“ถ้าฟังไม่รู้เื่ก็ตัดทิ้งไปเลยแล้วกัน” ชย่าลิ่วอีพูดเยาะเย้ยอย่างเ็า
“ผมพูด ผมพูด ผมพูดแล้ว…” อันธพาลอีกคนร้องไห้เสียงดัง “ผม…”
จากนั้นเสียงของเขาก็หยุดลง ชย่าลิ่วอีมองตามสายตาของอันธพาลคนนั้นไป กระทั่งเห็นมีดสปริงจ่ออยู่ที่คอของเหอชูซาน เขาถูกผลักให้เดินเข้ามาใกล้
อันธพาลคนที่สามมีรูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าที่ดุร้าย เมื่อเทียบกันแล้ว เหอชูซานก็เหมือนกระต่ายผอมๆ ตัวหนึ่ง เขาถูกโอบไว้ในอ้อมแขนของอันธพาลคนนั้นอย่างแ่าแล้วพูดอย่างขมขื่นว่า “พี่ลิ่วอี ผมขอโทษ”
ชย่าลิ่วอีรู้สึกโมโหเขาไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองครั้ง แต่โมโหหลายต่อหลายครั้ง เขาคิดว่าตัวเองใจกว้างพอที่จะรองรับเรือได้ทั้งลำ แต่ก็ยังทนกับเื่นี้ไม่ได้อยู่ดี ชย่าลิ่วอีค่อยๆ ลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว เรียวขมวดคิ้วมุ่น
“ไอ้ขยะ” เขาพูดอย่างหงุดหงิด “ใครใช้ให้แกออกมา? ก่อเื่เองก็แก้เองสิ”
เหอชูซานพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็ผล เขาพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ผมแก้ไขไม่ได้”
“ถ้าแก้ไม่ได้ก็ตายไปซะ!” ชย่าลิ่วอีสบถพลางกระทืบขาลงบนเท้าของอันธพาลที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างแรง อันธพาลคนนั้นร้องโอดโอยด้วยความเ็ป
เหอชูซานเข้าใจความหมายที่ชย่าลิ่วอี้าจะสื่อ เขาเขย่งปลายเท้า เงยหน้าขึ้น และพยายามเบิกตากลมโตไร้เดียงสาของเขาให้กว้างเพื่อสื่อสารกับอันธพาลคนที่สาม “ลูกพี่ ผมขอคุยกับพี่หน่อย ผมกับเขาไม่สนิทกันหรอก พ่อของผมติดหนี้เขาอยู่แสนหนึ่ง เขาจับผมมาเพื่อใช้หนี้ พี่ดูเขาสิ ต่อให้พี่ฆ่าผม เขาก็ไม่สนใจหรอก…”
อันธพาลคนที่สามรู้สึกปวดหัวกับคำพูดของเหอชูซานจึงะโออกมาอย่างไม่พอใจ “หุบปากซะ ไอ้เวร!”
ตอนนั้นเองอันธพาลคนที่สามก็คลายแขนออก เหอชูซานจึงเลียนแบบชย่าลิ่วอี เหยียบเท้าของเขาอย่างแรง! ในขณะที่อันธพาละโด้วยความเ็ป เหอชูซานก็จับแขนของเขาแล้วโน้มตัวลงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เหอชูซานพยายามทุ่มอันธพาลร่างใหญ่ข้ามไหล่ แต่ไม่ค่อยสำเร็จเท่าไรนัก! ทั้งสองคนจึงล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกัน!
ทั้งคู่กลิ้งไปมาบนพื้น อันธพาลคนที่สามได้รับาเ็ที่ก้นระหว่างล้มลงแต่ก็ยังพยายามกดเหอชูซานไว้และพยายามแทงเขาด้วยมีด เหอชูซานที่ถูกกดอยู่ด้านล่างพยายามขยับแขนและฝ่ามืออย่างยากลำบากเพื่อปัดป้องมีดที่แทงเข้ามายังหน้าอกของเขา แม้ว่าจะสามารถป้องกันได้ แต่แขนของเขาก็ถูกมีดบาดจนมีเืไหลออกมา!
เหอชูซานอดไม่ได้ที่จะร้องด้วยความเ็ป อันธพาลคนที่สามกำลังจะลงมือฆ่าเขาอีกครั้ง แต่จู่ๆ มีดก็ถูกกระชากออกไปอย่างแรง!
ชย่าลิ่วอีพุ่งเข้ามาและคว้าคมมีดด้วยมือซ้ายของเขา เืสีแดงสดไหลทะลักอาบตามด้ามมีด! ท่ามกลางดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นด้วยความใของอันธพาลคนที่สาม เขาค่อยๆ ขยับมีดเล่มนั้นออกจากเหนือหัวของเหอชูซานทีละน้อยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในที่สุดเขาก็ดึงมีดออกมาจากมือของอันธพาลคนที่สามได้อย่างช้าๆ
มีดสั้นที่เปื้อนเืหล่นลงพื้นดังเคร้ง! อันธพาลคนที่สามหมอบอยู่บนพื้น เขายกมือที่เคยถือมีดขึ้นมามองอย่างงุนงง แล้วเงยหน้ามองชย่าลิ่วอีเหมือนเห็นผี ด้วยความหวาดกลัวทำให้เขาลืมที่จะคิดต่อต้านหรือขัดขืนใดๆ ทั้งสิ้น!
