หยิ่นยวี๋โม่นิ่งไปเขายังสนใจเื่นี้อยู่อีกหรือ? เธอยิ้มให้กับตัวเองภายในใจอย่างขมขื่น
“ก็ไม่มีอะไรเป็พิเศษ” เธอพูดเรียบๆ และนำสูทตัวนั้นเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าของตน อาจมีสักวันที่เธอได้มีโอกาสนำเสื้อตัวนี้คืนให้กับเขาคนนั้น
“ไม่ได้มีอะไรเป็พิเศษสินะ คุณอย่าลืมแล้วกันว่าตอนนี้คุณเป็ภรรยาของผม คุณควรจะรู้ว่า อะไรควรอะไรไม่ควร อย่าให้ผมเห็นว่าคุณเป็เหมือนกับน้องสาวของคุณ!” มู่อี้หานเดินไปสูบบุหรี่อยู่ริมหน้าต่าง
หยิ่นยวี๋โม่มองเขา “ทำไมคุณต้องเอาความเกลียดชังที่คุณมีต่อยวี๋ซินมาลงที่ฉันด้วย?”
เธอรู้ดีว่าคนที่มู่อี้หาน้าแต่งงานด้วยคือหยิ่นยวี๋ซินไม่ใช่เธอ และไม่ว่ายวี๋ซินจะทำอะไรเขาจะเอาความแค้นที่มีอยู่ภายในใจมาระบายใส่ร่างกายของเธอ
มู่อี้หานหันหน้ามาหาเธอ “คุณเสียใจใช่ไหมที่ได้แต่งงานกับผม?” เขาใช้มือเรียวยาวช้อนคางของเธอขึ้น ทั้งคู่ต่างสบตากัน
“เื่นั้นมันไม่สำคัญแล้ว” หยิ่นยวี๋โม่ไม่ได้เสียใจแต่เธอไม่อยากให้ตัวเองต้องโดนเขาเหยียบย่ำอยู่ฝ่ายเดียวมู่อี้หานหัวเราะออกมาเบาๆ
“นี่คุณยังรักผมอยู่ อย่างนั้นเหรอ? คุณไว้ใจผมก็ดีแล้ว ไม่ว่าเ้าสัวจะว่ายังไง ผมก็จะทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุดส่วนคุณก็ทำหน้าที่ภรรยาให้ดีเหมือนกัน เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม?”
หยิ่นยวี๋โม่เม้มริมฝีปากแม้ว่าเธอจะคิดแบบนั้น แต่อย่างไรเสียมันก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะยอมหรือไม่ยอมไม่ใช่หรือไง?
“ทำไมไม่ตอบ? หรือคุณคิดถึงผู้ชายคนอื่นอยู่?” สิ่งที่มู่อี้หานเห็นมาโดยตลอด ก็คือ เธอไม่เคยมีผู้ชายเข้าข้องเกี่ยวหากมีคนมาชอบพอ เธอเพียงเมินเฉยใส่พวกเขาเป็การปฏิเสธและท่าทีที่เธอมีต่อเขาในตอนนี้มันต่างออกไป แม้ว่าทั้งคู่จะอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแต่ก็ไม่เคยได้พูดกันสักประโยค ดวงตาสีดำขลับของเธอทั้งคู่กำลังส่งผ่านความรู้สึกที่มีในใจออกมาให้คนตรงหน้ารับรู้ว่าเื่นี้ เธอไม่อยากตอบเขา เพราะว่ามันคงไม่จำเป็
“ปล่อยฉันนะ!” หยิ่นยวี๋โม่โดนเขาทำรุนแรงจนเจ็บไปหมดเขาก็เป็คนหยาบคายแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่อ่อนโยน เพียงแค่คนที่เขาจะอ่อนโยนด้วยมันไม่ใช่เธอ
“ผมไปทำงานต่างประเทศตั้งหลายวัน คุณกลับทำท่าทางแบบนี้ใส่ผมเนี่ยนะ?” มู่อี้หานไม่ชอบสายตาที่เมินเฉยแบบนี้ของเธอเลยเขาต้องเป็ผู้ชายที่เธอปรารถนา เพราะเธอคือภรรยาของเขาและต้องเป็ของเขาเพียงคนเดียวเขาไม่อยากให้ภรรยาของตัวเองต้องไปวุ่นวายกับผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะเธอ หยิ่นยวี๋โม่
“ฉันคิดว่ามีเลขาโจวอยู่ข้างๆ คุณน่าจะมีความสุขมากใช่ไหม? ฉันไม่ชอบซ้ำรอยกับผู้หญิงคนอื่น”หยิ่นยวี๋โม่ไม่มีทางลืมเื่นั้น ผู้ชายที่เอาแต่เล่นสนุกทำตัวเสเพลกับผู้หญิงไปเรื่อย เธอไม่มีวันชายตามอง
มู่อี้หานมองเธอ “ก็เพราะคุณพูดออกมาเองว่าจะไม่ไป ไม่ใช่หรือไง?”
