อาหารเช้านี้ค่อนข้างหม่นหมองสำหรับฉินเฟิงหลังกินเสร็จแล้ว ฉินหวง หานอิ๋งอิ๋ง และฉินเฟิงก็ออกไปด้วยกันก่อนที่ฉินเฟิงจะนำรถจักรยาน 28 นิ้ว ด้อยค่าออกมา ฉินหวงจ้องเขาและบอก“ฉินเฟิง ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป พ่ออยากให้ลูกใช้ชีวิตธรรมดาพ่อจะยึดของของลูกทั้งหมด ในฐานะพนักงานขายที่ดี พ่ออยากให้ลูกขึ้นรถเมล์ทุกวัน”
ฉินหวงนึกว่าฉินเฟิงจะเอาลัมโบร์กินีแบทโมบิลขับไปทำงานมันอาจจะทำให้ทุกคนในบริษัทใ ถ้าพนักงานขายตัวเล็กๆขับลัมโบร์กินีราคาห้าล้านไปทำงาน ตัวตนของเขาก็จะโดนเปิดเผยในทันที
ฉินเฟิงยิ้มหลังจากได้จักรยาน 28 นิ้วมาเขาก็ไม่ได้ขับแบทโมบิลอีกเลย เขาตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่ต้องห่วงฮะพ่อผมไม่ขับรถซังกะบ๊วยนั่นอีกแล้ว”
“คิกๆ อาฉินคะ วันนี้เป็วันแรกของการทำงาน ถ้าฉินเฟิงขึ้นรถเมล์เขาอาจจะไปสายก็ได้ ให้เขาขึ้นรถกับเราวันนี้เป็อย่างไรคะ?” หลังจากเห็นฉินเฟิงที่ดูไม่มีความสุขขนาดไหน เธอก็ยิ้มและพูดออกมา
ฉินเฟิงโบกมือ“ไม่จำเป็ เราพนักงานขายจะนั่งเมอร์เซเดส-เบนซ์มันก็ไม่ถูก ผมมีรถของตัวเองแล้วจักรยานรุ่นเก่าแต่เก๋ากับไซส์ยาง 28 นิ้วพ่อต้องยอมให้ผมขับคันนี้แน่ ใช่ไหม?”
ฉินเฟิงเข็นจักรยาน28นิ้ว ของเขาออกมาและเหมือนกับแสงแดดยามเช้าได้ตกกระทบฉินเฟิงและจักรยานของเขาทั้งหานอิ๋งอิ๋งและฉินหวงตะลึงทันที
นายน้อยฉิน? ขี่จักรยาน 28 นิ้ว?
นี่เป็เื่ที่ไม่คาดคิดอย่างมาก
ทันใดนั้นฉินหวงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ดีมากๆ นั่นมันก็เหมาะกับพนักงานขายมากกว่าแถมใช้ตอนไปทำธุระอื่นอีกได้อย่างสะดวกสบาย ในเมื่อลูกมีรถแล้วอิ๋งอิ๋งกับพ่อจะออกไปก่อน เมื่อลูกมาถึงแล้วก็ไปรายงานตัวกับหัวหน้าหลี่ของแผนกการขายก็แล้วกัน”
ฉินหวงยิ้มขณะที่เชิญหานอิ๋งอิ๋งขึ้นรถเมอร์เซเดส-เบนซ์และคนขับรถก็รีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงขี่จักรยาน28นิ้ว ไปหวงเจียกรุ๊ปเพื่อฝึกร่างกาย เมื่อขี่ไปครึ่งทางเขาก็ตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเล่นเกมและจีบหญิงเขาไม่เคยไปบริษัทของพ่อมาก่อน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน
ด้วยความขุ่นมัวฉินเฟิงถามคนตามท้องถนนเพื่อบอกทางโชคดีที่คนส่วนใหญ่รู้ว่าหวงเจียกรุ๊ปอยู่ที่ไหน ดังนั้นหลังจากที่ตระเวนถามไปรอบๆแล้ว ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ามันอยู่ไหน และบังเอิญหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์สาย 9 พอดี
“เฮ้ รอก่อน! คุณคนขับ ได้โปรดรอฉันก่อนค่า!”ฉินเฟิงที่ผ่านมาได้หยุดอยู่ตรงป้ายรถเมล์พอดีและเห็นสาวน้อยใส่ชุดออฟฟิศกำลังไล่ตามรถเมล์สาย 9
รถเมล์คันนี้แน่นไปด้วยผู้คนอย่างชัดเจนและไม่มีพื้นที่เหลือแม้แต่จะให้ยืน คนขับจึงโผล่หัวออกมาจากหน้าต่างและตอบ “โทษนะแต่รถมันเต็มแล้ว รอคันอื่นก็แล้วกัน”
หลังจากที่เธอได้ยินดังนั้นสาวน้อยก็หยุดทันที ทันใดนั้นเมื่อฉินเฟิงผ่านเธอก็ได้เห็นสีหน้าหมดหวังบนใบหน้าของเธอ
เธอเป็สาวน้อยที่ค่อนข้างสวยพร้อมกับผิวเรียบเนียนรวมถึงให้บรรยากาศสุภาพอ่อนโยน เธอใส่ชุดออฟฟิศที่ดูคล้ายกับหานอิ๋งอิ๋งแต่รูปร่างของเธอไม่ได้สุกงอมเหมือนหานอิ๋งอิ๋ง แต่ให้บรรยากาศเด็กๆ แทน
เธอมีผมสีดำสนิทและมัดเป็หางม้า2ข้าง และหลังจากที่ไล่ตามรถเมล์ ก็มีเหงื่อไหลตรงหน้าผากเส้นผมไม่กี่เส้นแนบติดไปทั่ว ทำให้เธอดูค่อนข้างมีเสน่ห์ภายใต้แสงอาทิตย์
เมื่อฉินเฟิงได้เห็นสาวน้อยคนนี้งานอดิเรกแย่ๆ ก็กลับมาอีกครั้ง เขาจอดจักรยาน 28 นิ้วข้างสาวน้อยและพูดว่า “ผมกำลังจะไปหวงเจียกรุ๊ป ถ้าเป็ทางเดียวกันผมไปส่งคุณฟรีได้นะครับ”
สาวน้อยคนนี้ชื่อสวี่รั่วโหรวเธอเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยและเพิ่งตกลงเข้าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเว่ยเฉิงหวงเจียกรุ๊ป และเมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง เธอรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเธอมองดูเวลาและพบว่ากำลังจะสายแล้ว
เธอก้มหัวลงขณะที่ขนตายาวของเธอกะพริบปริบๆมือของเธอกำชายเสื้อแน่นขณะที่ไม่กล้าตัดสินใจ อย่างไรก็ตามเมื่อคิดได้ว่าเธอเป็เด็กใหม่ และจะไปสายไม่ได้ เธอจึงกัดฟันและพยักหน้า
“งั้นฉันต้องรบกวนคุณแล้วค่ะ!”
