“เื่นี้ขึ้นอยู่กับท่านพ่อของข้า ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร ท่านพ่อคือหัวหน้าครอบครัว พวกเราต้องทำตามที่เขาเลือกเ้าค่ะ” โจวซู่อิงรู้สึกมิสบายใจนัก จากนิสัยของท่านพ่อแล้ว เขาต้องปล่อยพวกโจวซู่ซินไปแน่
“เจียอิ้ง หากข้าคือเ้า ข้าจะมิปล่อยพวกโจวฟู่กุ้ยไปแน่ พวกเขาไร้มนุษยธรรม ฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ก็มากพอแล้ว เขายังปฏิบัติกับพวกเ้าเยี่ยงทาสอีก เ้ามิคิดถึงตนเองก็ต้องคิดเผื่อลูกเมียด้วย”
“ใช่ เจียอิ้ง เวลานี้มิใช่เวลาจะมาใจอ่อน หากเ้ามิแก้แค้น พ่อแม่ผู้ล่วงลับของเ้าคงมิสบายใจ”
สหายของโจวเจียอิ้งสนับสนุนให้เขาแก้แค้น และเปลี่ยนกลับไปใช้แซ่เดิม
“ข้าเข้าใจที่พวกเ้าพูด แต่อาซั่วสี่พี่น้องไร้ความผิด” โจวเจียอิ้งมิเรียกโจวหลี่เจิ้งว่าพ่อแล้ว เขามิใช่คนไร้ความรู้สึก ผู้ที่ถูกฆ่าคือพ่อแม่แท้ๆ ของเขา หากมิแก้แค้น ย่อมมิคู่ควรเป็ลูกชาย
หลายปีที่ผ่านมา เขาทุกข์ทรมานกับครอบครัวนี้มามาก ลูกเมียต้องทนทำงานใต้การกดขี่ของศัตรูคู่อาฆาตโดยที่เขาช่วยสิ่งใดมิได้เลย
“ท่านอาเจียอิ้ง เพราะท่านใจดี พวกเขาเลยคิดว่าท่านรังแกได้ง่ายเ้าค่ะ พูดให้ดีคือท่านกตัญญู พูดให้แย่หน่อยคือคนโง่ ไร้ประโยชน์ ลูกเมียของตนเองถูกคู่แค้นกดขี่ ท่านมิคิดจะต่อต้านบ้างเลยหรือเ้าคะ?หรือต่อให้พวกเขาจะมิใช่คู่แค้นของท่าน ท่านก็มิควรกตัญญูอย่างมิลืมหูลืมตาอยู่ดี หากข้าคืออิงจื่อ ข้าคงมินับท่านเป็พ่อแล้ว”
จิ่นเซวียนรำคาญคนอ่อนแอที่สุด ความอ่อนแอมันไร้ประโยชน์ ยิ่งทำดีกับพวกโจวหลี่เจิ้งมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งได้ใจจนสุดท้ายจะมิมองเ้าเป็มนุษย์อีกเลย
“ท่านพ่อ ข้าบ่นที่พวกเขาสั่งให้พวกเราทำงาน แต่ข้าก็มิได้คัดค้านสิ่งใด พวกเขาทำเกินไปเ้าค่ะ อาทงรักการเรียนเช่นนั้น เขากลับมิได้เข้าไปเรียนที่สำนักศึกษา”
โจวซู่อิงน้ำตาไหล เมื่อนึกถึงความยากลำบากที่ได้รับ
“สามี หากมิใช่เพราะเซวียนเซวียน ท่านจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่?ท่านทำงานเก็บเงินมาอย่างยากลำบาก มิใช่เพื่อพวกเราสามแม่ลูกหรอก แต่เพื่อคู่แค้นของท่านมากกว่า หากจะให้ข้าพูดตามตรง ข้าเสียใจยิ่งนักที่ข้าแต่งงานกับท่าน หลายหนที่ข้าเสนอให้แยกบ้าน ท่านก็มิเคยเห็นด้วย หนหนึ่งท่านถึงขั้นตบตีข้าด้วยซ้ำ”
หยวนซื่อเองก็เสียใจมากเช่นกัน ครอบครัวของนางทำงานหาเงินให้ศัตรูคู่แค้น สุดท้ายได้สิ่งใดตอบแทน?
