บทที่ 28 ทุบบ้าน
สิบวันผ่านไป
บอกเลยว่าเย่จื่อเฉินไม่สามารถหยุดฝึกวิชากายล้อมเพชรนั่นได้เลย
กลยุทธ์วิชานี้ที่ยี่หนึงจินกุนส่งมาให้เขาคือเกราะชั้นแรกของกายล้อมเพชร ระดับความแข็งแรงน่าจะใช้กันมีด ปืน และไม้ได้
แต่ถ้าเป็อาวุธที่เป็ความร้อน ฝึกครึ่งปีก็ยังไร้ค่าอยู่ดี
อีกอย่างกายล้อมเพชรนี้แท้จริงแล้วมันก็เป็แค่เกราะป้องกันร่างกายเท่านั้น ยืดหยุ่นได้ เวลาที่คุณอยากใช้ก็แค่ปล่อยมันออกมา ไม่อยากใช้ก็เก็บเอาไว้
สองคำเลยคือ
สะดวก
"เย่จื่อ วันหยุดนี้จะทำอะไร ว่าไง ออกไปเที่ยวกับฉันไหม?"
ซูอี้อวิ๋นยืนพิงรถเฟอร์รารี่ราคาแพงหูฉี่คันนั้นของเขาอยู่ แล้วยักคิ้วให้เย่จื่อเฉิน
"มีเวลาที่ไหนล่ะ ผมต้องกลับบ้าน จะไปรับแม่"
ยังไม่สิ้นเสียงพูด โทรศัพท์ของเย่จื่อเฉินก็ดังขึ้นมา
รายชื่อที่โทรเข้ามาคือคุณป้า ที่จริงคุณป้าคนนี้ไม่ใช่ญาติของเขา แต่เป็เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านใกล้กัน
แต่ไหนแต่ไรมาท่านดูแลครอบครัวของเขามาตลอด
"ครับคุณป้า"
เย่จื่อเฉินยิ้มมุมปาก แต่ครู่เดียวสีหน้าของเขาก็นิ่งไป
"ครับ ผมเข้าใจแล้ว"
ตรู๊ดดด
วางสายไปแล้ว
หลังจากที่รับโทรศัพท์ ใบหน้าของเย่จื่อเฉินก็บึ้งตึงจนน่ากลัว
"เย่จื่อ เกิดอะไรขึ้น?"
"เย่จื่อ สรุปว่ามีอะไร?"
เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเย่จื่อเฉิน ซูอี้อวิ๋นจึงมีสีหน้าเป็กังวล
ั้แ่ทีแรกจนตอนนี้ เย่จื่อเฉินยังคงเงียบ แต่สองหมัดนั้นกลับกำแน่นไม่คลาย
"เ้าสาม ไปส่งฉันที่บ้านหน่อย"
บ้านของเย่จื่อเฉินเป็หมู่บ้านเล็กๆ นอกเมืองปิงเฉิง เมื่อเกิดการพัฒนาหมู่บ้านชนบท หมู่บ้านบริเวณแถบชานเมืองจึงค่อยๆ โดนกว้านซื้อและรื้อถอนโดยนักลงทุน
คนหลายสิบคนรายล้อมอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่พังทลายลง คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็ชาวบ้านในหมู่บ้าน
ชาวบ้านส่วนใหญ่ถือพวกจอบและพลั่วไว้ในมือ และพวกนักลงทุนที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเขาก็มีผู้ชายสวมเสื้อกล้ามสีดำสิบกว่าคนถือไม้กระบองอยู่
"แม่..."
ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานดังขึ้นนอกกลุ่มคน
ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ และพวกนักลงทุนต่างหันไปมองตามเสียง
"นี่มันเ้าเด็กเสี่ยวเย่ไม่ใช่เหรอ?"
มีชาวบ้านหลายคนจำได้ ในขณะเดียวกันนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากซากปรักหักพังของบ้านที่พังลง
ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะสวมเสื้อผ้าธรรมดา แต่ในท่วงท่าย่างกรายกลับมีประกายอยู่จางๆ โดยเฉพาะรอยยิ้มของเธอที่เป็มิตรไมตรีมาก
ซึ่งเธอก็คือเย่หรง แม่ของเย่จื่อเฉิน
"จื่อเฉิน ลูกกลับมาทำไม?"
