“กลับมาแล้วหรือ? พวกเ้าคุยอะไรกันถึงคุยนานขนาดนี้?”
เช้านี้เดิมทีอ๋าวหรานจะมาหาจิ่งฝานเพื่อเรียนวิชาแพทย์ แต่สุดท้ายทั้งสองเพิ่งเริ่มเรียนไปได้ไม่นาน จิ่งฝานก็ถูกเรียกไปประชุม ไปนานถึงเกือบสองชั่วยาม อ๋าวหรานทำได้เพียงอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องในห้องหนังสือไป
จิ่งฝานนั่งลงหน้าโต๊ะ “จิ่งเหวินซานจะจัดงานประลองยุทธ์ขึ้น”
อ๋าวหรานประหลาดใจ “งานประลองยุทธ์หรือ?”
จิ่งฝานพลิกหนังสือบนโต๊ะ พยักหน้าตอบรับ “แล้วยังจะส่งเทียบเชิญไปทั่ว เชิญตระกูลใหญ่หลายตระกูลมาเข้าร่วมอีกด้วย”
!!!
นี่มันอะไรกัน ในนิยายต้นฉบับไม่มีเสียหน่อย
จิ่งฝานเห็นดวงตาของเขาเบิกกว้าง จึงเลิกคิ้วมองทีหนึ่งแล้วก้มหน้าลง “ใขนาดนี้ทำอะไร?”
อ๋าวหรานเก็บสีหน้า “ข้าแปลกใจนิดหน่อย ลุงใหญ่เ้าเหตุใดจู่ๆ ถึงได้จัดงานประลองยุทธ์ขึ้น...จัดงานพบปะทายาทผู้มีความสามารถยอดเยี่ยมครั้งประวัติศาสตร์เพื่อให้รู้จักกันและกันมากขึ้น?”
“...” จิ่งฝานเงยหน้ามองเขา “ประโยคแรกนั้นข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ประโยคหลังนั้นเป็ความคิดของจิ่งเหวินซานจริงๆ”
สร้างเื่หรือยังไงกัน นี่เหมือนเป็งานที่จะมีคนไม่ดีจำนวนมากแทรกซึมเข้ามาได้ เอาทุกๆ ตระกูลมารวมกันอยู่ที่ตระกูลจิ่งเช่นนี้ คนที่มีใจกระทำการก็สามารถสมคบคิดกันได้อย่างง่ายดาย ราวกับเอาะเิมาลอบวางไม่มีผิด
“เ้าเห็นด้วยหรือ?”
“ข้าเห็นด้วยหรือไม่แล้วจะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้คนที่ตัดสินใจได้ไม่ใช่ข้า อีกทั้ง…” จิ่งฝานยิ้มน้อยๆ ราวกับไม่ใส่ใจ “การแข่งขันครั้งนี้หากข้าไม่ได้ที่หนึ่ง นายน้อยของตระกูลจิ่งก็จะถูกเปลี่ยนคนแล้ว”
อ๋าวหราน “อ้าว...”
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันไปหมดเนี่ย
อ๋าวหราน “ตระกูลจิ่งยังจะมีใครเหนือไปกว่าเ้าอีก พวกผู้าุโตระกูลเ้านี่คิดอะไรอยู่กันแน่”
จิ่งฝานไม่ได้บอกว่าเื่เปลี่ยนตัวนายน้อยเป็ความคิดที่ตนเสนอขึ้น เพียงยิ้มน้อยๆ เท่านั้น “คงเห็นข้าจนเบื่อแล้วกระมัง”
“...” อ๋าวหรานหมดคำพูด “พี่ชาย เ้าวางใจได้เต็มร้อย เ้ายังคงงดงาม ในตระกูลเ้ามีเ้านี่แหละรูปงามที่สุด มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ”
จิ่งฝาน “...”
