“องค์ชายสี่จะได้รับข่าวเมื่อไร?” หลัวจิ่งถาม
“เร็วที่สุด แต่คงต้องเป็พรุ่งนี้ ฉีกุ้ยเฟยกับองค์ชายสี่มีนกพิราบส่งสารที่ส่งถึงกัน แต่ตอนนี้อากาศหนาวเย็นแต่ละพื้นที่มีฝนและหิมะตกขึ้นพร้อมกัน มีความเป็ไปได้ที่จะผิดพลาดสูงมากขอรับ” นกพิราบส่งสารทั่วไป ภายใต้เงื่อนไขสภาพอากาศที่เลวร้าย อัตราความเป็ไปได้ที่จะส่งผิดพลาดจึงมีมากขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ต้าฮุยกับต้าไป๋อยู่ไหน?”
หลัวจิ่งขัดเคืองใจอย่างมาก หากรู้เช่นนี้ตอนออกมาจากเมืองถงหลินน่าจะพาพวกมันมาด้วยสักตัวหนึ่ง ทำเอาตอนนี้ข่าวที่้าถ่ายทอดเสียเวลาไปมากยิ่งนัก
“…เอ่อ น่าจะยังอยู่ในหมู่บ้านวั้งหลินขอรับ” หลัวสือซานตอบเสียงเบา
หลัวจิ่งข่มอาการที่อยากกุมศีรษะเอาไว้ พวกมันในตอนนี้ต้องมีความสุขจนลืมกลับถิ่นที่อยู่แน่นอน ไม่มีทางบินกลับไปอยู่ข้างกายผู้เป็พี่ชายของเขาด้วยตัวเองแน่ ต้องรอให้พวกเขากลับไปถึงหมู่บ้านวั้งหลิน ถึงจะมีความเป็ไปได้ในการเรียกใช้พวกมัน
แต่เื่ก็ไม่ได้รีบสักเท่าไร องค์ไท่จื่อเพิ่งถูกฆ่าตาย ยังมีปัญหาที่ต้องจัดการตามมาภายหลังอีกมาก หากฮ่องเต้พระวรกายมั่นคงแข็งแรง ปัญหาการคัดเลือกองค์ไท่จื่อไม่มีทางตัดสินลงเร็วๆ นี้แน่
องค์ชายสี่มีความเป็ไปได้ที่จะกลับมาเมืองหลวง แต่ไม่รู้ว่าท่านพี่จะรั้งอยู่ชายแดนหรือตามกลับเมืองหลวงมาด้วยกัน
หลัวจิ่งขมวดคิ้วแน่น ไตร่ตรองแผนการในอนาคต
เขาไม่อยากห่างจากนางไกลเกินไป รอเื่การแต่งงานของพวกเขาตกลงได้แล้ว เขาจะอยู่ที่ชายแดนมากสุดอีกปีหรือสองปีเท่านั้น
เช่นนั้นการตัดสินใจของท่านพี่ล่ะ?
ท่านพี่อายุครบยี่สิบปีแล้ว เขาคิดขึ้นได้กะทันหัน
ผู้ชายสวมกวาน [1] ตอนอายุยี่สิบปี
แต่ท่านพี่ของเขากลับยังไม่สู่ขอภรรยาเลย
หากท่านพ่อท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก คงร้อนใจจนเส้นผมขาวโพลนกันแล้วแน่ๆ แต่ตอนนี้ต้องให้เขาในฐานะที่เป็น้องชายคนเดียว คอยเป็กังวลเื่ใหญ่อย่างการแต่งงานของผู้เป็พี่ชายอย่างนั้นหรือ?
