาของเยว่จิ่งเฉินหม่นหมอง ที่อีกฝ่ายพูดมาล้วนถูกต้อง เขาไม่มีขุนนางใหญ่คอยสนับสนุน ทุกคนต่างคิดว่าเขาไร้คุณสมบัติที่จะนั่งบนตำแหน่งนั้น เขาไม่ยินยอม เขา้าให้ทุกคนได้เห็นว่าเขา เยว่จิ่งเฉิน เป็คนที่เฉลียวฉลาดที่สุด เ้าวางแผนที่สุด เป็องค์ชายผู้มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้มากที่สุด ทุกคนล้วนตามืดบอด ดังนั้นเขาจึงขอออกมาฝึกฝนตนเอง คาดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะอนุญาตโดยไม่แม้แต่จะไตร่ตรอง
“มารดาขององค์ชายอีกสี่พระองค์ล้วนเป็ธิดาจากตระกูลใหญ่ พวกเขามีคนคอยสนับสนุนไม่มากก็น้อย ต่างมีพื้นฐานที่ไม่อาจดูแคลน ดังนั้นพวกเขาจะยอมทิ้งเมืองหลวงมาทำเื่เสี่ยงอันตรายที่แคว้นเป่ยเยี่ยนได้อย่างไร?” มู่หรงฉือพูดต่อ “องค์ชายสามเฉลียวฉลาดมากแผนการ อยากเป็ผู้ชนะที่ได้รับความสนใจและความสำคัญจากฮ่องเต้หนานเยว่ จึงต้องหาวิธีอื่นเพื่อสร้างผลงาน ขอเพียงสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ได้ หลังจากกลับแคว้นแล้วก็จะเดินได้อย่างยืดอกผ่าเผย”
“ดูเหมือนข้าจะประเมินองค์รัชทายาทต่ำไป” สิ่งที่เยว่จิ่งเฉินหงุดหงิดก็คือ เขาถูกอวี้หวางวางแผนตลบหลัง อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ระวังกุ่ยหยิงที่อยู่ข้างๆ ในเวลานั้น ยามนี้จึงได้แต่พูดเย้ยหยันออกมา “ความจริงแล้วเ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก เ้าที่เป็องค์รัชทายาทกลับไม่ได้เื่ ทั้งยังถูกอวี้หวางกดอำนาจไว้อยู่หลายปีไม่ใช่หรืออย่างไร? ในสายตาของราษฎรแคว้นเป่ยเยี่ยนมีเพียงอวี้หวาง มีเ้าที่เป็องค์ชายรัชทายาทเสียที่ไหน?”
กุ่ยหยิงโกรธจัด คนผู้นี้กำลังดูถูกองค์รัชทายาท
มู่หรงฉือกลับยิ้มได้ใน่เวลาเช่นนี้ “เปิ่นกงก็เป็องค์รัชทายาทที่ไม่ได้ความจริงๆ นั่นแหละ เช่นนั้นเ้ามีคำแนะนำอะไรดีๆ หรือไม่?”
แววตาดุร้ายของเยว่จิ่งเฉินมองไปทางกุ่ยหยิง “ขอเพียงเ้าคุ้มครองชีวิตของข้า รอข้ากลับถึงแคว้นหนานเยว่ ข้าจะต้องช่วยให้เ้าได้ขึ้นตำแหน่งฮ่องเต้ กำจัดคนที่เป็ศัตรูของเ้า”
ใบหน้าของกุ่ยหยิงดุดันขึ้นมาทันที องค์รัชทายาทจะตกหลุมพรางนี้ของเขาหรือไม่?
นางหัวเราะเยาะเสียงเย็น “เ้ากล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าคนของอวี้หวาง ไม่ใช่เป็การรนหาที่ตายหรืออย่างไร?”
เยว่จิ่งเฉินถลึงตาใส่นางด้วยความโมโห ความจริงแล้วเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก ที่ตนเองต้องตกอยู่ในกำมือของพวกเขาก็เป็เพราะประมาทเกินไป
เขาควรจะรีบสังหารอวี้หวางกับมู่หรงฉือทันทีที่ได้เปรียบ!
