ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ไม่สนใจหนิงมู่ฉืออีก นางเดินกลับไปหาจ้าวซีเหอพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ซื่อจื่อ ข้าได้ยินชื่อเสียงแม่ครัวผู้นี้ของท่านมานานแล้ว ข้าจึงอยากลองชิมอาหารฝีมือนางสักหน่อย”
น้ำเสียงออดอ้อนของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ทำให้ใจจ้าวซีเหอแทบจะละลาย หลงจนถอนตัวไม่ขึ้น เขาพยักหน้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ได้ ข้าหมดหนทางกับปีศาจสาวแสนสวยอย่างเ้าแล้วจริงๆ”
หนิงมู่ฉือฟังบทสนทนาของทั้งคู่ ในใจรู้สึกชาหนึบ ตัดสินใจเด็ดขาดว่านางจะทำาเย็น
จ้าวซีเหอหันไปหาหนิงมู่ฉือแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ รีบไปทำอาหารมาให้เมิ่งเอ๋อร์หนึ่งอย่างสิ”
แม้ในใจหนิงมู่ฉือจะไม่ยินยอม หากความที่จ้าวซีเหอมีฐานะเหนือกว่า นางจึงต้องพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แต่ยังไม่วายเอ่ยเหน็บฉู่เมิ่งเอ๋อร์เล็กน้อย “บ่าวไม่รู้ว่าแม่นางฉู่ชอบรสชาติแบบใด ทว่าเห็น่นี้ท่านดูอารมณ์ขึ้นง่าย เช่นนั้นบ่าวจะทำข้าวเหนียวรากบัวให้ทานนะเ้าคะ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ของหนิงมู่ฉือจึงใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่หนิงมู่ฉืออย่างมีโทสะ พร้อมทั้งฟ้องจ้าวซีเหอไปด้วย “ซื่อจื่อ! แม่ครัวของท่านกล่าวหาว่าข้าอารมณ์ขึ้นง่าย!”
จ้าวซีเหอยิ้มมองสตรีทั้งสองนางปะทะคารมกัน ก่อนจะกล่าวปลอบฉู่เมิ่งเอ๋อร์ “อย่าโมโหเลยนะ ไหนขอข้าดูหน้าเ้าหน่อยสิ จมูกแดงเถือกหมดแล้ว อารมณ์ขึ้นง่ายจริงๆ ด้วย”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เห็นบุรุษตรงหน้าปกป้องหนิงมู่ฉือ แค่นเสียงฮึก่อนจะไม่สนใจจ้าวซีเหออีก
หนิงมู่ฉือเดินเข้าไปในห้องครัว นำรากบัวขาวอวบไปล้างในน้ำจนสะอาด มือถือมีดควงไปมาอยู่กลางอากาศ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็ปอกเปลือกรากบัวออกจนหมด
ภาพนี้ทำให้ทั้งจ้าวซีเหอกับฉู่เมิ่งเอ๋อร์ถึงกับตะลึง
สีหน้าหนิงมู่ฉือเต็มไปด้วยความมั่นใจ หันไปยิ้มให้ทั้งสองคน ก่อนจะใช้มีดหันรากบัวอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นหยิบไหดอกกุ้ยฮวาหมักของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ออกมา
