“ตูมมม…” โม่ฉางชุนอาศัยแรงะเิทำลายตนเองของจู้ฉางชิง กระแทกผ่านแนวการป้องกันบรรพบุรุษผู้เฒ่าสูงสุด บรรพบุรุษผู้เฒ่าสูงสุดและหนานกงหลิวอวิ๋นเดิมก็ได้รับาเ็ไม่น้อยแล้วในตอนที่สองบรรพบุรุษผู้เฒ่าตระกูลโหยวะเิตัวเอง ยามนี้แนวป้องกันของพวกเขาถูกแรงะเิของจู้ฉางชิงโจมตีอีกครั้ง กลายเป็หละหลวมขึ้นมา
“ไม่ได้การ!” พลันสีหน้าเยว่หลิงซานแปรเปลี่ยน เนื่องเพราะเขาพบว่าครั้งนี้โม่ฉางชุนฝ่าวงล้อมออก แล้วกลับไม่ได้หลบหนี แต่มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเมืองวันสิ้นโลก
ทุกคนคาดไม่ถึงว่าโม่ฉางชุนจะมุ่งหน้าไปทางนั้น เพราะทิศทางนี้เป็เส้นทางมรณะอย่างแน่นอน บริเวณนอกเมืองวันสิ้นโลก ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนได้เตรียมการตั้งเป็แนวรบเพื่อต่อสู้ครั้งใหญ่เนิ่นนานแล้ว เพราะกลัวการต่อสู้ของจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์จะส่งผลกระทบต่อผู้คนในเมือง ในจำนวนนั้นมีจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์หลายคน เดิมโม่ฉางชุนก็ได้รับาเ็ไม่น้อยแล้ว ภายใต้การโจมตีของบรรดาจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ ทำให้สูญเสียพลังการต่อสู้ไปเกือบครึ่งหนึ่ง จึงเป็ไปไม่ได้ที่จะต่อสู้กับกลุ่มจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์เ่าั้ ดังนั้นสำหรับทางด้านนี้ แนวป้องกันของจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์จึงน้อยกว่าอยู่บ้าง
สีหน้าของเยว่หลิงซานแปรเปลี่ยน ไม่ใช่เพราะโม่ฉางชุนไปโจมตีเมืองวันสิ้นโลก แต่เนื่องจากทิศทางของโม่ฉางชุน กลับเป็กลุ่มคนศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานที่ล่าถอยกลับสู่เมืองวันสิ้นโลก
“ระวัง!” อาจารย์ปู่เทียนฉานะโด้วยความใ เขาคิดไม่ถึงว่าโม่ฉางชุนจะใช้โอกาสจากการะเิตัวเองของจู้ฉางชิง เลือกโจมตีศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉาน จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์สูงสุดผู้หนึ่ง ก่อนตายกลับไปโจมตีผู้เยาว์ สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ในสายตาบรรพบุรุษผู้เฒ่าสูงสุดฉายแววแปลกๆ ขึ้นวูบหนึ่ง ท่าร่างของหนานกงหลิวอวิ๋นก็ชะงักเล็กน้อยเช่นกัน พวกเขาก็มองแรงจูงใจของโม่ฉางชุนออกแล้วเช่นกัน เดิมด้วยความเร็วของหนานกงหลิวอวิ๋น ยังสามารถขัดขวางโม่ฉางชุนไว้ แต่ว่าสำหรับสำนักบริบาลเดรัจฉาน หนานกงหลิวอวิ๋นดูเหมือนจะไม่มีความประทับใจที่ดีอันใด ท่าร่างกลับชะงักลงพร้อมกับบรรพบุรุษผู้เฒ่าสูงสุด ปล่อยให้โม่ฉางชุนฝ่าออกไปอย่างราบรื่น
“เลวทรามต่ำช้า!” เยว่หลิงซานมองบรรพบุรุษผู้เฒ่าสูงสุดและหนานกงหลิวอวิ๋นอย่างโกรธเคืองคราหนึ่ง ออกไล่ตามโม่ฉางชุนไปอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนระวัง!” ฉินจงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันไร้สภาพชนิดหนึ่ง ทำให้พวกเขาเหมือนตกอยู่ในหล่มโคลน เมื่อเหลียวมองย้อนกลับไป ต้องใที่เห็นบนท้องฟ้าฝ่ามือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งกำลังตบลงมา สภาวะพลังไม่อาจต้านทานได้ เขาไม่สามารถแม้แต่จะรวบรวมสำนึกต่อต้านขึ้นเลย…
