“การ์ดเชิญนี้ป้าเป็คนเอามาให้แม่”
แม่ของซูหรงหรงตอบพลางหยิบผักขึ้นมาเพื่อเตรียมอาหารเย็นก่อนจะเอ่ยต่อ
“ลุงเขยรู้จักกับคนในเขตกองทัพนี่เป็โอกาสดีมากเลยนะ เพราะกองทัพจัดงานนัดบอร์ดหาคู่ขึ้นมาพอได้ยินว่าลูกอยากจะหาแฟน ป้าเขาก็เลยรีบไปเอาการ์ดเชิญมาให้ใบหนึ่งแถมยังบอกอีกว่าพลทหารน่ะน่าฝากชีวิตไว้กว่าพวกผู้ชายทั่วๆ ไปตั้งเยอะ”
“เขตกองทัพ? เหล่าชายชาตินักรบ?”
ซูหรงหรงมองการ์ดเชิญที่ถืออยู่ในมือแล้วบ่นพึมพำกับตัวเองภายในหัวตอนนี้มีแต่ภาพทหารในฝันของตน
อา...ร่างกายที่กำยำแข็งแรง ผิวกล้ามที่แวววาวสุดเซ็กซี่คิดได้แค่นี้ น้ำลายก็แทบจะไหลออกมาจากปาก ผุดลุกนั่งขึ้นมาบนโซฟาอย่างตื่นเต้น
“คุณพี่ทหารขา!”
จะต้องเป็เหมือนเ้าชายแน่ๆ
ซูหรงหรงจินตนาการถึงภาพพลทหารของกองทัพเกาหม่าต้าเมื่อได้พบเข้ากับเ้าขี้ขลาดกู้แหยนเจ๋อเธอหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ซูหรงหรงทุ่มเงินมากมายเพื่อการหาคู่ในครั้งนี้เมื่อวันงานมาถึง เธอบรรจงแต่งหน้าอย่างสวยงาม
เพื่อไม่ให้ชุดที่เพิ่งซื้อมาใหม่เปื้อนเลอะเทอะก่อนจะไปถึงงานเธอลงทุนจ้างแท็กซี่เพื่อให้ไปส่งเธอที่เขตกองทัพ
“ว้าว ทำไมปีนี้ผู้หญิงโสดเยอะขนาดนี้เนี่ย”
หลังจากจ่ายเงินแล้วซูหรงหรงมองเข้าไปยังเขตกองทัพที่ตอนนี้ถูกประดับประดาไปด้วยของตกแต่งและผู้คนบรรยากาศดูครึกครื้นกว่าเทศกาลโคมไฟเสียอีก
ซูหรงหรงและสาวโสดคนอื่นถูกเชิญเข้าไปในห้องประชุมแห่งหนึ่งเมื่อกรอกเอกสารเสร็จแล้วก็รอการขานลำดับหมายเลขของตน
รอแล้วรอเล่า ในที่สุดก็ถึงตาเธอเสียที
ซูหรงหรงรวบกระโปรงแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมโปรยยิ้มเหมือนคนโง่เธอเดินตามทหารนายหนึ่งเข้าไปในห้องที่คล้ายกับห้องสัมภาษณ์ชั่วคราว
บรรดาชายหนุ่มที่สวมเครื่องแบบทหารนั่งเรียงรายกันอยู่ภายใน
“สวัสดีค่ะทุกคน”
เมื่อพลทหารออกไปจากที่นั่นแล้วซูหรงหรงลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับเพื่อทำความเคารพผู้สัมภาษณ์ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มหวาน
“ซูหรงหรง...”
ผู้สัมภาษณ์จ้องมองมาที่เธออย่างพิจารณา ก่อนจะเอ่ยต่อ
“...ความสูงของเธอน่าจะไม่ถึง 165 เิเ ขอโทษด้วยแต่เรามีข้อกำหนดว่าผู้หญิงที่จะเข้าร่วมจะต้องสูงมากกว่าหรือเท่ากับ 165 เิเ เชิญเธอกลับไปได้”
เมื่อฟังผู้สัมภาษณ์พูดจบ ดวงตาของเธอที่ปกติเป็สีขาวเริ่มแดงก่ำขึ้นน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา สร้างความใให้กับผู้สัมภาษณ์ เธอเริ่มเปล่งเสียงสั่นๆ
“ฉันรู้สึกเ็ปมากที่ความสูงของฉันไม่ตรงตามความ้าของพวกคุณฉันไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะเอาเื่นี้มาตัดสินคน”
เมื่อพูดจบน้ำตาของซูหรงหรงก็ไหลลงมาเป็ทาง
ปกติแล้วผู้สัมภาษณ์มักจะสงบนิ่งอยู่เสมอ ผู้สัมภาษณ์ที่กำลังจะกล่าวด้วยเสียงเรียบเย็นถูกห้ามจากหัวหน้าเหล่าทัพ
“นี่คืองานหาคู่ ไม่ใช่สนามฝึกรบ”
เมื่อซูหรงหรงได้ฟังเธอรู้สึกได้ว่าเธอเหมือนกำลังถูกกลั่นแกล้ง
“พวกคุณทำไมถึงรังแกคนอื่นแบบนี้”
ซูหรงหรงใช้มือปาดน้ำตาก่อนจะเอ่ยต่อ
“ั้แ่ฉันเป็เด็ก ฉันรักและเคารพเหล่าทหารเสมอเพราะพวกคุณเป็ผู้ปกป้องประเทศฉันรู้สึกเหมือนกับพวกคุณเป็ซูปเปอร์แมนที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพราะฉะนั้นฉันเลยอยากแต่งงานกับทหาร พอฉันรู้ว่าพวกคุณจัดงานหาคู่ฉันก็รีบมาที่นี่พวกคุณจะตัดฉันออกจากการคัดเลือกเพียงเพราะฉันความสูงไม่ถึงอย่างนั้นเหรอนอกจากเื่ความสูง ฉันคิดว่าฉันเป็ผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ฉันทำอาหารได้ฉันเก็บกวาดทำความสะอาดเป็ ฉันไม่เคยที่จะกลัวเหงาเวลาต้องอยู่คนเดียวฉันมั่นใจว่าฉันจะเป็ช้างเท้าหลังที่ดีให้กับสามีได้อย่างแน่นอนหากเขาออกไปเป็แนวหน้าในสนามรบปกป้องประเทศชาติฉันก็จะเป็แม่บ้านที่ปกป้องคนในครอบครัวรวมถึงลูกๆฉันจะไม่มีวันทำให้เขาพะวงหน้าพะวงหลัง ฉันจะต้องเป็ภรรยาและแม่ที่ดีให้กับเขา “
ซูหรงหรงโพร่งออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอีกครั้ง
“แม่สาวน้อยขอบคุณมาที่เธอสนับสนุนพวกเราเหล่าทหารมาตลอด แต่อายุเธอยังน้อยเธออาจจะยังไม่เข้าใจว่าการเป็ภรรยาของทหารจะต้องแบกรับอะไรไว้บ้าง”
ผู้สัมภาษณ์ที่ถูกหัวหน้าเหล่าทัพยั้งไว้เอ่ยปากอย่างนุ่มนวล
แม้ว่าจะได้ฟังคำพูดของซูหรงหรงแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจที่จะให้เธอกลับไปและไม่คิดหวังจะให้เธอเข้ามาแต่งงานเป็ภรรยาของทหาร
...
เมื่อถูกพูดถึงขนาดนี้แล้ว ซูหรงหรงยังจะพยายามต่อไปไหมนะ?