เสียงของเย่หรงแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจที่ยากจะซ่อนไว้ เย่จื่อเฉินสาวเท้าเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายเธอ และมองสำรวจเธอขึ้นลงซ้ำไปมา
"แม่ครับ ไม่เป็อะไรใช่ไหม"
"ไม่เป็ไร ตอนที่พวกนักลงทุนมารื้อถอนบ้าน แม่ก็ไปอยู่กับป้าเขาแล้ว"
ใบหน้าของเย่หรงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ะเืใจที่โดนรื้อถอนบ้านเลยสักนิดเดียว
เมื่อมองบ้านที่พังทลายลง เย่จื่อเฉินก็นึกกลัวอยู่ในใจ
ถ้าตอนนั้นแม่อยู่ข้างในล่ะ...
แค่คิดว่าอันตรายอยู่ห่างจากมารดาเพียงแค่นั้น เย่จื่อเฉินก็ข่มความเดือดดาลในใจเอาไว้ไม่ไหว
เขาก้าวเท้าไปหยุดยืนอยู่หน้าชาวบ้าน มองพวกนักลงทุนที่อยู่ตรงข้าม
"ใครเป็หัวหน้างานที่นี่?"
"ฉันเอง"
ผู้ชายอายุประมาณสามสิบคนหนึ่งเดินออกมา
"คุณรู้หรือเปล่าการรื้อถอนมันอันตรายมาก ถ้าในบ้านที่คุณกำลังทุบมันมีคนอยู่ข้างใน คุณจะทำยังไง?"
"มีคนอยู่แล้วยังไง จะบอกอะไรนายให้นะ ถ้ามีคนอยู่ก็ยิ่งดีเลยน่ะสิ ตายไปคนหนึ่งก็เท่ากับว่าเชือดไก่ให้ลิงดู ก็แค่ชีวิตเดียว ไม่ใช่ว่าพวกฉันชดใช้ให้ไม่ได้เสียหน่อย"
ในน้ำเสียงของหัวหน้างานมีความเหยียดหยามอยู่ด้วย ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ มีสีหน้าโกรธแค้นกันหมดหลังจากที่ได้ยิน ดวงตาของเย่จื่อเฉินก็เยือกเย็นขึ้นทันที
กรอด
ออกแรงกำหมัดแน่น เย่จื่อเฉินเงยหน้าขึ้น ดวงตาสองข้างจ้องมองนักลงทุนคนนั้นเขม็งก่อนจะพูด
"คุณพูดอีกทีสิ"
"ไอ้หนู นายอย่ามาทำตัวเป็หัวหน้าใหญ่อยู่ที่นี่เลย ฉันจะบอกอะไรนายให้นะว่าการรื้อถอนบ้านถ้ามีคนตายก็คือตาย ถ้าไม่ตายก็ถือว่าเขาโชคดีไป"
ปีก
บัตรเครดิตใบหนึ่งถูกโยนใส่หน้าของหัวหน้างาน
"ในบัตรนั่นมีอยู่ห้าล้าน"
"นายจะทำอะไร?"
"ทำอะไรงั้นเหรอ?" ดวงตาของเย่จื่อเฉินเป็ประกายเยือกเย็น "ซื้อชีวิตของคุณไง"
"ไอ้หนู แกรนหาที่ตายใช่ไหม" หัวหน้างานตะคอกเสียงดัง แล้วหันไปะโบอกลูกน้องที่อยู่ข้างหลัง "สั่งสอนมัน"
"เกิดอะไรขึ้น จะไม่ให้หลับให้นอนเลยหรือไง?"
ทันใดนั้น วัยรุ่นคนหนึ่งที่คาบบุหรี่อยู่ในปากก็เดินลงมาจากรถตู้สีดำ
ชายหนุ่มเดินขมวดคิ้วมาทางเย่จื่อเฉิน หัวหน้างานคนนั้นยิ้มทันที ก่อนจะพูด
"คุณชายฮวาง มีคนมาโวยวายครับ"
"ใครกล้ามาก่อเื่ในพื้นที่ของฉัน" ชายหนุ่มขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง แต่เมื่อเห็นเย่จื่อเฉิน...
"คะ...คุณชายเย่"
"นี่เป็โครงการของนายสินะ?"
"คะ...คุณชายเย่ เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้วนะครับ"
เด็กหนุ่มตรงหน้านี้ก็คือฮวางิ ลูกพี่ลูกน้องของเซียวไห่ ที่จริงโครงการนี้ไม่ใช่ของครอบครัวเขา ที่เขามาที่นี่ก็แค่มาร่วมสนุกด้วยเท่านั้น แค่มาดูว่าจะยืมสิทธิ์ของพี่ชายเขาตักเอาน้ำมันไปได้บ้างหรือเปล่า
"เข้าใจผิด?" เย่จื่อเฉินหัวเราะขึ้นมาทันที "นายยืนอยู่ตรงนี้ แล้วนายมาบอกฉันว่าทุกอย่างนี่เป็เื่เข้าใจผิดงั้นเหรอ?"