“เป็โม่ฉางชุน…” มีคนใอุทาน ในบรรดาลูกศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉาน ยกเว้นมหาจักรพรรดิาสองคนแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือไม่มีพลังที่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย นี่คือเขตแดนสัมบูรณ์ ฤทธิ์เดชเขตแดนสัมบูรณ์ของขอบเขตจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด ไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิาและราชันาเหล่านี้สามารถต้านทานได้
“ตูมมม ตูมมม…” มหาจักรพรรดิาสองคนของสำนักบริบาลเดรัจฉาน เหมือนแมลงวันที่ถูกฟาดกระเด็นก็มิปาน ถูกฝ่ามือั์ฟาดซัดออกไปไกลหลายสิบลี้ พุ่งตกลงไปในมหาสมุทร เสียงดังตู้ม
“โม่ฉางชุน เ้าคนถ่อย!” พลันจู้ชิงขวงคำรามโกรธเคือง
“ตูมมม…” ฉินจงและคนอื่นๆ รู้สึกแค่ว่าตนเองถูกสภาวะพลังน่าสะพรึงกลัวนั้น ดีดกระเด็นออกไปเหมือนเช่นใบไม้ร่วงหล่นท่ามกลางสายลมในฤดูสารท ในแววตาที่หวาดกลัวของเขา พบว่ามือใหญ่คว้าจับเบาๆ ในอากาศคราหนึ่ง กลับคว้าจู้เชียนเชียนที่สวมเสื้อคลุมไว้ในกำมือแล้ว
ร่างกายของฉินจงร่วงกระแทกกับพื้นอย่างหนักหน่วง กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง แต่กลับไม่ได้าเ็อะไรมากนัก ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานอื่นๆ ก็ล้มระเนระนาดลงบนพื้น าเ็สาหัสจำนวนไม่น้อย แต่ที่เสียชีวิตไปจริงๆ กลับไม่มี ชั่วขณะหนึ่งแล้วมหาจักรพรรดิาทั้งสองคนก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้น เห็นได้ชัดว่าาเ็สาหัส
เวลานี้ฉินจงจึงได้เข้าใจ เป้าหมายของโม่ฉางชุนไม่ใช่พวกเขา แต่เป็จู้เชียนเชียน ยิ่งกว่านั้นยัง้าจู้เชียนเชียนที่มีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นฝ่ามือเมื่อครู่นี้หากตบลงมาโดยตรง เกรงว่าพวกเขาศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉาน คงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถรอดชีวิต แต่เวลานี้พวกเขาเพียงได้รับผลพวงจากคลื่นพลังการประมือของสองมหาจักรพรรดิาและโม่ฉางชุนเท่านั้น จึงถูกกระแทกจนาเ็สาหัส
“ถ้าเ้าไม่เกรงว่านางจะตายทันที เ้าก็ลงมือได้เต็มที่!” โม่ฉางชุนจับตัวจู้เชียนเชียนร่อนตัวลงบนผิวน้ำทะเล เหมือนนกนางแอ่นที่พลิ้วร่างอยู่บนยอดคลื่น พลิ้วไหวอย่างผ่อนคลายจนผิดปกติ
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกเกินความคาดหมาย
สีหน้าเช่นดอกไม้ของจู้เชียนเชียนแปรเปลี่ยนจางหาย ดวงตาทั้งสองปิดสนิท ราวกับนกน้อยปีกหักตัวหนึ่งที่อยู่ในกำมือของโม่ฉางชุนมิมีผิด แม้แต่โอกาสที่จะดิ้นรนก็ยังไม่มี แต่โม่ฉางชุนต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย กลิ่นแปลกๆ บนร่างกายจู้เชียนเชียน ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง
สีหน้าจู้ชิงขวงตื่นตระหนกและโกรธเคือง แต่กลับไม่กล้าลงมือทันทีจริงๆ เดิมเขาคิดว่าจู้เชียนเชียนอยู่กับจ้านอู๋มิ่ง ทว่าคิดไม่ถึงว่าบุตรีจะกลับเมืองวันสิ้นโลกพร้อมกับบรรดาศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉาน ไม่รู้ว่าถูกโม่ฉางชุนพบเห็นร่องรอยได้อย่างไร เป็สาเหตุชักนำให้โม่ฉางชุนเปิดฉากการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นมา โดยใช้การะเิตัวเองของจู้ฉางชิงเป็ตัวล่อ เพื่อ้าจับตัวบุตรีของตนไว้ในกำมือ เื่นี้ทำให้เขาลำบากใจอย่างยิ่ง เนื่องเพราะเขาทราบดี แม้ว่าเขาจะไม่ลงมือเพราะจู้เชียนเชียน แต่ว่าจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ไม่มีความกังวลดังกล่าว