จวินเหยียนร้องออกมาเสียงหนึ่งอย่างให้ความร่วมมือยิ่ง ทว่า เสียงนั้นกลับฟังดูไปในทางพิลึกพลั่นชวนให้คิดลึกราวกับอวิ๋นซีกำลังทำอันใดเขาก็ไม่ปาน และด้วยเสียงนั้นก็ทำให้ใบหน้าของอวิ๋นซีพลันแดงก่ำก่อนจะทุบอกเขาไปสองสามที “ท่านมันอันธพาล ร้องเช่นนั้นได้เยี่ยงไร”
เขาโอบนางแล้วยิ้มถาม “หากไม่ให้ร้องเช่นนั้น แล้วจะให้สามีร้องเช่นไรอื้ออืม? ”
เสียงแหบต่ำดังอื้ออืม เพียงสองคำที่เปล่งออกมา ยิ่งเชิญชวนให้คนคิดไปไกลได้ง่ายยิ่งขึ้นในที่สุดอวิ๋นซีก็ตระหนักแล้วว่า ระดับความไร้ยางอายของบุรุษตรงหน้านางนับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ...
คณะเดินทางของอวิ๋นซีเดินทางรอนแรมอยู่สองวันในที่สุดก็มาถึงหนึ่งร้อยลี้นอกเมืองหวายหนาน ในยามอู่พวกเขาตัดสินใจพักกันที่นี่ก่อนหลังจากที่แก้ปัญหาเื่ปากท้องของมื้อกลางวันเสร็จสิ้นก็ค่อยเร่งเดินทางต่อส่วนหนุ่มน้อยที่พวกเขาช่วยเหลือไว้ ยามนี้สุขภาพร่างกายนับว่าหายดีเป็ปกติแล้ว ทั้งยังมีท่าทีสนิทสนมเป็กลุ่มก้อนเดียวกันกับหวานหว่านและเหล่าสหาย
อวิ๋นซีและเซียงเอ๋อร์หยุดยืนมองหนุ่มน้อยที่เอาแต่ตีลังกาไปมาบนพื้นหญ้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมุมปากนางค่อยๆ โค้งขึ้นเป็รอยยิ้มบาง เซียงเอ๋อร์ที่อยู่เื้ัพูดเสียงเบา“ฮูหยิน ท่านรู้สึกหรือไม่ว่า คุณชายฟานผู้นั้น หากว่าเป็สตรีก็ดูจะคล้ายกับฮูหยินอยู่หลายส่วนเลยนะเ้าคะ”
“บนโลกนี้ คนที่มีรูปลักษณ์คล้ายกันมีมากมายเต็มไปหมด” อวิ๋นซีไม่ได้รู้สึกว่าเื่นี้จะมีสิ่งใดที่แปลกประหลาดต่อให้จะเป็คนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเืก็ยังอาจมีใบหน้าที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนได้แล้วนับประสาอะไรกับนางและฮ่าวฟานที่แค่มีเค้าโครงหน้าที่เหมือนกัน
ทว่า ฮ่าวฟานนั้นดูคล้ายจะเป็บุรุษที่หน้าเหมือนสตรี ถึงกระนั้นนางก็ยังคงคิดว่าการจะเป็บุรุษก็ควรมีรูปลักษณ์ให้สมชายชาตรีสักหน่อยถึงจะยิ่งงดงามจากนั้นจึงอดไม่ได้ให้ลูบท้องน้อยของตนที่ยังคงราบเรียบอย่างระวังมือไม่รู้ว่าในท้องของนางนี้ เมื่อคลอดออกมาจะมีหน้าตาคล้ายนางหรือบุรุษของนาง