ในใต้หล้ามีเื่น่าขันกว่านี้หรือไม่
“น้องเจียอิ้ง ก่อนหน้านี้ข้าเคยแนะนำให้เ้าแยกบ้าน แต่เ้ามิยอมฟัง เฮ้อ เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว แยกบ้านไปก็แก้ปัญหามิได้ ในฐานะคนนอก ข้าบอกได้เพียงว่าเ้าอย่าใจอ่อนกับศัตรู”
ซ่งผิงพูดไปหมดแล้ว ควรทำอย่างต่อนั่นคือเื่ของโจวเจียอิ้ง
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าโจวซู่ซินไร้ความผิดหรือ?หลายเื่เกิดจากนางที่คอยยั่วยุ นางแสร้งทำตัวไร้เดียงสาต่อหน้าทุกคน แต่ในบ้านกลับหาทางกลั่นแกล้งพวกเรา วันนี้พวกเรามาช่วยงานที่บ้านของพี่จื่อเฉิน พี่สะใภ้เล็กให้เงินอั่งเปากับข้า นางยังคิดจะแย่งเลย คนเช่นนี้หรือที่ท่านบอกว่าไร้ความผิด?ยังมีพี่ใหญ่ของท่าน ทั้งๆ ที่เขากับลูกชายของเขามิมีหัวด้านการเรียน กลับเสวยสุขอยู่ในสำนักศึกษาไปวันๆ พวกเขาโตถึงเพียงนี้แล้ว หาเงินได้สักอีแปะหรือไม่?มิใช่พวกเราหรือที่เป็ผู้หาเงินเลี้ยงพวกเขา หากท่านยังคิดว่าพวกเขาไร้ความผิด ข้าก็ยอมแพ้แล้วเ้าค่ะ”
เมื่อโจวซู่อิงนึกถึงเื่ในอดีต นางแค้นเสียจนอยากดื่มเื แทะกระดูกศัตรู
“หากข้าคิดถูก โจวหลี่เจิ้งต้องชิงโยกย้ายทรัพย์สินก่อนที่พวกท่านจะแจ้งความแน่ขอรับ” ซ่งจื่อเฉินรู้จักโจวหลี่เจิ้งดี เขาเคยฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ แต่ยังทำตนเองให้สงบใจเย็นได้ คนเช่นนี้น่ากลัวยิ่งนัก
ถึงจะมีโจวเจียอิ้งเป็สิบคนก็ย่อมมิใช่คู่มือของโจวหลี่เจิ้ง
“จื่อเฉินเอ๋ย พวกเขาคงมิไร้เยื่อใยเช่นนั้นหรอก” โจวเจียอิ้งยังเพ้อฝันเกี่ยวกับโจวหลี่เจิ้งจนจิ่นเซวียนคิดว่าเขาน่าสมเพชยิ่งนัก
“ท่านพ่อ ท่านให้พวกพี่ใหญ่ว่านพักที่บ้านเราเถิดเ้าค่ะ ส่วนเื่ครอบครัวของท่านอาเจียอิ้ง ก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง” จิ่นเซวียนผิดหวังกับโจวเจียอิ้งยิ่งนัก นางดึงซ่งจื่อเฉินกลับห้องทันทีที่พูดจบ
พวกนางผูกพยาบาทกับพวกโจวหลี่เจิ้ง พวกนางตั้งใจวางแผนและพยายามเพื่อเขา เพื่อครอบครัวของพวกเขา มันมิคุ้มเลยจริงๆ
ท่านพ่อโง่จนทำให้พี่สะใภ้เล็กโกรธแล้ว
“พี่สะใภ้เล็ก ท่านอย่าโกรธเลย ท่านพ่อของข้าก็เป็เช่นนี้” โจวซู่อิงสังเกตเห็นว่าจิ่นเซวียนอารมณ์มิค่อยดีจึงรีบตามมาขอโทษ
“อิงจื่อ พ่อของเ้าแยกแยะสถานการณ์มิเป็ มิน่าพวกเ้าถึงต้องทนทุกข์เช่นนี้” เห็นแก่หน้าของโจวซู่อิง ความโกรธของจิ่นเซวียนจึงลดลงไปครึ่งหนึ่ง เด็กผู้นี้น่าสงสารยิ่งนัก เหตุใดถึงมีพ่อที่อ่อนแอกัน!
“อิงจื่อ พวกเราสามีภรรยามิได้อยากเข้าไปยุ่งเื่ของบ้านเ้า แต่เพราะสงสารเ้า พวกเ้ารีบโน้มน้าวพ่อของเ้าเถิด หากเขาปล่อยพวกโจวซู่ซินไป ด้วยนิสัยของพวกเขา ต้องกลับมาแก้แค้นพวกเ้าแน่ เ้าอย่าลืมว่าโจวซู่ซินคือสาวงาม เพียงไปเป็อนุของชายชรามีอำนาจ ชายชราก็เต็มใจลำบากไปด้วยแล้ว หากถึงเวลานั้น นางจะจัดการพวกเ้าได้ทุกเมื่อ” ซ่งจื่อเฉินพูดออกมาจากใจจริง ถอนหญ้ามิถอนราก ลมวสันตฤดูพัดพากลับงอกงาม[1]
คนที่โจวซู่ซินเกลียดมิได้มีเพียงอิงจื่อ ยังมีพวกเขาสามีภรรยา ช่วยอิงจื่อก็ถือว่าช่วยพวกเขาเองด้วย
“พี่จื่อเฉิน ขอบคุณท่านที่คิดเผื่อข้าเช่นนี้เ้าค่ะ” โจวซู่อิงโค้งคำนับให้ซ่งจื่อเฉินอย่างซาบซึ้งใจ
คืนนี้คือคืนส่งตัวเข้าหอของซ่งจื่อเฉินกับจิ่นเซวียน แต่พวกจิ่นเซวียนกลับมาใช้เวลากับพวกเขา พวกเขากระดากใจจริงๆ!