ภัยคุกคามของโม่ฉางชุน จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์แทบทั้งหมดล้วนทราบเป็อย่างดี ช่างโเี้อำมหิตเพียงใด กลับทำให้จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกควบคุมะเิตัวเองได้โดยตรง คนที่สามารถจัดการจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ อย่างง่ายดายผู้หนึ่ง สำหรับจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์แล้วก็คือภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงแน่นอน เนื่องจากในบรรดาพวกเขาไม่คิดจะเจริญรอยตามจู้ฉางชิงหรือสองจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ตระกูลโหยวแม้แต่คนเดียว เนื่องจากไม่มีผู้ใดทราบเช่นกันว่าโม่ฉางชุนใช้วิธีการใดจนสามารถทำได้ถึงจุดนี้ และวิธีการที่ไม่ชัดเจนนี้จะทำให้ผู้คนยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น ดังนั้นจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์สิบกว่าคนจึงได้แต่ร่วมแรงร่วมใจกันลงมือต่อโม่ฉางชุน
“เ้าคิดว่าแค่มีเด็กสาวผู้หนึ่งไว้เป็โล่ แล้วจะสามารถทำให้พวกเราละเว้นเ้าอย่างนั้นหรือ? ไม่ทราบว่าเ้าไร้เดียงสาหรือว่าเ้าเริ่มคลุ้มคลั่งไปแล้ว!” บรรพบุรุษผู้เฒ่าสูงสุดแค่นเสียงหัวเราะเ็าคราหนึ่ง ขยับร่างไปอยู่ด้านหลังโม่ฉางชุน จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์หลายคนพากันปิดล้อมโม่ฉางชุนไว้บนมหาสมุทรอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ทุกคนล้วนเปลี่ยนเป็ระมัดระวังยิ่งนัก ไม่อาจให้โม่ฉางชุนได้มีโอกาสใดๆ อีกแล้ว
“โม่ฉางชุน ปล่อยเด็กสาวผู้นี้ลง พวกเราจะยังให้เ้าได้มีซากศพที่สมบูรณ์!” เสวียนเสวียนจื่อพูดเสียงเย็นเยียบ แม้ว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยโม่ฉางชุนหนีไป แต่เพื่อชีวิตของจู้เชียนเชียน เขาไม่้าให้จู้เชียนเชียนเสียชีวิตต่อหน้าเขาเช่นนี้ กล่าวถึงที่สุดแล้วเด็กสาวคนนี้คือผู้บริสุทธิ์ ในขณะเดียวกัน ระหว่างเขากับจู้ชิงขวงยังคงมีการคบหากันอยู่บ้าง ไม่้าให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากเื่นี้
“ข้าทราบว่าพวกเ้าไม่สนใจชีวิตหญิงสาวผู้นี้ แต่มีใครบางคนสนใจ แน่นอน ข้าก็ไม่หวังว่าจะมีชีวิตรอดเพราะหญิงสาวคนนี้เช่นกัน ข้าเพียงแต่้าทราบเื่ราวบางอย่างจากปากของเด็กสาวผู้นี้เท่านั้น” โม่ฉางชุนสูดหายใจลึกๆ คำหนึ่ง เขามองแผนการของวันนี้ออกหมดแล้ว นอกจากความตายแล้ว ไม่มีเส้นทางสายที่สองให้เดินอีก แต่ว่าก่อนจะเสียชีวิต เขากลับสงสัยยิ่งนัก เนื่องเพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาพลันพบว่าผนึกต้องห้ามที่เขาปลูกฝังไว้ในจิติญญาแห่งชีวิตของจู้เชียนเชียน ถูกคนทำลายไปแล้ว นี่คือเคล็ดวิชาลับเฉพาะของตระกูลโม่และก็เป็วิธีการที่น่ากลัวที่สุดของตระกูลโม่เช่นกัน แต่เมื่อครู่ค่ายกลกลืนกินจิติญญาที่เขาก่อตั้งกลับถูกคนทำลายไป เขา้าหาคำตอบจากร่างกายของจู้เชียนเชียน แต่จู้เชียนเชียนอยู่ภายในตาค่ายกลข้างกายจ้านอู๋มิ่งตลอดเวลา สภาวะพลังในนั้นวุ่นวายโกลาหล ไม่สามารถตรวจสอบได้แต่อย่างใด แม้แต่โม่ฉางชุนก็ไม่สามารถทำได้ ทว่าตอนที่จู้เชียนเชียนเดินทางกลับเมืองวันสิ้นโลกพร้อมกับบรรดาศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉาน เขาจึงทราบถึงสภาวะพลังบนร่างของจู้เชียนเชียนแล้ว สุดท้ายได้เปิดฉากการโจมตีอย่างอุกอาจนี้ขึ้นมา