หลัวจิ่งเส้นดำเต็มศีรษะ
“ฉีเอ่อร์ เื่ขององค์ไท่จื่อ เ้าทราบแล้วกระมัง?” หลังจากอันซื่อได้ทราบข่าวจึงรีบวิ่งมายังที่พักไท่อันทันที
กู้ฉีพยักหน้า
“เขาตายแล้วก็เป็เื่ดี แต่เหตุใดต้องลากจวนท่านโหวเหวินชางเข้าไปด้วยนะ?” อันซื่อขมวดคิ้วแน่น “ได้ยินว่าตอนองค์ไท่จื่อตาย โหยวเสวี่ยชิงอยู่บนเตียงนอนของเขา ไอ๊หยา ท่านโหวเหวินชางกับผู้าุโโหวไปคุกเข่าอยู่ในตำหนักใหญ่ของวังเฉียนชิงกันั้แ่เช้าตรู่ ได้ยินท่านพ่อเ้าบอกว่าเมื่อวานฮ่องเต้ได้รับความตื่นใเลยหมดสติไป พระวรกายและพระหฤทัยย่ำแย่ยิ่งนัก วันนี้ไม่ได้ออกว่าราชการใน่เช้า แต่กลับเรียกพวกเขาเข้าพบเสียนี่”
“ท่านโหวเหวินชางกับบิดาเขาอยู่ด้านในครึ่งค่อนชั่วยาม ตอนออกมาสีหน้าล้วนดูอ่อนล้ากันทั้งสองคน ไม่รู้ว่าถูกตำหนิเข้าหรือไม่ บิดาเ้าถามไปเบาๆ ท่านโหวเหวินชางเพียงส่ายหน้าไม่ได้กล่าวอะไร ฉีเอ่อร์ เ้าว่าจวนพวกเขาจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีลอบสังหารหรือไม่?”
อันซื่อกล่าวอย่างอ้ำอึ้งพักหนึ่ง กลัวว่าจวนท่านโหวเหวินชางจะถูกลากเข้าไปพัวพัน และจะมีผลกระทบต่อเื่การแต่งงานของกู้ฉีกับโหยวอวี่เวยด้วยเื่นี้เข้า
“ท่านแม่ ท่านอย่าได้เป็กังวล องค์ไท่จื่อโดนพิษสิ้นพระชนม์ โหยวเสวี่ยชิงกับองครักษ์สองคนก็โดนพิษชนิดเดียวกัน อีกทั้งกรอกยาถอนพิษไปแล้วยังไม่ฟื้นคืนสติ แม่ทัพทั้งเก้าประตูและผู้ตรวจการแห่งศาลาว่าการเมืองหลวงเลยกำจัดความเป็ไปได้ที่โหยวเสวี่ยชิงจะเป็ฆาตรกรไป อืม... ตามที่ซื่อจื่อเฉิงเอินโหวกล่าว นางกับองค์ไท่จื่อมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันมานานครึ่งปีแล้ว มักนัดพบกันอยู่ที่คฤหาสน์นั่นเป็ระยะๆ จวนสกุลโหยวคงต้องได้รับผลกระทบอยู่บ้างไม่มากก็น้อย อย่างไรเสียนางก็แอบคบชู้กับองค์ไท่จื่อ ไม่ใช่เื่มีเกียรติอะไรเช่นกัน”
เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ตัดโหยวเสวี่ยชิงออกไป เพราะในขณะที่นางกับองค์ไท่จื่อถูกพบ พวกเขาอยู่ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าร่วมประเวณีกัน องค์ไท่จื่อเสียชีวิตและโหยวเสวี่ยชิงก็โดนพิษจนหมดสติ
