ดังนั้น เนื่องจากจุดนี้ ทหารองครักษ์หลายคนที่ได้รับคำสั่งจากไทเฮาอีกครั้ง พวกเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก รวบรวมความกล้า และพุ่งตรงเข้าหามู่จื่อหลิง...
สถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นว่าทหารองครักษ์เ่าั้กำลังลงมืออย่างเร่งรีบ
มู่จื่อหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองทหารองครักษ์ที่วิ่งเข้ามาหานาง ก่อนหันมองหลงเซี่ยวอวี่ ซึ่งกำลังนั่งสบายๆ ร่องรอยของความสงสัยและประหลาดใจฉายแววในดวงตา
เป็เช่นนี้แล้ว เหตุใดชายผู้นี้ถึงยังคงเมินเฉย หรือว่าเขารับมือไม่ไหว?
เป็ไปไม่ได้! มู่จื่อหลิงปฏิเสธทันที ชายผู้นี้ดูสงบและผ่อนคลาย เขาจะรับมือไม่ไหวได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าทหารองครักษ์เหล่านี้กลัวเขา
เมื่อมั่นใจได้ว่าทหารองครักษ์กลัวหลงเซี่ยวอวี่ั้แ่พวกเขาเข้ามา ดวงตาของมู่จื่อหลิงเป็ประกาย ทันใดนั้นนางก็มีความคิดที่จะตรวจสอบการคาดเดานี้
มู่จื่อหลิงยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ทหารองครักษ์เ่าั้
ก่อนที่ทหารองครักษ์จะรับรู้ถึงความหมายในรอยยิ้มของมู่จื่อหลิง
นางนั่งลงบนต้นขาเรียวของหลงเซี่ยวอวี่ โดยไม่คิดสิ่งใดให้มากความอีกต่อไป
การเคลื่อนไหวนั้นทั้งคมชัดและว่องไว เป็ความเร็วที่เหนือชั้น
เดิมทีหลงเซี่ยวอวี่จงใจไม่พูดถึงเื่นี้ ด้วยกำลังรอให้หญิงตัวเล็กคนนี้เข้าหาและทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่ามู่จื่อหลิงจะมานั่งบนตักของตนด้วยท่าทางที่กล้าหาญ
ขณะที่มู่จื่อหลิงนั่งลงบนตักของเขา หลงเซี่ยวอวี่ก็ตัวแข็งไปในทันที
แม้ว่าเขาจะรังควานหญิงโง่ผู้นี้บ่อยครั้ง ทั้งยังโอบกอดนาง ทำสิ่งที่เหล่าคู่รักมักทำกัน แต่นี่เป็ครั้งแรกที่นางกอดเขาอย่างสนิทสนมถึงเพียงนี้
ชั่วขณะหนึ่ง สิ่งนี้เกิดเป็ความอ่อนหวานและความสุขในหัวใจของหลงเซี่ยวอวี่
นี่มันน่าตื่นเต้นกว่าปล่อยให้นางทำตัวเป็เด็กน้อยกับเขาไม่ใช่หรือ?
โอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ การลอบสูดดมกลิ่นหอมหวานเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หาได้นึกไม่ ว่าการที่มู่จื่อหลิงเคลื่อนไหวอย่างกล้าหาญเช่นนี้ จะทำให้ทหารองครักษ์หลายนายที่กำลังจะพุ่งเข้ามาถูกสะกดร่างไว้ การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วชะงักไปด้วยความงุนงง จนกลายเป็นิ่งเฉย ราวกับหยุดหายใจ
เวลาหยุดนิ่ง!
การไหลเวียนของอากาศราวกับหยุดลงอย่างกะทันหัน!