เขา้าพาเธอไปพบเ้าสัวหยิ่นที่อเมริกาเขาจึงให้โจวลี่ฉีมาหาเธอ แต่เธอปฏิเสธ แล้วตอนนี้กลับมากล่าวหาว่าเขาไปกับโจวลี่ฉีแค่สองคนโจวลี่ฉีเป็เลขาของฝ่ายบริหาร ในเมื่อเขาไปทำงานต่างประเทศ ก็เป็เื่ปกติที่เขาต้องพาหล่อนไปด้วยแล้วทำไมเธอจะต้องมาโกรธเขาด้วย?
หยิ่นยวี๋โม่ยังคงนิ่งเธอเป็คนบอกหรือว่าจะไม่ไป? แม้แต่โอกาสจะปฏิเสธยังไม่มีใครเป็คนบอกเขากัน ทั้งที่เธอต้องไปต่างประเทศกับเขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะโทรหาเธอสักครั้ง
“ผมไม่สนใจหรอกนะว่าโจวลี่เขาจะยังไง แต่คุณนายตระกูลมู่ คือคุณเพียงคนเดียว” เมื่อมู่อี้หานพูดจบ เขาโน้มตัวลงมา ริมฝีปากเย็นเฉียบของเขาแตะเข้ากับริมฝีปากของเธอ
จากจูบที่แ่เบากลับเป็ความร้อนรุ่มจนยั้งใจไม่อยู่มือขนาดใหญ่สอดเข้าไปที่หลังศีรษะอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอไม่อาจหนีไปไหนได้ ลิ้นเย็นแทรกเข้ามาในปากเพื่อกอบโกยความหวานจากตัวเธอ
หยิ่นยวี๋โม่เบือนหน้าหนีไม่หยุดแต่ก็ไม่สามารถหนีจูบของเขาได้ ยิ่งเธอดิ้นรนมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งจูบเธอมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อการจูบอันยาวนานสิ้นสุดลงใบหน้าขาวๆ ของหยิ่นยวี๋โม่กลับแดงขึ้นเพียงครู่เดียวเธอก็กลับมาหายใจได้ปกติอีกครั้ง “ถ้าคุณคิดว่าฉันคือภรรยาของคุณจริง คุณก็ห้ามคบกับผู้หญิงคนอื่น”
เื่นี้เป็สิทธิ์ของภรรยาที่เธอควรมีเธอสามารถยุ่งเื่พวกนี้ได้ ถูกไหม?
