ฮ่าฮ่า
เสียงหัวเราะของชิงอีกระตุ้นให้ขนทั่วร่างของชิวอวี่ลุกชัน เมื่อเห็นนางเงยหน้าอยู่นานก็นึกสงสัยว่าองค์หญิงกำลังทอดพระเนตรอะไรอยู่กันแน่?
เขาจึงมองตามขึ้นไป
“องค์หญิง มีอะไรอยู่บนคานนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
มีสิ เพียงแต่เ้ามองไม่เห็นเท่านั้นเอง
ชิงอียิ้มกริ่มและครุ่นคิดว่าควรบอกเ้าหนุ่มน้อยนี่ว่าให้หุบปากเอาไว้จะดีกว่าไหมนะ?
อ้าปากกว้างเช่นนั้นเตรียมจะรับน้ำลายจากเ้าสิ่งที่น่าเกลียดบนคานนั่นหรือไงกัน?
“โอ๊ย”
ชิวอวี่งุนงงที่ถูกเตะจนเซล้มไม่เป็ท่าแล้วต้องมานั่งคุกเข่าเช่นนี้
เหตุใดพระบาทขององค์หญิงถึงเหมือนแผ่นเหล็กเช่นนี้ เตะคนก็ไม่ได้เบาแรงเลย?! นี่เขาไปยั่วยุนางอีกแล้วงั้นหรือ?
ชิวอวี่พยายามข่มความเจ็บ พลันก็รู้สึกเย็นที่หน้าจึงเอามือขึ้นมาลูบหน้า
แปลกจริง น้ำจากไหนกัน? แถมเหนียวอีกต่างหาก?
“วิชาตัวเบาของเ้าเป็อย่างไร?”
ชิวอวี่ที่สติกลับคืนมา เขาเช็ดน้ำที่เลอะเทอะอยู่บนร่างกายและรีบตอบกลับไปว่า “พอใช้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“มีของบางอย่างอยู่บนคานนั่นไปเอามันลงมาให้ข้าหน่อยสิ”
ของบางอย่าง? ชิวอวี่ไม่ได้สงสัยเื่อะไรมากจึงปฏิบัติตามคำสั่ง เขาเหยียบเสาข้างๆ ไต่ขึ้นไปบนคานราวกับลิง
นอกจากเขาสองคนแล้วยังมีภิกษุหลายรูปอยู่ในศาลเ้า พอรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็คิดที่จะห้ามแต่พวกเขาห้ามไม่ทัน จึงทำได้แค่ส่งสายตาเคืองๆ ไปให้ทั้งคู่พลางบอกอมิตาพุทธ
ไม่นานนัก ชิวอวี่ก็ลงมาจากคานและโยนกล่องไม้ลงบนพื้นด้วยใสีหน้าเคร่งเครียด
กล่องไม้ที่โยนลงมาเปิดออกดังพลุ่ก ก้อนที่ดูเหมือนจะแข็งก็ไม่ใช่จะนิ่มก็ไม่เชิงหลุดออกมา มันคือหนูอ้วนที่ตายแล้ว ยามมองดวงตาสีเืน่าสะพรึงกลัวย่อมทำให้รู้สึกไม่ดีนัก
“แย่จริงๆ ใครมันซ่อนหนูตายในกล่องไม้แล้วไปวางไว้บนคาน” เขาทำหน้าคล้ายจะอาเจียนแล้วเหลือบมองดูภิกษุดูมึนงงใกล้ๆ เขา “ตอนที่พวกท่านทำความสะอาด ท่านไม่พบมันเลยหรืออย่างไร?”
ภิกษุส่ายหัววืด
ที่คนพวกนี้มาเจอมันเข้ายังแปลกกว่าอีก
“หยิบหนูตัวนี้ขึ้นมาแล้วไปกันเถอะ” ชิงอีพูดเสียงเรียบแล้วเดินจากไปทันที
ชิวอวี่ข่มอาการคลื่นไส้และวางหนูกลับเข้าไปในกล่องไม้อีกครั้ง จากนั้นก็รีบตามไปติดๆ
เมื่อมาถึงลานวัดอันเงียบสงบ ชิงอีค่อยๆ นั่งลงบนม้านั่งหินสีฟ้า “จุดไฟ แล้วเอาหนูตัวนี้ไปเผา”
ชิวอวี่ไม่กล้าอืดอาด ทั้งพอจะรู้รางๆ ว่าการที่มีใครบางคนนำหนูตายไปวางไว้บนคานเห็นได้ชัดว่าเป็สิ่งชั่วร้ายเป็แน่
ชิวอวี่รวบรวมไม้แห้งมาก่อไฟ จากนั้นเขาก็โยนกล่องไม้ทั้งกล่องเข้าไปในกองเพลิง ในระหว่างที่เผาอยู่นั่นเองมุมหนึ่งของกล่องไม้ก็แตกออกแล้วมีเงาสีดำลอดออกมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
ทว่า ยังถือว่ายังชิวอวี่ตอบสนองได้ค่อนข้างรวดเร็วโดยการชักดาบมาฟันฉับเข้าที่เงาดำ ยามจ้องไปที่ตาสีเืดวงเล็กๆ เขาทั้งเหงื่อออกทั้งขนลุกด้วยความกลัว เมื่อครู่เห็นชัดว่าในกล่องไม้มีแค่หนูตัวใหญ่ที่ตายแล้วเท่านั้นเอง!