“…ผลกระทบพวกนี้ไม่มีอะไรหรอก บ้านรองถูกผู้าุโโหวตัดออกไปั้แ่แรกแล้ว ขอแค่โหยวเสวี่ยชิงไม่ใช่ฆาตรกรก็พอ” เมื่อเทียบกับการวางแผนลอบสังหารโอรสของฮ่องเต้กับการแอบคบชู้ที่เป็เื่สกปรกแล้ว อย่างหลังจะถูกคนประณามและวิพากษ์วิจารณ์อยู่เพียงชั่วคราว ในขณะที่อย่างแรกถือเป็ความผิดและมีการลงโทษร้ายแรงอย่างค้นบ้านยึดทรัพย์และฆ่าล้างทั้งครอบครัวเลยทีเดียว
“อื้ม ตอนนี้ต้องรอสามคนที่โดนพิษฟื้นก่อน อาจหาเบาะแสอะไรเพิ่มเติมสักนิดได้ขอรับ” กู้ฉีกล่าวอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่เขาคิดว่าต่อให้สามคนได้สติแล้วก็คงไม่มีเบาะแสที่มีประโยชน์อะไรอื่นเช่นกัน
“เช่นนั้นก็ดี เฮ้อ เมื่อวานฮ่องเต้หมดสติไป ข้าได้ยินมาว่าโสมคนที่พวกเราถวายขึ้นไปล้วนใช้หมดไปแล้วหนึ่งต้น เกิดว่าฮ่องเต้ประชวรหนักขึ้นอีก พวกเราจะไปขุดโสมคนชั้นยอดเช่นนั้นมาจากที่ไหนได้อีกกันนี่” อันซื่อกลัดกลุ้ม
สายตาของกู้ฉีชำเลืองมองไปห้องนอนของเขาแวบหนึ่ง โสมคนสามต้นที่เหลืออยู่นั้น เขาใส่ไว้ในกล่องโสมที่ดีที่สุดและอยู่ในตู้ที่ใส่กุญแจไว้
ไม่ถึงยามสุดวิสัยจริงๆ จะหยิบออกมาง่ายๆ ไม่ได้
สองพี่น้องสกุลหูถูกเจิ้นกั๋วกงรับไปอยู่ด้วย จิตใจของกู้ฉีที่เดิมทีกระวนกระวายอยู่เล็กน้อยจึงสงบสุขลงทันที ไม่ว่าจะเป็ฝีมือของพวกนางหรือไม่ เขาก็ไม่อยากให้สองพี่น้องได้รับผลกระทบจากเื่ขององค์ไท่จื่อทั้งสิ้น แน่นอน... หากเป็ฝีมือของพวกนางจริงๆ กู้ฉีก็ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย แต่กลับรู้สึกภาคภูมิใจอยู่หน่อยๆ เสียอีก และมากไปจนกระทั่งมีความรู้สึกเป็เกียรติตลบอบอวลอยู่ภายในใจของเขาด้วยซ้ำไป
เฮ้อ... เขาช่างมีมารชั่วร้ายอยู่ในใจจริงๆ
...ลมและฝนที่ตกอยู่ด้านนอก ไม่สามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ดีของเจินจูได้เลย
ผิงอันยังไม่กลับมาจากลานชิงหลัน แต่เจินจูก็ไม่ได้ร้อนใจ แม้ผิงอันจะยังเด็ก แต่เฉลียวฉลาด คาดว่าทางเซียวจวิ้นคงมีสิ่งของอะไรที่ดึงดูดเขาได้ จึงหยุดอยู่ที่นั่นนานหน่อยกระมัง
นางฮัมเพลงพร้อมกับเย็บกระเป๋าใบเล็กต่อ กระเป๋าที่จะให้ผิงอันยังเหลืออีกนิดหน่อยจึงจะเสร็จสมบูรณ์ ไม่มีหญ้าสงบจิติญญาแล้ว เปลี่ยนเป็ใส่ดอกเบญจมาศแห้งเข้าไปสักหน่อยก็หอมสดชื่นได้เช่นกัน
เยว่อิงมองลวดลายที่มีรอยเย็บไม่ค่อยประณีตสักเท่าไร ลอบซุบซิบอยู่ในใจ ช่างเป็คนที่ไม่เหมือนกับหน้าตาเลยจริงๆ แม่นางหูหน้าตาสุภาพงดงาม ทว่างานเย็บปักถักร้อยกลับช่าง เอ่อ... หยาบและไม่เป็ระเบียบเรียบร้อยเอาเสียเลย
