เมื่อเห็นหยวนจุนกำลังจะจากไป หานโหรวจึงรีบเดินตามหลังไปอย่างระมัดระวัง
หยวนจุนที่กำลังจะออกจากป่าหยุดเดินแล้วหันมองนาง เขากล่าวว่า “แม่นางหาน ในเมื่อรอดพ้นจากอันตรายแล้ว เช่นนั้นไม่ต้องตามข้าแล้วก็ได้”
ใบหน้าเ็าของหานโหรวมิได้แสดงสิ่งใดออกมามากนัก นางกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ชุดกระโปรงยาวบนร่างกายข้าใช้ปกปิดความอับอายมิได้แล้ว เ้าช่วยหาเสื้อผ้าให้ข้าได้หรือไม่?”
“วิ้ว”
หยวนจุนหยิบชุดคลุมยาวของตนเองออกมาจากแหวนมิติแล้วโยนให้นาง เขากล่าวว่า “ข้าไม่มีเสื้อผ้าของสตรี หากไม่รังเกียจก็สวมเถอะ”
หานโหรวคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว นางฉีกผ้าจากกระโปรงยาวมามัดผมซึ่งทำให้ดูสะอาดสะอ้านยิ่งขึ้น
“ช้าก่อน เ้ายังมิได้บอกข้าเลยว่าเ้าชื่ออะไร?”
เมื่อถูกหานโหรวเรียกอีกครั้ง หยวนจุนจึงขยับปากด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “หยวนจุน”
“ดูแล้วเ้าน่าจะมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกโรงเรียนยุทธ์ของจักรวรรดิชิงหยางใช่หรือไม่?”
หยวนจุนโบกมือให้นาง เขาไม่ตอบคำถามของหานโหรวแล้วเดินจากไป
หลังจากเดินทางมาครึ่งวัน ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงชั้นนอกที่มีชีวิตชีวาของจักรวรรดิชิงหยาง เมื่อได้เบาะแสเกี่ยวกับที่ตั้งของค่ายกลทะลุมิติจากผู้คนแถวนั้นแล้ว หยวนจุนจึงมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายโดยที่ไม่มีหยุดพัก
ห้องโถงสูงตระหง่านที่กว้างขวางเต็มไปด้วยนักยุทธ์มากมาย ซึ่งแสงสีฟ้าที่สว่างอยู่ตรงกลางคือค่ายกลทะลุมิติที่นำไปสู่เมืองหลวงชั้นใน
ค่ายกลทะลุมิตินี้ไม่สามารถใช้ได้ตาม้า ต้องเสียค่าผ่านทางจำนวนหนึ่งถึงจะสามารถใช้ได้ หยวนจุนจึงเดินเข้าไปหาชายชราจมูกงุ้มที่เฝ้าค่ายกลทะลุมิติ ก่อนจะยกมือคำนับแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าต้องใช้เหรียญทองเท่าไร?”
ชายชราเงยหน้าขึ้น ครั้นเห็นว่าหยวนจุนเป็เพียงคนธรรมดาก็ก้มหน้าลง จากนั้นจึงยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วให้หยวนจุน
“หนึ่งล้านเหรียญทอง?”
ชายชราส่ายหน้า
หยวนจุนนำตั๋วเงินสิบล้านเหรียญทองวางบนมือเขาแล้วกล่าวว่า “สิบล้านเหรียญทอง”
ชายชรายกยิ้มที่มุมปากแล้วกล่าวว่า “เ้าหนุ่มน้อย เ้าไม่เคยใช้ค่ายกลทะลุมิติใช่หรือไม่?”
เมื่อกล่าวถึงค่ายกลทะลุมิติ หยวนจุนจะเคยใช้ได้อย่างไร? ในเมื่อเขาสามารถใช้ฝ่ามือในการทะลุมิติได้ อยากไปที่ใดก็ไปได้ในพริบตา ทั้งนี้ หากใช้ฝ่ามือแล้วไม่ได้ผล วังโต้วเทียนยังมีค่ายกลทะลุมิติระดับพิเศษที่สามารถพาไปจักรวรรดิใดก็ได้
สำหรับค่ายกลทะลุมิติระดับธรรมดาที่อยู่ในเมืองหลวงชั้นในและชั้นนอกนี้ การจ่ายหนึ่งล้านเหรียญทองสำหรับการใช้งานเพียงครั้งเดียวนั้นถือว่าราคาสูงมาก ในเมื่อหยวนจุนยอมจ่ายสิบล้านเหรียญทองให้แก่ชายชราจมูกงุ้ม เหตุใดเขาถึงยังไม่สนใจอีก?
