เมื่อคิดถึงตรงนี้ จี้จิงก็ลอบมองจี้เฟิง
จี้เฟิงสามารถนับได้ว่าเป็พี่น้องที่ดีของอวิ๋นสือโม่ แต่ตอนนี้ เขาจะยอมถอยหรือว่ารุกต่อไป?
สีหน้าของจี้เฟิงค่อนข้างซีด ฮวาชีเยว่จ้องมองอวิ๋นสือโม่ด้วยความสงสัย “ท่านอ๋อง วันนี้ท่านสติไม่ดีหรืออย่างไร? ”
ทุกคนต่างได้ยินนางแล้วก็ตกตะลึง
ปิงอี่โกรธเสียจนมุมปากของเขาเริ่มจะกระตุก
ไฉ่ชิงกับไฉ่หนิงยืนอยู่ที่ด้านข้าง จ้องมองฮวาชีเยว่ด้วยความไม่อยากเชื่อ หนานอ๋องคือใคร? นางกล้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น หนานอ๋องยังปฏิบัติต่อฮวาชีเยว่อย่างอ่อนโยน แรงดึงดูดของนางช่างยากที่จะต้านทาน!
อวิ๋นสือโม่พยักหน้าแล้วยิ้ม “วันนี้ข้าคงจะเสียสติไปแน่ เ้าก็ไม่จำเป็ต้องจำว่าวันนี้ข้าพูดหรือว่าทำอะไรไปบ้าง”
ฮวาชีเยว่ได้ยินที่เขาพูดแล้วก็โมโหเสียจนนางแทบจะกระอักเืออกมา
เขาจำเป็ต้องทำแบบนี้ด้วยหรือ?
อวิ๋นสือโม่ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าควรจะไหลตามน้ำไปอย่างไร ในเมื่อวันนี้เขาได้ทำให้ทุกคนสับสนแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาจริงจังหรือไม่ ราวกับว่ากำลังมองเข้าไปในม่านหมอก
ฮวาชีเยว่ได้ยินที่เขาพูดแล้วก็ตระหนักขึ้นมาได้อีกครั้งว่า อวิ๋นสือโม่พูดถูก พวกเขาไม่จำเป็ต้องกังวลกับอาการชักกระตุกเป็่ๆ นี้ของเขา
จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ชีเยว่ เ้าจะต้องชนะการประลองเป็แน่ เ้าพร้อมที่จะเป็ศิษย์ตระกูลจี้ของเราหรือไม่? ”
จี้เฟิงฉลาด เขาถามนางต่อหน้าทุกคน แม้ว่านางจะไม่เต็มใจ ฮวาชีเยว่ก็ต้องไว้หน้าตระกูลจี้อยู่บ้าง
โชคไม่ดีที่จี้เฟิงไม่รู้จักฮวาชีเยว่ดีพอ ไม่มีใครสามารถบังคับให้นางทำในสิ่งที่ไม่้าได้ จี้จิงรีบยิ้มอย่างกระตือรือร้น “น้องชีเยว่ ข้าชอบเ้ายิ่งนัก อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ! ”
ฮวาชีเยว่ยิ้ม และเทียนซีก็รีบสะกิดให้นางพยักหน้า ดวงตาของเขากำลังขอร้องนาง
อวิ๋นสือโม่ขมวดคิ้วและจ้องหน้าเทียนซี เ้าเด็กนี่! เขายังไม่สามารถเอาชนะใจนางได้แม้ว่าจะปฏิบัติต่อนางเป็อย่างดี
