เมื่ออวิ๋นซูกลับมาถึงในห้องก็พบกับผ้าปูเตียงที่ขาดวิ่น ไม่นานแม่นมของจวนฮูหยินผู้เฒ่าก็มาส่งข่าว หลังจากที่รัชทายาทไปกับรถม้าของจวนชางหรงโหว ก็ได้ถูกส่งตัวกลับวังอย่างลับๆ ไปั้แ่เช้าแล้ว เช่นนั้นพวกนางก็ไม่มีเหตุผลต้องอยู่วัดเทียนฝูต่อไปอีก
ภายในรถม้า ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้หลับตาสงบจิตใจเฉกเช่นก่อนหน้านี้ แต่กลับหาเื่มาพูดคุยกับอวิ๋นซูด้วยรอยยิ้ม เมื่อเทียบกับบรรยากาศสนุกสนานฝั่งนี้แล้ว รถม้าของเหลยซื่อกลับจะอึมครึมอยู่มาก
“ท่านแม่เ้าคะ พี่ใหญ่เล่า” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ากล่าวเสียงต่ำ
“เขาเข้าวังไปกับรัชทายาท ต้องทำธุระเล็กน้อยจึงจะกลับมา”
“รอให้น้องสามกลับมาก่อนเถิด จะต้องให้นังเด็กนั่นได้เห็นดีแน่!” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ากัดฟัน พิงกับขอบหน้าต่าง ดวงตาเปียกชื้นราวกับได้รับความอยุติธรรมไม่จบสิ้น
...
รถม้าจอดลงด้านนอกจวนชางหรงโหวอย่างเงียบเชียบ ทุกคนในจวนยืนต้อนรับอยู่ที่ประตูอย่างพร้อมเพรียง
อวิ๋นซูประคองฮูหยินผู้เฒ่าลงจากรถม้า ทุกคนรู้สึกได้ว่าคุณหนูหกตามฮูหยินผู้เฒ่าออกไปครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์สองย่าหลานสนิทสนมยิ่งขึ้น
เนื่องจากสายตาที่ฮูหยินผู้เฒ่าใช้มองอวิ๋นซูเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ทั้งยังเป็ความรักใคร่เอ็นดูที่ไม่คิดปกปิด
ทว่าเมื่อมองไปทางฮูหยินและคุณหนูรอง ใบหน้ากลับประดับด้วยรอยยิ้มฝืนที่ไปไม่ถึงดวงตา
“คุณหนู! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”
ในเรือนไผ่ อวี้เอ๋อร์ต้อนรับอย่างร่าเริง ส่วนชุ่ยเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั้นยังจดจำคำของอวิ๋นซูได้ จึงไม่อาจแสดงออกถึงความสนิทสนมกับนางมากเกินไป ด้วยเหตุนี้จึงทำได้เพียงพยักหน้าให้ยิ้มๆ ทำให้นางรู้สึกปีติอยู่ในใจ
หลายวันมานี้ ดูเผินๆ เหมือนเรือนไผ่จะสงบ แต่ชุ่ยเอ๋อร์กล่าวว่าอนุสองมาหานางครั้งหนึ่ง เพื่อสอบถามว่าอนุห้ามาที่นี่หรือไม่
“หลายวันมานี้ลำบากพวกเ้าแล้ว” อวิ๋นซูมองห้องที่ไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย พลันปรากฏรอยยิ้มชมเชยบนใบหน้า จากนั้นจึงมองไปยังชุ่ยเอ๋อร์ “ท่านย่ากล่าวว่า พรุ่งนี้จะให้คนส่งสาวใช้มาหลายคนเพื่อให้ข้าคัดเลือก คนในเรือนไผ่ของพวกเราก็น้อยเกินไป ต้องลำบากพวกเ้าแล้ว”
คัดเลือกสาวใช้?! เช่นนั้นก็หมายความว่าวันที่ตนต้องไปจากจวนโหวใกล้เข้ามาอีกหน่อยแล้วใช่หรือไม่ ชุ่ยเอ๋อร์พยายามไม่ให้ตนเองแสดงออกอย่างดีอกดีใจจนเกินไป แต่เื่นี้ให้ความหวังกับนางมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อหลิ่วอวิ๋นฮว๋ากลับถึงจวน นางก็ขังตนเองอยู่ในห้อง เหลยซื่อเห็นท่าทางบุตรีของตนที่ราวกับถูกทำร้ายมา จึงสงบอารมณ์ลงแล้วกล่าวอย่างเอาใจ “อวิ๋นฮว๋า เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว แม่จะต้องช่วยลูกกำจัดนังตัวโชคร้ายคนนั้นแน่ แต่อย่างไรนังตัวโชคร้ายนั่นก็เ้าเล่ห์นัก หากพวกเราจะลงมือก็ต้องโจมตีจุดตายในทีเดียว! เข้าใจหรือไม่?”
