เมื่ออาจิ่วยืนตัวตรง แสงสีแดงและสีทองก็เปล่งรัศมีออกมาจากค่ายกลใหญ่อวี๋เคอประหลาดใจที่พบว่าปราณิญญาในอากาศล้วนไหลเข้าสู่ร่างกายของอาจิ่วที่อยู่ในตาค่ายกลเป็อย่างที่หลิงกวงพูดเอาไว้จริงๆ
ในใจของเขาสงบขึ้นเล็กน้อยโดยที่สายตาไม่คลาดจากค่ายกลใหญ่ ภาพที่เห็นตรงหน้าคืออาจิ่วที่กลายร่างเป็ร่างเดิมแหงนหน้าร้องเสียงนกผงาดขึ้นฟ้าจากนั้นก็กลืนหญ้าแปลงกายลงไป ดวงตาสีแดงฉายแววดูิ่ฟ้าดินอยู่ภายในเล็กน้อย
ทันใดนั้นอาจิ่วที่กลืนหญ้าแปลงกายลงไปก็พลันเกิดปราณไฟลุกโชนขึ้นท้องฟ้าที่ขาวราวกับถูกชะล้างเมื่อครู่กลับถูกเมฆหนาครึ้มปกคลุมอย่างรวดเร็วภายในชั้นเมฆหนาทึบมีประกายไฟแลบผ่านออกมาอยู่เนืองๆ เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด
สายลมในพงไพรพัดโชยโหยหวน ครั้นใบไม้ใน่ปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ร่วงหล่นลงมาจนเกือบจะหมดอยู่แล้วตอนนี้ใบไม้ทั้งหมดจึงได้ถูกกระแสลมแรงนี้พัดหายไปจนหมดสิ้นไม่นานพายุทรายก็สาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า เกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอันน่ากลัวทำให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นจิตใจของอวี๋เคอก็ตึงเครียดไปตามการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสภาพอากาศในทันทีแม้แต่หลิงกวงและชิงเหยาที่ผ่านทัณฑ์สายฟ้ามาแล้วก็มิอาจวางใจอาจิ่วได้ในตอนนี้เช่นกันหัวใจดวงหนึ่งแขวนอยู่บนร่างของอาจิ่ว แต่พวกเขาทำได้เพียงมองดูอยู่ด้านข้างเท่านั้นไม่สามารถส่งเสียงได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้อาจิ่วฟุ้งซ่าน
เมฆดำบนท้องฟ้าซ้อนทับกันเป็ชั้นหนาทึบจนถูกย้อมไปด้วยสีดำทะมึนในที่สุด สายฟ้าที่แลบซึ่งลอยวนอยู่ในนั้นเริ่มโหมกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่สายฟ้าแลบเป็ประกายออกมาจะสาดแสงสีขาวเจิดจ้าลงเป็วงกว้างระหว่างท้องฟ้ากับผืนดิน
ขณะเดียวกันความเร็วของปราณิญญาฟ้าดินอันพลุ่งพล่านที่พุ่งเข้าใส่ร่างของอาจิ่วก็เพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆและพลังของหญ้าแปลงกายก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของอาจิ่วอย่างรวดเร็วอาจิ่วรู้สึกเพียงว่าทั่วทั้งร่างกำลังจะะเิออกเป็เสี่ยงๆ พลังที่ขยายตัวกระทบกับเส้นลมปราณของเขาอย่างต่อเนื่องแต่เขาไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย และรวบรวมพลังนี้ให้กับพลังของตัวเองอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดแม้แต่ปราณไฟแห่งชีวิตก็ลุกโชนออกมา แผดเผาไปทั่วร่างกายอย่างต่อเนื่องจนทำให้อากาศเดือดพล่าน
เขาต้องทำสำเร็จให้ได้!
