บทที่ 3 หินก้อนแรกที่โยนลงสู่สระน้ำนิ่ง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้สลัก กระทบลงบนร่างของไป๋ฟางซินที่กำลังนั่งสงบสติอารมณ์อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางไม่ได้หลับใหลไปทั้งคืน สมองของนางทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน วางแผนซ้อนแผน เตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เป็ไปได้ การกลับมาครั้งนี้ นางไม่ได้มีเวลาให้สูญเปล่าแม้แต่น้อย ทุกย่างก้าวเปรียบดังการเดินหมากบนกระดานที่เดิมพันด้วยชีวิตของคนทั้งตระกูล
"พี่ใหญ่! ท่านพี่! ท่านตื่นแล้วหรือยังขอรับ!"
ยังไม่ทันที่นางจะได้ทบทวนแผนการทั้งหมดเสร็จสิ้น ประตูก็ถูกกระแทกเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กๆ ของไป๋จื่อเซวียนที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวกับสายลม ในมือของเขายังถือพัดเล่มโปรด แต่แววตานั้นไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากพี่สาวของตน
"พี่ใหญ่! ชาไข่มุก ของเมื่อวาน ท่านบอกว่าจะทำให้ข้าอีก! วันนี้สหายของข้าจะมารวมตัวกันที่ศาลาริมสระบัวเพื่อประลองบทกวี ข้าอยากจะนำไปอวดพวกเขาใจจะขาดแล้ว!" จื่อเซวียนเขย่าแขนนางอย่างออดอ้อน ดวงตาเป็ประกายวาววับ
ไป๋ฟางซินอมยิ้มบางๆ เด็กน้อยคนนี้ ช่างเป็เครื่องมือทางการตลาดชั้นยอดโดยไม่รู้ตัวเลยจริงๆ นางลูบหัวน้องชายเบาๆ แววตาที่มองเขานั้นอบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรักที่มาจากก้นบึ้งของิญญา ชาติที่แล้วนางละเลยเขา มัวเมาอยู่กับเื่รักใคร่ไร้สาระ จนกระทั่งเขาจากไป นางถึงได้รู้ว่าได้สูญเสียสิ่งใดไป ชาตินี้ นางจะปกป้องรอยยิ้มอันสดใสนี้ไว้สุดชีวิต
"แน่นอน พี่จะทำให้เ้า" นางกล่าวเสียงนุ่มนวล "แต่มีข้อแม้ เ้าต้องช่วยพี่ทำเื่หนึ่ง"
"เื่อันใดหรือขอรับท่านพี่? ต่อให้ต้องขึ้นูเาดาบลงทะเลเพลิง ข้าไป๋จื่อเซวียนก็ไม่หวั่น!" เด็กหนุ่มตบอกรับปากอย่างห้าวหาญ
มุมปากของฟางซินยกสูงขึ้น "ไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพียงแค่...วันนี้เ้าไม่ต้องบอกสหายของเ้าว่าของสิ่งนี้เรียกว่าอะไร และมาจากที่ใด หากพวกเขาถาม ให้บอกเพียงว่าเป็ของว่างสูตรลับประจำตระกูลไป๋ที่นานๆ จะทำขึ้นสักครั้งหนึ่ง ทำให้มันดูลึกลับและพิเศษเข้าไว้... เ้าทำได้หรือไม่?"
ไป๋จื่อเซวียนกระพริบตาปริบๆ แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ก็รู้สึกได้ถึงความสนุก "เข้าใจแล้วขอรับท่านพี่! วางใจได้เลย ข้าจะทำให้เ้าพวกนั้นน้ำลายไหลจนท่วมศาลาริมสระบัวเลยคอยดู!"
ว่าแล้วเขาก็วิ่งนำลิ่วไปยังห้องครัว ทิ้งให้ไป๋ฟางซินส่ายศีรษะเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความนัยบางอย่าง
ณ ห้องครัวใหญ่แห่งจวนเสนาบดี
วันนี้บรรยากาศแตกต่างไปจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง พ่อครัวหวังและเหล่าลูกมือไม่ได้ยืนมองด้วยความสงสัยอีกต่อไป แต่กลับยืนรอรับคำสั่งด้วยความนอบน้อมและกระตือรือร้น ทุกคนได้ยินกิตติศัพท์ของ "ชาไข่มุก" จากปากของชิงเหอและบรรดาสาวใช้ที่ได้ลองชิมเมื่อวานนี้แล้ว ของว่างที่คุณหนูใหญ่คิดค้นขึ้นนั้นอร่อยราวกับมาจากสรวง์!