“ฮูหยิน ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงหวายหนานแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นคุณชายฮ่าวฟานก็ต้องแยกจากกับพวกเราบ่าวเกรงว่าคุณหนูจะตัดใจไม่ได้เ้าค่ะ” สองสามวันที่ได้อยู่ด้วยกันมา พวกนางล้วนพบว่าคุณชายฮ่าวฟานผู้นี้เป็คนที่สนิทสนมด้วยง่ายทุกคนล้วนชอบเขามาก
จวินเหยียนเดินเข้ามาอย่างช้าๆ หยุดยืนอยู่เื้ัภรรยาพลางมองไปตามสายตานางที่จดจ่ออยู่ณ บริเวณที่ไม่ไกล อีกทั้ง ที่แห่งนั้นยังมีเสียงหัวเราะสนุกสนานดังขึ้นบ่อยๆ หลังจากนั้นสายตาของเขาก็ตกลงบนร่างของฮ่าวฟานชั่วขณะนั้นดวงตาสดใสพลันมืดครึ้มลงอย่างที่ใครๆ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่ายามนี้เขากำลังคิดอันใดอยู่กันแน่
“ก็แค่คนที่พบกันโดยบังเอิญก็เท่านั้น เมื่อไปจากหวายหนานแล้วพวกเราก็ไม่มีความจำเป็ให้ต้องเจอกันอีก” เขาลูบศีรษะนางเบาๆ ขณะที่สายตายังคงติดตรึงอยู่บนร่างของฮ่าวฟาน
เมื่อไปถึงเมืองหวายหนานเมื่อใด พวกเขาเองก็จำต้องเข้าไปพักค้างแรมอยู่ในเมืองนั้นหนึ่งคืนจากนั้นเช้าวันที่สองค่อยรีบเร่งเดินทางต่อ ถึงอย่างไรในคณะนี้ก็มีทั้งสตรีมีครรภ์และเด็กๆการพักผ่อนบ้างจะช่วยให้ไม่เหนื่อยเกินไป ซึ่งเื่ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าจี้หยวนไม่ว่าอันใด
ทันทีที่คณะเดินทางเคลื่อนตัวเข้าเมือง จวินเหยียนก็ให้คนปล่อยฮ่าวฟานลง อย่างไรเสียการมีคนผู้นี้คอยติดตามพวกเขาก็หาใช่เื่ดีอันใดเพราะเื่บางเื่ เมื่อผ่านไปแล้ว เขาก็ไม่อยากให้อาซีรู้ อีกทั้ง คนบางคนก็ไม่มีความจำเป็ให้ต้องรู้จักมากมาย
ฮ่าวฟานมองรถม้าที่กำลังห่างออกไปพลางสบถกับตัวเอง “ต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือแม้แต่พวกท่านพักอยู่ที่ใดก็ไม่ยอมบอกให้ข้ารู้” เขาแค่นเสียงเ็าด้วยรู้สึกไม่พอใจต่อจวินเหยียนแท้จริงแล้วเขาไม่ได้ปรารถนาในตัวภรรยาของอีกฝ่ายเสียหน่อย และเพียงแต่เห็นนางเป็ดังพี่สาวก็เท่านั้นดังนั้น อีกฝ่ายจำเป็ต้องป้องปันราวกับป้องกันโจรด้วยหรือ?