“แหงก——” อาจิ่วแหงนหน้ากู่ร้องขึ้นฟ้าอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างที่มีสีแดงราวกับทับทิมมองตรงไปยังชั้นเมฆทมิฬราวกับเป็การยั่วยุวิถีแห่ง์
ตามมาด้วยเสียงร้องแหลมสูงของเขาสายฟ้า์สายแรกจึงสาดลงมาตอบรับ พร้อมกับพลังอันไร้ที่เปรียบลงมายังค่ายกล เหมือนกับจะผ่าอาจิ่วผู้น่าเกรงขามที่บังอาจท้าทายเขาให้กลายเป็เถ้าถ่าน!
หัวใจของอวี๋เคอเต้นเร็วขึ้นตามเสียงฟ้าผ่าที่ดังกึกก้องในทันทีแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวด้วยความทนไม่ไหวทว่ากลับถูกหลิงกวงที่อยู่ด้านข้างดึงเอาไว้ เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าสีหน้าของหลิงกวงดูผ่อนคลายกว่าตนเองมาก เขาส่ายหัว และกล่าวว่า
“เ้าอย่าเข้าไปกล้ำกรายระดับเท่านี้อาจิ่วรับมือได้”
อวี๋เคอดึงฝ่าเท้ากลับมา และรู้สึกว่าตัวเองดูถูกอาจิ่วมากเกินไปอย่างช่วยไม่ได้ตนมองว่าเขาเป็เด็กน้อยมานานจนลืมไปว่าเขาเป็ถึงผู้มีพร์แห่งเผ่าหงส์เพลิงที่บำเพ็ญตบะมาหลายร้อยปีแล้วเหตุใดแม้กระทั่งสายฟ้า์สายแรกจะทนไม่ได้กัน?
แล้วก็เป็ไปตามที่หลิงกวงกล่าว ด้วยพลังของอาจิ่วนั้นสามารถรับมือกับสายฟ้า์สายแรกนี้ได้อย่างเหลือเฟือเมื่ออวี๋เคอเพ่งมองไป ก็เห็นเขม่าควันลอยออกสู่ด้านนอกตาค่ายกลที่อาจิ่วอยู่แต่กลับถูกสายฟ้า์เมื่อครู่ผ่าตรงลงมาจนเป็หลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่งแต่ไม่ว่าจะเป็อาจิ่วที่อยู่ในค่ายกลหรือค่ายกลสีแดงทองก็ล้วนไม่ได้รับาเ็หรือเสียหายแม้แต่น้อย
อาจิ่วรู้สึกเพียงว่าสายฟ้า์เมื่อครู่นั้นทำให้ตัวเองรู้สึกคันยุบยิบทั้งยังช่วยตัวเองได้อีกด้วย สายฟ้า์ที่สาดลงมาได้ผ่าลงบนร่างของเขาจนทำให้ร่างกายที่ใกล้จะะเิเพราะพลังปราณที่โหมซัดของเขาทุเลาลงได้พอดีพลังจากหญ้าแปลงกายและปราณิญญาฟ้าดินที่รวมตัวอยู่ในค่ายกลใหญ่ต่างถูกเขาดูดซับเข้าไปบางส่วนทำให้พลังบำเพ็ญเพียรเพิ่มระดับขึ้น
รู้สึกยินดีในใจแล้วความมั่นใจในตนเองก็เพิ่มมากขึ้น อาจิ่วสยายปีกสีแดงเพลิงต้อนรับสายฟ้า์ที่กำลังจะผ่าลงมาอย่างปลดปล่อยเมื่อเห็นท่าทางภาคภูมิใจเช่นนี้ของเขาอวี๋เคอที่เพิ่งจะวางใจไปได้ไม่ทันไรก็เค้นเสียงในลำคอขึ้นมาอีกแต่ก็กลัวว่าเขาจะฟุ้งซ่านจึงยังด่าเขาไม่ได้...
