ชายชราสวมชุดนักพรตเดินเข้ามาในร้านฉวินเสียนโหลวพร้อมปัดแส้หางม้าไปมา เขาเดินมาเบื้องหน้าเหอตังกุย ก่อนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ข้านับนิ้วตรวจดวงชะตาจึงรู้ว่าแม่นางเป็เทพธิดาไห่ถัง บริวารของเ้าแม่หวังหมู่ที่กลับชาติมาจุติบนโลกมนุษย์ เช่นนี้ดีหรือไม่ ข้ายอมเสี่ยงอันตรายถูกอสนีบาต ยอมลดอายุขัยของตนสิบปี เพื่อฝ่าฝืนเปิดเผยความลับของ์ให้เ้ากลับไปเป็เทพธิดาอีกครั้ง กลับไปบนทางสว่างเป็บริวารของเ้าแม่หวังหมู่เช่นเดิม ขอเพียงเ้า... ให้ข้ากินอาหารกลางวันเหล่านี้เท่านั้น ดีหรือไม่? อย่างไรพวกเ้าก็กินไม่หมดอยู่แล้ว” น้ำเสียงของชายชราอ่อนโยนทว่าแปลกประหลาด ผู้คนจึงอดหัวเราะไม่ได้
เหอตังกุยเงยหน้าจับจ้องชายชราด้วยความประหลาดใจทันที แม้แต่ตะเกียบในมือยังร่วงหล่น
ชายชราจมูกโด่งเป็สันที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้มีผมขาวแกมเทาเต็มศีรษะมากกว่าขนแส้หางม้าในมือเสียอีก โหนกแก้มตอบจนแทบไม่เห็นเนื้อหนัง แม้ใบหน้าจะธรรมดาและแตกต่างจากผู้บำเพ็ญตบะที่เป็ะอย่างสิ้นเชิง ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับมีชีวิตชีวาไม่น้อย เขากวาดตาพิจารณาเหอตังกุยั้แ่หัวจรดเท้าอย่างเปิดเผย
เหอตังกุยก็มองพิจารณาเขาเช่นกัน เขาแต่งตัวเหมือนพวกต้มตุ๋นที่หลอกว่าตนติดต่อกับิญญาและเทพได้ตามมาตรฐานทั่วไปที่รู้จักกันดี ในมือถือป้ายเขียนว่า “สามัญชนพบเทพเ้า” ด้านล่างเขียนราคาทำนายเื่ต่าง ๆ อย่างละเอียดด้วยอักษรเสี่ยวจ้วน “ดูฮวงจุ้ยบ้านเรือน สามเหรียญ คำนวณจุดฝังศพมงคล ห้าเหรียญ เปิดเส้นทางความมั่งคั่งในการทำมาหากิน หกเหรียญ เรียกความรัก แปดเหรียญ (มีสูตรยาสืบทอดจากบรรพบุรุษ สามารถรักษาโรคที่ไม่มีวันหาย ราคาต่อรองได้) เปลี่ยนโชคชะตากับดาวจื่อเวย ต่อรองราคาได้...”
เจินจิ้งมองนักพรตผู้นั้นด้วยความกังวล พลางเอ่ยแนะนำ “ท่านผู้เฒ่า ความสามารถของเสี่ยวอี้นั้นมากมายนัก นางสามารถกลับไปเกิดเป็เทพธิดาได้ไม่ช้าก็เร็ว ท่านอย่าเปิดเผยความลับของ์เลยเ้าค่ะ หากต้องลำบากลดอายุขัยของท่าน พวกข้าคงไม่สบายใจเป็แน่”
เหอตังกุยมองนักพรตผู้นั้นด้วยความประหลาดใจ ชั่วขณะนั้นคำถามในใจของนางพลันกระจ่าง จิ่นอีเว่ยเ่าั้ เกรงว่าจะตามหาเขาผู้นี้...