“บุรุษที่ไม่มีความมั่นใจก็เช่นนี้แหละ” เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็เบะปากอย่างไม่ใส่ใจพวกท่านไม่ให้ข้ารู้ แล้วคิดว่าเื่แค่นี้ข้าจะไม่รู้เชียวหรือ เมืองหวายหนานแห่งนี้เป็ถิ่นของข้าหากคิดอยากสืบหาคนสักคนก็ถือเป็เื่ง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ
จวินเหยียน อวิ๋นซีและคนอื่นๆ หยุดพักกันที่โรงเตี๊ยมอวิ๋นไหล ซึ่งเป็หนึ่งในกิจการของตระกูลเจียงอีกทั้ง อวิ๋นซีเองก็มีป้ายคำสั่งของที่นี่ เพียงแค่แสดงป้ายคำสั่งออกมาพวกเขาก็สามารถเข้าพักในห้องพักสำหรับเถ้าแก่ได้
เดิมทีตัวนางเองก็ไม่อยากใช้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าห้องพักสำหรับเถ้าแก่ที่อยู่ในเครือของตระกูลเจียงทั้งหมดล้วนมีความพิเศษอยู่ประการหนึ่งนั่นก็คือภายในห้องชุดจะมีห้องรับแขก และห้องนอนสองห้อง หากได้พักในห้องพักเช่นนี้เด็กทั้งสามก็จะได้อยู่ดูแลกันและกันได้อย่างใกล้ชิด ไม่ต้องแยกห้อง
เมื่อพวกเขาเข้าพักเรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นก็เป็่ยามเซินยังไม่ถึงเวลาอาหาร ดังนั้น อวิ๋นซีจึงพาพวกเด็กๆ ไปเดินเล่น เพื่อดูทัศนียภาพและผู้คนในหวายหนานสิ่งที่ควรต้องรู้ก่อน ที่นี่เป็หนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงหนาน ทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็บ้านเกิดแห่งข้าวจ้าว
หนานเย่ามีประโยคหนึ่งที่พูดสืบต่อกันมา ‘ร่ำรวยที่สุดร่ำรวยไม่สู้เจียงหนาน งดงามที่สุด งดงามไม่สู้หวายหนาน’ไม่ว่าจะเป็ความร่ำรวยหรือความงามก็ล้วนมีที่ยืนสำหรับหวายหนานทั้งสิ้น สถานที่แห่งนี้เป็เมืองที่ผู้มากอารมณ์สุนทรีย์ล้วนปรารถนา
ตอนนี้เป็เดือนเจ็ดแล้ว อากาศโดยรอบค่อยๆ เย็นสบาย ดังนั้น ตอนที่พวกเขาเดินอยู่บนถนนจึงไม่ได้รู้สึกร้อนอะไรมากมาย นอกจากนี้ ตลอดเส้นทางที่ก้าวเดินผู้มาเยือนกลุ่มนี้ก็ล้วนเฝ้ามองคนบนถนนหลากสีสันมองของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขณะที่หวานหว่านก็ไม่ต่างจากนกที่ได้ออกจากกรง ม้าที่ถูกปลดบังเหียนเด็กน้อยซื้อข้าวของต่างๆ มากมายอย่างเริงร่ามาตลอดทาง
สาวใช้ใหญ่ทั้งสี่ที่ติดตามอยู่เื้ัต่างก็มือซ้ายถือของ มือขวาอุ้มของกันทั้งนั้น
เมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หวานหว่าน พอแล้ว ห้ามซื้ออีกเ้าดูสิ ยามนี้พวกเพ่ยเอ๋อร์ต่างก็ถือกันไม่ไหวแล้ว”
“ท่านแม่ แต่ลูกชอบของพวกนี้นี่เ้าคะ” หวานหว่านหันกายไปมองผู้เป็มารดายกมุมปากขึ้นพร้อมกับใช้สายตามาคะคานกับอำนาจเด็ดขาดของมารดา ท่านแม่มีสิทธิ์อันใดไม่ให้นางซื้อขนาดท่านพ่อยังไม่เปิดปากพูดอันใดเลย