ภายในเมฆทมิฬดูราวกับมีใครบางคนกำลังซ่อนเร้นอยู่ในนั้นจริงๆเหมือนกับเขามองลงมาเห็นท่าทางดูถูกของอาจิ่วพลังสายฟ้า์สายที่สองและสายที่สามต่อจากนี้จึงแข็งแกร่งกว่าสายแรกหลายเท่าผ่าตรงลงมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ให้เวลาอาจิ่วได้พักหายใจ เมื่อสายหนึ่งผ่าลงมาอีกสายหนึ่งก็ผ่าตามกันมาติดๆ หลิงกวงและชิงเหยาที่มองอยู่ต่างก็ขมวดคิ้วจนแน่น
แสงสีขาวแสบตากลืนร่างของอาจิ่วเข้าไปในทันทีเมื่อสายฟ้า์สามสายผ่านไปแล้ว จึงได้มองเข้าไปอีกครั้ง และได้เห็นว่าสีของค่ายกลใหญ่สีแดงทองจางลงไปหลายเท่าแม้จะยังคงโคจรดูดซับปราณิญญาจากฟ้าดินอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่ได้รวดเร็วเหมือนตอนแรกเริ่มแล้ว
สภาพของอาจิ่วตอนนี้ดูน่าอนาถเล็กน้อยบนแผ่นหลังมีาแจากการถูกสายฟ้า์เผาจนไหม้เกรียมอยู่หลายจุด รอยแหว่งเล็กๆทำให้ดูอัปลักษณ์ขึ้นหลายเท่าในทันใดแต่ดูจากข้างในแววตาแล้วกลับไม่มีความสะทกสะท้านแต่อย่างใดยังคงเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาสดใส ไม่นับว่าเป็เื่ใหญ่อะไรด้วยซ้ำ
ทัณฑ์สายฟ้าของการแปลงกายมีด้วยกันเก้าขั้นโดยสามขั้นจะเท่ากับหนึ่ง่ และจะหยุดพักไปเล็กน้อย แต่หลังจาก่เวลาที่หยุดนี้ทัณฑ์สายฟ้า่ที่สองก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมาก หากประมาทเพียงเล็กน้อยความทุ่มเทที่ทำมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า
อาจิ่วยอมเสียเปรียบไปก่อนแล้วครั้งนี้จึงไม่กล้าชะล่าใจอีกต่อไป แววตาเคร่งขรึมขึ้นแล้วพึมพำคาถาสะกดใจจากการฝึกบำเพ็ญตบะของเผ่าหงส์เพลิงอยู่ในใจจากนั้นก็โคจรปราณแห่งชีวิตเพื่อปกป้องร่างกายส่วนภายในร่างกายก็กลืนสลายพลังของหญ้าแปลงกายอย่างต่อเนื่องเปลี่ยนให้เป็พลังของตนเองอย่างรวดเร็ว
ลมกระโชกแรงพัดต้นไม้ในป่าจากทิศตะวันออกจนโอนเอนไปทางทิศตะวันตกพัดโหมกระทบกับด้านข้างูเา ก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้องคล้ายเสียงโหยหวนยิ่งเป็การทำให้บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น
ชั้นเมฆทมิฬบนท้องฟ้าเหนือค่ายกลใหญ่หนาทึบมากยิ่งขึ้นเมื่อสายฟ้าเส้นหนาและยาวหลายเส้นสว่างวาบผ่านไปจากนั้นสายฟ้า์สามสายก็ฟาดลงตามมาติดๆ อย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัวมีแรงทับซ้อนพุ่งเข้าใส่อาจิ่วโดยไม่คาดคิด!
