ครั้งนี้จุมพิตของเขาเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอมอย่างเข้มข้น ร้อนแรงเช่นนั้น เร่าร้อนปานนั้น ละเอียดอ่อนละมุนละไมต่อคนที่อยู่ในใจของเขา
โลกของเฟิ่งเฉี่ยนหมุนตีลังกากลับ ดวงดาวระยิบระยับจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่เบื้องหน้านาง นางรู้สึกว่าชีวิตของนางช่างมีสีสัน และเหลือเชื่อเหลือเกิน!
เขาปล่อยตัวนางในที่สุด!
น้ำเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำนั้นดังขึ้น “นี่ก็คือรางวัล!”
เห็นดวงตาอ่อนโยนราวกับผืนฟ้ายามราตรีของเขา หัวใจทั้งดวงของเฟิ่งเฉี่ยนอ่อนยวบ ทว่าร่างกายไม่รักดีกลับค่อยๆ ซุกกายเข้าไปในผ้าห่มผ้าไหมทีละน้อย โผล่ออกมาเพียงศีรษะที่แทบจะแดงเป็กุ้ง นางพูดเสียงเล็กเสียงน้อย “ข้า...ข้าจะนอน ท่านรีบออกไปเถิด!”
เซวียนหยวนเช่อยิ้มบางๆ เมื่อมองหน้านาง เขาช่วยนางเหน็บมุมผ้าห่มให้เรียบร้อยแล้วพลันถามขึ้นว่า “แมวเทพเล่า เจิ้นเชิญหลิ่วต้าซือเข้าวัง ให้เขามาช่วยแมวเทพบำเพ็ญตนข้ามขั้น”
“ดีเหลือเกิน ข้าไปด้วย!” เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้น ทว่ากลับถูกเซวียนหยวนเช่อกดร่างกลับไป
“วันนี้เ้าต้องนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน ไปไหนไม่ได้ทั้งสิ้น! มอบแมวเทพมาให้เจิ้น เจิ้นจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง!”
เห็นนางลังเลใจ สายตาของเขาหม่นวูบลงหลายส่วนก่อนจะพูดเสียงอ่อน “เ้าเชื่อและพึ่งพาเจิ้นได้ทุกอย่าง!”
เห็นสายตาจริงจังของเขา ในใจเฟิ่งเฉี่ยนเต็มไปด้วยความรู้สึกหวานล้ำที่ไหลบ่าเข้ามาเติมเต็ม นางพยักหน้าเบาๆ “ก็ได้ เช่นนั้นข้ามอบแมวเทพให้กับท่าน”
เซวียนหยวนเช่อรับแมวเทพและกำลังจะออกไป เฟิ่งเฉี่ยนส่งเสียงะโเรียกเขา “เซวียนหยวนเช่อ แต่ไรมาข้าไม่เคยเชื่อใจใครง่ายๆ อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวัง!”
เซวียนหยวนเช่อมองตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหมุนกายเดินออกไป
เฟิ่งเฉี่ยนมองส่งเงาร่างของเขากระทั่งเขาหายไปจากสายตา ในใจเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกต่างๆ นานา เซวียนหยวนเช่อในวันนี้ไม่เหมือนทุกวัน อ่อนโยนเช่นนั้น ลึกซึ้งเช่นนั้น แตกต่างจากยามปกติ
เขาเป็อะไรกันแน่ เหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงไปมากมายเช่นนี้
แล้วนางเป็อะไร เหตุใดจึงถูกเขาทำให้สับสนว้าวุ่น
ดูเหมือนนางจะหลงรักเขาเข้าแล้วจริงๆ ทำอย่างไรดี
นางต้องรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อเป็ผู้หญิงของเขาหรือ
นางจะมองข้ามการมีอยู่ของสตรีคนอื่นๆ และเขาเพียงคนเดียวได้จริงๆ หรือ
จิตใจของนางสับสนว้าวุ่นอย่างที่สุด...