'์! คุณหนูใหญ่ต้องไม่ใช่คนเดิมแน่ๆ! หรือว่าตอนที่ล้มหัวฟาดพื้น ิญญาของเทพธิดาแห่งการทำอาหารจะเข้าสิงนาง?' นี่คือความคิดในใจของพ่อครัวหวัง เขามองแผ่นหลังที่บอบบางแต่กลับดูมั่นคงของคุณหนูใหญ่ด้วยความยำเกรง
ไป๋ฟางซินไม่ได้สนใจสายตาเ่าั้ นางสั่งการด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบขาด "เตรียมชาชั้นเลิศที่สุดในจวน นมวัวสดใหม่ น้ำตาลทรายขาว และไข่มุกที่ข้าสอนให้ทำเมื่อวาน ทำให้ได้ยี่สิบถ้วย จัดใส่ถาดไม้อย่างดี แล้วให้คนยกตามข้าไปที่ศาลาริมสระบัว"
"ขอรับคุณหนู!" เหล่าคนครัวขานรับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะลงมือทำงานกันอย่างแข็งขันราวกับกองทัพที่ได้รับการปลุกใจ
ไม่นานนัก "ชาไข่มุก" ยี่สิบถ้วยก็ถูกจัดเตรียมไว้อย่างงดงาม แต่ละถ้วยเย็นฉ่ำ มีหยดน้ำเกาะอยู่รอบนอก มองเห็นชั้นของชานมสีนวลและไข่มุกสีน้ำตาลเข้มที่นอนก้นอยู่ด้านล่างอย่างชัดเจน ช่างเป็ภาพที่ชวนให้น้ำลายสอ
ไป๋ฟางซินนำขบวนสาวใช้ยกถาดเครื่องดื่มไปยังศาลาริมสระบัว ที่นั่น...กลุ่มเด็กหนุ่มคุณชายอายุราวสิบสองถึงสิบสี่ปีจำนวนห้าหกคนกำลังนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่พอดี
"โธ่เอ๊ย จื่อเซวียน! ไหนเ้าบอกว่ามีของดีจะมาอวด พวกข้ารอจนรากจะงอกแล้วนะ!" เสียงที่ดังขึ้นเป็ของ "สวี่จิ้ง" บุตรชายคนรองของแม่ทัพใหญ่ฝ่ายพิทักษ์อุดร เขามีท่าทางห้าวหาญสมกับเป็ลูกนายทหาร
"นั่นสิ ข้าทิ้งตำราเล่มโปรดมาเพื่อดูเ้าอวดอ้างสรรพคุณเชียวนะ หากเป็แค่พัดลวดลายแปลกๆ หรือหยกหายากอีก ข้าจะกลับไปอ่านหนังสือแล้ว" ผู้ที่กล่าวคือ "หลี่เหวินป๋อ" บุตรชายราชบัณฑิตหลี่ เขามีท่าทีสุขุมและดูเป็ผู้ใหญ่เกินวัย
ไป๋จื่อเซวียนเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "ฮึ! ของที่ข้าจะให้พวกเ้าดูในวันนี้ รับรองว่าพวกเ้าไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยลิ้มลองที่ไหนมาก่อนในชีวิต!"