บนโลกใบนี้ไม่มียาแก้เสียใจภายหลัง ตอนนี้เขาได้รับผลจากการกระทำของตนเองแล้ว จะโกรธใครก็ไม่ได้
แต่เขาเชื่อว่าทหารที่เขาฝึกปรือมาอย่างดีจะต้องมาช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน
“ความจริงแล้วเปิ่นกงก็วางแผนจะบั่นเอวเ้าเป็สองท่อน ตอนเที่ยงของวันพรุ่งนี้จะประกาศความชั่วของเ้าให้ราษฎรในเมืองหลวงได้รับรู้ จากนั้นก็ให้คนในเมืองหลวงดูการปะา แต่เปิ่นกงกังวลว่าเื่ราวจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ต้องลำบากเ้าแล้ว” มู่หรงฉือพูดด้วยดวงตาเ็าราวกับน้ำแข็ง
“เ้าคิดจะฆ่าข้าคืนนี้?” ในที่สุดสีหน้าของเยว่จิ่งเฉินก็เปลี่ยนไป ดวงหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“เ้าทำร้ายราษฎรเป่ยเยี่ยน ลอบซื้ออาวุธลับทางทหาร เป็อันตรายต่อราษฎรแคว้นเป่ยเยี่ยน เปิ่นกงจะปล่อยให้เ้ามีชีวิตถึงพรุ่งนี้ได้อย่างไร?”
นางรับกระบี่ที่กุ่ยหยิงโยนให้แล้วชักกระบี่ออกอย่างเชื่องช้า กระบี่แหลมคมเสียดสีกับปลอกหุ้มทองจนเกิดเป็เสียงเสียดหู สำหรับเยว่จิ่งเฉินแล้วนั่นเป็เสียงแห่งความเป็ความตายที่กำลังใกล้เข้ามา น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง
เยว่จิ่งเฉินเบิกตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวา “เ้าไม่อยากรู้เบาะแสของอาวุธลับจากกองทัพตรวจสอบอาวุธหรือ? ไม่อยากจะรู้ว่าผู้ใดเป็หูตาที่ข้าส่งเข้าไปในวัง หรือในราชสำนักหรือ?”
ไม่ยินยอม!
เขาไม่ยินยอมที่จะตายไปเช่นนี้ ลำบากตรากตรำอยู่ที่เป่ยเยี่ยนมาสี่ปีแต่กลับขาดทุนย่อยยับ ไม่เพียงไม่ได้รับตำแหน่งจากการทำความดีความชอบครั้งใหญ่ กลับยังต้องชดใช้ด้วยชีวิต
กุ่ยหยิงจ้ององค์รัชทายาท อยากจะดูว่าองค์รัชทายาทจะสังหารองค์ชายสามของแคว้นหนานเยว่จริงหรือไม่
แสงเงินเย็นเยียบราวสายฟ้าฟาด!
โลหิตสดพุ่งทะลักออกมาเป็แนวโค้งราวสายรุ้ง พร้อมกับหัวที่หล่นลงไปบนพื้น
มู่หรงฉือลงกระบี่อย่างรวดเร็ว ในดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารแผ่ซ่าน
กุ่ยหยิงมองศีรษะที่ยังมีเืไหลออกมา ดวงตากลมทั้งสองข้างนั้นยังคงเบิกค้าง ตายตาไม่หลับ
นางโยนกระบี่ให้เขา หยิบหน้ากากทองอันงดงามขึ้นมาแล้วออกคำสั่ง “ยามเซินในวันพรุ่งนี้ให้ทำการตัดเอวต่อหน้าราษฎร หาคนที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับเขามาแทนที่ สวมหน้ากากนี้เอาไว้ เปิ่นกงจะทำการหว่านแหจับปลา เ้าก็ใช้ชื่ออวี้หวางไปสั่งการยอดฝีมือทหารองครักษ์ส่วนพระองค์กับทหารป้องกันเมืองหลวงให้มาคุ้มกันที่ลานปะา สั่งองครักษ์เงาของอวี้หวางให้ไปล้อมตอรอจับกระต่าย เปิ่นกงจะจัดการสกุลเยว่ให้หมดในคราวเดียว”
กุ่ยหยิงรับคำสั่ง อดมององค์รัชทายาทใหม่ไม่ได้
หากท่านอ๋องไม่สลบไสลไม่ได้สติ คิดว่าก็คงจะทำเช่นเดียวกันนี้
...