อ๋าวหรานถอนหายใจดังเฮ้อออกมาครั้งหนึ่ง “คงเป็ลุงเ้าที่้าสร้างความลำบากให้มากกว่า”
จิ่งฝานไม่พูดเื่นี้อีก เพียงถามว่า “ยังอยากเรียนอยู่หรือไม่?”
อ๋าวหรานรีบพยักหน้า “เรียน!” เื่นี้ก็เป็ที่แน่ชัดแล้ว ตัวเองคงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงรอรับมือไปตามสถานการณ์
จากนั้นยังอดกำชับไม่ได้ว่า “เ้าก็ระวังไว้หน่อยดีกว่า เผื่อมีคนลักลอบเข้ามา ยังไม่ต้องพูดถึงพวกคนนอก พวกในตระกูลเ้าเองในเมื่อกล้าพูดออกมาว่า ‘ถ้าเ้าไม่ได้ที่หนึ่งก็จะเปลี่ยนตัวนายน้อย’ เช่นนี้แล้ว คาดว่าคงจะวางแผนอะไรไว้แน่ เ้าต้องป้องกันตัวเองให้ดี ่นี้ก็ต้องระวังไว้ให้มากตลอดเวลา”
“อีกอย่าง หากไม่ไหวจริงๆ ไม่ว่าเื่ใด เ้าก็ไปหาศิษย์พี่ข้าแล้วค่อยออกโรงพร้อมกัน วรยุทธ์ของเขานับว่าไม่เลว สองคนย่อมดีกว่าคนเดียวอยู่แล้ว”
คำพูดมากมายของอ๋าวหรานราวกับเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาจิ่งฝาน แต่กลับชัดเจนจนประทับลงในใจเขาทุกคำจนเขารู้สึกมึนหัวเล็กน้อย
“เ้าเหม่ออยู่หรีอ? อย่างน้อยก็ฟังเสียหน่อยเป็ไร เื่ไม่คาดฝันนี่แหละที่ต้องระวังให้ดี”
จิ่งฝานส่งเสียงดังอ้อเฉยๆ ออกมาทีหนึ่ง เนิ่นนานถึงจะดึงสติกลับมา เมื่อมองดูคนตรงหน้าก็รู้สึกโกรธขึ้นมา และรู้สึกหงุดหงิดจนข่มไม่ลง เขาจับท้ายทอยของอ๋าวหรานอย่างดุดัน “ยุ่งไม่เข้าเื่ทุกเื่”
อ๋าวหรานปลง “เฮ้อ ข้าพูดดีๆ กับเ้านะ!”
จิ่งฝานออกแรงที่มือ “คิดว่าข้าไม่รู้หรือ? ถึงต้องให้เด็กที่ฟันยังขึ้นไม่ครบเช่นเ้ามาสอนข้า?”
อ๋าวหราน “ทำไมจะไม่...” เยี่ยม ตอนนี้ฟันคุดเขายังไม่ขึ้นดี
แต่ชาติที่แล้วก็ขึ้นหมดแล้วนะ
อ๋าวหรานพยายามดึงมือเขาออก แต่ดึงอยู่นานก็ไม่หลุด เ้าเด็กนี่แรงเยอะเหลือเกิน “จิ่งฝาน ทำไมเ้าถึงได้นิสัยเสียชอบจับคอคนอื่นนัก ไม่ช้าก็เร็วข้าคงถูกเ้าบีบคอตาย”
“รู้เวลาแน่นอนว่างานประลองนี้จะจัดขึ้นเมื่อไรหรือไม่?”
จิ่งฝานส่ายหน้า “คาดว่าคงอีกสักพัก ดูท่าทางจิ่งเหวินซานคงอยากจะทำอะไรบางอย่าง คงต้องเตรียมการเป็อย่างดี ไหนจะต้องส่งเทียบเชิญอะไรต่อมิอะไรอีก ไปๆ มาๆ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสิบกว่าวัน”
อ๋าวหรานพยักหน้าแล้วถามอีกว่า “พวกเราเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่?”