“พี่ใหญ่คงไม่ช่วยข้าหรอกเ้าค่ะ ข้าจะรอให้น้องสามกลับมา เขารู้จักคนเยอะ จะต้องมีวิธีทรมานให้นังตัวโชคร้ายนั่นตายได้แน่!” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว นางจะต้องให้อวิ๋นซูลิ้มรสถึงจุดจบที่บังอาจมาเป็ศัตรูกับนาง!
เมื่อเข้าสู่ยามค่ำคืน อนุห้าได้เข้ามาที่เรือนไผ่ด้วยเส้นทางลับตามที่อวิ๋นซูคาด
ดูจากอารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของนาง ก็รู้ว่าหลายวันนี้นางจะต้องได้ผลอะไรมาแน่
“คุณหนูหก...” เสียงของอนุห้าสั่นเทา นางกัดริมฝีปากของตน หยิบห่อบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อวางไว้บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
นางมองไปยังผ้าที่มีของเหลวสีดำซึมออกมา ทั้งยังมีกลิ่นโชยเบาบาง
อวิ๋นซูเปิดออกดู ด้านในมีก้อนเหนียวๆ สีดำอยู่
“หลายวันมานี้ข้าหาทั่วทั้งจวนแล้วรอบหนึ่งก็ยังไม่เจออะไร จึงได้ใช้วิธีการที่คุณหนูหกกล่าว นำสุนัขจากนอกจวนเข้ามาตัวหนึ่ง ไม่คิดว่ามันจะหาของแบบนี้ออกมาจากใต้เตียงของข้าได้!”
อวิ๋นซูหยิบวัตถุสีดำขึ้นมาจ่อบริเวณจมูกแล้วดมเข้าไป จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป
“นี่คือชะมดเชียงใช่หรือไม่?!” อนุห้ากังวล กลิ่นของสิ่งนี้แรงอยู่มาก เพียงแต่เป็เพราะถูกซ่อนไว้ใต้แผ่นเตียง ยามนางนอนหลับทุกวันล้วนสูดดมกลิ่นที่แผ่ออกมาซึ่งถูกเตียงคั่นเอาไว้ เมื่อผ่านไปนานวันจึงพบว่าทั้งผมทั้งเสื้อผ้าล้วนเป็กลิ่นนี้ไปหมดแล้ว
มิน่าเล่า อยู่ใกล้ชิดกับของสิ่งนี้มาสามปี นางจะไปกำเนิดทายาทให้ท่านโหวได้อย่างไร
“นี่คือชะมดเชียงจริง ทั้งยังมีปริมาณมาก อี๋เหนียง มีผู้อื่นทราบเื่นี้หรือไม่เ้าคะ?”
นางส่ายหน้า สีหน้าของอนุห้าขาวซีด ดวงตามีน้ำตาคลอ หลายปีมานี้ในจวนโหวนางระวัดระวังทุกอย่าง ทั้งยังไม่เคยทำร้ายใคร เหตุใดคนเ่าั้จึงไม่ยอมปล่อยนางไป หรือเป็เพราะตนเองได้รับความโปรดปรานจากท่านโหวหลายปี?
อวิ๋นซูจับชีพจรให้นาง จากนั้นจึงกล่าวปลอบใจ “อี๋เหนียงเ้าคะ มันผ่านไปแล้ว อวิ๋นซูจะเขียนใบสั่งยาให้ อี๋เหนียงต้องแอบต้มทุกวัน ทานก่อนอาหารเย็น เชื่อว่าไม่นานร่างกายจะสามารถฟื้นฟูจนดีได้เ้าค่ะ”
“แต่ว่า...ข้าเคยได้ยินมาว่าหากรับเ้าสิ่งนี้ติดต่อกันนานวันเข้าจะไม่สามารถ...”
“อี๋เหนียงไม่ได้ให้มันอยู่ใกล้ชิดกับร่างกาย แต่ถูกเตียงคั่นเอาไว้ กลิ่นที่แผ่ออกมาของมันไม่นับว่ามาก อีกทั้งอี๋เหนียงก็ชำระร่างกายทุกวัน ดังนั้นยังไม่นับว่ามีผลร้ายแรงถึงเพียงนั้น”
การปลอบใจของอวิ๋นซูทำให้อนุห้าผ่อนคลายลง ความจริงแล้วนางแอบออกไปให้หมอตรวจดูข้างนอก ท่านหมอเ่าั้ก็ได้บอกกับนางแล้วว่าร่างกายของนางไม่มีอะไรร้ายแรง แต่เมื่อได้ยินจากปากอวิ๋นซูนางถึงจะวางใจอย่างแท้จริง
ส่งอนุห้ากลับไปแล้ว อวี้เอ๋อร์ก็เข้ามาในห้อง เมื่อเห็นวัตถุสีดำบนโต๊ะก็ส่ายศีรษะไม่หยุด “คุณหนู นี่อะไรหรือเ้าคะ”
“ชะมดเชียง”
“เอ๋?!” สตรีน้อยที่เดิมทีจะยื่นมือไปแตะชักมือกลับในบัดดล ของสิ่งนี้ไม่มีผลดีต่อสตรีเป็อย่างยิ่ง “คุณหนูเ้าคะ อวี้เอ๋อร์จะนำไปทิ้ง”
“รอก่อน ไม่ต้องทิ้ง เก็บไว้ให้ข้าทำยา”
“...”