ภายใต้แสงสลัวของไฟถนน ดวงตาของชย่าลิ่วอีเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห เขาหัวเราะออกมาอย่างเ็าแล้วกำหมัดที่เปื้อนเืแน่น ก่อนจะปล่อยหมัดหนักๆ ใส่ใบหน้าอันธพาลคนที่สามอย่างจัง!
ในลานจอดรถที่ว่างเปล่ามีเสียง ‘ปัง!’ ดังสนั่นขึ้น!
หัวของอันธพาลคนที่สามจมอยู่กับพื้น ครึ่งหนึ่งของมันถูกฝังลงไปในดินและไม่มีเสียงใดๆ ดังลอดออกมา...
อันธพาลอีกสองคนที่เห็นชย่าลิ่วอีต่อยเพื่อนของพวกเขาจนสลบไปก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา พวกเขาลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีสุดชีวิต! หญิงตั้งครรภ์และสามีของเธอก็ใจนตัวสั่นและโผเข้ากอดกันกลม!
เสียงไซเรนของรถตำรวจสายตรวจดังขึ้นมาแต่ไกล ชย่าลิ่วอียังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาจับแขนของเหอชูซานขึ้นมาดูให้แน่ใจว่าแผลที่ได้เป็เพียงรอยขีดข่วนเล็กๆ จากนั้นเขาก็ดึงเหอชูซานให้ลุกขึ้นมาด้วยการจับคอเสื้อ ปัดฝุ่นออกจากตัวเขา แล้วผลักเขาไปด้านหลัง “ไป!”
เหอชูซานเชื่อฟังแล้ววิ่งไปยังรถเบนซ์ที่อยู่ไม่ไกล วิ่งไปได้สองสามก้าวก็พบว่าชย่าลิ่วอีไม่ได้ตามมา เขาหันกลับไปมองแล้วเห็นว่าชย่าลิ่วอีเดินกลับไปหาหญิงตั้งครรภ์คนนั้น
ชย่าลิ่วอีก้มลงหยิบกระเป๋าสตางค์ของหญิงตั้งครรภ์ขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็หยิบบัตรประจำตัวประชาชนออกมาจากข้างใน
ชย่าลิ่วอีก้มลงมองชื่อบนบัตรประชาชนของเธอแล้วพูดอย่างเ็า “คุณชื่อตู้เหม่ยอี๋ใช่ไหม? คุณไม่รู้ว่าใครช่วยคุณไว้ แล้วก็ไม่ได้เห็นหน้าผมชัดๆ เข้าใจไหม?”
หญิงตั้งครรภ์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอซีดเผือด เธอกอดสามีของเธอแน่น
ชย่าลิ่วอีโยนบัตรประชาชนคืนให้เธอ แล้วหันหลังเดินกลับไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
รถเบนซ์ขับผ่านรถตำรวจไปอย่างไม่ใส่ใจ เขาเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็กๆ สองสามซอย ก่อนจะกลับออกมาสู่ถนนใหญ่
“พี่ลิ่วอี มือพี่!” เหอชูซานพูดด้วยใบหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นเืหยดลงบนพวงมาลัยรถ
“เสียงดังทำไม” ชย่าลิ่วอีขมวดคิ้ว “ในลิ้นชักมีกล่องยา”
เหอชูซานหยิบกล่องยาออกมา “หาที่จอดรถก่อนเถอะพี่ลิ่วอี ห้ามขอเืให้พี่ก่อน”
“เดี๋ยว! ยังไม่ถึงที่” ชย่าลิ่วอีพูดอย่างหงุดหงิด “จัดการตัวเองก่อน!”
แผลที่แขนของเหอชูซานดูเหมือนจะยาว แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรร้ายแรง แค่เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อก็เพียงพอแล้ว ชย่าลิ่วอีขับรถต่อไปอีกหลาย่ตึกตามคำเร่งของเหอชูซาน ก่อนจะจอดรถข้างทาง
เหอชูซานรีบห้ามเืและพันผ้าพันแผลที่ฝ่ามือของชย่าลิ่วอี ชย่าลิ่วอีเห็นเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาบนปลายจมูกของเหอชูซานก็รู้สึกขบขัน “กลัวไหม?”
“กลัวครับ” เหอชูซานขมวดคิ้วและพยักหน้า “ถ้ารักษาไม่ดีอาจจะทำให้เส้นเอ็นที่มือเสียหายได้ เดี๋ยวเราไปโรงพยาบาลกันเถอะครับ”
“ไอ้บ้า!” ชย่าลิ่วอีใช้มือขวาตีหัวเขาเบาๆ “ฉันถามว่าเมื่อกี้ตอนที่โดนมีดฟัน แกกลัวไหม!”