“ตอนนี้เป็่เวลาที่นักยุทธ์มากมาย้าใช้ค่ายกลทะลุมิติเพื่อเข้าสู่เมืองหลวงชั้นใน หากไม่เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม ท่านจะนำเงินส่วนใดมาซ่อมแซมค่ายกลทะลุมิติ?”
“หากเ้า้าใช้ค่ายกลทะลุมิติ เ้าต้องนำผลึกแร่ดาราอย่างน้อยหนึ่งร้อยเม็ดมามอบให้ข้า!”
หยวนจุนถึงกับพูดไม่ออก เขานึกไม่ถึงว่าชายชราจะกล้าเรียกราคาสูงถึงเพียงนี้ ผลึกแร่ดาราหนึ่งเม็ดมีค่าประมาณหนึ่งล้านเหรียญทอง ถ้าหนึ่งร้อยเม็ด นั่นสามารถเทียบได้กับราคาของอาวุธระดับิญญาขั้นสองถึงห้าชิ้น!
แค่ใช้ค่ายกลทะลุมิติเพียงครั้งเดียว กล้าเรียกค่าใช้จ่ายถึงเพียงนี้เลยหรือ!?
หยวนจุนกวาดตามองฝูงชน แววตาของพวกเขาล้วนแล้วแต่สิ้นหวัง ผลึกแร่ดาราร้อยเม็ดมิใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถหามาจ่ายได้!
นักยุทธ์เหล่านี้มีพลังบ่มเพาะถึงขั้นห้าขั้นหก เห็นได้ชัดว่า้าใช้ค่ายกลทะลุมิติเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกของโรงเรียนยุทธ์ทั้งสี่แห่ง
แต่ด้วยราคาที่สูงเกินไปเช่นนี้ พวกเขาจึงทำได้เพียงทำใจ
หากเดินทางทั้งวันทั้งคืน อย่างน้อยต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งอาทิตย์จึงจะถึงเมืองหลวงชั้นใน เมื่อถึงตอนนั้น การคัดเลือกของโรงเรียนยุทธ์ทั้งสี่คงสิ้นสุดแล้ว
ผู้ค่ายกลทะลุมิติคงใช้โอกาสนี้เพื่อทำกำไรสินะ
“ผู้เฒ่าชง ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน ดูมีพละกำลังขึ้นเยอะเลยนะ ฮาฮา”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอกประตู ผู้คนจึงทยอยหลีกทางให้อย่างรู้หน้าที่ รวมถึงหยวนจุนก็ต้องหลีกไปด้านข้างด้วยเช่นกัน
“เหอะเหอะ ข้าไม่รู้ว่านายน้อยหนิวจะมาด้วยตนเองจึงมิได้ออกไปต้อนรับ ขออย่าโกรธเคืองกันเลย” เมื่อชายชราจมูกงุ้มที่ถูกเรียกว่าผู้เฒ่าชงเห็นเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีที่มีท่าทางองอาจ เขาจึงรีบลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับคนผู้นั้นทันที
แม้คุณชายหนิวผู้นี้จะมีผิวพรรณผุดผ่องประดุจสตรี แต่ร่างกายของเขากลับมีปราณดาราที่แข็งแกร่ง อย่างน้อยก็เป็ระดับดาราวงแหวนใหญ่ขั้นเจ็ด!
ด้านหลังมีผู้ติดตามชายหญิงสองคนที่มีรูปร่างและลักษณะคล้ายกัน แม้แต่พลังบ่มเพาะของปราณดารายังเหมือนกันมากอีกด้วย
“นายน้อยหนิวเป็อัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ของเมืองหลวงชั้นนอกแห่งจักรวรรดิชิงหยางของเรา! เพียงอายุสิบแปดก็เข้าสู่วงแหวนใหญ่ขั้นเจ็ดได้แล้ว สมแล้วที่เป็ัในหมู่มนุษย์!”