ไม่รู้ว่าชิงเหอกูกูถอยออกไปเงียบๆ ั้แ่เมื่อใด ภายในตำหนักบรรทมอันกว้างใหญ่มีนางเพียงคนเดียว นางนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงกระทั่งยาเริ่มออกฤทธิ์ ความง่วงงุนเข้าครอบงำ นางจึงหลับสนิทไป
การนอนหลับครั้งนี้ยาวนานไปถึงหลังยามอู่ เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นบุตรชายฟุบร่างอยู่ข้างเตียง ั์ตาดำขลับกลมโตนั้นมองนางไม่กระพริบ ไม่รู้ว่ารอมานานแค่ไหนแล้ว
เห็นนางตื่นแล้ว ใบหน้าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเนื้อของเด็กน้อยก็ส่งรอยยิ้มสว่างไสวเจิดจ้าทันที “เสด็จแม่ ท่านตื่นแล้ว รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เห็นบุตรชาย ในใจเฟิ่งเฉี่ยนเบิกบานขึ้นมาก นางบิดี้เี “เสด็จแม่ดีขึ้นมาก เ้ามานานแค่ไหนแล้ว”
ไท่จื่อน้อย “มาครู่หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ! เห็นเสด็จแม่นอนหลับสนิท จึงไม่ได้เรียกให้เสด็จแม่ตื่น”
เห็นเขาเชื่อฟังเช่นนี้ เฟิ่งเฉี่ยนชี้มาที่แก้มของตนเองแล้วพูดทั้งปากจู๋ “หอมเสด็จแม่ครั้งหนึ่ง!”
ไท่จื่อน้อยปีนข้ามมาทันที เขาจุมพิตลงบนแก้มของนางครั้งแล้วครั้งเล่าพูดอย่างดีอกดีใจ “เสด็จแม่ เมื่อวานท่านเก่งเหลือเกิน! ยอดฝีมือเช่นซือคงเซิ่งเจี๋ยที่มีฝีมือร้ายกาจเช่นนั้นยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเสด็จแม่ เสด็จแม่สุดยอดพ่ะย่ะค่ะ!”
ได้ยินคำชื่นชมของบุตรชาย เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลงด้วยความภาคภูมิใจ “ธรรมดาๆ ที่สามของใต้หล้า”
ไท่จื่อน้อยร้องเพลงไปพร้อมกับยกแขนยกขาร่ายรำ “เมื่อวานท่านตายังชื่นชมว่าเสด็จแม่เก่งกาจ! น่าเสียดายที่ยังไม่รู้ว่าผู้ที่เดินหมากเป็เสด็จแม่ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องใจนสะดุ้งโหย่งแน่ๆ!”
คิดถึงบิดาผู้มากด้วยอำนาจของนางแล้ว เฟิ่งเฉี่ยนอดเลิกคิ้วไม่ได้ “ตอนนี้เขาน่าจะรู้แล้ว”
ดูจากสถานการณ์ที่พี่สามมาช่วยนางตีฝ่าวงล้อมออกไป เห็นได้ชัดเจนว่าพี่สามรู้แล้วว่าผู้ที่เดินหมากเป็นาง อีกทั้งเขายังโยกย้ายกำลังยอดฝีมือของสกุลเฟิ่งได้มากเช่นนี้ จะต้องเป็เพราะได้รับการอนุญาตจากบิดา
เดิมทีนางยังกังวลว่าบิดาจะสงสัยในฐานะของนาง ทว่าตอนนี้นางวางใจแล้ว ในเมื่อเขาโยกย้ายยอดฝีมือของสกุลเฟิ่งมาคุ้มกันปกป้องนาง แสดงให้เห็นว่าบิดาไม่ได้สงสัยอะไรในตัวนาง และจะไม่ทอดทิ้งนางตอนนี้แน่ ไม่แน่ว่าอาจจะให้ความสำคัญกับนางมากขึ้นด้วย
ดังนั้น นางไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจ
ขณะที่นางใจลอย ได้ยินไท่จื่อน้อยพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ ต่อไปท่านรั้งอยู่ในวังหลวงและอยู่กับเย่เอ๋อร์ได้ตลอดไปแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มน้อยๆ “เย่เอ๋อร์อยากให้เสด็จแม่อยู่กับเ้าตลอดไปหรือไม่”
ไท่จื่อน้อยโผเข้ามาในอ้อมกอดของนาง เกี่ยวลำคอของนางเอาไว้แล้วออดอ้อน “เย่เอ๋อร์ไม่อยากแยกจากเสด็จแม่! เย่เอ๋อร์อยากอยู่กับเสด็จแม่และเสด็จพ่อตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนกอดร่างเล็กๆ นุ่มๆ นั้นแน่น ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหวานชื่น
ห้องทรงพระอักษร เซวียนหยวนเช่อกลับไม่ราบรื่นนัก เขาขมวดคิ้วแน่นและถามหลิ่วอัน “แมวเทพถูกคนแตะต้องมาแน่นอน”
หลิ่วอันพยักหน้า “นี่เป็หนอนกู่ชนิดหนึ่งที่มีเฉพาะแคว้นหนานเยียน--หนอนไหมทอง! ดูจากภายนอกแล้วเหมือนจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อแมวเทพ แต่ทันทีที่แมวเทพบำเพ็ญตนเพื่อข้ามขั้น กลิ่นอายเทพในร่างกายก็จะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง หนอนกู่ก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเช่นกัน หนอนชนิดนี้จะกินเืของแมวเทพ แมวเทพต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!”
