หนิวเถียจู้ถึงกับหน้าแดงก่ำเมื่อถูกหมี่หลันเยว่ชมขนาดนี้ เขาไม่รู้จะถ่อมตัวต่อไปดี หรือจะรับคำชมจากเ้านายตัวน้อยตรงหน้าไปเลยดี แต่หลิวลี่ก็พูดขึ้นมาอีก
“หลันเยว่ ลองดูบันทึกการขาย่นี้สิ”
หลิวลี่เปิดสมุดบัญชีวางตรงหน้าหมี่หลันเยว่
“นี่ ดูผลงานของหมอนี่สิ ฉันทำเครื่องหมายไว้ให้แล้ว ่ยี่สิบกว่าวันที่ผ่านมานี้พัฒนาเร็วมาก ่แรกๆ สถิติยังแย่กว่าฉันเยอะ แต่ไม่กี่วันก็ทำได้เท่ากันแล้ว ดูสิ ตอนนี้ยอดขายแซงฉันไปแล้ว”
หลิวลี่ใช้นิ้วชี้ไปที่เครื่องหมายในสมุดบัญชี
“ไม่นึกเลยว่าฉันจะถูกโค่นเร็วขนาดนี้ หมอนี่มันอัจฉริยะการขายชัดๆ ไม่รู้ว่าไปแนะนำลูกค้ายังไง โอกาสปิดการขายแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ไม่...ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
หนิวเถียจู้ไม่กล้ารับคำชมนั้นเต็มปาก เพราะมันเป็ไปไม่ได้ที่จะมีปิดการขายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมีพร์ด้านการขายขนาดนี้
“ฉันขอดูหน่อยสิ เถียจู้ทำผลงานเป็ยังไงบ้าง หลันเยว่ มีอะไรต้องปิดบังหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินว่าหลานชายตัวเองถูกชมขนาดนี้ หนิวต้าลี่ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะนั่นมันสมุดบัญชีของร้านคนอื่น เขากำลังทำตัวเสียมารยาท รีบเสริมคำพูดต่อท้าย
ถึงจะพูดออกไปแล้ว หนิวต้าลี่ก็ไม่ใช่คนถือสาอะไร เขารู้ดีว่าถึงหมี่หลันเยว่จะเป็เด็กสาว แต่ใจกว้างและกล้าหาญกว่านักธุรกิจรุ่นเก่าเสียอีก เื่เล็กน้อยแค่นี้ เธอคงไม่ถือสา
“คุณลุงหนิวดูได้เลยค่ะ ยอดขายแค่นี้ของฉันจะมีอะไรต้องปิดบัง เทียบกับที่ชิงไถแล้วมันแค่เศษเสี้ยวเองค่ะ คุณลุงหนิวอย่าหัวเราะเยาะฉันเลยนะคะ”
หมี่หลันเยว่ขยับตัวหลีกทาง เปิดที่ทางให้หนิวต้าลี่ยืนได้สะดวก
การกระทำของหมี่หลันเยว่ ไม่ใช่แค่หนิวต้าลี่เท่านั้นที่รู้สึกชื่นชม คนที่มาด้วยกันอีกสองคนก็มองเธอด้วยสายตาชื่นชมเช่นกัน อายุยังน้อยแต่สายตากว้างไกลขนาดนี้ ถ้าเป็พวกเขาคงต้องลังเลไปนาน แต่ถ้ามัวลังเลก็เสียหน้า
“เชิญค่ะคุณลุง พวกนี้คือผลงานของพี่เถียจู้”
หมี่หลันเยว่ยื่นมือช่วยชี้แนะหนิวต้าลี่เล็กน้อย แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้เขาดูเอง ถ้าพูดมากเกินไป จะกลายเป็ว่าเธอกำลังรบกวนเขา ความมีน้ำใจก็จะกลายเป็ความใจแคบ
“ดีๆๆ หลันเยว่ ที่นี่เธอสอนคนเก่งจริงๆ หลานชายคนนี้ของฉัน ฉันก็รู้ว่าเขาฉลาด แต่ไม่ละเอียดรอบคอบ ไม่คิดเลยว่ามาอยู่ที่ร้านเธอไม่ถึงเดือน จะได้รับการฝึกฝนจนเป็แบบนี้ ฉันละอายใจจริงๆ”
ก็ไม่แปลกที่หนิวต้าลี่จะรู้สึกทึ่ง เพราะจากขนาดร้านเล็กๆ แค่นี้ ยอดขายของร้านหมี่หลันเยว่เรียกได้ว่าเป็ตัวเลขมหาศาล ร้านของเขาถึงจะมียอดขายเยอะ แต่ก็เพราะร้านใหญ่กว่า เป็ศูนย์จำหน่ายทั้งชั้น มองผลงานการขายของหลานชายคนนี้ เทียบเท่าพนักงานขายดีเด่นของร้านเขาแล้ว