“เทียนซี เ้าจะต้องอยากไปเล่นที่จวนของพี่จี้แทบตายเป็แน่ ในเมื่อเทียนซี้า เช่นนั้นข้าก็จะตกลง” ฮวาชีเยว่พูดยิ้มๆ จี้จิงกับจี้เฟิงต่างก็ยิ้มกว้าง พวกเขาสองคนเริ่มใช้ตะเกียบคีบอาหารให้กับเทียนซี
ทว่า มีคนหลายคนมาเคาะประตู และเข้ามาระหว่างที่พวกเขากำลังทานอาหาร เมื่อมีคนหนึ่งมอบของขวัญให้กับฮวาชีเยว่ คนที่เหลือต่างก็เชิญนางไปที่งานเลี้ยงที่จวนของพวกเขา พวกเขาต่างหาข้ออ้างมากมายเพื่อตีสนิทกับฮวาชีเยว่ และชื่นชมหน้าตาของนาง
เมื่อถึงเวลาหนึ่งเค่อก่อนยามเว่ย การแข่งขันก็กลับมาดำเนินต่ออีกครั้ง
หลังจากรออยู่หนึ่งชั่วยาม ก็เหลือเพียงฮวาเมิ่งซือกับฮวาชีเยว่ พวกนางเป็พี่น้องกัน แต่อีกไม่ช้าก็จะก้าวขึ้นเวทีเพื่อต่อสู้กัน
อี๋เหนียงรองได้เห็นฮวาชีเยว่เอาชนะท่านหญิงิจู ตอนนี้ฮวาเมิ่งซือกำลังเผชิญหน้ากับนาง ทำให้นางค่อนข้างเป็กังวล
หัวใจของฮวาเมิ่งซือหนักอึ้ง ท่านหญิงิจูเป็คนเก่งที่หาได้ยาก แต่ฮวาชีเยว่ก็ยังสามารถเอาชนะนางได้ในกระบวนท่าเดียว
ฮวาชีเยว่เป็ผู้ใช้พลังปราณระดับภูมิลักษณ์ัขั้นฐานแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นาง ฮวาเมิ่งซือ ก็จะเป็ฝ่ายแพ้
ความกระวนกระวายพาดผ่านดวงตางามของฮวาเมิ่งซือ อี๋เหนียงรองกระซิบ “เมิ่งซือ เ้าไม่เหลือหนทางอื่นแล้วนอกเสียจาก...”
หลังจากคำพูดเ่าั้ อี๋เหนียงรองก็เริ่มกระซิบเข้าไปในหูของบุตรสาว ดวงตาฮวาเมิ่งซือเจิดจ้า นางเอาแต่พยักหน้า “ใช่ นี่เป็เพียงทางออกเดียว! ”
หัวใจของฮวาเมิ่งซือเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ความเกลียดชัง ความไม่พอใจ และความหดหู่ นางคาดไม่ถึงว่าฮวาชีเยว่จะจู่ๆ กลายเป็ผู้ใช้พลังปราณระดับภูมิลักษณ์ัขั้นฐาน พลังเหนือกว่ามาก แข็งแกร่งยิ่งนัก แต่เดิมนางคิดว่าฮวาชีเยว่จะจบลงด้วยการได้รับาเ็และถูกทำให้พิการในการแข่งขันครั้งนี้
ทว่า สิ่งต่างๆ ไปไกลเกินกว่าความคาดหมายของนางมาก
ความโกรธและความผิดหวังในหัวใจของฮวาเมิ่งซือ ทำให้นางอยากจะฉีกฮวาชีเยว่ออกเป็ชิ้นๆ
นางสารเลวไร้ค่าที่ขโมยความสนใจทั้งหมดไปใน่เวลาสั้นๆ!
นี่เป็ความอับอายอย่างใหญ่หลวง เป็ความอับอายที่ทนไม่ได้อย่างถึงที่สุด!