"คุณชายฮวาง..."
"คุณชายฮวางบ้าอะไรเล่า รีบขอโทษคุณชายเย่ซะ"
ฮวางิยกมือขึ้นตบหัวหน้างานคนนั้น แล้วด่าลั่น
หัวหน้าคนงานที่โดนฮวางิก็ได้สติขึ้นมาแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้แม้แต่ฮวางิก็ยังทำอะไรไม่ได้
"คุณชายเย่ ผมมีตาแต่ไร้แววเอง..."
"หยุด ฉันไม่อยากฟัง" เย่จื่อเฉินชี้บัตรเครดิตที่อยู่บนพื้นใบนั้น "บัตรเครดิตใบนั้นเป็บัตรที่ใช้ซื้อชีวิตของคุณ ตอนที่ผมยังไม่ได้ตามหาคุณ คุณก็มีความสุขให้พอ แล้วผมจะมาจัดการคุณเอง"
"ส่วนนาย..." เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นชี้ไปทางฮวางิ "ฉันจะตามไปคิดบัญชีกับนาย แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้!"
"คุณชายเย่ นี่เป็เื่เข้าใจผิดจริงๆ นะครับ คุณฟังผมอธิบายก่อน" ฮวางิขอร้องอ้อนวอน หน้าผากและหลังของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมา
"คุณชายเย่ คุณชายเย่..."
"จื่อเฉิน ลูกคงจะไม่..." เย่หรงที่ได้ยินเย่จื่อเฉินพูดว่าจะซื้อชีวิตของนักลงทุน ในใจก็เกิดกลัวขึ้นมา
"แค่ขู่เขาครับ"
"เ้าเด็กคนนี้..."
ใบหน้าของเย่หรงมีแววตำหนิอยู่ แต่กลับไม่ได้ต่อว่าอะไรมากมายนัก
เย่จื่อเฉินยิ้ม ก่อนจะเหลือบตามองหัวหน้างานที่หมอบอยู่บนพื้น
"คนแบบนี้ก็ต้องขู่แบบนี้แหละครับ"
"ลูกนี่..."
เย่หรงส่ายศีรษะด้วยสีหน้าระอาใจ เย่จื่อเฉินยิ้มแห้ง ก่อนจะจับมือเธอแล้วพูด
"แม่ครับ ยังไงบ้านหลังนี้ก็โดนทุบไปแล้ว แม่ไปอยู่กับผมเถอะ"
"ก็ดีเหมือนกัน" เย่หรงมองบ้านที่ทรุดลงอย่างจนปัญญา ถ้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปมันก็อยู่ไม่ได้แล้วจริงๆ "แต่ที่นั่นค่าใช้จ่ายมันเยอะมากเลยนะลูก เรายังไม่ได้เซ็นสัญญากับนักลงทุนเลย ถ้าไปแล้วพวกเขาไม่ให้เงินจะทำยังไง?"
"พวกเขาไม่กล้าไม่ให้หรอกครับ ใช่มั้ยครับ คุณชายฮวาง..."
เย่จื่อเฉินยิ้มเยือกเย็นพร้อมกับเหลือบมองฮวางิที่อยู่ไม่ไกล พอรับรู้ได้ถึงสายตานี้ ฮวางิก็เหงื่อแตกพลั่กและพยักหน้าไม่หยุด
"ใช่ๆๆ เงินนี้พวกเราจะเอาไปให้แน่นอนครับ"
"งั้นก็ขอบคุณคุณชายฮวางด้วยก็แล้วกัน"
"คุณชายฮวาง ช่วยผมด้วย" เมื่อเย่จื่อเฉินกับเย่หรงเดินออกไปจากกลุ่มคนแล้ว หัวหน้างานก็จับแขนฮวางิเอาไว้แน่น ฮวางิยกเท้าขึ้นถีบเขาออกไป "ช่วยนายบ้าอะไรเล่า ฉันเองยังเอาตัวไม่รอดเลย"
หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยอาการสั่นเทิ้ม ก่อนฮวางิจะพูดกับคนในสายหน้าตาซีดขาว
"พี่ครับ ดูเหมือนว่าผมจะมีปัญหาแล้ว"