ลูกจ้างในร้านวิ่งเหยาะ ๆ พลางโบกผ้าไล่เขาเช่นเดียวกับที่โบกไล่แมลงวันเมื่อครู่ ก่อนเอ่ยตำหนิ “ไป ๆ ๆ รีบออกไปเดี๋ยวนี้ หน้าประตูร้านก็เขียนชัดเจนแล้ว ‘นักบวช นักพรต ขอทาน ห้ามเข้าเด็ดขาด’ เ้ากล้าเดินเข้ามาได้อย่างไร ร้านฉวินเสียนโหลวมีคนเคยฝึกวรยุทธ์กว่ายี่สิบคน ตาแก่อย่างเ้าอยากลองดูหรือไม่?”
ชายชราผู้นั้นลูบจมูกด้วยความเศร้าใจ พลางกวาดตามองอาหารบนโต๊ะ ก่อนหันหลังเดินจากไป
“ท่านนักพรต ช้าก่อนเ้าค่ะ” เหอตังกุยรีบลุกขึ้นทันที ก่อนหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ ท่านนักพรตโปรดหยุดก่อน ข้าน้อยเห็นว่าท่านประพฤติปฏิบัติเหมือนผู้บำเพ็ญะ เป็คนไม่ธรรมดาจึงอดชื่นชมไม่ได้ อยากเชิญท่านดื่มเหล้าสักไห ไม่ทราบว่าท่านนักพรตจะให้เกียรติข้าน้อยหรือไม่?”
ชายชราและลูกจ้างในร้านต่างแสดงสีหน้าเหลือเชื่ออย่างพร้อมเพรียงกัน ลูกจ้างในร้านคิดในใจ ‘เวรเอ๊ย ตาแก่ผู้นี้เพียงอยากกินข้าว ไหนเลยจะเป็ผู้บำเพ็ญะ? ให้ข้า ซี่จิ่วเอ๋อร์ สวมชุดนักพรตยังน่าเชื่อถือกว่าหลายเท่า’
หลังชายชราหายใ เขากลับไม่แสดงสีหน้าดีใจแม้แต่นิดเดียว หากแต่เป็ความลังเลเข้าแทนที่ ประการแรก เขาสงสัยต่อความกระตือรือร้นของสาวน้อยใบหน้างดงามเบื้องหน้า สายตาที่จับจ้องเขาทอประกายระยิบระยับราวบรรจุดวงดาวไว้ในนั้น ทำให้เขาไม่มั่นใจในทักษะการปลอมตัวของตน อีกประการคือเขาติดเหล้าขั้นรุนแรง เมื่อสาวน้อยหน้าตางดงามเอ่ยเชิญ แม้เขาอยากจากไปแต่ก็ไม่สามารถก้าวเท้าออกจากร้านได้
เหอตังกุยเสมือนเดาความคิดในใจเขาออก จึงหันไปเอ่ยกับเสี่ยวเอ้อร์ “เสี่ยวเอ้อร์ ขอเหล้าจูเยี่ยฉิงสองไห สั่งกับแกล้มในครัวให้ข้าด้วยสองสามจาน ได้ยินว่าปูแช่เหล้าที่ร้านฉวินเสียนโหลวเป็ที่เลื่องลือ เลือกอาหารจานหลักประเภทนึ่งให้พวกข้าด้วยสักสองสามอย่าง”
เสี่ยวเอ้อร์รับคำสั่งด้วยใบหน้าตะลึงงัน ในบรรดาเื่แปลกประหลาดที่เกิดขึ้น วันนี้แปลกประหลาดกว่าทุกวัน แม่นางน้อยน่ารักผู้โง่เขลาตกหลุมรักนักพรตยากจนผู้น่าสงสารั้แ่แรกพบหรือ?