หัวใจของอวี๋เคอบีบรัดกันแน่นฟันของเขาขบกรอดไปตามการผ่าลงมาของสายฟ้านี้โดยไม่รู้ตัว ดวงตาเบิกกว้างและจ้องเขม็งไปยังบริเวณตาค่ายกลที่ตลบคลุ้งไปด้วยฝุ่นผงเนื่องจากสายฟ้า์ที่ผ่าลงมาลืมแม้กระทั่งหายใจไปชั่วขณะ
เมฆดำถอนกำลัง และกลับมาสงบชั่วคราวฝุ่นหนาทึบที่ปกคลุมตัวอาจิ่วค่อยๆ กระจายตัวออกไปแล้วบางส่วน แต่ภาพเหตุการณ์ภายในหลุมขนาดใหญ่กลับทำให้อวี๋เคอหลิงกวง และคนอื่นๆ สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่
อาจิ่วฟุบหมอบอยู่ในหลุมดิน บนร่างถูกเผาเป็แผลอยู่หลายจุดแม้ว่าปราณไฟแห่งชีวิตจะยังคงปกป้องโอบล้อมร่างกายอยู่แต่ก็อ่อนกำลังราวกับจะดับลงในอีกไม่ช้า ค่ายกลใหญ่สละปราณิญญาแห่งฟ้าดินถ่ายส่งให้เขาอยู่ไม่ขาดสายทว่ากลับช่วยได้ไม่มากนัก
มือที่อยู่ข้างลำตัวของอวี๋เคอกำหมัดเข้าหากันแน่นขึ้นตอนนี้เขาอยากจะเข้าไปทนรับสายฟ้า์เหล่านี้แทนอาจิ่วแทบขาดใจเมื่อได้เห็นอาจิ่วเ็ปเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเ็ปใจจนหดหู่ขอบตาเริ่มแสบร้อนขึ้นมา
“อย่าหุนหันพลันแล่นหากอาจิ่วข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าโดยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนนอก ก็อาจจะทำร้ายเขาได้เมื่อถึงตอนนั้น การประณามจาก์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะรับมือได้”
หลิงกวงที่เห็นสถานการณ์ทั้งหมดของอาจิ่วอยู่ในสายตาก็รู้สึกร้อนใจและปวดใจจนทนไม่ไหว แต่พอคิดว่าเมื่อตนเองลงมือก็เกรงว่าจะเป็การทำร้ายอาจิ่วจึงได้แต่ฝืนทนเอาไว้อดที่จะกอดชิงเหยาที่อยู่ข้างๆ จนแน่นไม่ได้ แล้วเอ่ยห้ามปรามอวี๋เคอที่คิดจะลงมือ
ร่างกายของอาจิ่วในตอนนี้เรียกได้ว่าสะบักสะบอมมากพลังในร่างปั่นป่วนตีกันยุ่งเหยิง ทำให้เขาที่อยากฟื้นฟูพลังแต่ก็ไม่เป็ผล ราวกับค่ายกลใหญ่รู้สึกได้ถึงสภาพร่างกายของเขาขอบของพลังชั้นหนึ่งจึงค่อยๆ ลอยขึ้นมาสุดท้ายก็หลอมรวมกันอยู่ในตาค่ายกลบริเวณเหนือศีรษะของอาจิ่วก่อตัวกันเป็โล่ป้องกันสีแดงทองเพื่อ้าช่วยอาจิ่วต้านทานทัณฑ์สายฟ้าที่กำลังผ่าตามลงมา
เมื่ออวี๋เคอเห็นโล่ป้องกันที่หลิงกวงเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นมาหัวคิ้วจึงได้คลายจากกันเล็กน้อย แต่ความกังวลในแววตากลับไม่ได้หายไปเลยแม้แต่น้อยเขากลัวว่าสายฟ้า์สามสายสุดท้ายนี้จะคร่าชีวิตของอาจิ่วไปจริงๆอวี๋เคอแอบลอบรวบรวมพลังปราณในร่างกาย ถ่ายเทไปยังกลางฝ่ามือ เพื่อเตรียมการไว้หากอาจิ่วต้านทานไม่ไหวจริงๆเขาคงต้องแบกรับการประณามแห่ง์ไว้เพื่อไปช่วยเขา!
หลังจากนั้นไม่นาน ชั้นเมฆสีดำมืดก็เริ่มปะทุแปรปรวนขึ้นอีกครั้งทันใดนั้นแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้น สายฟ้า์สายที่เจ็ดกระแทกเข้ากับโล่ป้องกันเสียงดังเปรี้ยงถูกโล่แสงลดทอนพลังไปแปดส่วน ที่เหลือเพียงสองส่วนก็โจมตีเข้าใส่ร่างอาจิ่ว ทำให้ร่างของอีกฝ่ายสั่นสะท้านแต่ก็ต้านทานเอาไว้ได้
และยังคงไม่มีเวลาให้พักหายใจเหมือนเคยสายฟ้า์สายที่แปดก็ฟาดลงมาในทันที พุ่งเข้าใส่ร่างของอาจิ่ว จนปราณไฟแห่งชีวิตที่ลุกไหม้อย่างริบหรี่อยู่รอบกายของอาจิ่วดับสลายไปทันที!