ตวัดเข็มจบงานสุดท้ายสองสามทีตามอำเภอใจ แล้วตัดปลายด้ายออก เจินจูกางกระเป๋าออกและมองเล็กน้อย อื้ม... พอใช้ได้ อย่างน้อยดูแล้วก็มองออกว่ามันคืออะไร ฮ่าๆ
หลังจากนั้นแสร้งทำเป็ล้วงเข้าไปในห่อของ หยิบกระปุกดอกเบญจมาศแห้งออกมาจากมิติช่องว่างหนึ่งกระปุก
พอนางเปิดฝาออก กลิ่นหอมของดอกเบญจมาศเข้มข้นแผ่กระจายอยู่ในอากาศ
เยว่อิงได้กลิ่นดอกเบญจมาศที่สดชื่นผ่อนคลาย จิตใจเบิกบานขึ้นในชั่วขณะ
“แม่นางหู ในกระปุกของท่านเป็ดอกเบญจมาศแห้งหรือเ้าคะ? ดมแล้วผ่อนคลายจริงๆ”
เจินจูหันไปยิ้มกับนาง เทดอกเบญจมาศแห้งออกมาจากด้านในเล็กน้อย
“ใช่แล้ว เป็ดอกเบญจมาศที่ข้าปลูกเองเลยนะ”
นางใส่ดอกเบญจมาศแห้งเข้าในกระเป๋าใบเล็ก กลิ่นหอมของดอกเบญจมาศถูกกั้นด้วยผ้าแต่ยังส่งกลิ่นทะลุออกมา อื้ม... เยี่ยมมาก
“แม่นางหูยังปลูกดอกไม้ได้อีกหรือนี่ ช่างมีความสามารถจริงๆ เ้าค่ะ”
พี่น้องสกุลหูช่วยชีวิตของคุณชายไว้ ทั่วทั้งจวนเจิ้นกั๋วกงล้วนรู้สึกซาบซึ้งใจจนแทบหลั่งน้ำตา เยว่อิงทำตามคำสั่งของฮูหยินกั๋วกง ต้องดูแลพี่น้องสกุลหูให้ดี ไม่ว่าจะคำพูดคำจาหรือการกระทำล้วนต้องสุภาพและห้ามเสียมารยาท
“ฮ่าๆ คนครอบครัวชาวไร่ชาวนา ปลูกดอกไม้ได้มีอะไรแปลกประหลาดกันเล่า” แต่ไหนแต่ไรมาเจินจูไม่ได้ปิดบังสถานะครอบครัวชาวนาของตัวเองเลย นางไม่ได้้าคบหากับคนที่มีฐานะสูงส่ง และก็ไม่ได้รู้สึกว่าฐานะเดิมอย่างครอบครัวเกษตรกรจะน่าน้อยเนื้อต่ำใจด้วย มีชีวิตอยู่มาสองชาติ สิ่งที่เป็เปลือกนอกเหล่านี้นางไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
สายตาเยว่อิงวูบไหว คนรับใช้ที่ขายตัวมาเป็ทาสอย่างพวกนางเหล่านี้ คนไหนบ้างที่ไม่ได้มาจากครอบครัวเกษตรกร
การเปิดเผยที่ไม่ยึดติดของเจินจูทำให้นางประหลาดใจเล็กน้อย แต่ที่มากยิ่งกว่าความประหลาดใจกลับเป็ความเลื่อมใสจากใจจริง
“แต่ดอกเบญจมาศที่แม่นางปลูกคล้ายกับว่าจะหอมเป็พิเศษนะเ้าคะ” กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นและผ่อนคลายสบายใจวนเวียนอยู่ปลายจมูก ทำให้นางรู้สึกสบายใจยิ่งนัก
“เอ๊ะ อย่างนั้นหรือ? หากเ้าชอบ เช่นนั้นที่เหลืออยู่เหล่านี้มอบให้เ้าแล้วกัน” เจินจูปิดฝากระปุกให้เรียบร้อยและยื่นให้นางด้วยความใจกว้าง