นางดมดอกกุ้ยฮวาที่หมักอยู่ในไหครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้ว หันไปเอ่ยกับฉู่เมิ่งเอ๋อร์ว่า “ดอกกุ้ยฮวาหมักไหนี้ยังหมักไม่นานพอ น้ำตาลใส่มากไป ดอกกุ้ยฮวาที่ใช้หมักคุณภาพก็ยังดีไม่พอ การจะทำดอกกุ้ยฮวาหมักสำคัญที่สุดคือต้องใช้ดอกกุ้ยฮวาที่เพิ่งออกดอกใหม่ๆ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์แค่นเสียงฮึคำหนึ่ง ด้านจ้าวซีเหอจ้องไหดอกกุ้ยฮวาซึ่งอยู่ในมือหนิงมู่ฉือด้วยตาลุกวาวประหนึ่งหมาป่า
หนิงมู่ฉือยัดข้าวเหนียวใส่ในรากบัว ก่อนจะนำรากบัวที่หันเป็แว่นใส่ลงไปในหม้อน้ำตาลที่นางเคี่ยวเอาไว้ก่อนหน้านี้
นางปัดไม้ปัดมือ เดินไปยืนตรงหน้าจ้าวซีเหอ “บ่าวทำเสร็จแล้วเ้าค่ะ ที่เหลือแค่รอให้รากบัวสุก จากนั้นราดด้วยดอกกุ้ยฮวาหมัก เท่านี้ก็ทานได้แล้วเ้าค่ะ”
เอ่ยจบพลันมีกลิ่นหอมของรากบัวลอยออกมาจากในห้องครัว กลิ่นหอมนี้ดึงดูดแขกในหอนางโลมไม่น้อย จนจ้าวซีเหอต้องรีบเดินไปปิดประตู
หนิงมู่ฉือนำรากบัวจัดใส่จาน แล้วราดด้วยดอกกุ้ยฮวาหมัก
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์วิ่งตรงเข้ามา นางมองรากบัวที่อยู่ในจาน จากนั้นเงยหน้ามองหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้าเลื่อมใส ในแววตาราวกับเต็มไปด้วยรูปหัวใจสีแดง “ข้ากินได้แล้วใช่หรือไม่”
หนิงมู่ฉือยิ้ม พยักหน้าพร้อมกับทำมือเชื้อเชิญ ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ไม่สนใจภาพลักษณ์อันดีงามของสตรีอีกต่อไป นางเดินไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบรากบัวแล้วนำเข้าปาก
จ้าวซีเหอมองฉู่เมิ่งเอ๋อร์พร้อมกับน้ำลายสอ เขาเดินไปที่โต๊ะ หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบรากบัวเข้าปากบางเช่นกัน ชั่วครู่สีหน้าเปลี่ยนเป็ตกตะลึง ยกนิ้วโป้งชมเชยหนิงมู่ฉือ
“รสชาติยอดเยี่ยมที่สุด กลิ่นหอมของข้าวเหนียวถูกกลิ่นหอมของรากบัวโอบล้อมเอาไว้ รากบัวกรอบ ข้าวเหนียวหวานนุ่ม ทานด้วยกันไม่เลี่ยนและไม่จืด รสชาติหวานกำลังดี ราดด้วยดอกกุ้ยฮวาหมัก เหมือนถูกดอกกุ้ยฮวาโอบล้อมไว้อีกชั้นหนึ่ง!”
หนิงมู่ฉือส่งยิ้มให้จ้าวซีเหอ ในใจรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เดินไปยืนตรงหน้าหนิงมู่ฉือแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง “แม่นางหนิง ทำอาหารให้ข้าอีกหนึ่งอย่างได้หรือไม่ ข้าขอร้อง”
หนิงมู่ฉือใจึงเอี่ยวตัวหลบไปด้านข้าง ทำให้ฉู่เมิ่งเอ๋อร์หน้าคะมำลงไปกับพื้น หนิงมู่ฉือยิ้มประดักประเดิด “ขอโทษด้วย ข้ามิได้ตั้งใจจะหลบ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนปัดเศษฝุ่นตามตัว ก่อนจะรีบหันไปมองจานข้าวเหนียวราวบัว พบว่าจ้าวซีเหอทานจนเหลือแค่ไม่กี่ชิ้น หน้าตานางพลันเศร้าสลดจนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