ครั้งนี้เหอชูซานไม่พูดอะไร เขาแค่ก้มหน้าทำความสะอาดาแให้ชย่าลิ่วอีอย่างระมัดระวัง ทายาให้อย่างดี แล้วพันผ้าพันแผลให้อย่างละเอียด ก่อนจะยอมรับเบาๆ “กลัวครับ”
ชย่าลิ่วอีหัวเราะออกมาแล้วกำลังจะพูดแซวเขา แต่เมื่อได้ยินประโยคถัดไปที่เขาพูดเบาๆ ก็ชะงัก “ผมกลัวว่าพี่จะาเ็เพราะช่วยผม”
รอยยิ้มบนใบหน้าของชย่าลิ่วอีแข็งค้าง
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแสร้งทำเป็ตีหน้าผากของเหอชูซานเบาๆ “พูดอะไรบ้าๆ พี่ลิ่วอีของแกทำจากกระดาษหรือไง?”
เหอชูซานก้มหน้าลงเงียบๆ เขามองผ้าพันแผลหนาๆ ที่พันอยู่บนาแของชย่าลิ่วอี
แน่นอนว่าชย่าลิ่วอีไม่ได้ทำมาจากกระดาษ แต่เขาก็ได้รับาเ็ถึงสามครั้งเพราะช่วยเขา มือขวาของเขาตอนนี้มีแรงแค่พอจะถือตะเกียบได้ และในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ก็แทบจะไม่ยกมือขวาขึ้นมาเลย
เหอชูซานไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอได้อีกต่อไป ราวกับว่าศีรษะของเขารับน้ำหนักนับพันกิโลกรัมอยู่ เขาค่อยๆ ก้มศีรษะลงช้าๆ แล้วแนบมือที่าเ็และมีเืซึมออกมาตามผ้าพันแผลของลิ่วอีเข้ากับแก้มของเขาด้วยตัวที่สั่นเทา
ฝ่ามือที่าเ็และไวต่อความรู้สึกของชย่าลิ่วอีััได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเหอชูซาน ชย่าลิ่วอีตัวแข็งทื่อ! เหอชูซานแนบแก้มกับฝ่ามือของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าระคนสั่นเครือ “ผมพูดจริงๆ นะ พี่ลิ่วอี ถ้ามีเื่แบบนี้เกิดขึ้นอีกพี่อย่าสนใจผมเลย เป็เพราะผมไร้ประโยชน์เอง การที่พี่ได้รับาเ็มันทำให้ผมเ็ปกว่าการที่ผมาเ็เองเสียอีก…”
มือของชย่าลิ่วอีสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าคอของเขาแห้งผากอย่างน่ากลัว เขาอ้าปากค้าง ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วรีบดึงมือออกจากแก้มของเหอชูซานอย่างลนลาน ชย่าลิ่วอีะโลั่น “หุบปาก!”
“…”
เหอชูซานปิดปากตัวเองแน่นและเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไรต่อ ในขณะที่ชย่าลิ่วอีใช้มือขวากุมฝ่ามือซ้ายที่เพิ่งถูก ‘บุกรุก’ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรในตอนนี้ดี นอกจากเสสายตาหันไปมองนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
ทั้งสองคนต่างเงียบ บรรยากาศในรถอึดอัดเหมือนท่อนไม้แห้งที่พร้อมจะหักและลุกเป็ไฟได้ทุกเมื่อ ชย่าลิ่วอีมองออกไปนอกหน้าต่าง หูของเขาเริ่มร้อนขึ้นทีละนิด เขารู้สึกว่าหน้าอกของเขาร้อนและเริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ละอย่างที่ไอ้เด็กเวรพูดออกมานี่มันอะไรกัน แถมยังเอาหน้ามาแนบกับฝ่ามือเขาแล้วสารภาพความในใจอีก นี่มันหมายความว่าอะไร เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
เขาไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งความรู้สึกราวกับจะบ้าคลั่งที่เห็นเหอชูซานได้รับาเ็นั่นอีก ไม่สิ แม้ว่าเขาจะยอมรับก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร— เหอชูซานเป็ลูกน้องที่เขา ลูกพี่ใหญ่ชย่าเลือกเองกับมือ ที่เขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เพราะว่าเขาแค่้าปกป้องดินแดนและคนของเขาเท่านั้น เขาไม่ยอมรับว่าเขามีความรู้สึกพิเศษต่อเหอชูซาน มันควรจะเป็แค่ความรู้สึกของพี่ใหญ่ที่ดูแลน้องชายเท่านั้น เพียงแค่เขารู้สึกว่าเหอชูซานเป็เด็กที่น่าสนใจและแตกต่างจากคนอื่นเล็กน้อย สำหรับความรู้สึกของเหอชูซาน ในสายตาของเขามันชัดเจนว่าเด็กหนุ่มผมทองคนนี้กำลังเดินผิดทางจึงเอาแต่พูดคำพูดที่ล้ำเส้นและคลุมเครืออยู่อย่างนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไปอีกแล้ว!
หลังจากคิดเื่นี้อยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่สับสน ชย่าลิ่วอีก็หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ไปซื้อหนิวจ๋ามาให้ฉันหน่อย”