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มีเงิน ผู้นั้นย่อมเป็พระเ้า ไม่นานเสี่ยวเอ้อร์ก็วิ่งกลับมาพร้อมเหล้าหมักสองไหในอ้อมแขน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มประจบประแจง ทั้งยังเทเหล้าหมักให้แก่นักพรตด้วยตัวเองราวกับคนที่ไล่ชายชราออกจากร้านเมื่อครู่นั้นเป็คนอื่นที่ไม่ใช่ตน
ชายชราดื่มหมดในคราวเดียว เสี่ยวเอ้อร์จึงรินเหล้าอีกครั้ง ชายชราผู้นั้นก็ยังดื่มจนหมด เสี่ยวเอ้อร์ก็รินเหล้าให้เขาเต็มถ้วยอีก วนไปเช่นนี้สิบครั้ง เหล้าหนึ่งไหก็หมดเกลี้ยงเสียแล้ว เสี่ยวเอ้อร์และเจินจิ้งต่างมองชายชราผู้นั้นอย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเขาจะดื่มเหล้าเก่งเหมือนอาบเช่นนี้
เหอตังกุยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านนักพรตดื่มเหล้าเก่งจริง ๆ ข้าน้อยเลื่อมใสมากเ้าค่ะ เสี่ยวเอ้อร์ ยกไหเหล้ามาเพิ่มอีกสักสองสามไห แล้วค่อยไปดูว่าปูแช่เหล้าเสร็จหรือยัง” เสี่ยวเอ้อร์รับคำแล้วออกไปทันที
ชายชราถูกสายตาแวววาวของนางจับจ้องจนทำตัวไม่ถูก จึงกระแอมไอพลางดึงจานเป็ดย่างข้างมือเจินจิ้งมาตรงหน้า เขาจงใจกินอย่างตะกละตะกลามและหยาบโลนที่สุด เพื่อให้แม่นางทั้งสองที่ร่วมโต๊ะเดียวกันรังเกียจแล้วไล่เขาออกไป เป็ดังที่คิดไว้...
“เสี่ยวเอ้อร์” เหอตังกุยะโ ชายชราผู้นั้นยิ้มออกมา นางอยากให้เสี่ยวเอ้อร์ไล่เขาไปใช่หรือไม่? เหอตังกุยชูสองนิ้วด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางเอ่ย “ขอเป็ดย่างอีกสองจาน เห็นท่านนักพรตกินเอร็ดอร่อยเพียงนั้น ข้าก็อยากกินบ้าง” ชายชราชะงักทันที อะไรนะ? ลูกไม้ของเขาไม่ได้ผลหรือ?
เหอตังกุยเห็นชายชราไม่กินต่อ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดท่านนักพรตไม่กินเยอะ ๆ เล่า หรืออาหารไม่ถูกปาก? หากท่านอยากกินอะไร ขอเพียงเอ่ย ไม่ต้องเกรงใจหรอกเ้าค่ะ”
ชายชราผู้นั้นเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนใจ “แม่นาง เ้าดีกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็ไม่อยากโกหกเ้าอีกต่อไป ความจริงแล้วข้าเป็เพียงนักต้มตุ๋น ความสามารถอันใดก็ไม่มี ที่ข้าบอกว่าเ้าเป็เทพธิดาก็เพียงสร้างเื่หลอกเ้าเท่านั้น ขออภัยด้วย เ้ารีบให้เสี่ยวเอ้อร์ไล่ข้าไปเถิด ข้าเป็เพียงไอ้แก่ขี้โกหก”
เจินจิ้งปิดปากด้วยความใ ทว่าเหอตังกุยยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นพวกเราก็เสมอกัน ความจริงแล้วคำสรรเสริญเยินยอเมื่อครู่ของท่านก็ขัดต่อความรู้สึกข้ายิ่งนัก แต่อาหารบนโต๊ะของพวกเราก็มากมายเสียจนกินไม่หมด กำลังอยากหาคนมาช่วยกิน ท่านนักพรตก็มาพอดี ท่านว่าเป็โชคชะตาหรือไม่? เมื่อท่านกับข้ามีวาสนาต่อกัน ไยท่านต้องกังวลเื่เล็กน้อยด้วยเล่า วางใจเถิด กินดื่มให้อร่อย”