อี๋เหนียงรองพยุงฮวาเมิ่งซือเดินขึ้นเวที วันนี้เป็รอบตัดสินของการแข่งขันที่จัดขึ้นโดนตระกูลจี้ ผู้ชมนับหมื่นล้อมรอบ พวกเขาเห็นอี๋เหนียงรองช่วยพยุงนางจึงต่างพากันประหลาดใจ
สภาพของฮวาเมิ่งซือดูไม่ดีนัก สีหน้านางทรุดโทรมและเหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นบนหน้าผาก สำหรับคนนอกแล้ว ฮวาเมิ่งซือจะต้องชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเพราะนางมีปัญหาสุขภาพเป็แน่
ความจริงแล้ว ฮวาเมิ่งซือกำลังใช้พลังปราณของนางขับเหงื่อออกมา
“ท่านกรรมการ... ท่านเ้าบ้านตระกูลจี้... ข้อขออภัย ข้า...” ฮวาเมิ่งซือเปิดปากพูดคำเ่าั้ออกมาราวกับต้องเค้นแรงยิ่งนัก ใบหน้าเล็กๆ งดงามของนางเต็มไปด้วยความเสียใจ คิ้วงามขมวดแน่นเข้าด้วยกัน
อี๋เหนียงรองพูดต่อแทนนาง “ข้าคืออี๋เหนียงรองของบ้านตระกูลฮวา มารดาของเมิ่งซือ ตอนนี้ซือเอ๋อร์รู้สึกไม่ค่อยสบาย นางไม่สามารถแข่งต่อได้แล้ว แต่นางก็ไม่กล้าขอให้เลื่อนการแข่งออกไปเพราะนางรู้กฎการแข่งขันดี”
“ที่ข้าอยากจะพูดก็คือ... ข้าขออภัยทุกท่านที่ให้การสนับสนุนข้า... ข้าจำเป็ต้อง... ถอนตัวออกจากการแข่งขัน”
ฮวาเมิ่งซือกล่าวออกไปด้วยท่าทางเจ็บป่วย ที่ทางออก มีมารดาผู้มีใจเมตตาและผู้ชื่นชอบนางมากมายเริ่มเข้ามาปลอบใจนาง
“คุณหนูรองสกุลฮวา ท่านต้องรักษาตัวให้ดีๆ การแข่งขันไม่นับเป็อะไรได้! ”
“คุณหนูรอง ดีแล้วที่ท่านถอนตัวออกจากการแข่งขันอย่างซื่อตรง! ”
“ใช่แล้ว ไม่ต้องสนใจที่เขาพูดกันหรอก! ”
“คุณหนูรองสกุลฮวา สำหรับพวกเราแล้ว ท่านจะเป็สตรีที่งามที่สุดในเมืองหลวงตลอดกาล! ” คำปลอบโยนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามา น้ำตาเริ่มคลอเอ่อในดวงตาของฮวาเมิ่งซือ ท่าทางของนางช่างน่ามอง มีน้ำตาไหลลงมาเป็สายราวกับไข่มุก ทำให้ทุกคนสงสารและเอ็นดูนาง
เมื่อกรรมการเห็นเช่นนี้จึงพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ในเมื่อคุณหนูรองสกุลฮวาป่วย นางก็ต้องไปพัก ท่านหญิงจิ่งฮวา ท่านไม่คัดค้านอะไรใช่หรือไม่?”
ฮวาชีเยว่ยืนอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง ต้องมองฉากตรงหน้าอย่างเ็า ฮวาเมิ่งซือช่างเป็นักแสดงที่ยอดเยี่ยม นางรู้ว่าตนเองจะแพ้ แต่นางก็ยังคงเสแสร้งออกมา นางทำให้ตัวเองประหยัดพลังงานไปได้มาก และเรียกร้องความสงสารจากผู้คนได้
แม้ว่าการทำเช่นนี้อาจจะดูเหมือนว่าทำให้นางต้องอับอาย มันก็ยังดีกว่าการแพ้การแข่งขันมาก
ยิ่งไปกว่านั้น บุรุษผู้ชื่นชอบบางส่วนของนางจะคิดว่า นางถอนตัวเพราะความโหดร้ายของการแข่งขัน นางไม่้าที่จะต่อสู้กับพี่สาวของนาง ชื่อเสียงอันดีงามของนางจะยิ่งได้รับการชื่นชมยิ่งขึ้นไปอีก
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะคัดค้าน” ฮวาชีเยว่ตอบอย่างเฉยเมย นางจะไม่บังคับฮวาเมิ่งซือ
ฮวาเมิ่งซือหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งในทันที “พี่หญิงใหญ่ ท่านช่างเข้าอกเข้าใจยิ่งนัก... ข้าไม่อยากจะให้เราสู้กันเองเลยจริงๆ ...”
แม้ว่าเสียงของฮวาเมิ่งซือจะแ่เบาและอ่อนไหว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ได้ยินนาง ทุกคนต่างก็เริ่มถอนหายใจ เช่นนั้นฮวาเมิ่งซือก็ถอนตัวเพราะความรักของพี่น้อง!