“หากเ้าอยากจะซื้อ แน่นอนว่าแม่ย่อมไม่คัดค้าน แต่ว่า อีกประเดี๋ยวพวกเราจะไปกินเสี่ยวหลงเปาไข่ปูและปลากุ้ยฮวาของหวายหนานกัน ตัวเ้า ก็ไม่ต้องตามมา” นางมองบุตรสาวไปทีหนึ่งด้วยความรู้สึกว่าเ้าเด็กนี่ยิ่งโต ความคิดความอ่านก็ยิ่งแข็งกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้นี่จะเป็เื่ดี แต่ก็ต้องนำไปใช้ในทางที่ถูก
“ก็ได้ ข้าไม่ซื้อแล้วก็ได้เ้าค่ะ ข้าอยากจะกินเสี่ยวหลงเปาไข่ปู กับปลากุ้ยฮวาของหวายหนานด้วยที่สำคัญ ข้าอยากจะลองดื่มสุรากุ้ยฮวาของหวายหนานสักหน่อย” เด็กน้อยเงยหน้าเล็กๆ จ้องมองบิดามารดาตนถึงแม้นางจะเป็เพียงแม่นางน้อย แต่จะทำอย่างไรได้ก็นางชมชอบการดื่มสุราไปแล้วนี่
“เ้าเป็แค่แม่นางน้อย ดื่มสุราเช่นนี้จะดีจริงหรือ?” อวิ๋นซีจูงมือบุตรสาว ขณะที่จวินเหยียนเองก็จูงมืออีกข้างของหวานหว่านทุกคนต่างเดินไปเบื้องหน้าพร้อมๆ กัน
ในดวงตาแวววาวของหวานหว่านเผยแววยิ้ม จากนั้นจึงเอาแต่พูดจอแจไม่หยุดถึงข้อดีของการดื่มสุรากุ้ยฮวาฉับพลันนั้นอวิ๋นซีก็ให้เหงื่อตกจริงๆ แล้ว “เ้ายังเป็เด็ก”
“เด็กก็เป็คนเหมือนกัน ขอแค่เป็คนก็สามารถดื่มได้แล้วมิใช่หรือเ้าคะ”ยามท่านแม่อยู่ต่อหน้าท่านพ่อก็มักจะปากคอเราะร้าย ทว่าคนเกิดทีหลังย่อมชนะคนรุ่นก่อนตัวนางที่เป็บุตรสาวของมารดา แน่นอนว่าต้องร้ายกาจยิ่งกว่ามารดา ด้วยเื่นี้อ้างอิงมาจากตำราเป็หลักโต้แย้งทว่าใครเล่าไม่เป็บ้าง เพราะสิ่งที่นางพูดมิใช่เพียงอ้างอิงมาจากตำรา แต่ถอดแบบคำพูดของผู้เป็มารดามาเสียเองดังนั้น อีกฝ่ายจะพูดจาดักคอนางอย่างไรย่อมไร้ผล
อวิ๋นซีไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรต่อไปแล้วจริงๆ นางรู้ดีว่า เด็กคนนี้ชื่นชอบการดื่มสุราและที่ได้ยินมาก็เป็เ้าจวินเหยียนสารเลวเฒ่าที่เป็ผู้สอน คิดๆ แล้วนางก็โกรธจนต้องกัดฟัน“เ้านี่ร้ายกาจนัก”
“ข้าเป็ลูกสาวของท่านแม่ ท่านแม่ข้าร้ายกาจเพียงนี้ย่อมแน่นอนว่าลูกจะตกหลังมิได้มิเช่นนั้นจะไม่เป็การขายหน้าท่านแม่หรอกหรือ” หวานหว่านหัวเราะฮิฮะ นางรู้ดีว่า การตอบรับเช่นนี้ย่อมหมายความว่าท่านแม่ตกลงแล้ว
“ก็จริง” อวิ๋นซีพูด “ในเมื่อเ้าคิดจะดื่มสุรากุ้ยฮวา เช่นนั้น นับแต่วันพรุ่งนี้เป็ต้นไปเ้าก็ต้องกินแต่ผักแล้ว เพราะการรักษากายรักษาใจถือเป็เื่ดี แต่เ้าวางใจได้ บิดาเ้าจะกินผักเป็เพื่อนเ้าเอง”
จวินเหยียนที่กำลังเอนกายอย่างสบายใจกลับโดนทวนแทงยามเผลอ ตอนนี้เขาถึงได้เพิ่งเข้าใจไม่ว่าจะทำเื่ใดจักต้องขบคิดให้ถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยทำ อีกทั้งจะหาเื่ผู้ใดก็ย่อมได้ ยกเว้นภรรยาตน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้