“โเี้!” เซวียนหยวนกำหมดทุบลงบนโต๊ะ เขาเดาได้แล้วว่าเื่นี้เป็การกระทำของซือคงจวินเย่แน่นอน เพราะเขารู้ดีว่าศิษย์น้องของเขาไม่มีทางทำเื่ต่ำช้าเช่นนี้ออกมาแน่
หลิ่วอันถามหยั่งเชิง “ทูลฝ่าา เื่นี้ต้องบอกฮองเฮาเหนียงเหนียงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อส่ายหน้า “อย่าเพิ่งบอกนาง! ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่”
หลิ่วอันใคร่ครวญ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก “ต้องหาผู้ที่ฝังหนอนกู่ให้พบแล้วให้เขาเป็ผู้ถอนพิษหนอนกู่!”
ดวงตาของเซวียนหยวนเช่อนิ่งลึก ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน
ตำหนักเว่ยยาง เฟิ่งเฉี่ยนโอบกอดบุตรชายพูดคุยและหัวเราะ ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว
ชิงเหอกูกูพานางกำนัลกลุ่มหนึ่งเข้ามาจัดอาหาร ทันใดนั้นได้ยินเสียงฟ้าร้องคะนองด้านนอกประตู เกิดเป็เสียงฟ้าแลบแปลบปลาบ ไท่จื่อน้อยใจนซุกกายเข้าไปแอบในอ้อมกอดของเฟิ่งเฉี่ยน
“เสด็จแม่ ลูกกลัวพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนปลอบโยน “ไม่เป็ไร ฟ้าผ่าคนสูงใหญ่เท่านั้น ไม่ถูกเด็กตัวเล็กๆ!”
“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อน้อยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เฟิ่งเฉี่ยนลืมตาพูดปด “จริงแน่นอน”
ไท่จื่อน้อยเชื่อทันที เขาออกมาจากอ้อมกอดของเฟิ่งเฉี่ยนแล้วดึงรั้งนางเป็การใหญ่ “เสด็จแม่ ท่านรีบนั่งยองๆ! อย่าให้ถูกฟ้าผ่าเชียว!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง นางลูบศีรษะเล็กๆ ของเขา “วางใจ ฟ้าผ่าไม่ถูกเสด็จแม่หรอก ยังมีเสด็จพ่อของเ้าบังอยู่ข้างหน้า!”
เพิ่งจะพูดจบก็ได้ยินเสียงคนที่จะมารับฟ้าผ่าแทนดังขึ้น “ฮองเฮากำลังสาปแช่งให้เจิ้นถูกฟ้าผ่าหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนมุมปากกระตุก ไม่ควรพูดถึงคนอื่นลับหลังจริงๆ พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาทันที!
“ฝ่าาเข้าพระทัยผิดแล้วเพคะ! ความหมายของหม่อมฉันคือฝ่าารูปร่างสูงใหญ่ ย่อมต้องช่วยพวกเราต้านลมและฝน! มีท่านอยู่ ข้าและเย่เอ๋อร์ไม่กลัวสิ่งใดแล้ว! เย่เอ๋อร์ ใช่หรือไม่”
“อื้อ อื้อ!” ไท่จื่อน้อยรีบพยักหน้าหงึกหงัก
เดิมทีเป็คำพูดเยินยอเพื่อเอาใจเขาทั้งสิ้น แต่เมื่อเข้าหูเซวียนหยวนเช่อแล้วกลับน่าฟังยิ่งนัก สายตาของเขาอ่อนโยนลงหลายส่วนอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินเข้ามาหาสองแม่ลูก “เจิ้นเป็ฮ่องเต้ของแผ่นดิน และยิ่งกว่านั้นเป็หัวหน้าครอบครัว หากกระทั่งภรรยาของตนเองก็ยังปกป้องไม่ได้ เช่นนั้นมิกลายเป็ว่าเจิ้นไร้ความสามารถหรอกหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเขาพูด “ภรรยา” สองคำนี้ ในใจพลันรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ต่อมาได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “สิ่งที่เจิ้นทำได้อาจมีข้อจำกัด แต่เจิ้นจะใช้ความสามารถทั้งหมดทำเพื่อพวกเ้า ให้พวกเ้ามีชีวิตที่ปลอดภัยไร้กังวล...”
เขามองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาลึกซึ้ง เมื่อพูดออกมาทีละคำ “ดังนั้น ไม่ว่าเมื่อใด ที่ไหน เ้าล้วนพึ่งพิงเจิ้น เชื่อเจิ้นได้เสมอ วางใจที่จะมอบตัวเองให้กับเจิ้น นี่เป็คำสัญญาที่เจิ้นมีต่อเ้า!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้