การโกหกเป็เื่เล็กน้อยไม่สำคัญกระนั้นหรือ? ชายชราลูบจมูกพลางพูดต่อ “แท้จริงแล้วข้ามองออกั้แ่แรกว่าเ้าเป็คุณหนูตระกูลร่ำรวย จึงอยากสร้างเื่หลอกเ้าจนบรรลุเป้าหมายสกปรกของข้าในการหลอกลวงเงินผู้อื่น แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่ามันผิด ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด อย่าส่งตัวข้าให้ทางการเด็ดขาด ปล่อยข้าไปเถิด”
เจินจิ้งใพลันจับมือเหอตังกุยแน่น ทว่าเหอตังกุยกลับมีใบหน้ายิ้มแย้มไม่แปรเปลี่ยน นางเอ่ยอย่างใจกว้าง “ไม่ว่าใครก็เคยทำผิดพลาด เป็โอกาสดีที่จะแก้ไข ท่านนักพรตทำผิดแล้วรู้จักกลับตัว ช่างล้ำค่ายิ่งนัก ด้วยเหตุผลนี้ ข้าน้อยขอดื่มแสดงความเคารพ เชิญท่านนักพรตดื่มกับข้าสักแก้วเ้าค่ะ”
ชายชรายิ้มด้วยความกระดากใจ ก่อนโบกมือพลางเอ่ย “แม่นาง ข้าดื่มเหล้าจนเมาแล้ว ข้าวก็กินอิ่มแล้ว ข้าอยากไปจริง ๆ เ้าปล่อยข้าไปเถิด”
เจินจิ้งพยักหน้าหลายครั้งพลางตอบ “เช่นนั้นพวกข้าไม่รั้งท่านแล้ว อยากไปก็ไปเถิด”
ชายชรามองเหอตังกุยด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย ก่อนเอ่ยถาม “แม่นาง เ้าคงไม่มีวรยุทธ์หรอกกระมัง? เมื่อครู่ตอนข้าเพิ่งนั่งได้ไม่นาน จุดจูซานหลี่ของข้าคล้ายััโดนบางสิ่ง เมื่อคิดจะลุกกลับพบว่าร่างกายท่อนล่างขยับเขยื้อนมิได้ ขอถามแม่นางหน่อยเถิด เ้าจะจับข้าส่งทางการใช่หรือไม่? ไว้ชีวิตข้าเถิด แม้ข้าจะมีเจตนาชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ทำร้ายเ้า”
เหอตังกุยจับโต๊ะแล้วก้มลงมองขาทั้งสองของชายชรา ก่อนจับจ้องใบหน้าของเขาด้วยแววตาเป็ประกายพลางเอ่ยถาม “ท่านขยับไม่ได้จริง ๆ หรือ?”
แผ่นหลังของชายชราขนลุกชันด้วยความหวาดกลัว สายตาจับจ้องใบหน้าไร้เดียงสาไม่มีพิษภัยของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า พลันได้ยินนางเอ่ยขอโทษ “เป็ครั้งแรกที่ข้าน้อยกดจุดผู้อื่น ข้าน้อยไม่มีประสบการณ์ หากกดไม่ดี โปรดอภัยด้วย แต่ข้าน้อยยังไม่เคยเรียนการแก้จุด เพียงทำตามที่ได้ยิน จึงลงมือโดยไม่ได้คำนึงถึงข้อดีข้อเสียของเคล็ดวิชากดจุดด้วยนิ้ว ยิ่งมีกำลังภายในสูง การกดจุดก็จะยิ่งได้ผลดี กล่าวตามตรง ข้าคิดจะตามหาผู้ที่มีกำลังภายในหรือชี่กงที่สามารถสลัดการกดจุดได้ แต่ต้องเป็ผู้ที่อ่อนแอกว่าข้า ด้วยเพราะอยากทดสอบกำลังภายในในการกดจุดของข้าว่าได้ผลหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าจะสำเร็จในคราวเดียว เยี่ยมจริง ๆ ”
ชายชราผู้นั้นร้องไห้ในใจภายใต้หน้ากากปลอมที่เขาสร้างขึ้น บัดซบเอ๊ย เด็กสาวผู้นี้เป็ปีศาจแบบใดกันแน่
เหอตังกุยเอ่ยแนะนำอย่างสนิทสนม “ท่านนักพรต หากพวกเรากินข้าวเพียงอย่างเดียวจะน่าเบื่อเกินไป ลองเล่นสิ่งที่น่าสนใจดีหรือไม่ ไม่เพียงเพิ่มบรรยากาศให้ครึกครื้น แต่ยังเป็ที่ระลึกการพบกันครั้งแรกของพวกเราอีกด้วย ดีหรือไม่เ้าคะ?” ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยตอบ นางก็เอ่ยต่อ “อย่าอายเลยเ้าค่ะ หากท่านตอบไม่ได้ ข้าจะตอบแทนท่านเอง”