ยามเห็นภาพอันน่าสยดสยองเช่นนี้ ทหารองครักษ์หลายคนทั้งตกตะลึงและหวาดกลัว
มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าฉีอ๋องทรงไม่อนุญาตให้หญิงสาวเข้าใกล้ในระยะสามฉื่อ
นึกไปถึงงานเลี้ยงใหญ่ในวังหลวงก่อนหน้านี้ บุตรสาวผู้หนึ่งจากตระกูลอัครเสนาบดีกงซุน เนื่องจากความรักที่นางมีต่อฉีอ๋อง จึงจงใจหมุนตัวไปมาในยามแสดงทักษะเต้นรำ พยายามหันไปหาฉีอ๋อง จากนั้นใช้สิ่งนี้เป็ข้อแก้ตัวในการล้มใส่พระองค์
แต่ใครจะรู้ ในยามที่หญิงสาวผู้นั้นเข้าใกล้ฉีอ๋องในระยะสามฉื่อ เพียงระยะห่างเพิ่มขึ้นมาเพียงหนึ่งชุน หญิงสาวผู้น่าสงสารก็ถูกลมจากฝ่ามือพัดปลิวหายไปก่อนที่นางจะเข้าใกล้ได้ นางกระอักเืออกมาทันที หลังจากนั้นยังต้องพักฟื้นนานถึงครึ่งปี ถึงจะสามารถกลับมามีสุขภาพดีได้ดังเดิม
แต่ยามนี้ สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดคือ...
ยามนี้มีหญิงสาวผู้หนึ่งกล้าเอาก้นของนาง...ทรุดกายลงนั่งบนตักของฉีอ๋อง?
ไม่เพียงแต่นั่งบนนั้น แต่นางยังทำตัวหยาบคายและเย่อหยิ่ง ความเร็วของนางนั้นเร็วจนน่าใ เร็วจนพวกตนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน
แม้ว่าสตรีกล้าหาญผู้ไม่กลัวตายจะเป็ฉีหวางเฟย นั่นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!
มู่จื่อหลิงพอใจมากกับการหยุดลงในทันทีของทหารองครักษ์ที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน สีหน้าที่ดูน่าเกรงขามแต่เดิมซีดลงด้วยความใ
คนเหล่านี้กลัวหลงเซี่ยวอวี่มากกว่าไทเฮาจริงๆ!
หลังจากนั้น มู่จื่อหลิงจึงยื่นมือออกมาอีกครั้ง โอบรอบเอวเรียวของหลงเซี่ยวอวี่ ตั้งใจกอดเขาไว้แน่นด้วยท่าทางไม่ยอมปล่อย
นางเชิดคางขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ หรี่ตามองพวกเขาอย่างเฉื่อยชา ดวงตาใสของนางเป็ประกายแฝงอารมณ์ที่ยากจะเข้าใจ
ในขณะที่ทหารองครักษ์หลายคนกำลังหวาดกลัว ทั้งยังเห็นอกเห็นใจฉีหวางเฟยอยู่ในใจอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่กล้าจินตนาการถึงภาพที่แสนโเี้ว่าจะมีการนองเืมากมายเพียงใด
แม้จะกลัวว่าในภายหลังปลาในบ่อจะพลอยติดร่างแหไปด้วย [1] แต่ทหารองครักษ์หลายคนยังคงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก้าวถอยหลังเล็กน้อยอย่างเงียบงัน พยายามอยู่ให้ห่าง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวยิ่งกว่าก็คือหญิงผู้ไม่กลัวตายยังคงเกาะติดฉีอ๋องอย่างแ่า ยึดติดพระองค์ไว้แน่น
เท่านั้นยังไม่พอ นางเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ มองพวกเขาอย่างยั่วยุราวกับจะบอกว่า เข้ามา! หากมีความสามารถก็เข้ามาจับสิ!
จับคนจากพระหัตถ์ของฉีอ๋อง พวกเขาจะกล้าได้อย่างไร? จะกล้าดีอย่างไร?
ทหารองครักษ์ผวาจากการกระทำของหญิงผู้ไม่กลัวตายที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา!
ในใต้หล้านี้ยังมีคนอยากตายเร็วอยู่อีกหรือ?