เช้าตรู่วันถัดมา
“คุณหนูหกเ้าคะ นี่คือสาวใช้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งมาให้คุณหนูคัดเลือกเ้าค่ะ”
แม่นมยิ้ม พาสาวใช้ยี่สิบคนเข้ามาในเขตเรือน สูงเตี้ยอ้วนผอมล้วนมีครบครัน ทำให้อวี้เอ๋อร์และชุ่ยเอ๋อร์มองจนตาลาย คนมากเช่นนี้ คุณหนูจะเลือกอย่างไรเล่า?
อวิ๋นซูเดินไปมารอบหนึ่ง แม่นมยืนรออยู่ด้านข้างอย่างสงบ จนกระทั่งสตรีน้อยเปิดปากกล่าวช้าๆ
“สาวใช้ในเรือนไผ่ ไม่อาจสวมใส่เครื่องประดับไม่อาจสวมชุดสวยงาม ไม่อนุญาตให้รับเงินรางวัลจากเรือนอื่น หากข้ารู้ จะทำโทษโบยยี่สิบไม้แล้วขายไปยังหอนางโลม”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ออกมา สายตาของหลายคนก็พลันเปล่งประกาย
อวิ๋นซูรู้ว่าตัวเอง้าอะไร สาวใช้ที่ชอบแต่งกาย ย่อมไม่คิดจะเป็เพียงสาวใช้ง่ายๆ เช่นนี้แน่ ส่วนนางก็ไม่อาจแบ่งใจไปช่วยให้สาวใช้คนหนึ่งกลายมาเป็อี๋เหนียงหรือเ้านายได้
ยามนี้มีสาวใช้จำนวนหนึ่งที่อวิ๋นซูเลือกออกมา นางมองไปยังแม่นม “คนพวกนี้ไม่้า”
เหลืออีกประมาณสิบคน อวิ๋นซูเดินรอบพวกนางอีกรอบหนึ่ง “ผู้ใดพอรู้วิชาต่อสู้ให้ลุกขึ้น”
ด้วยเหตุนี้จึงมีสาวใช้ห้าคนยืนขึ้น ที่เหลือถูกแม่นมพาตัวไป
“หากพวกเ้าซื่อสัตย์ต่อข้า ข้าจะไม่ทำให้พวกเ้าต้องลำบากแน่ แต่ถ้าหากผู้ใดกระทำการลับหลังเ้านาย...” ตอนนี้ อวิ๋นซูมองไปยังอวี้เอ๋อร์ สาวใช้ตัวน้อยรีบย้ายไหอันหนึ่งออกมาจากในห้อง เปิดออกต่อหน้าทุกคน
ข้างในมีแมงป่องและตะขาบอยู่จำนวนหนึ่ง
เพียงพริบตา สีหน้าของสาวใช้สามคนพลันเปลี่ยนสี แม่นมข้างๆ เห็นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ในใจ คิดว่าคุณหนูหกผู้นี้้าทำให้ผู้อื่นใตายหรืออย่างไร ทำเช่นนั้น จะมีใครกล้าเป็สาวใช้ข้างกายนางกันเล่า?
สุดท้าย สาวใช้ยี่สิบคนก็เหลือเพียงสองคน
อวิ๋นซูมองสาวใช้ทั้งสองที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าผู้หญิงธรรมดา แต่เป็สาวใช้ที่มีไม่ค่อยน่ารัก นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“แม่นม ข้าเลือกพวกนางแล้วกัน”
แม่นมติดตามข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ามาหลายปี นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นการเลือกสาวใช้เช่นนี้ คุณหนูหกผู้นี้ช่างทำให้ผู้คนยากจะเข้าใจ
เพียงไม่นาน ภายในเรือนไผ่ก็เหลือเพียงสาวใช้ที่มาใหม่ทั้งสอง อวิ๋นซูยิ้มบาง ไม่มีท่าทางแข็งกร้าวเฉกเช่นเมื่อครู่อยู่อีก “พวกเ้ามีนามว่าอะไร?”