“คุณหนูรองสกุลฮวาช่างจิตใจดีเสียจริง นางจะต้องแกล้งป่วยเป็แน่! นางไม่อยากสู้กับพี่สาวของนาง! ”
“นางทำถูกแล้ว นางทำได้ดี! ”
“คุณหนูรองสกุลฮวาจะเป็สาวงามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง! ”
“เหอะ! ไร้สาระ นางจะต้องกลัวเสียหน้าต่อหน้าคนทั้งหมดเป็แน่! ไม่อยากสู้กับพี่สาวอย่างนั้นหรือ โกหกทั้งเพ! ”
เสียงคัดค้านเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางผู้คน ทันใดนั้น หลายๆ คนก็เริ่มเย้ยหยันนาง
“เ้าพูดถูก ถ้าระดับพลังปราณของท่านหญิงจิ่งฮวาต่ำกว่าของนาง นางจะต้องไม่มีวันถอนตัวเป็แน่! ”
“ผู้หญิงคนช่างมีใจที่ชั่วร้ายนัก! นางให้คนไปรังแกท่านหญิงจิ่งฮวาตอนที่อีกฝ่ายปกปิดความสามารถเอาไว้ อ้อ แล้วก็เป็หลานจู สาวใช้ของนางที่ขโมยปิ่นหงส์ของท่านหญิงจิ่งฮวาที่วัดหานเยว่ แล้วก็กล่าวหาว่านางยั่วยวนพระ! แล้วหลังจากนั้นนางก็โบยสาวใช้คนนั้นจนตาย! ”
“ใช่! ผู้หญิงคนนี้ก็แค่เสแสร้งทำเป็จิตใจดี แต่ความจริงแล้วนางมีหัวใจเยี่ยงงูพิษ! ”
เสียงคัดค้านค่อยๆ ดังขึ้นๆ เปิดเผยความคับข้องใจในอดีตออกมาจนหมด
ในทันใดนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็เริ่มปกป้องฝั่งของตน ความขัดแย้งระหว่างฮวาชีเยว่กับฮวาเมิ่งซือ สามารถใช้เวลามากกว่าสิบวันสิบคืนกว่าจะรื้อฟื้นขึ้นมาจนหมด แน่นอนว่า ตอนนี้ฮวาชีเยว่คือผู้ชนะการแข่งขัน!
สำหรับบางคนแล้ว การชนะโดยไม่ได้ต่อสู้ถือเป็ความอับอายอย่างหนึ่ง
ฮวาชีเยว่ไม่ใส่ใจรักษาหน้ามากนัก ตราบเท่าที่นางได้ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างมา!
“เอาละ ข้าจะประกาศผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ ท่านหญิงจิ่งฮวา ฮวาชีเยว่! ”
กรรมการมองฮวาเมิ่งซือด้วยความเสียดายก่อนจะประกาศเสียงดัง
เมื่อฝูงชนได้ยิน ก็ส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีทันที ภายในเวลาแค่ไม่กี่วัน ฮวาชีเยว่ได้สร้างผู้ติดตามของนางขึ้นมากมาย เสียงคัดค้านเ่าั้ทำให้หลายคนมายืนอยู่ฝั่งเดียวกับฮวาชีเยว่
อี๋เหนียงรองพยุงฮวาเมิ่งซือออกไปจากสนามแข่งขัน มีหลายคนส่งสายตาแสดงความรังเกียจมาทางพวกนาง
สีหน้าของฮวาเมิ่งซือขาวซีด ผู้อื่นไม่ใช่คนโง่ ฮวาชีเยว่เป็ผู้ใช้พลังปราณระดับภูมิลักษณ์ัขั้นฐาน ฮวาเมิ่งซือจะเป็ฝ่ายแพ้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ผู้ชมที่ฉลาดกว่าจึงสามารถคาดเดาได้ว่า ฮวาเมิ่งซือไม่ได้ป่วยจริงๆ แต่แค่แกล้งทำเท่านั้น
แน่นอนว่านางไม่ได้เป็ห่วงว่าจะทำร้ายพี่สาวระหว่างการต่อสู้ พวกเขาต่างก็มีความคิดเป็ของตนเอง
มีหลายคนอยากให้เกิดการต่อสู้อันน่าตื่นเต้น พวกเขาคาดไม่ถึงว่าฮวาเมิ่งซือจะถอนตัวออกจากการแข่งขัน หลายคนผิดหวังและเริ่มพูดถึงนางเสียๆ หายๆ
ฮวาเมิ่งซือเป็สตรีที่งดงามที่สุดของเมืองหลวงมาตลอด นางไม่เคยโดนดูถูกมาก่อน ความโกรธเกรี้ยวของนางแทบจะทำให้หัวใจของนางมอดไหม้ระหว่างที่เดินออกจากสนามแข่งขันไปยังรถม้าที่อยู่ด้านนอก ดวงตางามของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ฮวาชีเยว่! เ้าคอยดูเถอะ ข้า ฮวาเมิ่งซือ จะทำให้ชื่อของเ้าเสียหายยับเยิน!