ให้ตายสิ กลายเป็หนูผีเสียได้!
หนูตัวใหญ่รีบวิ่งหนีไปอย่างไม่รอช้า ดาบของชิวอวี่เฉือนลงบนตัวมันหลายครั้ง แต่เหมือนว่าเขากำลังตัดก้อนหินเสียมากกว่า แล้วที่น่าใคือขนมันมันไม่ขาดด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม พลังของปีศาจตัวนี้แข็งแกร่งอยู่มาก หลายครั้งที่ในหลบหลีกคมดาบของเขาได้แถมยังสะท้อนพลังกลับมาเสียรุนแรงอีกต่างหาก
จู่ๆ ก็มีเท้าขาวลงมาจากฟากฟ้าและดูเหมือนว่าจะสายเกินไกว่าจะหลีกหนี จี๊ด
หนูร้องลั่นจากการถูกเหยียบจนขยับไม่ได้
ชิวอวี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่า พอสบตากับแววตาหยอกเย้าก็ทำให้หน้าเขาขึ้นสีให้กับความไม่เอาไหนของตัวเองที่เป็ถึงหัวหน้าองครักษ์ แต่แค่หนูตัวเดียวกลับจัดการไม่ได้ พูดไปก็ขายหน้าเปล่าๆ
อย่างไรก็เถอะ องค์หญิงทรงว่องไวถึงเพียงนี้ได้เช่นไร?
ดูท่าว่าจะไม่ใช่แค่ความว่องไวเท่านั้น...ชิวอวี่มองหนูตัวใหญ่ที่กำลังดิ้นรนอย่างไร้หนทางใต้เท้านาง ความแข็งแกร่งเอง...ก็มีไม่น้อยเช่นกัน
“องค์หญิงทรงระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ เ้าหนูตัวนี้ชั่วร้ายนักเดี๋ยวมันแกล้งตายอีก อย่าปล่อยให้มันทำร้ายท่านได้นะพ่ะย่ะค่ะ” ชิวอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “รอให้กระหม่อมทำให้มันสลบก่อนแล้วค่อยโยนเข้ากองไฟอีกรอบ...”
“ไม่ต้องเปลืองแรงเช่นนั้นหรอก” ชิงอีเตะส่งหนูทีเดียวด้วยความรวดเร็วและท่วงท่าที่ดูหล่อเหลาเอาการกลับเข้าไปในกองเพลิง
ชิวอวี่ปาดเหงื่อ นี่เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนเองเป็คนโง่เมื่ออยู่เบื้องพระพักตร์ขององค์หญิง
จี๊ด จี๊ด จี๊ด
หนูตัวใหญ่กรีดร้องลั่นท่ามกลางกองไฟ ทันใดนั้น กลุ่มควันดำลอยขึ้นมาจากกองไฟและรวมตัวกันเป็หัวหนูที่ดุร้ายและพุ่งตรงไปทางชิงอี
“องค์หญิงระวังพ่ะย่ะค่ะ!”
ชิวอวี่เตรียมจะเหินตัวเข้าไปช่วย ในขณะที่ชิงอีกลับไม่มีความกลัวแม้แต่น้อยแถมยังทอดมองอย่างเย้ยหยัน
“แง้ว”
เ้าแมวร้องข่มใส่ทำให้หัวหนูที่เกิดจากควันดำเ่าั้กระจายหายไปทันที ชิวอวี่มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึงและหันไปเจอกับเ้าแมวอ้วนตัวหนึ่งที่เดินมาอย่างภาคภูมิใจ
เขาหรี่ตามอง นี่มันแมวอ้วนที่องค์หญิงทรงเลี้ยงไว้นี่นา
เขาเริ่มละอายแก่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะต่อให้องค์หญิงจะไม่ปรีชาและทรงเก่งกาจด้านการต่อสู้ แต่ยังมีเ้าปีศาจตัวอ้วนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่ดี
“กระหม่อมคุ้มกันไม่ดีพอ องค์หญิงโปรดลงทัณฑ์กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ชิวอวี่หันกลับมาคุกเข่า
“ลุกขึ้นเถอะ ต่อไปก็หัดฉลาดหน่อยแล้วกัน ถึงอย่างไรเข้าก็เป็คนข้างกายข้า หากมีความรู้เพียงน้อยนิดและกลัวภูตผีปีศาจตัวเล็กๆ อีก นี่ช่างน่าอายจริงๆ”
ชิวอวี่รู้สึกผิดแต่ก็พยักหน้ารับก่อนที่จะลุกขึ้น
ผ่านไป่หนึ่งไฟก็เริ่มมอดลง เขาใช้แท่งไม้เขี่ยไปมาในกองเพลิงแต่กลับไม่พบร่างหนูที่ตายแล้ว เวลาไม่นานจะสามารถเผาจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกได้เลยงั้นหรือ?