หญิงคนก่อนปลิวไปก่อนที่จะได้ััฉีอ๋อง ดังนั้นในยามนี้ความเด็ดเดี่ยวกำลังจะถูกบดขยี้เป็ผุยผง เมื่อนึกถึงภาพนองเื มันทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุก
ดังนั้นทหารองครักษ์ขี้ขลาดเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ไม่แสดงความโกรธต่อการยั่วยุอย่างภาคภูมิของมู่จื่อหลิงเท่านั้น ตรงกันข้ามพวกเขายังแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้งสำหรับสถานการณ์น่าเศร้าที่นางกำลังจะประสบอีกด้วย
ในทางกลับกัน ทางด้านไทเฮา
ยามเห็นมู่จื่อหลิงนั่งอยู่บนร่างของหลงเซี่ยวอวี่ ไทเฮาทรงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ตอบสนองอีกครั้ง
ไทเฮาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการที่มู่จื่อหลิงแสดงท่าทีกล้าหาญและอวดดีในยามนี้ เป็เพราะการปรากฏตัวของหลงเซี่ยวอวี่
แต่นางคิดไม่ถึงว่ามู่จื่อหลิงไม่รู้จักสงวนกาย ทำตัวไร้ยางอายต่อหน้านางในที่สาธารณะ ถึงขนาดทรุดลงไปอยู่ในอ้อมแขนของหลงเซี่ยวอวี่
กำปั้นของไทเฮาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดคลุมหงส์กำแน่นขึ้น...ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ทำนางโกรธมาก โกรธจนอกแทบะเิออกแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ไทเฮาหงุดหงิดมากที่สุดก็คือท่าทางประจบประแจงของมู่จื่อหลิงนั้นใช้ได้ดีจริง เนื่องจากนางไม่สามารถจัดการกับหลงเซี่ยวอวี่ได้
จัดการกับหลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้ แต่...กับมู่จื่อหลิง!
“ไปยืนทำอะไรตรงนั้น? หรือไม่ได้ยินคำสั่งของอายเจีย” ไทเฮาะโใส่ทหารองครักษ์อีกครั้ง
จากนั้นดวงตาสีแดงฉานของนางก็เต็มไปด้วยแสงเย็นเยือก ราวกับจะพ่นยาพิษออกมาได้ ตาคู่นั้นพุ่งตรงไปที่มู่จื่อหลิงราวกับ้ายิงนางให้ทะลุ
ด้านหนึ่งคือฉีหวางเฟย อีกด้านหนึ่งคือไทเฮา ในเวลานี้ สิ่งที่ยากที่สุดคือทหารองครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่เต็มใจทำงานใหญ่เช่นนี้
ทั้งสองฝั่ง ล้วนต้องตายไม่ต่างกัน!
แต่พวกเขาเลือกอย่างแน่วแน่ที่จะต่อต้านฝ่ายหลัง
เนื่องจากการไม่เชื่อฟังรับสั่งของไทเฮาคือความตาย ส่วนการจับกุมคนจากพระหัตถ์ของฉีอ๋องนั้นยังไม่แน่ว่าผลที่ได้จะอยู่หรือตาย แต่ความประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจจะมีผลเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ชีวิตในพระหัตถ์ของพระองค์นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย การตัดสินนั้นจะทำให้คนต้องทนทุกข์ทรมาน
ดังนั้น ยามเทียบกับชีวิตที่ไม่อาจทราบได้ว่าจะเป็หรือตาย หรือชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย เหล่าทหารองครักษ์ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะยอมเสียหัวอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากตัดสินใจแล้ว ทหารองครักษ์หลายคนจึงยังคงยืนนิ่ง
พวกเขารอจนกว่าหญิงสาวผู้นั้นจะถูกโยนออกไป
แต่หลังจากรอมานาน เกิดข้อผิดพลาดอะไรหรือไม่?
ทหารองครักษ์รู้สึกโง่เขลา แม้ไทเฮาจะทรงเร่งรัดก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย
มู่จื่อหลิงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ดูเหมือนว่าความโกรธของไทเฮาจะไม่รุนแรงพอ นางจึงลูบแขนของหลงเซี่ยวอวี่ “พวกเขา้าจับข้า”
เมื่อเอ่ยคำนั้นออกไป ทหารองครักษ์ต่างก็อ้าปากค้าง แต่พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันที
ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขารอนานถึงเพียงนี้ แต่พวกเขากลับไม่เห็นฉีอ๋องทำอะไรกับหญิงสาวในอ้อมแขนเลย
ปรากฏว่าฉีหวางเฟยไม่ได้มองหาความตาย อีกทั้งนางก็ไม่ได้กล้าหาญ แต่นางกลับได้รับการปกป้องจากฉีอ๋อง เนื่องจากได้รับความคุ้มครองจากฉีอ๋อง นั่นเป็เหตุผลที่นางสามารถกระทำการได้อย่างกล้าได้กล้าเสีย!
