“พวกเราพากันหยุดเรียนสักปี แล้วไปเที่ยวพักผ่อนกันดีไหมน้องพี่ พยายามกันเืตาแทบกระเด็นมาตลอด โคตรอยากพักเลยว่ะ” นนท์ภัทรถามพลางกินขนมไปด้วย
“จะเริ่มดร็อปปีนี้แล้วเรียนอีกทีปีหน้าเหรอครับ ไม่กลัวว่าใครจะตามล่าเหรอ ยุคนี้การต่อสู้แบบเอาชีวิตอีกฝ่ายเสรีมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ” นภัทรถามด้วยความแปลกใจ
พี่ชายของเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันว่าภายในหนึ่งปีพวกเราจะปลอดภัย แถมได้เที่ยวเล่นอย่างสบายใจอีก ของแบบนั้นมันสามารถทำได้ตรงไหนกัน
“ทำได้สิ ถ้ามีเหตุลอบฆ่าอีกก็แค่จัดการพวกมันก่อนไง ยังไงซะก็ไม่สามารถอยู่แต่บ้านได้ตลอดชีวิตนะ”
“แม่ได้ยินแว่วๆ ว่าพวกลูกอยากไปเที่ยวงั้นเหรอ อยากไปที่ไหนล่ะ”
“จะไปได้ที่ไหนล่ะครับ พวกเราถูกตามล่าขนาดนี้แถมมันเพิ่งจะสงบไปเองนะ” นนท์ภัทรบ่นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“แม่ไม่มีทางปกป้องลูกไปได้ตลอดชีวิต หนึ่งพันปีที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากทั้งทางที่ดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นออกไปเผชิญโลกกว้างก็ไม่ว่าอะไรนะ”
“พ่อเองก็เห็นด้วยกับแม่นะ อยากไปที่ไหนเลือกเอาเลย”
“ถ้างั้นผมเลือกไปญี่ปุ่นแล้วกัน” นนท์ภัทรตอบ
“ผมเลือกอังกฤษครับ” นภัทรตอบ
เป็ครั้งแรกในการออกจากบ้านมาทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การเรียน อ่านหนังสือ สอบ ด้วยการมาเที่ยวแทน ซึ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดคือพ่อแม่ยอมปล่อยพวกเรามาต่างหาก
เอกสารดำเนินการมารวดเร็วสมกับเป็ครอบครัวมีเงินมาช้านานแถมยังส่งคนคุ้มกันกับพ่อบ้านมาดูแลต่างหากด้วย พร้อมกับบอกว่าถ้ามาที่นี่จะเจอเพื่อนพ่อและลูกเพื่อนอยู่
ทั้งสองคนจะคอยดูแลและอยู่เป็เพื่อนเล่นเอง ง่ายดายเกินไปจนน่าใจหายไปหมดพา หวาดระแวงซะงั้น เนื่องจากมันดูไม่มีอะไรหยุดชะงักเลยสักอย่าง
2 พฤษภาคม พ.ศ. 3600
จักรวรรดิบริติช
สหราชอาณาจักร
ลอนดอน
การเปลี่ยนแปลงในหนึ่งพันปีนั้นไม่ได้ส่งผลกับประเทศไทยเพียงประเดียวแต่ส่งผลกับทั่วโลกเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเกิดผลลัพธ์แบบไหนกัน ระหว่างถูกผนวกเข้าดินแดนหรือเป็อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เหมือนเมื่อครั้นในอดีตกาลในหน้าประวัติศาสตร์
ตัวอักษรเอียง ภาษาอังกฤษ
ตัวอักษรปกติ ภาษาไทย
“ยินดีต้อนรับครับ / ยินดีต้อนรับค่ะ คุณชายเล็กจากตระกูลภูทนินทร์”
“ยินดีต้อนรับนะ พ่อของเธอบอกฉันไว้แล้วล่ะ” มากาเร็ตเอ่ยต้อนรับ
อลัน เลอร์ มากาเร็ต ผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน เป็เพื่อนสนิทของผู้นำตระกูลภูนินทร์คนปัจจุบัน มีความสัมพันธ์ทั้งเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทสนมกันมาอย่างยาวนานและพันธมิตรทางการค้าที่แข็งแกร่งมาตลอดนับสิบปี
“ยินดีต้อนรับนะคะ สามีของฉันได้บอกไว้หมดแล้วเหมือนกัน ขอต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรานะ” เชนเนสเอ่ยต้อนรับ
อลัน เลอร์ เชนเนส นายหญิงตระกูลคนปัจจุบัน ภริยาของผู้นำคนปัจจุบัน มีความสัมพันธ์เป็สหายร่วมรบกับนายหญิงตระกูล ภูทนินทร์คนปัจจุบัน
เป็ความลับที่เธอถูกเชิญเข้าร่วมองค์กรอิสระ มีเพียงสมาชิกในองค์กรเท่านั้นที่จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน รวมถึงถูกปิดเป็ความลับกับตระกูล ไม่เว้นแม้กระทั่งสามีและลูกของเธอ
“ยินดีต้อนรับนะ หวังว่าจะสนุกกับการมาเที่ยวครั้งนี้” มอร์ซินเอ่ยทักทาย