“ถ้าเ้ามันหาเจอสิแปลก” ชิงอียกมือขึ้นมาปิดปากที่หาววอดจากความง่วง
“องค์หญิง เ้าหนูตัวนี้มันคือตัวอะไรกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?” ชิวอวี่อดที่จะถามไม่ได้
“เ้าเคยได้ยินเื่หนูขโมยกินน้ำมันตะเกียงหน้าพระพุทธไหม?”
ชิวอวี่พยักหน้า เพราะเื่นี้มีการเล่าต่อๆ กันตามท้องตลาดว่ามีหนูตัวหนึ่งขโมยกินน้ำมันตะเกียงหน้าพระพุทธและได้รับโอกาสเป็มนุษย์
“หรือว่าเมื่อครู่หนูตัวนั้นขโมยกินน้ำมันตะเกียงงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ชิงอีส่ายหน้าและไม่บ่อยนักที่นางจะยอมอธิบายให้เขาฟัง “ที่มันขโมยไม่ใช่น้ำมันตะเกียงหรอก แต่เป็เครื่องหอมที่โลกมนุษย์มอบให้ พูดง่ายๆ มันคือส่วนบุญ” อย่างไรก็ตาม นี่เป็เพียงหนูตัวเล็กๆ เท่านั้น ส่วนหนูตัวใหญ่จริงๆ แล้วยังคงซ่อนตัวอยู่ในความมืดต่างหาก!
ชิวอวี่ไม่เข้าใจค่อยใจเท่าไรนัก
ชิงอีเองก็ไม่คิดที่จะเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ “นำทางไปสิ พวกเราไปทีู่เาด้านหลังกัน”
เื่ราวต่างๆ เกือบจะเรียงร้อยเข้าด้วยกันแล้ว
ในฐานะราชินีชิงอีเตี้ยน พญามัจจุราชสาวแห่งปรโลกนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีใครกล้ามายุ่งกับนาง
ในวัดตงหวาแห่งนี้มีศาลเ้าเป็ของนางอยู่ แล้วเหตุใดนางถึงไม่ได้ชิมเครื่องหอมเลยล่ะ แต่กลับมีหนูขโมยไปกินแทน!
ใช้ชื่อเสียงของนางเพื่อจะได้เพลิดเพลินกับเครื่องบูชาในโลกมนุษย์
ไอ้หยา ช่างเป็ความคิดที่ฉลาดเสียจริง...
ชิวอวี่ที่เดินอยู่ข้างๆ เห็นองค์หญิงยิ้ม ’พราย’ มากขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าความเย็นในวัดแห่งนี้ตกฮวบทันตา
“องค์หญิง ูเาด้านหลังเต็มไปด้วยขอทานและผู้ลี้ภัยที่พระอาจารย์เจิ้งชือเป็ผู้ดูแล เ้าคนชั่วที่ชักใยอยู่เื้ัจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“หากเป็เ้า เ้าจะทิ้งหมอนนุ่มๆ บนเตียงสูง[1] แล้วไปนอนบนเตียงไม้ไหมล่ะ?”
เช่นนั้นพวกเราจะไปูเาด้านหลังทำไมกัน? ชิวอวี่มีข้อสงสัยที่ดูจะไม่อาจไขได้อยู่เต็มไปหมด
ชิงอีสูดลมหายใจเบาๆ แล้วโพล่งถามเื่ที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา “หากวันหนึ่งเ้าพบขโมยในบ้านของเ้าและมันขโมยสมบัติของเ้าไปมากมาย เ้าจะทำเช่นไร?”
“แน่นอนว่ากระหม่อมต้องจับเ้าขโมยนั่นแล้วตัดมือตัดเท้าเขาทีละนิ้ว!”
“อืม ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
ข้าน่ะไม่หักมือของเ้าทีละนิ้วหรอกที่กล้ายื่นมือมาขโมยอาหารในชามข้า แต่พญามัจจุราชอย่างข้าจะส่งเ้าไปปรโลกเอง!
*********************
[1] หมอนนุ่มๆ บนเตียงสูง หมายถึง ชีวิตที่สะดวกสบาย