เช้าตรู่วันถัดมา ทหารจำนวนไม่น้อยมาติดประกาศตามถนนใหญ่ ดึงดูดสายตาของประชาชนเป็จำนวนมาก
เพิ่งจะตัดหัวคนร้ายสองคนต่อหน้าเหล่าราษฎรไป วันนี้ก็จะตัดเอวอีก ราชสำนักนี้เหตุใดวันๆ ถึงได้เอาแต่ปะาคนให้ดูกัน
เหล่าชาวเมืองหลวงต่างพากันพูดคุยและไม่เข้าใจถึงวิธีการลงมือของราชสำนัก เพราะการปะาคนต่อหน้าชาวบ้านนั้นน่าพรั่นพรึงเกินไป
“ตัดเอวกับตัดหัวก็เหมือนๆ กัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็มีเืไหลออกมาเต็มไปหมด เป็ศพไม่สมบูรณ์ทั้งนั้น”
“แล้วที่ถูกตัดเอวต่อหน้าทุกคนครั้งนี้เป็ผู้ใดกัน?”
“ในประกาศก็เขียนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? เป็สายลับจากแคว้นอื่น ราชสำนักถึงได้ประกาศจะตัดเอวต่อหน้าคนอื่น”
“ที่แท้ก็เป็สายลับจากแคว้นอื่นนี่เอง เช่นนั้นก็ควรสังหารทิ้ง!”
“การตัดเอวนี่ตัดที่เอวจริงๆ หรือ?”
“แน่นอนสิ ตัดเอวนี่น่ากลัวเป็อย่างยิ่ง...”
คนที่มุงอยู่รอบๆ มีคนหนึ่งสวมชุดแตกต่างออกไป ชุดที่สวมนั้นเป็ชุดที่สานจากฟางไม้ไผ่ จากนั้นเขาก็รีบสาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
จวนอวี้หวาง
มู่หรงฉือทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปเยี่ยมมู่หรงอวี้ เขายังคงไม่ฟื้น แต่ความเขียวคล้ำบนใบหน้าจางลงเล็กน้อย
นางนั่งลงที่ริมเตียงมองเขาอย่างสงบนิ่ง ยากจะคิดว่าบุรุษผู้หนึ่งที่แข็งแกร่งดุดัน ในยามปกติมีแผนการมากมายจะมานอนหลับอย่างสงบ ปล่อยให้ใครทำร้ายก็ได้โดยไร้หนทางต่อต้านเช่นนี้
หากเป็แต่ก่อน นางคงจะอาศัยโอกาสนี้แทงเขาเป็พันๆ รอบ เพื่อระบายความเกลียดชังในใจ
ทว่าวันนี้ไม่เหมือนกับอดีตแล้ว แม้นางมีใจอยากสังหารเขา แต่กลับมีเหตุผลมากมายรั้งนางไม่ให้ลงมือ
หรือจะพูดในประโยคเดียวก็คือ นางไม่อาจตัดใจลงมือได้อีกแล้ว
ไม่รู้ว่าต่อไปนางจะเสียใจภายหลังหรือไม่ ไม่รู้ว่าความใจอ่อนในเวลานี้จะสร้างผลลัพธ์อันเลวร้ายอย่างไร รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาจะตายไม่ได้
มู่หรงฉือกุมมือใหญ่ที่เย็นเฉียบของเขาเอาไว้ คิดถึงความเกี่ยวพันของพวกเขา เื่ที่เขาเคยทำกับนาง ทุกวาจาที่เขาเคยพูด ทำให้นางทั้งรู้สึกดีใจและเศร้าใจ
“ท่านจะเปิดเผยความลับของเปิ่นกงหรือไม่?”
“ท่านจะ่ชิงตำแหน่งหรือไม่?”
“ท่านจะสังหารเปิ่นกงกับเสด็จพ่อหรือไม่ จะสังหารสกุลมู่หรงหรือไม่?”