“ถ้าเธอสะดวก จะบอกเคล็ดลับให้ฉันได้ไหม ฉันจะได้ให้พนักงานในร้านปรับปรุงบ้าง”
หนิวต้าลี่อยากเรียนรู้เคล็ดลับจากหมี่หลันเยว่จริงๆ
“คุณลุงหนิวพูดแบบนี้ ฉันละอายใจจริงๆ ั้แ่พี่เถียจู้มาทำงานที่ร้านนี้ ฉันมัวแต่ยุ่งหัวหมุนอยู่ที่โรงงาน วันนี้เป็ครั้งแรกที่ได้เจอกันอย่างเป็ทางการ จะว่าไป พี่เถียจู้เขาเป็คนที่มีพร์ด้านนี้แต่กำเนิด อยู่ที่นี่ถือว่าเสียของค่ะ”
ถึงคนคนนี้จะเป็คนที่เธอค้นพบ แต่ก็เพิ่งเข้ามาทำงานที่ร้านได้ไม่นาน หมี่หลันเยว่มองออกอย่างชัดเจนว่าหนิวต้าลี่กำลังหมายตาผลงานของหลานชายตัวเอง ถ้าหนิวต้าลี่้าตัวจริงๆ เธอก็คงขัดขวางการตัดสินใจของหนิวเถียจู้ไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่มีขั้นตอนการเซ็นสัญญาจ้างงานอะไร
แต่ไม่รู้ว่าหนิวต้าลี่จะพูดอะไร หนิวเถียจู้ก็แสดงท่าทีก่อน
“หลันเยว่ พูดอะไรอย่างนั้น จะว่าเสียของได้ยังไง ฉันได้มาทำงานที่ร้านก็เพราะเธอให้โอกาส ส่วนเื่ผลงาน ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะโดดเด่นอะไรเป็พิเศษ”
“ั้แ่ฉันเข้ามาในร้าน พี่หลิวลี่ก็สอนทุกอย่าง สอนลักษณะพิเศษ จุดขายของเสื้อผ้าทุกตัว พี่เขาอธิบายให้ฉันฟังอย่างละเอียด พวกนี้เป็ประสบการณ์ที่พี่หลิวลี่สั่งสมมาจากการทำงาน แต่พี่เขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเลย”
“ดังนั้นที่ฉันมีผลงานได้ในวันนี้ ก็เป็เพราะพี่หลิวลี่กับหลันเยว่ เธอจะมาบอกว่าฉันเสียของได้ยังไง มันเหมือนกับว่าเธอไม่พอใจในการทำงานของฉัน แต่ไม่เป็ไร ฉันจะพยายามต่อไป จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง”
ท่าทีของหนิวเถียจู้ทำให้หมี่หลันเยว่ถึงกับตกตะลึง เขาเด็ดเดี่ยวเกินไป เมื่อกี้เธอคิดจริงๆ ว่าหนิวต้าลี่อาจจะอยากดึงหลานชายไปร่วมงานด้วย เธอไม่อยากขวางทางก้าวหน้าของหนิวเถียจู้ เพราะถ้าได้เข้าร่วมธุรกิจของตัวเอง โอกาสในการพัฒนาก็จะมากขึ้น
เธอไม่คิดจริงๆ ว่าหนิวเถียจู้จะปิดประตูทางนั้นเสียเอง แถมยังปิดปากหนิวต้าลี่ ไม่ให้พูดเื่ต่อ หนิวต้าลี่เองก็ไม่คิดว่าหลานชายจะแสดงท่าทีหนักแน่นขนาดนี้ ที่จริงเขาไม่ได้คิดจะดึงหลานชายไปอยู่ข้างกายตอนนี้
เพราะบ้านของหลานชายอยู่ที่นี่ แถมยังเป็นักเรียน อาจจะไม่สะดวกหลายอย่าง เขาคิดจะให้หลานชายมาฝึกฝนอยู่ที่หมี่หลันเยว่สักสองสามปี พอเรียนจบมัธยมต้นก็คงเก่งกาจแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าไม่เพียงแต่หมี่หลันเยว่จะมองออกถึงความตั้งใจของเขาอย่างรวดเร็ว แม้แต่หลานชายตัวเองก็ไม่คิดจะขึ้นเรือลำเดียวกัน
ในขณะที่หมี่หลันเยว่กำลังไม่รู้จะแสดงออกยังไง หนิวต้าลี่ก็พูดขึ้นมา
“หลานชายฉันนี่ใช้ได้เลยนะ อายุแค่นี้ก็รู้จักกตัญญูรู้คุณแล้ว จิตใจที่หนักแน่นแบบนี้ไม่ใช่คนทั่วไปจะทำได้ หลันเยว่ ฉันยิ่งนับถือเธอมากขึ้นอีก”