“อาจิ่ว! ”
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ทั้งสามคนร้องะโออกมาเส้นเสียงดังขึ้นอย่างฉับพลัน หัวใจบีบรัดจนจุกแน่นไปถึงลำคอ
แต่ดูเหมือนสายฟ้า์คาดหวังว่าอวี๋เคอและคนอื่นๆจะมีการเคลื่อนไหว สายฟ้า์สายที่เก้าจึงโจมตีลงมาอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุดรวดเร็วกว่าใจคิดทันใดนั้นใต้ดินโคลนของหลุมขนาดใหญ่ที่อาจิ่วอยู่ก็มีแสงสีเขียวเส้นหนึ่งสว่างวาบขึ้นไม่รีรอให้อวี๋เคอและคนอื่นๆ ได้ตอบสนองอันใด สายฟ้า์ก็ฟาดลงมาแล้วซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ เพราะสายฟ้าในครั้งนี้สว่างเจิดจ้าจนแสบตาและยังเป็เช่นนั้นไม่จางหาย
เมฆทมิฬบนท้องฟ้าค่อยๆกระจายตัวไปตามสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างสุดแรง และสายลมที่พัดกระโชกแรงอันโหยหวนก็อ่อนกำลังตามลงไปเช่นกันจนดินแดนผืนนี้หวนคืนความสงบเหมือนคราแรกอีกครั้ง
“อาจิ่วยังมีชีวิตอยู่! ” ชิงเหยาร้องเสียงหลง สีหน้าไม่ได้เ็าเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปขอบตาในตอนนี้แดงก่ำราวกับกำลังจะร่ำไห้ออกมา
หลิงกวงเองก็พยักหน้าเช่นกัน พร้อมกับโอบกอดชิงเหยาเอาไว้แล้วตอบด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า “ใช่ ข้าเองก็รู้สึกได้เช่นกัน ว่าลมหายใจของอาจิ่วแข็งแกร่งขึ้นทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย การแปลงกายน่าจะสัมฤทธิผลแล้ว”
เมื่ออวี๋เคอได้ยินคำพูดเหล่านี้ หินในใจของเขาจึงได้ตกลงสู่พื้นเมื่อผ่อนคลายลงก็พบว่าหน้าผากและกลางฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นชื้นครั้งนี้นับว่าถูกทำให้หวาดกลัวจริงๆ
หากอาจิ่วประสบเคราะห์อันไม่คาดคิดอะไรขึ้นมาจริงๆเขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเป็อันขาด
แสงสีขาวจางหายไปอย่างเชื่องช้าจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากภายใน ทันใดนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของทั้งสามคน
บนร่างถูกสวมคลุมด้วยชุดสีแดงบริเวณหว่างคิ้วมีลวดลายเปลวเพลิงสีแดงเหมือนกับหลิงกวงทุกประการมันยิ่งขับเน้นให้ผิวดูขาวผ่องขึ้นไปอีก คิ้วทั้งสองข้างเรียงสวยงดงามดวงตากลมโตบ้องแบ๊ว จมูกเล็กเชิดรั้น และริมฝีปากมีสีชมพูอ่อน
ริมฝีปากสีแดงกับฟันสีขาวดูราวกับสตรีนางหนึ่ง
เด็กหนุ่มมองตัวเองขึ้นลงซ้ายขวาอยู่หนึ่งรอบแล้วเดินไปตรงหน้าของอวี๋เคอ เอื้อมมือขึ้นวางขนาบกับศีรษะของตนเองเมื่อเปรียบเทียบความสูงระหว่างตนเองกับอวี๋เคอแล้ว หางตาก็พลันตกลง พร้อมกับเบ้ปากกล่าวว่า