“เอ๋? ได้หรือเ้าคะ?” เยว่อิงทั้งดีใจและทั้งลังเลใจอยู่เล็กน้อย นางชื่นชอบกลิ่นนี้มากจริงๆ
“แน่นอนว่าต้องได้สิ เ้าจะหยิบเอามาใส่กระเป๋าไว้พกติดตัวก็ได้ หรือหยิบเอามาชงชาดื่มก็ได้ทั้งนั้น”
เจินจูไม่ได้ฝืนใจที่จะมอบให้ ในมิติช่องว่างของนางปลูกไว้เป็จำนวนมาก หยิบออกมาสร้างน้ำใจให้ผู้อื่นได้พอดี
“เช่นนั้นต้องขอบคุณแม่นางหูแล้วเ้าค่ะ”
เยว่อิงปลดกระเป๋าติดตัวใบเล็กสีนวลจันทร์ปักลวดลายดอกกล้วยไม้มาจาก่เอว และเทดอกเบญจมาศจำนวนหนึ่งออกจากในกระปุกใส่เข้าในกระเป๋า เสร็จแล้วยกขึ้นดมกลิ่นหอมที่อยู่ในกระเป๋า... หอมจริงๆ
เจินจูอ้างว่าจะนอนกลางวันจึงไล่ให้เยว่อิงไปพักผ่อน
เมื่อนางปิดประตูห้อง เดินกลับมาบนขอบเตียงแล้วจึงปรากฏกายเข้าไปในมิติช่องว่าง
ไม่เข้ามาดูเพียงแป๊บเดียว ต้นเกาทัณฑ์พิษในแปลงสมุนไพรดูเหมือนจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อยนะนี่ เจินจูเริ่มกลุ้มใจ พืชชนิดนี้คงไม่เหมือนต้นม่านถัวหลัวที่เติบโตจนกลายเป็จวี้อู๋ป้า [2] กระมัง
โชคดีที่เ้าต้นนี้ไม่มีกลิ่นพิเศษเฉพาะตัวอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นนางต้องเตรียมย้ายมันออกไปอีกแล้ว
อื้ม... พิษนี่ร้ายแรงพอตัวเลย เก็บไว้เผื่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
ในแปลงสมุนไพรขณะนี้ได้ปลูกวัตถุดิบยาที่นางเองก็ไม่ค่อยรู้จักไว้ประปรายจำนวนหนึ่ง นางสอบถามเมล็ดพันธุ์พืชสมุนไพรกับเ้าของร้านหลิวไปเรื่อยเปื่อยเล็กน้อย และปลูกลงไปสุ่มๆ หลังจากงอกขึ้นมาแล้วพอมองรวมๆ กันนางก็ไม่รู้จักเลย
แต่นางไม่ได้สนใจมากนัก เว้นไปอีกสองสามวันแล้วรดด้วยน้ำแร่จิติญญาลงไปในแปลง รอให้มันโตขึ้นอีกหน่อยคาดว่าก็สามารถมองออกได้แล้วว่าเป็ต้นอะไรบ้าง
หลังรดน้ำในแปลงสมุนไพรเสร็จ นางวิ่งไปในกระท่อมมุงหญ้าคา เพื่อตรวจดูสิ่งของที่มีอยู่ของตนเอง
อื้ม สิ่งของมากมายนัก ของจุกจิกอะไรต่อมิอะไรล้วนมีอย่างละนิดอย่างละหน่อย
ส่วนใหญ่ล้วนเป็พืชผลทางการเกษตรอย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง เผือก ถั่วเขียว ถั่วแดง หัวไชเท้า...
แล้วยังเก็บพวกเม็ดบัว เม็ดเกาลัด เหอเถา ดอกเบญจมาศ ดอกกุหลาบ เนื้อตากแห้งสำเร็จรูปไว้นิดหน่อย...