จิ่งฝานพยักหน้า น้ำเสียงแฝงแววชั่วร้าย “ศิษย์พี่เ้าถึงแม้จะไม่ได้ที่หนึ่ง แต่ได้อันดับต้นๆ คงจะไม่เป็ปัญหา แล้วตัวเ้าเล่า?”
“...” อ๋าวหรานปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม “พี่ชาย ปล่อยคอข้าเถิด ตอนนี้ข้าอยากตั้งใจเรียนวิชาแพทย์”
จิ่งฝานยกยิ้ม
ในใจอ๋าวหรานก็แอบค่อนแคะจิ่งฝาน แต่ก็ตัดสินใจไม่ต่อความยาวสาวความยืด ตั้งใจเรียนวิชาแพทย์กับเขาไป ส่วนเรือนตะวันออกของจิ่งเหวินซานตอนนี้คึกคักเป็อย่างยิ่ง คนที่สนับสนุนจิ่งเหวินซานยืนอยู่ข้างจิ่งเหวินซาน ขอแค่มีอำนาจนิดหน่อย ตอนนี้ล้วนไปเบียดกันอยู่ที่ห้องหนังสือของจิ่งเหวินซาน
ตระกูลจิ่งน้อยนักที่จะมีกิจกรรมใหญ่เช่นนี้ พอมีงานหนึ่งก็ต้องจัดให้ยิ่งใหญ่อลังการ โดยเฉพาะสำหรับจิ่งเหวินซานแล้ว งานประลองยุทธ์นี้จิ่งเฟิงกั๋วมอบหมายให้เขาดำเนินการ เช่นนั้นเขาก็จะไม่ให้โอกาสคนที่สนับสนุนจิ่งฝานเข้ามาสอดมือได้
ตระกูลจิ่งมีประวัติศาสตร์นานนับพันปี ไม่มีทางจะเป็เหมือนฟืนกองเดียวที่มัดอยู่รวมกันได้ ระหว่างทางก็มีแตกแยกไปบ้าง วรยุทธ์ของจิ่งเหวินซานในตระกูลจิ่งนับว่าสูงมากแล้ว และเขาก็มีความคิดมีแผนการ ไม่เหมือนจิ่งเหวินเหอที่้าแค่ชีวิตอิสระ ไม่ค่อยมีความสนใจเื่อื่น เขาเห็นความสำคัญของเงินและอำนาจ หลายปีมานี้จึงมักลักลอบขายสมุนไพรกับตำรับยาอยู่บ่อยๆ และหาวิธีทำเงินแบบอื่นๆ ด้วย
ั้แ่อดีตมา มีเงินก็เท่ากับมีแรง แรงของคนตระกูลจิ่งพวกนี้ส่วนมากก็ถูกจิ่งเหวินซานซื้อไป อีกทั้งถึงแม้ตระกูลจิ่งจะมีผู้าุโบางคนหวังจะวิจัยวิชาแพทย์อย่างสงบๆ หลบเร้นจากโลกภายนอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะยินยอม ย่อมต้องมีคนที่ฝันใฝ่ถึงโลกหลากสี หลากพันกิเลสโลกีย์ภายนอก จิ่งเหวินซานรู้จักคว้าใจคน และยังรู้จักหลอกใช้คนอีกด้วย
ถึงทุกวันนี้คนที่เขาสามารถใช้งานได้ เขาก็ไม่ยอมปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ดึงมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของเขาทั้งหมด ส่วนคนที่เขาใช้ไม่ได้ เขาก็ยังหาวิธีใช้งานบ้างจนได้
“ข้อเสนอของเหวินซานไม่เลวทีเดียว นี่จะทำให้ตระกูลจิ่งของเรามีชื่อเสียงขึ้นในแผ่นดินใหญ่ไม่มากก็น้อย ให้ตระกูลอื่นมีโอกาสได้เปิดหูเปิดตาถึงความสามารถของตระกูลจิ่งเรา ทั้งยังมอบโอกาสให้ลูกหลานตระกูลจิ่งของเราได้แสดงฝีมืออีกด้วย”