“อิงจื่อ พวกเ้าต้องรีบไปแจ้งความคืนนี้เลย มิเช่นนั้นผลที่ตามจะร้ายแรงยิ่งนัก” จิ่นเซวียนบอกกับโจวซู่อิงอีกสองสามคำแล้วเข้าเรือนหอไปกับซ่งจื่อเฉิน
วันนี้ยุ่งอยู่กับการต่อกรกับคนไร้ยางอายทั้งวัน นางรู้สึกเหนื่อยยิ่งนัก คืนนี้จะต้องนอนหลับให้สบาย
“ภรรยา เ้าเหนื่อยใช่หรือไม่ ข้าช่วยนวดให้ดีกว่า” จิ่นเซวียนเปิดประตูเข้าห้องมาและเอนลงบนเตียงหลังใหญ่ทั้งเสื้อผ้าชุดเดิม ซ่งจื่อเฉินเห็นนางดูเหนื่อยล้าจึงเอื้อมมือมาช่วยทุบขาให้
ทันทีที่เขาัันาง นางก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“สามี มิต้องนวดแล้ว ท่านพักผ่อนเถิด” จิ่นเซวียนลุกขึ้นจากเตียง บอกให้ซ่งจื่อเฉินไปนอน ซ่งจื่อเฉินหน้าตาเหลอหลา พวกเขาเป็สามีภรรยากัน ควรนอนเตียงเดียวกันมิใช่หรือ?
คืนวันวิวาห์ ภรรยาตัวน้อยกลับไล่เขาออกจากห้อง หากพวกพี่ชายรู้เข้าคงสงสัยว่าเขาต้องมีปัญหาแน่!
“ภรรยา คืนนี้เป็คืนส่งตัวเข้าหอของพวกเรา เ้าจะไล่ข้าได้ลงคอหรือ?” ซ่งจื่อเฉินโอบจิ่นเซวียนเอาไว้ในอ้อมกอด จิ่นเซวียนใกับการกระทำที่กระทันหันของเขา
ในชาติก่อนนางกับพี่จื่อเฟิงเคยทำเพียงแค่จับมือและจุมพิตเบาๆ นางจึงค่อนข้างกลัวที่ต้องเข้าห้องหอ ได้ยินมาว่าสามีภรรยาเข้าหอกันนั้นมันเจ็บมาก
และเวลานี้ร่างกายนางยังมิโตเต็มที่ ทำเช่นนั้นจะส่งผลร้ายต่อร่างกาย
“สามี ข้ายังเด็กอยู่ รอให้ข้าโตกว่านี้สักปีสองปี พวกเราค่อยร่วมห้องกันเถิด” จิ่นเซวียนหน้าแดงก่ำ ดันมือของซ่งจื่อเฉินออก ซ่งจื่อเฉินกลับกุมมือนางเอาไว้อีก
“เ้ารังเกียจที่ข้ามิมีอนาคตถึงได้มิอยากร่วมหอกับข้าหรือ” จิ่นเซวียนปฏิเสธเขาเช่นนี้ ซ่งจื่อเฉินค่อนข้างหดหู่
“ไม่ มิใช่ ข้ามิได้รังเกียจท่าน” จิ่นเซวียนรู้ว่าซ่งจื่อเฉินคิดมากเลยรีบหันไปอธิบายกับเขา
“สามี ข้ายังมิได้ปักปิ่นเลย หากร่วมหอกันเวลานี้ เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาจะส่งผลเสียต่อร่างกายยิ่งนัก ข้ามิได้รังเกียจท่านจริงๆ” สามีรูปงามเงียบผิดปกติจนจิ่นเซวียนตื่นตระหนก นางมิได้รังเกียจเขาจริงๆ นางยอมรับว่าเห็นแก่ตัว แต่นางมิได้อยากทำให้เขาเสียใจนะ!
เชิงอรรถ
[1] ถอนหญ้ามิถอนราก ลมวสันตฤดูพัดพากลับงอกงาม หมายถึง หากมิถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก วันหนึ่งก็จะโตกลับมาทำร้ายเรา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้