ไม่มีผู้ใดให้คำตอบนาง
นางกำนัลสองคนยกถ้วยยาเข้ามา ก่อนจะป้อนยาให้มู่หรงอวี้
มู่หรงฉือยืนมองอยู่ด้านข้าง มองพวกนางประคองเขาขึ้นมา มองพวกนางบีบปากเขาให้อ้าออกแล้วป้อนยาเข้าไป ส่วนเขายังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ
นางออกจากห้องแล้วยืนมองท้องฟ้าที่มีเมฆลอยสูง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
องค์หญิงตวนโหรวมู่หรงสือสาวเท้าไวๆ เข้ามา ครั้นเห็นองค์รัชทายาทอยู่ที่นี่ก็วิ่งเข้ามาด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท”
มู่หรงฉือมองนางที่เดินเข้ามาใกล้ด้วยความรำคาญใจ
“เตี้ยนเซี่ย วันนี้ที่ถนนครึกครื้นนัก พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถิดเพคะ” มู่หรงสือยิ้มกว้าง เหมือนดอกไม้สีแดงภายใต้แสงอาทิตย์ งดงามสดใส
“อาสามของเ้าาเ็หนักหมดสติไปยังไม่ฟื้น เ้ายังมีแก่ใจจะไปเดินเที่ยว? เ้าเคยคิดจะไปเยี่ยมเขาบ้างหรือไม่?” มู่หรงฉือถลึงตาใส่นาง “เปิ่นกงเป็รัชทายาท มีหลายสิ่งต้องสะสาง ไม่มีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นกับองค์หญิงหรอก”
แม้นางจะสั่งให้ปิดข่าวเื่ที่อวี้หวางได้รับาเ็สาหัสเอาไว้ แต่ว่าคนในจวนต่างรู้ เพียงแต่ปิดข่าวไม่ให้แพร่งพรายออกไปภายนอกอย่างแ่า
มู่หรงสือใ ถูกตำหนิจนตะลึงไป เตี้ยนเซี่ยไปกินรังแตนมาหรืออย่างไร?
แต่ว่าท่าทางตอนโกรธของเตี้ยนเซี่ยก็ยังคงงดงามยิ่งนัก
นางได้ยินว่าท่านอาสามได้รับาเ็ เดิมทีก็มาเพื่อจะเยี่ยมท่านอาสาม เพียงแต่เห็นว่าองค์รัชทายาทอยู่ที่นี่จึงดีใจจนลืมตัว
ครั้นเห็นว่าตนทำให้องค์รัชทายาทกริ้ว นางจึงรีบไปเยี่ยมท่านอาสามทันที
มู่หรงฉือเดินออกไปด้านนอก แต่กลับเห็นเสิ่นจือเหยียนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเปล่งประกาย เขาสวมชุดสีขาวนวล ท่วงท่าสง่างาม
“เตี้ยนเซี่ย” เขาประสานมือคำนับ
“เหตุใดเ้าถึงมาที่นี่ได้?” นางถามด้วยความใ
“เมื่อเช้าตอนที่มาถึงประตูศาลต้าหลี่ก็ได้ยินว่าเกิดเื่ใหญ่ขึ้น ข้าเดาว่าเตี้ยนเซี่ยคงจะอยู่ที่นี่ เลยลองเสี่ยงดวงมาหา” เสิ่นจือเหยียนยิ้ม “เตี้ยนเซี่ย ประกาศถูกแปะไปทั่วถนนในเมืองหลวง ระหว่างทางที่มาผู้คนต่างพูดคุยกันเซ็งแซ่ เื่นี้เกี่ยวข้องกับเตี้ยนเซี่ยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ไปคุยกันในห้องของเปิ่นกง”
มู่หรงฉือพาเขาเข้าไปในห้อง เล่าเื่การจับเยว่จิ่งเฉินให้เขาฟังอย่างเรียบง่าย
เสิ่นจือเหยียนใ “ที่แท้สองวันนี้ท่านกับอวี้หวาง...เื่นี้อันตรายเกินไปแล้ว โชคดีที่เพียงได้รับาเ็ภายนอก”
นางยิ้มแล้วพูด “เ้ามาพอดีเลย ตอนบ่ายจะได้ไปดูการปะาเป็เพื่อนเปิ่นกง”
ถึงแม้นางจะไม่กลัวอะไร แต่หากมีเสิ่นจือเหยียนอยู่ข้างกาย นางก็สบายใจขึ้นมาหน่อย
เขาถามอย่างกังวล “อวี้หวางเป็อย่างไรบ้าง? ยังไม่ฟื้นหรือ?”
นางพยักหน้า กำหมัดแน่น “ที่น่ารังเกียจก็คือ เยว่จิ่งเฉินคงจะฉวยโอกาสนี้นำอาวุธดีๆ ส่งกลับไปยังแคว้นหนานเยว่แล้ว”
เสิ่นจือเหยียนพูดปลอบใจ “เตี้ยนเซี่ย แคว้นหนานเยว่ยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ โชคดีที่ไม่ใช่แคว้นซีฉิน”
ดวงตาของมู่หรงฉือฉายแววเย็นเยียบ “บ่ายนี้จะปะาตัดเอวให้ทุกคนได้เห็น เปิ่นกงจะปิดประตูตีแมวคนสกุลเยว่ที่ยังซ่อนอยู่ให้หมด!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้