“ข้าไม่ได้เป็คนขอให้ช่วยเสียหน่อย เป็เ้าที่เข้ามาช่วยเองต่างหาก!” จื่อโตวกลอกตา
นางมารร้ายผู้นี้ช่างเป็คนที่โลภมากในหกโลกาเสียจริง!
“หรือต้องให้ใช้วิธีที่โเี้? ได้ เช่นนั้นข้าก็จะเอาิญญาของเขาออกมา แล้วใส่มันกลับเข้าไปในน้ำมันเช่นเดิม ท่านก็ค่อยๆ เอามันใส่กลับที่เดิมให้เขาก็แล้วกัน” ชิงอีพูดจบก็ลุกขึ้นยืนและเดินไป
สีหน้าของจื่อโตวเปลี่ยนไปทันที เดิมทีซานหุนของชายผู้นี้เปราะบางอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่สูญเสียหุนไปหนึ่งดวงเลย หากนางดึงออกมาเช่นนั้นอีกครั้ง ก็คงไม่จำเป็ต้องช่วยแล้ว! ตายไปจะง่ายกว่า!
ยิ่งไปกว่านั้น...การนำิญญากลับคืนสู่ร่างของฮ่องเต้จะทำให้สูญเสียพลังจำนวนมาก และเขาเองก็ไม่มีเปลวไฟบริสุทธิ์ เลยไม่รู้ว่ามันสิ้นเปลืองกำลังมากแค่ไหน!
“ช่วยก็ถือว่าช่วยไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเอามันออกมาอีก!” จื่อโตวรีบเดินมายืนอยู่ตรงหน้าเตียงทันที ก้มศีรษะให้กับนางมารร้ายอย่างหมดทางเลือก จากนั้นก็เผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ออกมา “ราชินีชิงอี เราต่างก็คนรู้จักสนิทคุ้นเคยกัน เ้าปล่อยมันให้เลยตามเลยไม่ได้หรือไร?”
“คนรู้จัก? ท่านกำลังฝันอยู่เหรอ?” ชิงอีกลอกตามองบน ยกมือเท้าสะเอว พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และชั่วร้ายคราเดียวกัน “ตอนนั้นมีใครบางคนมาขวางข้าไว้ที่นอกยมโลก แล้วพูดว่าอะไรนะ? ไม่อนุญาตให้สุนัขกับผีปรโลกเข้า?”
จื่อโตวกัดฟันแน่นจนฟันกรามแทบจะแตก นางมารร้ายผู้นี้ช่างเ้าคิดเ้าแค้นเสียจริง!
นั่นมันเป็เื่ที่ผ่านมาตั้งหลายพันปีแล้ว นางยังจะขุดเื่เก่าขึ้นมาอีก!
เพื่อทำตามหน้าที่ที่าามอบให้แล้ว เขาต้องทนไว้!
จื่อโตวสูดหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนั้นเป็ข้าที่โง่เอง มีตาหามีแววไม่ โปรดองค์หญิงชิงอีอย่าใส่พระทัยเลย”
ชิงอีส่งเสียงฮึออกมาอย่าเย่อหยิ่ง และจ้องมองที่เขา “ขนาดพูดขอโทษก็ยังไม่งอตัวให้ เห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่าไม่ได้จริงใจ”
จื่อโตวกัดฟัน เอามือทั้งสองประสานกัน แล้วยกขึ้นในระดับหน้าอกและก้มตัว
“ต่ำกว่านี้อีก”
“ก้มลงต่ำไปอีก”
“นี่ท่านอยากจะขอโทษข้าจริงๆ หรือไม่เนี่ย?”
ให้ก้มอีก หน้าเขาก็ติดพื้นแล้ว!
จู่ๆ จื่อโตวก็ยืนนิ่ง และพูดอย่างโกรธเคืองว่า “นางมารร้าย เ้าอย่าได้คืบแล้วจะเอา...”
สายตาของชิงอีแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด จากนั้นยกมือขวาขึ้น หือ? ท่านพูดต่อไปสิ
ความเย่อหยิ่งของจื่อโตวลดลงในทันที เขาก้มหน้าลงจนแนบพื้น และหันศีรษะด้านข้างครึ่งหนึ่งด้วยรอยยิ้มทื่อๆ และจ้องมองนาง “ราชินีชิงอี ท่านคิดว่าคำขอโทษนี้จริงใจเพียงพอแล้วหรือไม่?” ท่าทางเช่นนี้ หากมีชีวิตอยู่ คงอยู่ร่วมกันไม่ได้อย่างแน่นอน!
“ก็พอได้แหละมั้ง” ชิงอีโบกมืออย่างเกียจคร้าน เฮอะ เ้าหนุ่มน้อยออกสาวผู้นี้ ตอนนั้นมาขัดขวางข้าไม่ให้ไล่ตามเป่ยอินดีนัก! ก็โดนเช่นนี้ไปเสียเถอะ!
จื่อโตวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตัวตรง และท่องคาถาจิตบริสุทธิ์เพื่อระงับความโกรธตัวเองเอาไว้ แค่อดทนต่อความอัปยศอดสูและแบกรับภาระอันใหญ่หลวงนี้ก็จะบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ เขาไม่โกรธ เขาจะไม่โกรธผู้อื่น โอ๊ย! อย่างไรมันก็น่าโมโหอยู่ดี!!
“เห็นว่าท่านสำนึกผิด วันนี้ข้าก็จะไม่ทำให้ท่านลำบาก ขอแค่เพียงบุญสามถึงห้าร้อยปีก็พอ”
ดวงตาของจื่อโตวที่จ้องเขม็งจนเกือบจะหลุดออกมา “เ้า...เ้าจะมาเอาเปรียบเช่นนี้ไม่ได้นะ!”
“เช่นนั้นท่านก็ไปหาชีพั่วที่เหลือได้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน” ชิงอีพูดอย่างเกียจคร้าน “คิดไปแล้วเทพพิพากษาแห่งยมโลกก็คงจะหาชีพั่วกลับมาคืนยังร่างิญญาได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว”
จื่อโตวที่คิดบัญชีไว้ในใจ
กลับมาคืน...มันก็เอากลับมาได้อยู่ ทว่า ราคาที่ต้องจ่ายมันไม่น้อยเลยน่ะสิ
นับดูแล้ว บุญสามถึงห้าร้อยปีก็ถือว่าไม่ได้แย่สำหรับเขา
“ข้าให้เ้า เอาไปเลย!”
จื่อโตวกัดฟันแน่น แสงสีทองส่องประกายบนร่างกายของเขา พร้อมกับไข่มุกบุญกุศลหนึ่งลูกที่อยู่ในฝ่ามือของเขา
“รับไปซะ!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เป็ถึงเ้าแห่งปรโลกยังจะมาโลภในบุญหลายร้อยปีเหล่านี้อีก ไร้ยางอายสิ้นดี!
ชิงอีรับมาอย่างไม่เกรงใจ “หาชีพั่วได้แล้วค่อยมาหาข้าอีกครั้ง ไสหัวไปได้แล้ว”
จื่อโตวจ้องไปที่นางด้วยความเกลียดชัง เขาเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ไปนานกว่านี้เช่นกัน
หลังจากที่เขาออกไป อุณหภูมิในห้องโถงก็ค่อยๆ กลับมาเป็ปกติ
หลังของชิงอีที่ทรุดตัวลงอย่างช้าๆ และนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างราวกับว่าไม่มีกระดูก จ้องมองไปยังไข่มุกบุญกุศลบนมือ ด้วยแววตาลังเล
ฮ่องเต้เหยียนผู้นี้ตามทางของคนชั่วมาเป็เวลาหนึ่งปีครึ่งแล้ว และมันก็เป็ไปไม่ได้ที่ยมโลกจะไม่รู้เื่นี้ เช้าก็ไม่มาสายก็มา กลับมาช่วยในเวลานี้ มันคงบังเอิญใช่ไหม?
ยมโลกสนใจเื่ความเป็ความตายของฮ่องเต้แห่งโลกมนุษย์ขนาดนี้ั้แ่เมื่อไรกัน? ทั้งยังส่งจื่อโตวมาอีก?