แม้แต่จ้านอู๋มิ่งก็คาดไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว หากทราบเช่นนี้แต่เนิ่นๆ จ้านอู๋มิ่งจะต้องไม่ให้จู้เชียนเชียนเดินทางกลับเมืองพร้อมกับบรรดาศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานอย่างแน่นอน สาเหตุที่ให้จู้เชียนเชียนเดินทางกลับก่อนก็เพราะกลัวว่าจู้เชียนเชียนจะเกิดเื่ แต่นี่กลับประจวบเหมาะกลายเป็ตัวแปรที่น่าเสียใจ
“หากไม่้าให้นางตาย เช่นนั้นก็ให้ข้าถามคำถามนางสักสองสามข้อ ขอเพียงนางตอบอย่างตรงไปตรงมา ถึงเวลานั้นข้าย่อมจะมอบนางในสภาพสมบูรณ์คืนให้ ข้าทราบว่าพวกเ้าไม่ยอมปล่อยให้ข้ารอดชีวิตอย่างแน่นอน แต่ว่าพวกเ้าคงไม่ถึงกับรออีกเพียงเล็กน้อยก็รอไม่ได้กระมัง?”
บรรดาจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าในน้ำเต้าของโม่ฉางชุนขายยาอะไร แต่พวกเขากลับไม่้าไปล่วงเกินจู้ชิงขวง ระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่นี้ พวกเขากระจ่างแล้วว่าจู้ชิงขวงกำลังจะทะลวงด่านบรรลุขั้นจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงในไม่ช้านี้ มีศักดิ์ฐานะตำแหน่งสำคัญระหว่างโลกหล้านี้และความรักใคร่เอ็นดูที่จู้ชิงขวงมีต่อบุตรสาว จะต้องไม่ยอมให้จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นลงมือก่อนอย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ!” ผนึกปิดกั้นของจู้เชียนเชียนถูกคลายออก พลันส่งเสียงอุทานขึ้นมา
“เชียนเชียน อย่าได้โทษข้าบรรพบุรุษเฒ่าว่าโเี้อำมหิต ขอเพียงเ้าตอบคำถามข้าอย่างตรงไปตรงมา เช่นนั้นข้าก็จะไม่ฆ่าเ้า ทว่าหากเ้าดื้อรั้น ก่อนที่ข้าจะตาย เ้าจะต้องร่วมกลบฝังพร้อมข้า” โม่ฉางชุนมองจู้เชียนเชียนด้วยสายตาเย็นเยียบ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เ้า้ารู้เื่อะไร?” จู้เชียนเชียนถามเสียงเ็า ความเกลียดชังต่อโม่ฉางชุนในใจนางนั้น ลึกล้ำมากกว่าใคร นั่นเพราะโม่ฉางชุนไม่เพียงทำร้ายมารดานางจนเสียชีวิตเท่านั้น อีกทั้งยังทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสอย่างผิดมนุษย์จนหมดสิ้นมาั้แ่ยังเป็เด็ก ไม่สามารถเสพสุขกับชีวิตเหมือนเช่นคนปกติทั่วไป ตลอดวันเวลาหลายปีเหล่านี้ต้องถูกเคี่ยวกรำด้วยโรคภัยตลอดมา เวลานี้...เพิ่งจะหายดีกลับต้องมาตกอยู่ในกำมือของคนผู้นี้อีกครั้ง นางรู้สึกแค่ว่าท่ามกลางความมืดมิด นี่ดูเหมือนจะเป็ภัยพิบัติของนาง สำหรับโม่ฉางชุน นางมีความรู้สึกโดยสัญชาตญาณชนิดหนึ่ง คำพูดของคนผู้นี้เชื่อถือไม่ได้เด็ดขาด
“ข้าทราบว่าเ้าเกลียดชังข้า มิผิดหรอก ผนึกต้องห้ามในจิติญญาแห่งชีวิตเ้า ข้าเป็คนปลูกฝังไว้เอง ทำให้เ้าไม่สามารถดำเนินชีวิตเช่นคนปกติั้แ่เด็ก แต่เื่นี้ได้แต่โทษชะตาชีวิตเ้าไม่ดี แต่ว่าสิ่งที่ข้า้าถามก็คือ ผู้ใดเป็คนทำลายผนึกต้องห้ามที่ข้าวางไว้ภายในจิติญญาแห่งชีวิตของเ้า?” โม่ฉางชุนสูดหายใจลึกๆ คำหนึ่ง นี่คือปัญหาที่เขา้าทราบมากที่สุด ค่ายกลกลืนกินจิติญญาเป็ความภาคภูมิใจของตระกูลโม่ เขา้าทราบอย่างยิ่งว่าเป็ผู้ใดกันแน่
“ปล่อยนางไป ข้าสามารถตอบสิ่งที่เ้า้าทราบได้ทั้งหมด!” จู้เชียนเชียนกำลังคิดจะตอบ แต่พลันเสียงเฉยชาเสียงหนึ่งก็แว่วดังขึ้นมาทันใด
สายตาบรรดาจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์หันมามอง สีหน้าจู้ชิงขวงผ่อนคลายลงพูดคำหนึ่ง “อู๋มิ่ง!”