หัวใจชายชราอดสั่นสะท้านไม่ได้ นางเริ่มอธิบายการละเล่นด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“เช่นนี้เ้าค่ะ ข้าน้อยสนใจท่านนักพรตยิ่งนัก ภายในและภายนอกั้แ่หัวจรดเท้าช่างน่าสนใจไม่น้อย เดิมทีข้ารั้งท่านไว้เพื่อตรวจสอบ ทว่าท่านยังมีชีวิต ข้าจะควบคุมอิสระของท่านได้อย่างไร? เช่นนั้นคงแย่เกินไป ตอนนี้มีวิธีหลุดพ้นให้ท่านนักพรตเลือก ขอเพียงท่านเลือกหนึ่งข้อก็จะสามารถเดินออกจากประตูใหญ่ที่ท่านเดินเข้ามาเมื่อครู่ได้ ข้อแรก ถอดหน้ากากบนใบหน้าของท่านออกแล้วร้องะโ ‘ข้าคือฆาตกร’ สามครั้ง ข้อสอง ถอดเสื้อผ้าออกเพื่อให้ข้าน้อยและลูกค้าในร้านแห่งนี้ได้มองดูด้วยความเคารพศรัทธา ข้อสาม ข้าน้อยเพิ่งได้รับยาชนิดใหม่ อยากหาผู้โชคดีช่วยลิ้มลอง ดูเหมือนท่านนักพรตจะเป็ผู้โชคดีคนนั้น แน่นอนว่าข้าน้อยเป็คนว่าง่ายที่สุด หากท่านไม่ยอมรับสามวิธีที่ข้าน้อยเสนอ ตราบใดที่ท่านนักพรตคุกเข่าโขกหัวลงตรงหน้าข้าน้อยสามครั้ง ไหว้นับถือข้าน้อยเป็อาจารย์ ข้าจะปล่อยท่านไป”
ชายชราผู้นั้นไม่พูดจา เขาแน่ใจแล้วว่าเด็กสาวปีศาจเบื้องหน้าไม่เพียงรู้ฐานะที่แท้จริงของตนเท่านั้น แต่เหมือนจะรู้ความลับของตนอีกด้วย เป็ไปได้อย่างไร? นอกจากอาจารย์ของเขาที่ตายเป็ผี บนโลกนี้ก็ไม่มีใครล่วงรู้ความลับเขาได้
เหอตังกุยเกาเปลือกตาอย่างไม่รีบไม่ร้อน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี “ท่านนักพรตไม่ต้องรีบร้อน ข้ายอมให้ท่านพิจารณาอย่างช้า ๆ ในเวลาหนึ่งก้านธูป หากท่านสามารถคลายจุดบนขาได้ ประตูใหญ่อยู่ด้านนั้น สามารถออกไปได้เลย ทว่าหากหมดหนึ่งก้านธูปแล้ว ท่านนักพรตยังเลือกวิธีการไม่ได้ ข้าจะเลือกแทน”
ขณะนางจะเอ่ยต่อ เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกเป็ดย่างและปูแช่เหล้าเข้ามา ก่อนเอ่ยด้วยความสุภาพ “ท่านและนักพรตคุยกันออกรสออกชาติจริง ๆ ขอรับ อาหารของท่านมาแล้ว โปรดรับประทานให้อร่อยขอรับ”
เหอตังกุยพยักหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ท่านนักพรตมีความสามารถและเฉลียวฉลาด ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก ”
นักพรตเบื้องหน้านางผู้นี้มิใช่คนอื่นไกล แต่เป็คนรู้จักของนางเมื่อชาติที่แล้ว เขาคือนักพรตไป๋หยางไป่ ราชครูของอ๋องหนิงจูฉวน ไม่ว่าจะเป็ฮ่องเต้จูหยวนจางหรือชนชั้นสูงผู้มีอำนาจนับไม่ถ้วนล้วนอยากดึงเขาเป็พวก ทุกคนต่างบอกว่าเขามีความสามารถเหนือฟ้าเหนือดิน ล่วงรู้อดีต ปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตผู้คนและช่วยเหลือให้แคว้นดำรงอยู่ในความโชคดีได้