“เ้าเด็กน้อย ข้าจะดูสิว่าเ้าจะเล่นเล่ห์เล่นเหลี่ยมอะไร”
นางกระตุกมุมปาก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากข้างนอก รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็สงบลงทันที
ฉู่จื่ออวี้ที่รออยู่ข้างนอกมานานจึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อตื่นขึ้นมา เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเลยรีบเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อชิงอีกำลังจะพูด นางก็เห็นสีหน้าของเด็กน้อยเปลี่ยนไป และก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว จากนั้นก็หจับมือนาง “ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าอวดเก่ง? ท่านไม่เป็อะไรใช่ไหม เหตุใดสีหน้าถึงดูไม่ดีเช่นนี้?”
มือทั้งสองยกขึ้นมากุมใบหน้านาง
เ้าเด็กน้อยนี่ช่างกล้านัก!
ในดวงตาของชิงอีที่เผยให้เห็นถึงความโกรธ นางง้างมือขึ้นมา ทว่า ก็วางลงกลับไป...แยกมือทั้งสองจากกันเบาๆ “ข้าไม่เป็ไร เอามือของเ้าออกไปได้แล้ว”
“ไม่เป็ไรจริงๆ ใช่ไหม?” ฉู่จื่ออวี้ไม่เชื่อ ในใจก็คิดว่าท่านหน้าซีดขนาดนี้จะไม่เป็ไรได้อย่างไร!
แสงที่มืดมนแวบเข้ามาในดวงตาชิงอี นางเตะเข้าไปที่ขาเล็กๆ ของเขา จนทำให้ฉู่จื่ออวี้ลงไปนอนอยู่บนพื้นด้วยความเ็ป
“ตอนนี้ยังจะคิดว่าข้าเป็อะไรอีกไหม?”
ฉู่จื่ออวี้ยืนขึ้น แยกเขี้ยวยิงฟันและจ้องไปที่นาง เกรงว่าต่อให้คนในวังนี้จะตายจนหมด ท่านก็ไม่เป็อะไร!
เขากัดฟันและเดินไปข้างๆ เตียง เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้เหยียนยังคงสลบอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหวัง “อย่างไรแล้ว...มันก็ไม่มีทางแล้วใช่ไหม?”
“เราต้องรออีกสองสามวัน” ชิงอีพูดพลางหลับตา
ฉู่จื่ออวี้มองนางด้วยความประหลาดใจ ทว่า ก็ไม่ได้สังเกตเห็นความอ่อนล้าในน้ำเสียงของนาง “ท่านช่วยเขาได้จริงๆ หรือ?”
ตอนนี้ชิงอีรู้สึกแค่ว่าร่างกายถูกเจาะจนกลวง นางี้เีเกินกว่าจะพูดเื่ไร้สาระกับเขา เมื่อลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกไป ทว่า กลับกลายเป็ตรงหน้าของนางมืดมิดไปหมด
ขณะที่กำลังล้มตัวไปข้างหน้า นางก็ไม่ลืมที่จะกลอกตา
มันจบแล้ว ตอนนี้นางทำให้ตัวเองสูญเสียพลังไปหมดแล้วจริงๆ!
ทว่า ก็ไม่ได้มีความเ็ปใดๆ และในชั่วพริบตา ก็มีคนคนหนึ่งมารับนางไว้
ฉู่จื่ออวี้ให้นางขี่หลัง และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ยังจะมาบอกว่าตัวเองไม่เป็ไรอีก ปากแข็งจริงๆ!”
ชิงอีกลอกตามองอีกครั้ง เ้าเด็กน้อยนี่กำลังจองหองต่อหน้าใคร!
“ข้าจะพาท่านกลับเอง” ฉู่จื่ออวี้ขมวดคิ้ว เดินออกไปพร้อมกับชิงอีที่อยู่บนหลังของเขา
ชิงอีเหนื่อยมากจนเผลอเอียงศีรษะหลับไป นางเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงรสชาติของคำว่า ‘เหนื่อย’ มาเป็เวลานานแล้วเช่นกัน
เขาไม่ได้สนใจสายตาตื่นตระหนกของข้าหลวงในวัง ตลอดทางที่ฉู่จื่ออวี้พานางกลับไปที่ตำหนักเชียวชิว องครักษ์หลายคนที่อยากจะเข้ามาช่วย ทว่า ทั้งหมดกลับถูกเขาปฏิเสธ
ตลกหรือไร พี่หญิงของเขาบอบบางและสูงส่ง จะให้คนตัวเหม็นพวกนี้มาจับได้อย่างไร!