“คุณนี่ได้คืบจะเอาศอกนะเนี่ย แต่ยังไงตอนนี้ คุณต้องทำให้ผมพอใจให้ได้ก่อน” ผู้หญิงสำหรับเขาก็เหมือนกันหมด เอาไว้แก้ขัดในยามที่้าเท่านั้นเมื่อก่อนความสนใจของเขาล้วนเป็การแย่งชิง และเขาไม่เคยสนใจเื่ผู้หญิง
หยิ่นยวี๋โม่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดอะไรเธอถูกเขาอุ้มขึ้นเตียง เสื้อผ้าบนร่างของเธอ และผ้าขนหนูที่เอวของเขากระจัดกระจายลงกับพื้นอย่างรวดเร็วมู่อี้หานไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เรือนร่างของเธอดึงดูดเขาอย่างร้ายกาจ ผิวที่ขาวละเอียดหมดจดอกเต่งตึง เอวคอดได้รูป และขาเรียวยาว
เขาแค่จูบเธอเท่านั้นเพียงพริบตา หัวใจของเธอก็หลอมละลายไปกับความรักที่เธอมีต่อเขาอย่างไม่อาจปิดบังได้อีกแม้ว่าเธอจะไม่เคยพูดอะไรกับเขา แต่แค่อยู่ต่อหน้าเขา ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เคยมีก็หายไปแทนที่ด้วยเสียงครางเบาๆ มือทั้งสองข้างของเธอโอบเอวของเขาเอาไว้ เพียงเขา้าเธอก็พร้อมจะมอบให้
สำหรับเขาเธอไม่อาจปฏิเสธอะไรได้เลย
หยิ่นยวี๋โม่ลุกขึ้นจากเตียงยืนมองชายหนุ่มที่กำลังหลับ ดูเหมือนตอนนี้พวกเขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่แแ่ขึ้นแต่เื่ระหว่างเธอและเขามันกลับดูห่างไกลออกไปทุกที ทั้งเขาและเธอต่างไม่สามารถเอื้อมถึงกันได้สิบปีที่ผ่านมา ก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้ ท้ายที่สุดเธอกลายเป็ภรรยาของเขาแต่อย่างไรเสีย เขาก็ยังเป็เขา เธอก็ยังคงเป็เธอ
หยิ่นยวี๋โม่เดินไปที่ริมหน้าต่างมองสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ คฤหาสน์ที่เงียบสงบสิ่งที่เธอ้ามาโดยตลอดไม่ได้มีอะไรมากมาย แค่บ้านหลังเล็กๆ สักหลังบ้านที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น
บางที ความปรารถนาเพียงเล็กน้อยก็ยากที่จะได้มา อย่างน้อยชายที่อยู่ในสายตาของเธอตอนนี้ก็ไม่สามารถให้เธอได้
มู่อี้หานลืมตาขึ้นมองเงาของคนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างอย่างโดดเดี่ยว เมื่อเขามองดูเวลา เป็เวลาตีสี่แล้ว “ทำไมคุณไม่นอน ไปยืนทำอะไรตรงนั้น?” คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยสบายใจนัก
หยิ่นยวี๋โม่หันมองเขา “ไม่มีอะไร”
มู่อี้หานอุ้มเธอกลับเตียงเอาผ้าห่มบางๆ คลุมร่างของเธอไว้ เห็นได้ชัดว่านี่คือเดือนมิถุนายนแม้ในห้องจะเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่น่าแปลกที่ความเย็นะเืกลับแผ่ซ่านไปทั้งกายเธอ
หยิ่นยวี๋โม่นอนขดกาย ความปรารถนาของเธอไม่ใช่การถูกกอดเอาไว้ในอ้อมกอดของเขาแต่สิ่งที่เธอ้าคือความรู้สึกที่แท้จริงของคู่แต่งงาน ทว่ามันช่างยากเหลือเกินไม่ใช่หรือ?
มู่อี้หานมองหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของตนเองเธอต่อต้านเขา หรือจะพูดว่า เธอกำลังต่อต้านความรู้สึกตัวเอง แต่เขาตัดสินใจได้แล้วเขาจะจับเธอให้อยู่หมัด!
เพราะเธอคือภรรยาของเขาแม้จะเป็แค่หมากตัวหนึ่ง แต่ว่าเขาไม่มีวันปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่
ในตอนเช้า มู่อี้หานออกจากห้องไปก่อนโดยไม่ได้ปลุกเธอบางทีเขารู้สึกว่าเขาไม่รู้จะพูดอะไร ยามที่เผชิญหน้ากับเธอ เขาไม่ใช่คนพูดมากอะไรบางเื่ การกระทำอาจสื่อสารได้ดีกว่าคำพูด
ที่เธอแต่งงานกับเขาอาจจะเป็เพราะประโยคนั้น “คุณคือโม่โม่ไม่ใช่ยวี๋ชิน คนที่ผมแต่งงานด้วยคือคุณ คุณไม่ใช่ตัวแทนของใคร” เพราะเหตุนั้น เธอจึงแต่งงานกับเขาแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับเธอด้วยเป้าหมายบางอย่าง แต่คำพูดประโยคนั้นเป็ความจริงทั้งสิ้น