“ที่เ้าได้ยินมายังน้อยไป ข้าได้ยินว่าเขาสามารถฝึกฝนวิชายุทธ์เนี่ยผานขั้นสูงที่ยากยิ่งได้ด้วยตนเองจนบรรลุ! เขาจึงได้รับการขนานนามว่าเป็อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในรอบหลายพันปี จนผู้คนในตระกูลต่างอิจฉา!”
“นี่นี่นี่ เห็นพี่น้องที่ยืนอยู่ด้านหลังนั่นหรือไม่? พวกเขาคืออัจฉริยะของตระกูลโม่ เมื่อครั้งอยู่เมืองหลวงชั้นนอก พวกเขาเป็ผู้ที่มีชื่อเสียงมาหลายปี แต่ดูตอนนี้สิ กลายเป็บริวารคอยรับใช้ตระกูลหนิวไปแล้ว”
เมื่อหยวนจุนได้ยินคำสรรเสริญเยินยอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหนิวหาว เขาช่างแตกต่างจากนักยุทธ์คนอื่นๆ อย่างน้อยก็ดีกว่าระดับวงแหวนใหญ่ขั้นเจ็ดที่เขาเคยพบ!
“ผู้เฒ่าชง รบกวนเปิดค่ายกลทะลุมิติด้วย ข้า้าเข้าไปที่เมืองหลวงชั้นใน”
ชายชราพยักหน้าให้หนิวหาวแล้วรีบหมุนค่ายกลทะลุมิติ ทำให้แสงส่องสว่างออกมาจากค่ายกลนั้น
เมื่อทั้งสามเดินตรงไป นักยุทธ์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าจึงรีบหลีกทางให้ทันที มีเพียงหยวนจุนที่ถอยหลังไปเล็กน้อย จึงทำให้หัวไหล่ของเขาและหนิวหาวเฉียดกัน แต่หยวนจุนกลับถูกกระแทกอย่างรุนแรง
หนิวหาวเดินผ่านไปและมองหยวนจุนด้วยหางตา เมื่อเห็นว่าเป็คนธรรมดา เขาจึงค่อยๆ ถอนสายตาเ็าออกไป
“ช้าก่อน เหตุใดเขาจึงใช้ค่ายกลทะลุมิติไปเมืองหลวงชั้นในได้โดยที่ไม่ต้องจ่ายเหรียญทอง? เช่นนี้นั้นยุติธรรมแล้วหรือ?”
ขณะที่ชายชรากำลังจะเปิดค่ายกลทะลุมิติ สตรีสวมชุดคลุมยุทธ์ที่อยู่ด้านนอกประตูก็เดินเข้ามา นางมีใบหน้าที่งดงามเรียบเนียน เส้นผมถูกมัดขึ้นเป็ทรงหางม้าสูง แม้นางจะแสดงท่าทีองอาจออกมา แต่ทว่ากลับมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย
“ฮาฮา แม่นางผู้นี้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่? มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเมืองหลวงชั้นนอกของจักรวรรดิชิงหยางอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลหนิว นายน้อยหนิวอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อใช้ค่ายกลทะลุมิติระดับทั่วไป เช่นนี้นับเป็เกียรติของข้า! ดังนั้นข้าจะกล้าเก็บเหรียญทองได้อย่างไร?”
“เ้าเป็สุนัขที่ซื่อสัตย์เสียจริง ช่างประจบสอพลอได้ดีทีเดียว! แต่ทว่า เมืองหลวงชั้นนอกของจักรวรรดิชิงหยางมิใช่ของแซ่หนิว! พวกเ้าไม่กลัวคนในราชวงศ์รู้เื่นี้หรือ? ไม่กลัวถูกปะาหรืออย่างไร?”
เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มไม่ดี นักยุทธ์จึงค่อยๆ หลีกทางและเว้นระยะห่าง เนื่องจากกลัวว่าจะได้รับอันตรายหากมีสิ่งใดเกิดขึ้น
การที่สตรีผู้นี้กล้าเสียมารยาทและอวดดีต่อหน้าหนิวหาว นางต้องประสบกับความทุกข์ทรมานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้