……
ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างปรากฏขึ้นราวกับดอกบัวสีม่วงต่อหน้าฮวาชีเยว่ สิ่งที่ทำให้นางแปลกใจยิ่งขึ้นก็คือ มันถูกน้ำแข็งรูปหงส์สยายปีกเคลือบเอาไว้ ดอกบัวสีม่วงได้รับการปกป้องเป็อย่างดีอยู่ภายใน ราวกับว่ามันเป็สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในโลก
หงส์น้ำแข็งส่องประกายสีรุ้งระยิบระยับ น่าตื่นตาตื่นใจอย่างที่สุด ไม่ว่าจะวางอยู่ในกล่องหรือในมือ มันก็ส่งไอเย็นหนาวถึงกระดูกออกมา
กลิ่นจางๆ ของดอกบัวสีม่วงลอดออกมาจากกล่องที่ผนึกเอาไว้อย่างแ่า มีผู้คนมากมายที่ส่งสายตาริษยามายังฮวาชีเยว่
จี้จงและคนอื่นๆ สุภาพกับฮวาชีเยว่เป็อย่างมาก จี้จิงกระตือรือร้นอย่างมาก ถึงอย่างไร ฮวาชีเยว่ก็เป็ผู้ใช้พลังปราณระดับภูมิลักษณ์ัขั้นฐาน
แน่นอน ตระกูลจี้เข้าใจว่าฮวาชีเยว่ร้อนใจที่จะช่วยลูกชาย ไม่มีใครพูดเื่การรับนางเป็ศิษย์ออกมา จี้จิงกับจี้เฟิงตามไปเป็เพื่อนนางที่บ้านของอวิ๋นสือโม่ทันที
อวิ๋นสือโม่กำลังดื่มด่ำกับชาของเขาอยู่ในห้องโถง หวงฝู่เซียนกับองค์ชายใหญ่ต่างก็อยู่กับเขา
กลายเป็ว่า องค์ชายใหญ่ หวงฝู่ฉางอวี๋ ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ฮวาชีเยว่แปลกใจเล็กน้อย หลังจากทักทายอย่างไม่ใส่ใจนัก นางก็ส่งสายตาร้อนแรงไปยังอวิ๋นสือโม่
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างอยู่กับข้าแล้ว ข้าหวังว่าท่านจะรักษาเสียงของเทียนซีได้”
ฮวาชีเยว่พูดด้วยน้ำเสียงแ่ต่ำ
เมื่อเห็นฮวาชีเยว่ลดสายตาลงพร้อมกับจูงมือบุตรชาย ประกายแปลกประหลาดก็วาบผ่านดวงตาของหวงฝู่ฉางอวี๋ แม้ว่าเทียนซีจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนาง แต่ทำไมเขาจึงสามารถรู้สึกถึงความรักอันไร้ขีดจำกัดของมารดาที่แผ่ออกมาจากตัวนางได้กันนะ?
อวิ๋นสือโม่วางถ้วยชาลงและลุกขึ้นกล่าวกับคนรอบข้าง “ต้องขออภัยทุกคนด้วย ตอนนี้ข้าต้องไปหลอมโอสถแล้ว ข้าจะส่งตัวอย่างชาไปให้ทุกท่านที่อยู่ที่นี่เมื่อข้ากลับออกมา”
จี้เฟิงยิ้มบางๆ แต่มองไปยังฮวาชีเยว่อย่างอ่อนโยน “ไม่เป็ไร เรา และชีเยว่ อยู่รอดื่มชาของท่านอ๋องได้”
“ไม่ ชีเยว่จะไปกับข้า” อวิ๋นสือโม่พูดเบาๆ ด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์
ใบหน้าของจี้เฟิงแข็งค้าง จี้จิงดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆ ขอร้องไม่ให้เขาลืมตัว
“อ้อ ได้... เช่นนั้นก็ดี ชีเยว่ เมื่อเ้าว่างแล้ว เราค่อยมาคุยกันเื่ที่เ้าจะมาเข้าสำนักของเรากัน” จี้เฟิงพูดเสียงนุ่ม