หลังจากที่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร ฉู่จื่ออวี้ก็อารมณ์เสียอีกครั้ง!
เขาจะไปกังวลแทนฉู่ชิงอีทำไมกัน?
เสียงลมหายใจของหญิงสาวดังข้างหูของเขา ฉู่จื่ออวี้เอียงศีรษะและเหลือบมองมาที่นาง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง เมื่อเยาว์วัย นางก็คงจะอุ้มเขาแบบนี้ตลอดเลยสินะ?
ตอนนี้เขาโตแล้ว กลับกลายเป็เขาที่อุ้มนางไว้บนหลังของเขา
ดีจริงๆ ในที่สุดเขาก็โตแล้ว
มีความสามารถที่จะรับผิดชอบในสิ่งต่างๆ ได้แล้ว
วิชาซวนเหมินแล้วไงล่ะ คราวนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยให้นางถูกขับไล่ออกจากวังเหมือนในอดีตอย่างแน่นอน!
เมื่อพวกเขามาถึงตำหนักเชียนชิว ชิวอวี่และคนอื่นๆ ที่เห็นฉากนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เถาเซียงและต้านเสวี่ยเองก็รีบวิ่งออกมา
“องค์หญิงทรงเป็ไรอะไรเพคะ?”
“กระหม่อมจะไปเชิญหมอหลวงมาพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่ต้อง!” ฉู่จื่ออวี้รีบพูดออกมา เมื่อเห็นว่าทุกคนงงงวย ดวงตาของเขาเป็ประกายขึ้นมาและอธิบายว่า “นางแค่เหนื่อยแล้วผล็อยหลับไปก็เท่านั้น”
ฉู่จื่ออวี้ที่กลัวว่าคนด้านนอกจะรู้ และกังวลว่านางจะถูกเปิดเผยเื่วิชาซวนเหมิน ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าเรียกหมอหลวงมา
เมื่อได้ยินว่านางแค่นอนหลับไป ทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เถาเซียงและต้านเสวี่ยรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือเข้าไปในห้อง หลังจากวางชิงอีลงลงบนเตียงแล้ว นางกำนัลทั้งสองห่มผ้าให้นางก่อนจะออกไป
ฉู่จื่ออวี้ที่ยังคงอยู่นอกห้อง เมื่อเห็นพวกนางออกมา เขาก็รีบถามว่า “นางไม่เป็ไรใช่หรือไม่”
เถาเซียงพยักหน้า “ทูลองค์รัชทายาท องค์หญิงทรงหลับลึกเลยเพคะ”
ฉู่จื่ออวี้พยักหน้า เมื่อเถาเซียงเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่ออกไป จึงถามอย่างลังเลว่า “องค์รัชทายาทจะมีพระราชดำรัสสั่งอะไรอีกไหมเพคะ?”
ฉู่จื่ออวี้เม้มริมฝีปาก เดินไปลานด้านข้างและนั่งลง “ไปเอากาน้ำชามาให้ข้า”
เถาเซียงและต้านเสวี่ยมองหน้ากัน ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะไม่ไปจากที่นี่อีกสักพัก...
ภายในห้อง
เ้าแมวอ้วนะโขึ้นไปบนเตียง มองไปยังชิงอีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
มันหัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า “ไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะมีวันที่น่าอายขนาดนี้”
“เป็เพราะอยู่ในร่างมนุษย์สินะ แม้กระทั่งท่านเองเลยมีมนุษยธรรมเช่นกัน?” เ้าแมวอ้วนพูดพึมพำ “ถึงจะผ่านมาหลายพันปีแล้ว ข้าก็ยังไม่เข้าใจท่านอยู่ดี ชิงอี”