ส่วนเหตุผลที่พวกเขาเข้าใจเื่นี้ได้ในทันใด ไม่ใช่แค่เพราะคำพูดของฉีหวางเฟยเท่านั้น แต่ยังเป็เพราะฉีอ๋องยังไม่ยอมปล่อยหญิงสาวที่ทำตัวอ่อนนุ่มอยู่ในอ้อมแขนมาเป็เวลานาน รวมถึงการกระทำต่อไปของฉีอ๋องยิ่งเน้นย้ำแน่ชัด
เห็นได้ว่าหลงเซี่ยวอวี่ยื่นมือออกมาโอบเอวเรียวของมู่จื่อหลิงอย่างเป็ธรรมชาติ ดูเหมือนจะให้ความร่วมมือ ทั้งยังพูดอย่างจริงจังว่า “เด็กดี มีเปิ่นหวางอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเ้าหรอก”
นิ้วเรียวลูบผมดำนุ่มของนางเป็จังหวะ การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนราวกับว่ากำลังดูแลสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไทเฮายังคงกระทำการต่อไปอย่างสิ้นหวัง กรีดร้องไม่ต่างจากหญิงชราผู้บ้าคลั่ง
“พวกเ้ายังไม่ลงมืออีก...”
“พวกเ้า พวกเ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่งของอายเจีย”
“กลับกัน กลับกัน...กลับทำเช่นนี้”
ครู่หนึ่ง ทหารองครักษ์หลายคนต่างก้มหน้าจับจ้องเพียงจมูกของตนอย่างตั้งใจ [2] กลั้นหายใจ ทำราวกับเป็คนหูหนวก ไม่ได้ยินเสียงไทเฮาที่ร้องะโใส่
ในขณะที่นางออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด ทหารองครักษ์หลายคนกลับยืนนิ่ง ทำให้ไทเฮารู้สึกเหมือนพระนางเป็ดั่งคนโง่ที่ร้องเพลงเพียงลำพัง [3]
ไทเฮาไม่รู้ว่าทหารองครักษ์เ่าั้ล้วนกลัวหลงเซี่ยวอวี่ไม่ต่างกัน
จึงยังคงออกคำสั่งอย่างไร้ประโยชน์ต่อไป!
ได้เห็นไทเฮาทรงหายใจเข้าออกถี่ๆ ชี้มู่จื่อหลิงด้วยมือที่มีรอยแดงม่วงของเส้นเื นางในยามนี้ราวกับคนที่กำลังร่อนแกลบ [4] ทั้งยังกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว “ฉีอ๋อง เ้าตามใจนางเช่นนี้ ตั้งใจให้นางทำตนไร้ระเบียบมากขึ้นหรือ?”