“นั่นสิ เสี่ยวเคอ ถึงตอนนั้นเ้าต้องทำให้ดีล่ะ ข้าเห็นเ้ามาั้แ่เด็ก ทั้งสงบนิ่ง และจัดการเื่ราวได้เหมาะสมยิ่ง แต่กลับถูกเ้าเด็กจิ่งฝานนั่นกดเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเ้าคงมีโอกาสนานแล้ว ชิงที่หนึ่งครั้งนี้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกลุงๆ อาๆ จะสนับสนุนเ้าเป็นายน้อยเต็มที่”
จิ่งเคอยิ้มอย่างฝืนๆ แต่ก็รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว “ขอรับ ขอบคุณท่านอาสามที่สนับสนุน”
ั้แ่วันนั้นที่ได้เห็นวรยุทธ์ของจิ่งฝาน มันก็ติดอยู่ในใจจิ่งเคอมาตลอด ทั้งยังเป็กังวลว่าหากที่เห็นวันนั้นคือพลังที่แท้จริงของจิ่งฝาน ถ้าเช่นนั้นเขาจะชนะจิ่งฝานได้อย่างไร? จะสามารถแทนที่เขาได้หรือ?
ไม่มีใคร ณ ที่นั้นเห็นถึงความกังวลของจิ่งเคอ แต่ละคนพูดไม่หยุดราวกับเปิดไมค์อยู่ก็ไม่ปาน ทุกคนล้วนชมเชยจิ่งเคอว่าสงบนิ่งมีความสามารถ เป็เด็กที่มีความสามารถโดดเด่น เหมาะสมที่จะเป็ผู้นำตระกูล
จิ่งเหวินซานค่อนข้างสงบนิ่ง ยิ้มรับคำชมของทุกคนเงียบๆ นานๆ ครั้งจึงจะพยักหน้าสักที รอจนทุกคนพูดกันพอประมาณแล้ว เขาถึงค่อยพูดออกมา “ท่านปู่มอบเื่นี้ให้ข้าจัดการ นับเป็ความเชื่อใจและความคาดหวังยิ่ง ข้าก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ท่านปู่และตระกูลจิ่งผิดหวัง วันนี้ที่เรียกทุกท่านมาก็เพื่อจะถามความเห็น อย่างไรเสียงานใหญ่ขนาดนี้ ข้าก็ไม่มีแบบอย่างให้ดู จึงทำได้เพียงระดมความเห็นจากทุกท่าน อย่าให้เกิดความผิดพลาดได้ จงทำให้สมบูรณ์แบบให้มากที่สุด”
ทุกคนล้วนรีบตอบรับ
จิ่งเหวินซานรู้สึกเบิกบานใจอย่างยิ่งที่ทุกคนให้ความร่วมมือ “ทุกท่านก็เป็คนที่ข้าไว้เนื้อเชื่อใจ การได้รับความไว้วางใจและสนับสนุนจากทุกท่านถือเป็เกียรติอย่างยิ่ง ข้าเองก็จะตอบแทนทุกท่านอย่างเต็มที่ งานประลองยุทธ์ไม่เพียงเป็โอกาสสำหรับลูกหลานตระกูลจิ่งเท่านั้น แต่ยังเป็โอกาสของพวกเรา พวกเราหวังเสมอว่าตระกูลจิ่งจะได้เป็ตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง น่าเคารพและสง่างามบนแผ่นดินใหญ่ ไม่ใช่เอาแต่หลบซ่อนอยู่ในภาคตะวันออกเล็กๆ นี้ ไม่เคยออกหน้าออกตา ทำให้โลกค่อยๆ ลืมพวกเรา ดูถูกเรา คิดว่าเราเป็แค่หมอทึ่มๆ เพราะฉะนั้น…”