สิ้นเสียงของเขา ไป๋ฟางซินก็ก้าวเข้ามาในศาลาพอดิบพอดี รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏบนใบหน้า แต่แววตากลับสงบนิ่งดุจสระน้ำไร้คลื่น "น้องข้าไม่ได้กล่าวเกินจริงหรอก ท่านคุณชายทั้งหลาย"
เหล่าคุณชายทั้งหลายต่างหันมามองนางเป็ตาเดียว พวกเขารู้จักไป๋ฟางซินดีในฐานะคุณหนูใหญ่ผู้เอาแต่ใจและไล่ตามองค์ชายรัชทายาทจนน่ารำคาญ แต่ไป๋ฟางซินที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาวันนี้... กลับดูแตกต่างออกไป นางดูสง่างาม สุขุม และมีรัศมีบางอย่างที่น่าเกรงขามจนพวกเขาเผลอลุกขึ้นยืนคำนับโดยไม่รู้ตัว
"คารวะคุณหนูไป๋"
'เกิดอะไรขึ้นกับนาง? ปกติเจอพวกข้าที่เป็สหายของน้องชาย นางแทบไม่เคยชายตาแลด้วยซ้ำ วันนี้กลับยิ้มให้พวกเราอย่างเป็มิตร หรือว่านางป่วยจนเพี้ยนไปแล้ว?' ความคิดของสวี่จิ้งเต็มไปด้วยความสับสน
ไป๋ฟางซินพยักหน้ารับเล็กน้อย "ไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเถิด วันนี้อากาศร้อน ข้าเตรียมเครื่องดื่มชนิดใหม่มาให้พวกเ้าได้ลองชิมกัน"
นางให้สัญญาณ ชิงเหอและสาวใช้คนอื่นๆ ก็ยกถ้วยชาไข่มุกมาวางตรงหน้าเหล่าคุณชายทีละคน
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ของเหลวในถ้วยด้วยความประหลาดใจ
"นี่...นี่มันคืออะไร? ชาหรือ? แต่เหตุใดจึงมีสีขุ่นเช่นนี้ แล้วเม็ดกลมๆ ดำๆ ที่อยู่ข้างใต้นั่นมันคือสิ่งใดกัน? หรือว่าจะเป็ยาพิษ!" สวี่จิ้งผู้ใจร้อนโพล่งขึ้นมา แต่สายตากลับจับจ้องไม่วาง
หลี่เหวินป๋อขมวดคิ้ว เขายกถ้วยขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด "กลิ่นหอมหวานยิ่งนัก ไม่น่าใช่ยาพิษ แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นเครื่องดื่มลักษณะนี้มาก่อนจริงๆ"
ไป๋จื่อเซวียนหัวเราะร่า "ฮ่าๆๆ พวกเ้าตาถั่วกันหรือไร! นี่คือสุดยอดของว่างที่ท่านพี่ของข้าคิดค้นขึ้นเอง! ลองชิมดูสิ แล้วพวกเ้าจะรู้ว่า์มีจริง!" ว่าแล้วเขาก็ดูดชาไข่มุกในถ้วยของตนเองดังจ๊วบใหญ่ เคี้ยวไข่มุกแก้มตุ่ยด้วยความสุข
เหล่าคุณชายมองหน้ากันไปมา ก่อนที่สวี่จิ้งจะตัดสินใจ "เอาก็เอาวะ! อย่างไรเสียก็อยู่ในจวนเสนาบดี ตระกูลไป๋คงไม่กล้าวางยาบุตรชายแม่ทัพใหญ่หรอก!"
เขาหลับตาปี๋ยกถ้วยขึ้นดื่ม...
วินาทีแรกที่ของเหลวเย็นฉ่ำััลิ้น ดวงตาของสวี่จิ้งก็เบิกโพลง!
'โอ้...แม่ทัพ์! รสชาตินี่มันอะไรกัน!' ความหอมของชาผสมผสานกับความนุ่มละมุนของนมอย่างลงตัว ความหวานกำลังพอดีทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน เขาลองดูดอีกครั้ง คราวนี้มีเม็ดกลมๆ ไหลตามเข้ามาในปาก ััแรกคือความนุ่มลื่น แต่เมื่อลองเคี้ยว...
'หนึบ! มันหนึบ! นุ่มๆ หนึบๆ สู้ฟัน! แถมยังมีรสหวานของน้ำเชื่อมแทรกออกมาอีก! นี่มัน...นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!'
สวี่จิ้งลืมสิ้นทุกสิ่ง เขาก้มหน้าก้มตาดูดชาไข่มุกในถ้วยของตนเองไม่หยุด
หลี่เหวินป๋อและคุณชายคนอื่นๆ เห็นท่าทีของสวี่จิ้งก็อดใจไม่ไหว ลองดื่มตามบ้าง และผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน ทุกคนตกอยู่ในภวังค์แห่งรสชาติที่ไม่เคยััมาก่อน ศาลาที่เคยมีเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้ว บัดนี้กลับเงียบกริบ มีเพียงเสียงดูดเครื่องดื่มดัง "จ๊วบๆ" และเสียงเคี้ยวไข่มุกดัง "หนุบหนับ" เท่านั้น
ไป๋ฟางซินยืนมองภาพนั้นด้วยความพึงพอใจ ทุกอย่างเป็ไปตามแผน!