หลงเซี่ยวอวี่เหลือบมองไทเฮาอย่างไม่แยแส ดวงตาสื่อความหมายว่ากำลังมองดูคนโง่เขลาอย่างตรงไปตรงมา ก่อนพูดอย่างเป็ธรรมชาติ “ฉีหวางเฟยเป็เช่นนี้ เปิ่นหวางย่อมต้องตามใจนางเป็ธรรมดา”
เขาไม่เพียงแต่เอาใจนางจนเกินขอบเขต แต่เขายังทำให้นางเสียนิสัยจนไม่สนใจกฎใดๆ
แน่นอนว่าหลงเซี่ยวอวี่กำลังคิดถึงคำพูดเหล่านี้อยู่เพียงในใจ ด้วยเขาเกรงว่าจะทำให้หญิงตัวเล็กในอ้อมแขนตื่นใ
ทหารองครักษ์หลายคนรู้สึกยุ่งเหยิงราวกับอยู่ท่ามกลางสายลม
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ สามารถชักจูงฉีอ๋องได้ นี่เป็วิธีที่...ช่างเป็เกียรติยิ่งนัก ช่างน่าอิจฉาเสียจริง
ในเวลาเดียวกัน เหล่าทหารองครักษ์ก็แอบดีใจที่เมื่อครู่นี้ฉีหวางเฟยทรงประทับบนร่างของฉีอ๋อง โชคดีที่พวกเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของไทเฮาที่ให้จับกุมคนด้วยกำลัง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกลายเป็ภาพนองเื
คนหาใช่ต้นหญ้าตอไม้ จะไร้รักได้อย่างไร [5]? เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หัวใจของมู่จื่อหลิงเกิดเป็ระลอกคลื่นเล็กๆ
นางรู้ว่าหลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้พูดเช่นนี้เพื่อตอบโต้ไทเฮา แต่เขากำลังเอาอกเอาใจนางอย่างแท้จริง
ไม่เช่นนั้น ในขณะที่นางยั่วยุเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังทำให้เขาขุ่นเคือง หากเป็คนอื่น นางคงตายไปนานแล้ว
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้นางมีความกล้าที่จะกลั่นแกล้งไทเฮาอีกครั้งหลังจากที่ฮ่องเต้เหวินอิ้นจากไป ไทเฮาทรงะโโลดเต้น แต่ในยามที่มู่จื่อหลิงอยู่ในอ้อมแขนของหลงเซี่ยวอวี่ หัวใจของนางกลับสงบ นางสบายใจอย่างยิ่ง
ไทเฮาคาดไม่ถึงว่าหลงเซี่ยวอวี่จะพูดเช่นนี้ หากเป็เช่นนี้ การที่นางจะจัดการกับมู่จื่อหลิงจะยิ่งยากขึ้นไม่ใช่หรือ?
ยามค้นพบสิ่งนี้ ไทเฮาทรงพิโรธ ใบหน้าของนางแดงก่ำ นางเอ่ยเย้ยหยันอย่างเ็า “ฉีหวางเฟย? เ้ามีคุณสมบัติใดบ้างที่เหมาะกับการเป็ฉีหวางเฟย? แค่สิ่งนี้...”
ในยามนี้ไทเฮาทรงลืมเสียสิ้นว่าฉีหวางเฟยที่นางกำลังตรัสถึงผู้นี้ถูกวางแผนอย่างรอบคอบ และส่วนหนึ่งที่ได้รับเลือกก็มาจากนางเอง
แต่สีหน้าของไทเฮาก็เปลี่ยนไปอย่างมากทันที ก่อนที่นางจะทันได้กล่าวจบ ร่างกายของนางก็แข็งทื่อไปหมด คำพูดที่มาถึงปากติดอยู่ที่คอ นางไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแม้เพียงครึ่งคำด้วยความตกตะลึง
นั่นเป็เพราะ……
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ปลาในบ่อจะพลอยติดร่างแหไปด้วย (殃及池鱼) เป็สำนวน มีความหมายว่า ซวยไปด้วย มีเหตุให้ต้องเดือดร้อนจากคนอื่น ส่วนมากจะใช้คู่กับอีกสำนวนเป็ 神仙打架,殃及池鱼 แปลว่า เทพเซียนตีกัน ซวยไปถึงปลาในบ่อ
[2] ก้มหน้าจับจ้องเพียงจมูกของตนอย่างตั้งใจ (眼观鼻鼻观心) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า ก้มหน้านิ่งเพราะความลำบากใจ หรือ รู้สึกละอายใจ
[3] คนโง่ที่ร้องเพลงเพียงลำพัง (唱独角戏的傻子) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า คนที่พูดกับตัวเองตลอดไม่ต่างจากคนบ้า หรือทุ่มเทฝ่ายเดียว
[4] ร่อนแกลบ (筛糠) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า ร่างกายสั่นสะท้าน
[5] คนหาใช่ต้นหญ้าตอไม้ จะไร้รักได้อย่างไร (人非草木,孰能无情) เป็สำนวน มีความหมายว่า เกิดเป็คนย่อมมีอารมณ์ความรู้สึก ไม่อาจไร้ความรู้สึกได้แม้จะทำตัวแข็งทื่อเพียงใดก็ตาม