“ที่ทำให้ลูกน้องจงรักภักดีกับตัวเองได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีสิ่งยั่วยวนภายนอกมากแค่ไหน ก็ยังหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลง นี่ไม่ใช่ฝีมือธรรมดาแล้ว ตอนนี้ฉันพูดได้แค่คำว่านับถือ”
หนิวต้าลี่ยกนิ้วโป้งให้กับหมี่หลันเยว่
หมี่หลันเยว่ไม่คิดจริงๆ ว่าตัวเองได้วางกลยุทธ์อะไรกับหนิวเถียจู้ แถมยังไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรเป็ทางการด้วยซ้ำ แต่การแสดงออกของหนิวเถียจู้ในตอนนี้ก็ทำให้เธอประทับใจมาก นี่คงเป็ความใสซื่อบริสุทธิ์ของวัยเยาว์ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง โปร่งใสและบริสุทธิ์
“คุณลุงหนิวอย่าพูดแบบนั้น ฉันรับคำชมนี้ไม่ได้ แต่ฉันขอบคุณพี่เถียจู้ที่ยึดมั่นและเชื่อใจร้านของฉัน ดังนั้นตราบใดที่พี่เถียจู้อยู่ที่นี่ ฉันจะปฏิบัติต่อเขาด้วยใจจริง เหมือนที่เขาปฏิบัติต่อฉัน”
นี่คือการใช้ใจแลกใจกัน ต่อหน้าทุกคนก็ยิ่งดูจริงจังมากขึ้น การสร้างพันธมิตรทางอารมณ์ที่แข็งแกร่งกับลูกน้อง หมี่หลันเยว่ไม่ใช่คนมือใหม่ ตอนที่เป็ผู้จัดการร้าน ดูแลทั้งร้าน ต้องได้รับการสนับสนุนจากลูกน้อง และสายสัมพันธ์ทางใจนั้นจึงขาดไม่ได้
เป็อย่างที่คาดไว้ สีหน้าของหนิวเถียจู้แดงขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดถึงความตื่นเต้นของเด็กหนุ่ม หนิวต้าลี่ยกนิ้วโป้งให้ในใจ เด็กคนนี้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้สูงสุด และสร้างผลประโยชน์ที่สมเหตุสมผลที่สุดให้กับตัวเองได้ตลอดเวลา
“หลันเยว่ คราวนี้ที่ฉันมา ฉันอยากจะมาเอาของเพิ่ม ฉันรู้ว่าในมือเธอต้องมีของสำรองแน่นอน ดังนั้นฉันจะไม่รอแล้วนะ มีเท่าไหร่ฉันเอาหมด”
หนิวต้าลี่เดินออกไป พูดถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้กับหมี่หลันเยว่ และคลี่คลายความกระอักกระอ่วนของหลานชายไปพร้อมกัน
“ได้เลยค่ะ คุณลุงหนิวอยากได้ของ ยังไงก็ต้องมีอยู่แล้วค่ะ ก่อนตรุษจีนนี้ ฉันเตรียมของไว้เยอะอยู่แล้วค่ะ ตราบใดที่คุณลุงหนิวเอาไปได้ จะเอาไปเท่าไหร่ก็เอาไปเลยค่ะ ถ้าเหลือฉันก็เก็บไว้ขายเอง ถ้าไม่พอก็รีบทำเพิ่ม ยังทันค่ะ”
หมี่หลันเยว่ก็ไม่ได้ถ่อมตัวอะไรกับหนิวต้าลี่ ของพวกนี้เตรียมไว้ให้หนิวต้าลี่อยู่แล้ว แค่ไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปได้มากแค่ไหน ตอนนี้รู้ว่าเขาอยากจะเหมาหมด หมี่หลันเยว่ก็ไม่มีภาระอะไรในใจเลย ส่วนเื่การขายของตัวเอง ก็มีโรงงานอยู่แล้ว ทุกอย่างง่ายดายมาก
“เอ่อ พี่หนิว อย่าทิ้งฉันไว้ข้างหลังสิ คราวนี้ที่ฉันมาก็ตั้งใจจะมาเอาของเหมือนกัน”
ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้พูดอะไรมาตลอดคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา ทำให้หมี่หลันเยว่ใ ไม่ได้มากับคุณลุงหนิวเหรอ ทำไมถึงไม่ใช่คนของคุณลุงหนิว?