เจินจูเลือกหยิบของในนั้นขึ้น ใส่เม็ดบัวหนึ่งกระปุกกับดอกเบญจมาศหนึ่งกระปุกเพื่อเอาออกมา
เม็ดบัวหล่อเลี้ยงจิตใจให้สงบ มอบให้เซียวจวิ้นคงเหมาะสมมาก
กระทั่งนางออกมาจากมิติช่องว่าง ในห่อผ้าก็มีของขวัญที่เตรียมไว้อยู่สองกระปุกเพิ่มขึ้นทันที
ส่วนพวกเขาจะใช้หรือไม่ นั่นไม่ใช่เื่ที่เกี่ยวกับนางแล้ว
เยว่อิงกอบกระปุกที่บรรจุดอกเบญจมาศไว้และมุ่งไปลานฮ่าวอู๋
ฮูหยินกั๋วกงเพิ่งตื่นจากการนอนพักเที่ยง ในยาที่นางดื่มได้ผสมวัตถุดิบยาสงบจิตไว้ นางถึงหลับอย่างสงบได้
นางกับเซียวจวิ้นล้วนมีอาการนอนหลับยากทั้งคู่ เพียงแต่อาการของเซียวจวิ้นรุนแรงกว่า วัตถุดิบยาสงบจิตดื่มไปไม่รู้เสียเท่าไร ผลที่ช่วยได้กลับมีฤทธิ์ออกมาน้อยนิด ส่วนนางอาศัยกลิ่นธูปกับสมุนไพรต้มเพื่อให้จิตใจสงบยังพอประคับประคองอยู่ได้พักหนึ่ง
หมอนหญ้าสงบจิติญญาที่เซียวจวิ้นได้รับมา นางเคยลองใช้ นับว่ามีประโยชน์มากดังที่ว่า แต่อาการของเซียวจวิ้นรุนแรงกว่านางนัก นางไม่มีทางแย่งหมอนของบุตรชายมาอย่างแน่นอน
“ฮูหยิน เยว่อิงมาแล้วเ้าค่ะ” สาวใช้รายงาน
ขณะที่เยว่อิงเข้ามา ในห้องอบอวลไปด้วยความอุ่นและยังมีกลิ่นหอมที่ยังหลงเหลือของธูปผ่อนคลายจิตใจอยู่
“มาได้อย่างไรกัน ทางแม่นางหูนั้นห้ามละเลยไม่ให้ความสำคัญอย่างเด็ดขาดเชียวนะ”
เยว่อิงเดิมเป็สาวใช้อันดับหนึ่งของนาง นางตั้งใจส่งออกไปดูแลพี่น้องสกุลหูโดยเฉพาะ และถือโอกาสให้ช่วยสืบข่าวเื่ของสองพี่น้องสักหน่อยด้วย
“แม่นางหูกล่าวว่า้าพักเที่ยง ให้หนูปี้ไปพักผ่อนด้วย หนูปี้ให้เสี่ยวเซียงเฝ้าอยู่เ้าค่ะ” เยว่อิงรีบยิ้มขึ้น
“แค่ก... ในมือเ้าถืออะไรอยู่กัน?” เหมือนคุ้นตาแปลกๆ
“เป็ดอกเบญจมาศแห้งที่แม่นางหูมอบให้หนูปี้เ้าค่ะ ดมแล้วกลิ่นหอมสดชื่นมากนัก ท่านลองดมดูสิเ้าคะ” เยว่อิงรีบเปิดฝาออก กลิ่นสดชื่นของดอกเบญจมาศก็คลุ้งกระจายออกมาฉับพลัน
ฮูหยินกั๋วกงย่นคิ้วขึ้นในทันที เยว่อิงสาวใช้ผู้นี้ก็รู้อยู่แท้ๆ ว่าตนดมกลิ่นแรงเข้มข้นไม่ได้ เหตุใด…
ขณะที่คิดอยู่ กลิ่นหอมกรุ่นของดอกเบญจมาศได้โชยเข้ามาในจมูกของนาง ทำให้ได้กลิ่นหอมและรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่ตั้งใจ
นางอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย เป็ไปดังคาด กลิ่นหอมเข้มข้นมากทว่าไม่ระคายจมูกเลยสักนิดกลับผ่อนคลายยิ่งนัก