พูดถึงตรงนี้ จิ่งเหวินซานก็สาดสายตาไปยังผู้คน “ครึ่งเดือนหลังจากนี้คงมีเื่ให้ต้องยุ่งกันอีกมาก เื่นี้ข้าคนเดียวย่อมทำไม่ไหว แต่ข้าก็ไม่วางใจจะให้คนที่มีความเห็นไม่ตรงกับเราเป็คนทำ ดังนั้นเกรงว่าคงต้องรบกวนทุกท่านแล้ว และหวังว่าทุกท่านจะตั้งใจทำตามหน้าที่ที่ข้าแบ่งสันให้ จะได้ไม่เกิดความผิดพลาด”
คนพูดก็ยังคงเป็คนที่จิ่งเคอเรียกว่าท่านลุงสาม คนผู้นี้ทุบอกตัวเอง รับรองอย่างจริงจังว่า “เหวินซาน้าอะไรสั่งพวกข้ามาได้เลย รับรองต้องสำเร็จด้วยดีอย่างแน่นอน”
จิ่งเหวินซานรีบยิ้มแสดงความขอบคุณ
เมื่อมีคนนำ คนที่เหลือก็เริ่มแสดงท่าทีให้การรับรองว่าจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขอแค่จิ่งเหวินซานสั่งมา
หลังจากที่คนกลุ่มนี้จากไป จิ่งเหวินซานก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม ดื่มชาอย่างเริงร่า ท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ของเขาพลันดูเบิกบานขึ้นหลายส่วน ดวงตาที่ขุ่นมัวก็กลับสุกสว่างขึ้นมา
จิ่งเคอมองดูบิดาที่ดื่มชาอย่างเริงร่าจนรู้สึกกังวล
ราวกับรับรู้ได้ จิ่งเหวินซานจึงเงยหน้าขึ้นมองเขา เป่าชาแล้วพูดขึ้นว่า “ทำไม? ท่าทางจะเป็จะตาย”
ดวงตาของจิ่งเคอแข็งค้างขึ้นมา แต่เขาไม่เคยกล้าคัดค้านหรือทุ่มเถียงกับบิดา ทำได้เพียงถอนหายใจหนักๆ พยายามอย่างยิ่งเพื่อให้น้ำเสียงสงบนิ่งมากที่สุด “ที่ท่านพ่อบอกว่าจะจัดงานประลองยุทธ์ขึ้นมา ลูกเองก็คิดว่าทำได้ แต่ที่ท่านพ่อพูดว่าถ้าประลองได้ที่หนึ่งจะได้ตำแหน่งนายน้อย สิ่งนี้ลูกไร้สามารถ”
จิ่งเหวินซาน “เ้าไม่มีความมั่นใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
จิ่งเคอสูดหายใจลึกๆ “เมื่อวานข้าก็พูดกับท่านพ่อไปแล้ว วรยุทธ์ของจิ่งฝานเกรงว่าจะเทียบเท่ากับท่านพ่อ หากเป็เมื่อก่อนข้าคงไม่กลัวที่จะท้าประลองกับเขา แต่ตอนนี้ข้าไม่มีความมั่นใจจริงๆ”
จิ่งเหวินซานส่งเสียงเฮอะหนักๆ ออกมาหนึ่งครั้ง “เ้าก็แค่เห็นเขาสู้กับเ้าเด็กไร้ชื่อจากไหนก็ไม่รู้จากที่ไกลๆ ก็คิดว่าเขาเก่งกว่าข้าแล้วหรือ เพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวเ้าก็เคยเห็นมาแล้ว เพลงกระบี่จืดชืดเช่นนี้จะไปทำอะไรได้?”
ไม่รอให้จิ่งเคอตอบ จิ่งเหวินซานก็พูดต่อ “ต่อให้จิ่งฝานเหนือกว่าข้าแล้วยังไง? ในเมื่ออำนาจในการกำหนดชัยชนะของการประลองครั้งนี้อยู่ในมือข้า ข้าก็จะไม่มอบโอกาสชนะใดๆ ให้แก่เขา!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้