“บ่าวชุนเซียงเ้าค่ะ” “บ่าวเซี่ยเหอเ้าค่ะ”
“วิชาต่อสู้ของพวกเ้าเรียนมาจากไหน”
ชุนเซียงลุกขึ้นยืน “ตอบคุณหนู ท่านพ่อของชุนเซียงเป็นายพราน พออายุเจ็ดขวบก็ถูกส่งเข้ามาเป็สาวใช้ในจวนโหว แต่ยังมิอาจเปลี่ยนแปลงความเคยชินที่ต้องฝึกฝนทุกเช้าได้เ้าค่ะ”
อวิ๋นซูมองไปยังเซี่ยเหอ เห็นใบหน้าของสาวใช้นางนั้นมีริ้วแดงขึ้นมา “บ่าว เรียนกับพี่ชุนเซียงเ้าค่ะ”
ที่แท้ตนก็เลือกสาวใช้ที่สนิทกันดีมาสองคน เช่นนี้ก็ดี อยู่ใกล้ชาดติดสีแดง อยู่ใกล้หมึกติดสีดำ เห็นได้ชัดว่านิสัยพวกนางไม่เลวนัก
ตอนนี้อวี้เอ๋อร์ทำตามคำสั่งก่อนหน้านี้ของอวิ๋นซู หยิบผ้าออกมาจากในห้องสองพับ “นี่คือของขวัญพบหน้าที่ข้ามอบให้พวกเ้า”
สาวใช้ทั้งสองรับผ้ามา ด้านในมีของบางอย่างอยู่จึงเปิดออกดู พบเงินก้อนหนึ่งนอนอยู่ด้านในอย่างสงบ ใบหน้าของพวกนางฉายแววตื่นตะลึง เมื่อครู่ได้ยินคุณหนูกล่าวเช่นนั้น พวกนางยังคิดว่าชีวิตในเรือนไผ่จะต้องลำบากเสียอีก เหตุใดคุณหนูหกถึงได้...
ราวกับเห็นความสงสัยในดวงตาของพวกนาง อวิ๋นซูยิ้ม “ข้าบอกไปแล้ว ไม่อนุญาตให้พวกเ้ารับเงินรางวัลจากผู้อื่น แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เ้ารับเงินรางวัลจากข้า ในยามปกติเรือนไผ่จะค่อนข้างประหยัด แต่สิ่งที่ควรใช้ก็ต้องใช้ ไม่ทำให้พวกเ้าลำบากหรอก ตอนนี้บอกกับข้าหน่อยเถิด เหตุใดพวกเ้าจึงเต็มใจอยู่ที่นี่?”
สาวใช้ทั้งสองรับเงินมา ชุนเซียงกล่าวออกมาก่อน “เมื่อก่อนบ่าวปรนนิบัติรับใช้อยู่ในเรือนฮูหยินผู้เฒ่า ทราบว่าคุณหนูหกฉลาดหลักแหลมเหนือผู้อื่น เข้ากับคนได้ง่ายไม่ทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น”
อวิ๋นซูเลิกคิ้ว หันไปมองเซี่ยเหอ “ไม่วิวาทกับผู้อื่นไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะไม่หาเื่ หากผู้อื่นรังแกข้า ควรจะทำเช่นไร?”
เซี่ยเหอสูดหายใจลึก “หากผู้อื่นรังแกคุณหนู เซี่ยเหอและยังมีพี่ชุนเซียงจะไปตีคนผู้นั้นเ้าค่ะ!”
“คิก...” อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ตอนนี้ชุนเซียงยิ่งมั่นใจว่าตนเองเลือกไม่ผิด อยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่านั้นดีแน่นอน แต่ว่าทุกคำพูดทุกการกระทำต้องระมัดระวังเป็อย่างมาก เข้มงวดเสียจนนางหายใจไม่ออก แต่ที่นี่ แม้คุณหนูหกจะดูไม่ยิ้มแย้ม แต่ในเขตเรือนกลับมีบรรยากาศสบายสุขสันต์ฟุ้งกระจาย ทั้งยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ชุนเซียงไม่ได้บอก นั่นก็คือ...นางรู้สึกว่าอยู่ข้างกายคุณหนูหก ค่อนข้างจะปลอดภัย!
“คุณหนูหกเ้าคะ มีเื่หนึ่ง ชุนเซียงคิดว่าควรจะให้คุณหนูหกเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ”
ทกคนหันไปมองชุนเซียง “เช้าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าได้รับจดหมายจากคุณชายสาม บอกว่าเขากลับมาที่เมืองแล้วเ้าค่ะ”
คุณชายสามอย่างนั้นหรือ?
เห็นท่าทางของอวิ๋นซู ชุนเซียงพลันคิดได้ว่า คุณหนูเพิ่งจะถูกรับกลับจวนมาไม่นาน ยังไม่เข้าใจนิสัยของคุณชายสาม “ความสัมพันธ์ของคุณชายสามกับคุณหนูรองดีมากทีเดียวเ้าค่ะ...”