ครั้นจ้าวซีเหอทานข้าวเหนียวรากบัวจนหมดจานก็เดินตรงเข้าไปหาหนิงมู่ฉือ ใช้มือโอบไหล่นางแล้วดึงเข้าหาตัว
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เห็นภาพนั้นก็รู้สึกโมโหอย่างยิ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หนิงมู่ฉือส่งยิ้มแหยให้จ้าวซีเหอ พร้อมทั้งพยายามเอาแขนของเขาที่วางอยู่บนไหล่นางออก จ้าวซีเหอเห็นเช่นนั้นก็มองนางอย่างผิดหวัง “กลับตำหนักเมื่อไหร่เ้าต้องทำอาหารที่อร่อยกว่านี้ให้ข้าทาน”
นางพยักหน้า มองรูปร่างล่ำสันของจ้าวซีเหอพร้อมกับขบคิด หากเขาทานอาหารฝีมือนางทุกมื้อ ต่อไปต้องมีรูปร่างอ้วนท้วมเป็แน่ นางคิดพร้อมกับหัวเราะออกมา
จ้าวซีเหอเดินไปยืนข้างฉู่เมิ่งเอ๋อร์ ใช้มือลูบใบหน้านาง สีหน้าฉู่เมิ่งเอ่อร์เปลี่ยนเป็แย้มยิ้มทันควัน “ซื่อจื่อ หยอกข้าน้อยเช่นนี้ ข้าน้อยไม่ชอบเลย”
จ้าวซีเหอหัวเราะอย่างเ้าชู้ “วันหลังข้าจะมาหาเ้าที่หอจุ้ยหงใหม่ วันนี้ข้าต้องกลับตำหนักแล้ว”
ในใจฉู่เมิ่งเอ๋อร์รู้สึกอาลัยอาวรณ์ยิ่ง แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวซีเหออย่างไรก็จะกลับ นางได้แต่น้ำตาคลอ พยักหน้ารับรู้ “ก็ได้เ้าค่ะ เช่นนั้นต่อไปท่านต้องมาที่นี่บ่อยๆ นะเ้าคะ”
จ้าวซีเหอรับคำอืมคำหนึ่ง ก่อนจะลากหนิงมู่ฉือที่ยังคงยืนอึ้งออกจากที่แห่งนี้
หนิงมู่ฉือมองหอนางโลมที่อบอวลไปด้วยกลิ่นแป้งของสตรีค่อยๆ เคลื่อนหายจากสายตานางมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นหันไปมองจ้าวซีเหอที่กำลังอมยิ้มมองนาง นางพลันรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นจ้าวซีเหอก็เอ่ยกับนางว่า “หากมองเ้าจากด้านข้าง เ้าดูมีแววว่าจะเป็สาวสวยเหมือนกันนะ”
หนิงมู่ฉือได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจยิ่ง ข้าก็ใช่อยู่แล้วมิใช่หรือ เพียงแต่ตาคนธรรมดาอย่างท่านมองไม่เห็นความสวยของข้าเท่านั้นเอง
หนิงมู่ฉือคิดขณะที่ใบหน้ายิ้มแย้ม ปากเอ่ยตอบอีกอย่าง “ซื่อจื่อตาดีจริงๆ เ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอเบ้ปากหันหน้าไปอีกทาง “ข้าแค่ชมเ้าไปอย่างนั้นเอง”
ต่อมาไม่นาน จ้าวซีเหอกับหนิงมู่ฉือก็กลับถึงตำหนักอ๋อง
ท่านอ๋องเห็นทั้งคู่กลับมาจึงรีบเดินเข้าไปหาอย่างร้อนใจ เอ่ยถามหนิงมู่ฉือด้วยน้ำเสียงร้อนรน “นางหนูหนิง เ้าเข้าวังเป็อย่างไรบ้าง”
ในใจท่านอ๋องนึกหวาดกลัวเหลือเกิน กลัวว่าฮ่องเต้จะประทานรางวัลให้แก่หนิงมู่ฉือ หากเป็เช่นนั้น น่ากลัวว่าเขาจะไม่ได้ทานอาหารฝีมือนางอีก
ทว่าจ้าวซีเหอกลับแย่งตอบเสียก่อน “ท่านพ่อ ท่านวางใจเถิด”