“อู๋มิ่ง ในที่นี้ไม่มีที่ของเ้า!” สีหน้าเยว่หลิงซานแปรเปลี่ยน พลันตวาดใส่อู๋มิ่งคำหนึ่ง
“เป็เ้า!” สีหน้าท่าทางของโม่ฉางชุนฉายเจตนาฆ่าอันเข้มข้นขึ้นวูบหนึ่ง สำหรับจ้านอู๋มิ่งที่ทำให้เขาถลำเข้าสู่จุดตกต่ำและสิ้นหวังผู้นี้ เป็คนที่เขา้าฆ่ามากที่สุดในน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้ หากมิใช่จ้านอู๋มิ่ง เ้าไม้กวนอุจจาระผู้นี้ เขาจะมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร นี่คือแผนพิฆาตดับสูญแผนหนึ่ง สามารถกล่าวได้ว่าทั้งหมดเป็เพราะแผนของจ้านอู๋มิ่ง เขาคาดเดาว่าจ้านอู๋มิ่งจะต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างยิ่งกับผู้ที่วางแผน มิฉะนั้นจะต้องไม่สามารถทราบเื่ไม้ฟืนเปลวเพลิงฟ้าและมหาค่ายกลหมื่นดวงิญญาสักการะฟ้าในสมรภูมิรบกระดูกขาวแห่งนี้ และก็เป็เด็กคนนี้เช่นกันที่นำคนกลุ่มนี้มาถึงสถานที่นี้ ดังนั้น หากพูดถึงตัวการของเื่ทั้งหมด นั่นจะต้องเป็จ้านอู๋มิ่งอย่างแน่นอน
“มิผิด ข้าเอง ข้าคิดว่าเ้าจะต้องคิดถึงข้าอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่ายังคงจะต้องมาพบหน้าเ้าสักครั้ง ถือโอกาสทำข้อตกลงกับเ้า” จ้านอู๋มิ่งไม่ได้ทำตามการห้ามปรามของเยว่หลิงซาน ยิ้มอย่างเฉยชาให้กับโม่ฉางชุน
“เ้าจะทำข้อตกลงกับข้า...พวกเรามีสิ่งใดต้องทำข้อตกลง?” โม่ฉางชุนถามเสียงเ็า เขารู้สึกเหมือนเด็กตรงหน้าผู้นี้กำลังเยาะเย้ยตนเอง เนื่องเพราะเขาทราบว่าจ้านอู๋มิ่งจะรู้ดีว่า คนที่ตน้าจะฆ่ามากที่สุดก็คือเขา แต่เขาก็ยังเสนอหน้าเข้ามา แน่นอน ต่อให้ตอนนี้จ้านอู๋มิ่งห่างจากเขาแค่สิบกว่าวา เขาก็ไม่สามารถปลิดชีวิตของจ้านอู๋มิ่งเช่นกัน เขาไม่สามารถฝ่าออกจากวงล้อมของเหล่าบรรดาจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ไปสังหารจ้านอู๋มิ่ง
“แน่นอนว่ามี ตัวประกันในมือของเ้าก็คือสตรีของข้า ดังนั้นข้อตกลงระหว่างเราง่ายดายอย่างยิ่ง เ้าปล่อยนางไป ข้าจะเป็ตัวประกันของเ้า สิ่งที่นางทราบ ข้าล้วนทราบทั้งหมดและสิ่งที่ข้าทราบ นางกลับไม่เข้าใจกระจ่างชัด ข้าคิดว่าสำหรับเ้าแล้ว นี่คือการค้าที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง” จ้านอู๋มิ่งยิ้มอย่างเฉยชา คล้ายดั่งไม่สนใจชีวิตความเป็ตายของตนเองเลยและสายตาที่มองจู้เชียนเชียนก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