“ไม่รบกวนเลยสักนิด!”
รอยยิ้มชั่วร้ายโผล่บนหน้าของฉินเฟิงขณะที่โอบแขนรอบเอวที่บางของสวี่รั่วโหรวและอุ้มเธอนั่งบนจักรยาน28นิ้ว ในขณะที่สวี่รั่วโหรวร้องออกมาด้วยความใฉินเฟิงก็ถีบจักรยานด้วยความคึกคะนอง
ระหว่างทางสวี่รั่วโหรวเป็พยานให้กับความเร็วระดับเทพของฉินเฟิงถ้าเธอไม่ได้ประสบด้วยตัวเธอเอง เธอคงไม่เชื่อว่าจักรยานจะวิ่งได้ไวกว่ารถเมล์ยิ่งกว่านั้น นี่เป็ความเร็วปกติที่ฉินเฟิงขี่อยู่เสมอทำให้เสียงสายลมเข้ามาในหูของเธอและกระโปรงก็เกือบจะปลิว
สวี่รั่วโหรวจับกระโปรงตลอดเวลาและนั่งข้างหน้าฉินเฟิงโดยไม่กล้าขยับฉินเฟิงใกล้กับเธอมาก และทุกการขยับก็จะทำให้ตัวของพวกเขาัักันทำให้สวี่รั่วโหรวรู้สึกเขินอายจนอยากจะะโลงจากจักรยาน
โชคดีที่ฉินเฟิงขี่ได้ไวมากในไม่ช้าทั้งคู่ก็ถึงหวงเจียกรุ๊ป เมื่อมองดูตึกสูงเสียดฟ้าที่ดูเหมือนจะทะลุเมฆ ฉินเฟิงก็ตระหนักได้ถึงความรวยของพ่อเขาไม่สงสัยเลยว่าเขาเป็ที่รู้จักในนามของบุคคลที่รวยที่สุดในเมืองเว่ยเฉิง
ในระหว่างทางฉินเฟิงได้ถามชื่อของสวี่รั่วโหรว ในขณะที่เขาหยุดจักรยานเขาพูดและกดใบหน้าของเขาแนบกับใบหน้าของเธอ “สวี่รั่วโหรว เราถึงแล้ว”
สวี่รั่วโหรวกระวนกระวายอย่างมากตลอดทางและไม่รู้ว่าถึงแล้วเมื่อรู้สึกรุ่มร้อนที่ใบหู ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำและตัวเริ่มชาเธอรีบะโออกจากจักรยานของฉินเฟิงทันที
อย่างไรก็ตามเพราะความกระวนกระวายของเธอ เธอเกือบจะล้มลงขณะที่ทำแบบนี้โชคดีที่ฉินเฟิงตอบสนองได้ไวและคว้าเธอไว้ในอ้อมแขน
ทว่าที่ที่เขาจับมันค่อนข้างพิเศษมันทั้งนุ่มและเด้งดึ๋ง ฉินเฟิงรู้ทันทีว่าเขาจับถูกอะไรโดยไม่ต้องคิด
“อ๊าย...ฉินเฟิงคะ มันเจ็บ ปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ?” สวี่รั่วโหรวสะดุ้งใขณะที่ขมวดคิ้ว
เธอเป็คนค่อนข้างเก็บตัวทั้งอ่อนโยนและขี้อาย แม้ว่าเธอจะเป็หนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดในมหาวิทยาลัยของเธอแต่เธอก็ไม่มีความกล้าจะคบกับใคร อย่าว่าแต่หน้าอกของเธอเลยจนถึงตอนนี้เธอก็ไม่เคยถูกผู้ชายััตัวมาก่อนด้วยเหตุนี้เธอจึงตอบสนองเหมือนกับกวางน้อยขี้ใ
สวี่รั่วโหรวเป็คนที่ไม่ชินกับการขัดขืนไม่สามารถโกรธและเรียกร้องฉินเฟิงให้ปล่อยได้
ฉินเฟิงเบิกบานใจขึ้นมานิดหน่อยสวี่รั่วโหรวคนนี้เอาเปรียบได้ง่ายมาก แม้จะจับหน้าอกของเธออยู่เธอก็เป็คนร้องขอให้เขาปล่อย ฉินเฟิงรู้สึกอกุศล และบีบมันทีหนึ่งก่อนจะปล่อยไป
“อื้ม...” สวี่รั่วโหรวครางออกมาเบาๆ ขณะที่หน้าของเธอแดงเป็ลูกตำลึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้