ไม่ถึงหนึ่งเค่อ เครื่องดื่มทั้งถ้วยก็หมดเกลี้ยง เหล่าคุณชายต่างมองถ้วยเปล่าของตนเองด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะหันไปมองไป๋ฟางซินเป็ตาเดียวกัน
"คุณหนูไป๋! เครื่องดื่มนี่...มันเรียกว่าอะไรขอรับ! ข้า...ข้าอยากจะดื่มอีกสักสิบถ้วย!" สวี่จิ้งกล่าวอย่างไม่รักษามาดคุณชายอีกต่อไป
"ใช่แล้วขอรับคุณหนูไป๋! มันเป็เครื่องดื่มที่วิเศษที่สุดที่ข้าเคยดื่มมาในชีวิต! ที่ร้านน้ำชาชื่อดังที่สุดในเมืองหลวงยังเทียบไม่ติดแม้แต่ปลายเล็บ!" หลี่เหวินป๋อผู้สุขุมก็ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม
ไป๋ฟางซินยิ้มอย่างอ่อนโยน "ข้าดีใจที่พวกเ้าชอบ ของสิ่งนี้เป็สูตรลับของตระกูลข้า นานๆ ถึงจะทำขึ้นสักครั้งหนึ่ง วันนี้เห็นว่าพวกเ้าเป็สหายสนิทของจื่อเซวียน ข้าจึงนำมาให้ลองชิมเป็พิเศษ"
คำว่า "สูตรลับ" และ "พิเศษ" ยิ่งทำให้เหล่าคุณชายรู้สึกว่าตนเองโชคดีและเหนือกว่าผู้อื่น
"คุณหนูไป๋ ท่านจะทำขายหรือไม่ขอรับ! ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ ข้าก็จะซื้อ!" คุณชายอีกคนรีบเสนอ
"ใช่ๆๆ! ข้าก็จะซื้อ! ท่านพี่ต้องทำให้ข้ากินทุกวันนะขอรับ!" ไป๋จื่อเซวียนรีบเสริมทัพ
ไป๋ฟางซินแสร้งทำท่าครุ่นคิด "อืม...เื่นั้นข้าคงต้องขอไปปรึกษาท่านย่าดูก่อน เพราะสูตรนี้เป็ของที่ท่านย่าหวงแหนมาก"
นางโยนเื่ไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างแเี เพื่อสร้างความขลังและความยากในการเข้าถึงสินค้าให้มากยิ่งขึ้น
หลังจากส่งเหล่าคุณชายที่ยังคงเพ้อถึงรสชาติของชาไข่มุกกลับไปแล้ว ไป๋ฟางซินก็ตรงไปยังเรือนรับรองของฮูหยินผู้เฒ่าทันที นี่คือด่านที่ยากที่สุดในแผนการของนาง
ฮูหยินผู้เฒ่าไป๋ หรือ "ท่านย่า" ของนาง เป็สตรีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน นางเป็คนฉลาด หลักแหลม และยึดมั่นในเกียรติยศของตระกูลยิ่งกว่าสิ่งใด การจะโน้มน้าวให้นางเห็นด้วยกับการ "ค้าขาย" ซึ่งในสายตาของชนชั้นสูงถือเป็อาชีพที่ต่ำต้อยนั้น ไม่ใช่เื่ง่ายเลย
เมื่อไปถึง นางเห็นท่านย่านั่งจิบชาอยู่เงียบๆ ในห้องโถง ใบหน้าที่มีริ้วรอยตามวัยนั้นดูสงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยอำนาจ
"ฟางซินคารวะท่านย่าเ้าค่ะ" นางย่อกายลงอย่างนอบน้อม
ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองหลานสาวเพียงหางตา ก่อนจะวางถ้วยชาลง "ฟื้นจากไข้แล้วก็ก่อเื่เลยสินะ ข้าได้ยินเื่ที่เ้าไปอาละวาดในห้องครัวมาแล้ว ยังได้ยินอีกว่าเ้าคิดค้นของว่างประหลาดอะไรขึ้นมาเลี้ยงสหายของจื่อเซวียนจนพวกเขากลับไปเล่าลือกันใหญ่โต...เ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ฟางซิน"
น้ำเสียงของท่านย่าเรียบเฉย แต่กลับกดดันราวน้ำหนักของูเาทั้งลูก
ไป๋ฟางซินสูดหายใจลึก นางเงยหน้าขึ้นสบตากับท่านย่าโดยตรง แววตาของนางแน่วแน่และจริงจัง "ท่านย่าเ้าคะ ที่หลานทำไปทั้งหมด ก็เพื่อตระกูลไป๋ของเราเ้าค่ะ"
คำตอบนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เพื่อตระกูลไป๋? การทำตัวเป็แม่ครัวชั้นต่ำในห้องเครื่อง แล้วนำของกินไปประจบประแจงเด็กๆ น่ะหรือ คือการทำเพื่อตระกูล?"