เดิมทีนางนอนจนสมองหนักอึ้งมึนเบลออยู่บ้าง ขณะนี้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาไม่น้อย
“…นี่เป็ดอกเบญจมาศแห้งงั้นหรือ กลิ่นหอมปานนี้เลยหรือนี่”
นางถามด้วยความแปลกใจ
“ใช่เ้าค่ะ หนูปี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะอย่างนั้นถึงได้ใจกล้าให้ท่านลองดมดูเ้าค่ะ” เยว่อิงเทดอกเบญจมาศแห้งออกมาสองดอก แล้วส่งให้ฮูหยินกั๋วกง
ฮูหยินกั๋วกงเข้ามาดมใกล้ๆ หอมสดชื่นไม่ธรรมดาจริงๆ ช่างทำให้คนลืมสรรพสิ่งรอบข้างยิ่งนัก
“ข้าจำได้ เมื่อครู่นางก็มอบให้ข้าหนึ่งกระปุกด้วย เร็ว เ้าไปหยิบมาดูหน่อย”
สาวใช้หยิบมาด้วยความรวดเร็ว
กระปุกเล็กธรรมดามาก ไม่มีลวดลายอะไรพิเศษ ขณะที่สาวใช้เปิดออก กลิ่นที่แผ่ออกมากลับเป็กลิ่นหอมอีกชนิดหนึ่งที่สดชื่นยิ่งนัก ดมแล้วทำให้คนสบายใจอย่างมาก
“เมื่อครู่ที่แม่นางหูกล่าว นี่เป็ชาที่ทำมาจากดอกไม้อะไรนะ?”
“เรียนฮูหยิน เป็ชาดอกกุหลาบเ้าค่ะ”
“…ชาดอกกุหลาบ? กลิ่นนี้ช่างทำให้คนหลงใหลยิ่งนัก” ฮูหยินกั๋วกงรับกระปุกเล็กไปประคองไว้ด้วยตัวเอง สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก หอมจริงๆ! กลิ่นหอมในโพรงจมูกซึมซับเข้าสู่ปอด รู้สึกว่าแม้แต่ปอดก็ล้วนรู้สึกสบายขึ้นมา
“นางว่านี่ดื่มอย่างไร?”
“เรียนฮูหยิน ต้มน้ำแล้วเทลงไปชงได้เลยเ้าค่ะ” เยว่อิงจำได้แม่นยำ
“เช่นนั้น ลองชงขึ้นสักถ้วย”
เชิงอรรถ
[1] สวมกวาน คือ สิ่งที่เด็กชายจีนเมื่อมีอายุครบ 20 ปีเต็ม จะมีพิธีสวมกวาน เรียกว่า “จี๋กวาน 及冠” แต่ก็จะมีบางที่ที่อายุ 16 ปีก็สามารถเข้าพิธีนี้ได้แล้ว ซึ่งการสวมกวานจะมี 3 ครั้ง 3 แบบด้วยกัน ครั้งแรกเรียก “สือเจีย 始加” เพื่อเป็เครื่องแสดงว่าได้บรรลุนิติภาวะโตเป็ผู้ใหญ่ มีสิทธิและอำนาจในการปกครองคนขั้นต้น แต่ก็อย่าหลงลืมตน ยังต้องปรับปรุงพัฒนาตนให้สมกับความเป็ผู้ใหญ่ต่อไป ครั้งที่สอง “ไจ้เจีย 再加” หวังให้ชายหนุ่มที่สวมนี้มีความราบรื่นก้าวย่างอย่างมั่นคงในหน้าที่การงาน และครั้งที่สาม “ซานเจีย 三加” เพื่อบอกว่าเป็ผู้ใหญ่เต็มตัวสามารถเข้าร่วมงานพิธีการต่างๆ ได้แล้ว
[2] จวี้อู๋ป้า หมายถึง Big Mac หรือก็คือชื่อในเมนูเบอร์เกอร์ขนาดใหญ่ของแมคโดนัลด์นั่นเอง ในนิยายเปรียบว่าต้นเกาทัณฑ์พิษชนิดนี้คงไม่โตจนกลายเป็ต้นใหญ่ั์ เหมือนต้นม่านถัวหลัวที่ย้ายออกมาจากมิติช่องว่าก่อนหน้านี้