“นายท่าน! ทำไมเป็เช่นนี้? ทำไมข้าสูงถึงแค่หน้าอกของท่านเล่า??? ”
“อ๊า อ๊า อ๊า!!! ข้าโมโหมาก!!! ”
อวี๋เคอเห็นว่าหน้าตาเช่นนี้ของเขาไม่ได้ต่างไปจากที่ตนเองจินตนาการไว้มากนักยิ่งรู้สึกว่าเขาน่ารักมากขึ้น จึงเอื้อมมือไปลูบผมยาวนุ่มของอาจิ่วแล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า
“เ้าเด็กคนนี้เพิ่งจะรอดตายมาหมาดๆยังจะมีเวลาว่างมาสนใจเื่ไร้สาระพวกนี้อีก ตัวเตี้ยก็เตี้ยไปสิอีกหน่อยเดี๋ยวก็โตขึ้น”
“อาจิ่ว มานี่เร็วเข้ามาให้ปู่กับย่าดูหน่อยสิ อย่ามัวแต่ไปตามตอแยอวี๋เคอนักเลยเมื่อครู่ย่าเ้าเป็ห่วงเ้าจนเกือบจะร้องไห้ออกมาเลยนะ”
เมื่อชิงเหยาได้ยินหลิงกวงพูดเช่นนี้ใบหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย แล้วถลึงตามองเขาไปหนึ่งที
เมื่ออาจิ่วได้ยินว่าชิงเหยาเป็ห่วงเขาจนเกือบจะร้องไห้ออกมาก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ เขาเกาหัวแกรกๆ พลางเดินเข้าไปหาแล้วกล่าวด้วยความรู้สึกผิดว่า “การทำให้ท่านปู่กับท่านย่าเป็ห่วงนี่ก็ทำให้ข้าออกมาได้อย่างปลอดภัยมิใช่หรือ? ไม่ใช่เื่ใหญ่เสียหน่อย”
หลิงกวงมองอาจิ่วที่แปลงกายจนมีหน้าตาเป็เด็กหนุ่มแก้มทั้งสองข้างนั้นดูกลมอิ่มเล็กน้อยช่างน่ารักเสียจริง อยากจะยื่นมือออกไปหยิกสักทีสองทีแต่มือที่ไม่อยากยื่นออกไปกลับหยุดอยู่กลางอากาศสายตาจับจ้องไปที่กระดูกไหปลาร้าของอาจิ่วที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมาสีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก แล้วรีบดึงคอเสื้อของอาจิ่วลงทันที จนได้เห็นว่าบนผิวบริเวณนั้นมีรูปัน้อยสีเขียวตัวหนึ่งสลักอยู่เสียนี่ดูมีชีวิตชีวาราวกับมีชีวิต
เห็นได้ชัดว่าชิงเหยาเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกันเมื่อมองตามสายตาของหลิงกวงไป ใบหน้าจึงแสดงความใอย่างที่ไม่อาจเก็บซ่อนได้
“ใครกัน? ใครอยู่ที่นี่?! ”
เส้นเสียงที่ห่อหุ้มด้วยพลังปราณของหลิงกวงดังไปไกลสิบลี้แต่กลับไม่มีการตอบรับ
“ท่านเทพหลิงกวงเกิดเื่อะไรขึ้นหรือขอรับ? ”
อาจิ่วทำอะไรไม่ถูก อวี๋เคอเองก็ทำหน้าเหลอหลาไม่รู้ว่าจู่ๆ หลิงกวงทำอย่างนี้ไปเพราะอะไร จึงรีบถามออกไป
หลิงกวงมีสีหน้าเคร่งขรึม มองตราัเขียวที่เสมือนจริงบนกระดูกไหปลาร้าของอาจิ่วแล้วกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า
“เมื่อครู่มีคนขวางทัณฑ์สายฟ้าแทนอาจิ่ว”