“อ๋อ เหล่าจาง นายไม่ได้บอกว่าจะตามมาดูเฉยๆ เหรอ ไม่ได้บอกว่าจะมาเอาของด้วยนี่นา”
หนิวต้าลี่มองชายที่ถูกเรียกว่าเหล่าจางแล้วหัวเราะออกมา ก่อนตรุษจีนเป็การค้าที่ดี เขาก็เพิ่งเห็นสมุดบัญชีการขายของร้านหมี่หลันเยว่ สามารถจินตนาการได้อย่างง่ายดายว่าของพวกนี้จะขายดีและเป็ที่้ามากแค่ไหน
เขาพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะมีของเท่าไหร่ เขาก็ต้องเอามาให้ได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเื่น้ำใจแล้ว ยิ่งกว่านั้น เหล่าจางตอนที่มาด้วยกันก็พูดแค่ว่าจะมาดู ไม่ได้บอกว่าจะมาเอาของด้วยกัน ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครมือไวกว่ากัน ไม่ใช่เวลาที่จะมาเกรงใจกันแล้ว
“ฉันก็ไม่คิดว่ายอดขายเสื้อผ้าของหลันเยว่จะดีขนาดนี้ ที่จริงฉันก็คิดว่าจะมาดูยอดขายก่อนตรุษจีน ถ้าดีฉันก็จะมาเอาของหลังตรุษจีน แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ถ้าไม่เอาตอนนี้ ก่อนตรุษจีนก็จะเสียเงินไปเยอะเลย เป็เพราะฉันตัดสินใจผิด พี่หนิวอย่าทิ้งฉันเลยนะ”
ในวงการธุรกิจ การเอาของก็คือการแข่งกันที่ความเร็ว ต่อให้เป็เพื่อนสนิทก็ไม่มีเหตุผลที่จะมาเกรงใจกัน แต่ความสัมพันธ์ของเหล่าจางกับเขาไม่ธรรมดา ไม่งั้นตอนที่เขามาดูของครั้งแรกก็คงไม่พาเขามาด้วย เพียงแต่เหล่าจางเป็คนขี้ลังเล เลยพลาดโอกาสในการทำเงินไปหลายครั้ง
จะช่วยหรือไม่ช่วยดี ถ้าช่วยเหล่าจาง ของของตัวเองก็จะเหลือน้อยลง ถ้าไม่ช่วย หนิวต้าลี่ก็รู้สึกผิด ถึงจะว่ากันว่าในสนามธุรกิจไม่มีพ่อลูก แต่ก็มีคำพูดที่ว่า ‘พ่อลูกขึ้นรบเคียงบ่าเคียงไหล่’ ญาติและเพื่อนฝูงคือแนวหลังที่แข็งแกร่งของคุณเสมอ จะกลายเป็กำลังสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพให้กับคุณ ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณ้าความช่วยเหลือจากคนอื่น
“ในเมื่อเหล่าจางเปิดปากพูดแล้ว ยังไงฉันก็ต้องดูแลนายหน่อย เพียงแต่เราต้องมาคุยกันหน่อยแล้ว ฉันก็ดูแลแต่นายไม่ได้ ที่ชิงไถฉันก็เลี้ยงคนในครอบครัวเยอะเหมือนกัน”
ในที่สุดหนิวต้าลี่ก็ยอมถอย เพราะน้ำใจในใจของผู้ชายก็ยังสำคัญกว่าผลประโยชน์
“ขอบคุณมากครับพี่หนิว ฉันก็ไม่ได้อยากได้ของอะไรมากมาย แค่ก่อนตรุษจีน อยากให้เสื้อผ้าหน้าหนาวพวกนี้ช่วยเปิดตลาดให้ฉันบ้าง แล้วหลังตรุษจีน เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิของหลันเยว่ก็จะมีตลาดอยู่แล้ว ฉันจะไม่ทำให้พี่หนิวลำบากใจมากเกินไป พี่หนิวช่วยฉันเยอะมากแล้ว”
ในหัวของหมี่หลันเยว่ก็มีแผนการใหม่ขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่ากำลังจะสร้างยอดขายครั้งใหญ่อีกแล้ว