อลัน เลอร์ มอร์ซิน อายุสิบห้าปี บุตรคนเล็ก ทายาทลำดับที่ห้าของตระกูล ระดับการศึกษามัธยมปลายปีที่ห้า สถานะ สอบผ่านระดับมัธยมปลายได้หนึ่งชั้นปี
“สวัสดีครับ ท่านผู้นำ นายหญิง คุณชาย อลันตระกูลอลัน นภัทร ภูทนินทร์ ลูกชายคนเล็กจากตระกูลครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านครับ ฝากตัวกับข้ารับใช้ทั้งหมดด้วยนะ”
คำกล่าวแนะนำตัวของบุตรคนเล็กของตระกูลนั้นทำให้ทุกคนเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมสำนักข่าวเกี่ยวกับการจัดสอบเลื่อนระดับถึงประกาศรายชื่อของเด็กคนนี้ยาวนานกว่าหนึ่งสัปดาห์
ไม่ได้มีเพียงความสามารถในการสอบเลื่อนระดับที่มากกว่าคนอื่นในรอบห้าทศวรรษ* การแสดงออก กิริยา ท่าทาง วาจา เพียบพร้อมมากกว่าเด็กวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวอาให้ลูกชายแนะนำคฤหาสน์ไปก่อนนะ แล้วเจอกันอาหารมื้อเย็น”
“เดี๋ยวฉันเองก็ขอตัวไปจัดการงานที่ค้างไว้ก่อนเหมือนกัน แล้วเจอกันมื้อเย็นนะคะหนูภัทร”
____________________________________________________
*= ห้าสิบปี หน่วยทศวรรษนับเป็สิบปี
“เดี๋ยวผมพาแนะนำแต่ละส่วนของคฤหาสน์ให้นะครับ คุณชายภูทนินทร์” มอร์ซินบอกผายมือไปทางขวา
เขาลองฝึกพูดภาษาไทยภาคปฏิบัติดู แม้ว่าจะลองลงเรียนแบบระยะสั้นก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหน ทดลองพูดกับเ้าของภาษาอาจจะดีที่สุด
“ได้ครับ เอ๊ะ! คุณพูดภาษาไทยได้เหรอ!” นภัทรใจนเผลอพูดตาม
คนอายุน้อยกว่าทั้งใปนดีใจ เพราะไม่คิดว่าในต่างแดนจะมีคนพูดภาษาตนเองได้ ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ได้นิดหน่อยครับ ถ้าคำไหนพูดไม่ได้อาจจะพูดภาษาอังกฤษแทน”
มอร์ซินตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพเพราะในเอกสารระบุว่าอีกฝ่ายอายุน้อยกว่า ถึงจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่สนิทกันมากแค่ไหนแต่ถูกพูดถึงมาตลอดนับั้แ่เกิดมา
“ครับ ขอโทษครับ...พอดีตื่นเต้นไปหน่อย”
นภัทรกลับมาอยู่ในท่าทีสุภาพตามคนอายุมากกว่า เป็ธรรมชาติของคนไทยที่เวลาเห็นคนต่างชาติพูดภาษาบ้านเกิดแล้วจะตื่นเต้น เพราะฉะนั้นกลับมาตั้งใจฟังดีกว่า
“ขอบคุณนะครับที่อธิบายให้ฟังทั้งหมด”
ถึงปากจะบอกว่าขอบคุณแต่ในใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ไม่มีทางที่จะจดจำสถานที่ขนาดใหญ่โตมโหฬารนี้ได้ภายในครั้งเดียวหรอก
ยังไงซะเขาก็กะจะพักที่นี่แค่คืนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นจะออกไปพร้อมกับพ่อบ้านส่วนตัวและเลขาประจำตัว มาเที่ยวก็คือมาเที่ยวไม่ได้มาจมปลักกับดินแดนในบ้านคนอื่น
“เดินชมจนทั่วแล้วหรือยัง ชอบที่นี่หรือเปล่า” มากาเร็ตถาม
“ครับ ขอบคุณครับคุณอา”
“คิดจะอยู่ที่นี่กี่วันล่ะ”
“แค่กๆๆ ผมตั้งใจค้างแค่คืนเดียวครับ วันพรุ่งนี้จะออกไปเที่ยวตามสถานที่แนะนำตามเว็บไซต์ที่เคยค้นหาไว้ให้หมดเลย ได้รับสิทธิในการพักผ่อนทั้งที
ผมอยากใช้ให้คุ้มค่าเท่าที่จะเป็ไปได้ คิดว่ากว่าจะเที่ยวชมสถานที่หลักๆ ครบก็น่าจะเกือบครึ่งเดือน ไม่รบกวนคุณอาทั้งสองนานหรอกครับ”
ไม่รู้หรอกนะว่าครอบครัวของเพื่อนพ่อตั้งใจจะทำอะไร แต่ยังไงก็ไม่ยอมจะอยู่ที่นี่เด็ดขาด การสานสัมพันธ์อันดีกับคนรู้จักขอลาขาด ยังไม่พร้อมเข้าสังคมตอนนี้
“อุ๊บส์!”
เป็ครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้เห็นท่าทางของพ่อตนเองทำตัวไม่ถูกแบบนี้ มันเป็ความรู้สึกนานมากในสายตาของมอร์ซิน เพราะผู้นำตระกูลมักสมบูรณ์ในการเจรจาและเหนือกว่าทางบทสนทนามาตลอด
