เกิดใหม่ครั้งนี้ ขอเป็นภรรยาเศรษฐีนีแม่ลูกสามในยุค 80

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หากซ่งหานเจียงสามารถมองเห็นเด็กๆ บนรถสามล้อคันนั้นได้ล่ะก็เขาก็คงจำคนบนนั้นได้ในชั่วพริบตา ทว่าเด็กทั้งสองคนนั้นนั่งอยู่ในรถสามล้อ ส่วนเด็กคนเล็กสุดก็ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขน พริบตาเดียวก็ถูกฝูงชนบดบังไว้หมดแล้ว นั่นทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก

        เหวินยางยางถือว่าความเงียบของซ่งหานเจียงนั้นคือการยอมรับ

        เธอยกมือขึ้นพร้อมกับทัดไรผมของเธอไปไว้หลังหู จากนั้นก็เอ่ยอย่างกระดากอายว่า “เธอมาหานายหรือเปล่านะ? เมื่อกี้เธอจะเห็นฉันอยู่กับนายแล้วเข้าใจผิดหรือเปล่า?”

        ซ่งหานเจียงสับสนขึ้นมา “เข้าใจผิดเ๹ื่๪๫อะไรกัน?”

        เมื่อได้ยินคำถามของซ่งหานเจียง จู่ๆ เหวินยางยางก็พลันหน้าแดงขึ้นมา แม้หน้าตาของเธอจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ด้วยเธอมีใบหน้ากลมและดวงตาโตๆ คู่นั้น ตัวเธอเองก็เรียกได้ว่าเป็๲ผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง

        เธอตอบ “ก็เข้าใจเ๹ื่๪๫ระหว่างฉันกับนายผิดไปไง”

        ซ่งหานเจียงยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด “ฉันกับเธอมันทำไมหรือ? มีเ๱ื่๵๹อะไรให้เข้าใจผิดงั้นหรือ?” บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าคำพูดของเหวินยางยางเริ่มฟังยากขึ้นไปทุกที

        แต่ซ่งหานเจียงนั้นมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือเขาจะไม่บังคับตัวเองให้เข้าใจในเ๹ื่๪๫ที่ตนเองไม่เข้าใจ

        “เอาล่ะ พวกเรารีบกลับกันเถอะ อาจารย์ยังรอพวกเราอยู่ที่ห้องทดลองนะ” เขาอยากรีบกลับห้องทดลองจะแย่เพราะที่นั่นยังมีการทดลองอีกชุดหนึ่งที่กำลังรอผลลัพธ์ออกมาอยู่ เขาต้องรีบกลับไปเฝ้าผลการทดลองนั่น

        ที่ซ่งหานเจียงยอมก้าวขาออกจากห้องทดลองมาได้ก็เพราะว่าเขาได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้ออกมาซื้อของบางอย่าง เพราะเขาขังตัวเองอยู่ในห้องทดลองตลอดสามวันสามคืน อาจารย์รู้สึกเห็นใจเขาจึงมอบหมายงานเล็กๆ น้อยๆ ให้เขาทำ เพื่อให้เขาได้ออกมาสูดอากาศและผ่อนคลายอารมณ์บ้าง ส่วนเหวินยางยางก็ขอตามเขาออกมาด้วยทำให้ซ่งหานเจียงไม่อาจปฏิเสธได้

        ในใจของซ่งหานเจียงนั้นมีเพียงการทดลองของตัวเองเท่านั้น เหวินยางยางมองแผ่นหลังของซ่งหานเจียงแล้วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่มีโอกาสเข้าหาซ่งหานเจียงเลยจริงๆ 

        ทางด้านของซย่านีเมื่อกลับมาถึงบ้านของพี่สะใภ้เซี่ยงเหมยแล้ว พอปิดประตูปุ๊บทั้งสองคนก็แทบจะรอไม่ไหวจึงรีบเดินตรงเข้าห้องนอนทันที หลังจากปีนขึ้นเตียงแล้ว ดวงตาของทั้งสองคนก็เปล่งประกายขึ้นขณะกำลังมองไปที่กล่องใส่เงิน ไม่สิ ต้องบอกว่าดวงตาของทั้งห้าคนต่างหาก 

        ยุ่งมาทั้งวันในที่สุดก็ถึงเวลานับผลแล้ว

        เซี่ยงเหมยหยิบตะกร้าใส่เงินขึ้นมาแล้วเปิดฝาออก จากนั้นก็เทมันลงบนเตียง ธนบัตรหลากสีสันจำนวนนับไม่ถ้วนค่อยๆ ร่วงลงบนเตียงทันที

        ทั้งซย่านีและเซี่ยงเหมยต่างก็พากันกลั้นหายใจอย่างตื่นเต้นและประหม่าในเวลาเดียวกัน 

        “ว้าว เงินเยอะมากเลย!”

        ซ่งวั่งซูร้องอุทานอย่างตื่นเต้น เสียงนั้นทำลายความเงียบลงในที่สุด

        ซย่านีระงับความตื่นเต้นของตนเองก่อนจะแบ่งเงินออกเป็๞กองๆ ตามมูลค่าบนธนบัตร จากนั้นก็มอบเงินจำนวนเล็กน้อยให้กับซ่งตงซวี่ ส่วนที่เหลือก็แบ่งออกเป็๞สามกองคือให้ตัวเองกับเซี่ยงเหมยและสุดท้ายให้ซ่งวั่งซูอย่างละเท่าๆ กัน

        ซย่านีทำยางรัดผมแบบลูกไม้ได้ไม่มากนัก มีทั้งหมดสามร้อยกว่าชิ้นซึ่งราคาจะอยู่ชิ้นละหนึ่งหยวนแต่ว่าหนังยางรัดผมแบบลูกไม้นี้ ยังจับคู่ขายรวมกันกับแบบรุ่นธรรมดาที่ราคาสามเหมาอีกอยู่ประมาณสามร้อยกว่าชิ้น แค่หนังยางรัดผมรุ่นธรรมดามีประมาณห้าร้อยกว่าชิ้นที่ขายในราคาห้าเหมา เจ็ดเหมา หรือหนึ่งหยวนไล่ไปตามลำดับ

        พวกนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นเก่งเ๹ื่๪๫การเจรจาต่อรองมาก ดังนั้นซย่านีจึงตั้งราคาเท่าไหร่ก็จะขายเท่านั้น

        ซ่งตงซวี่นับเงินอย่างรวดเร็ว “แม่ ที่ผมมีธนบัตรสามัคคียิ่งใหญ่[1] ตั้งสิบห้าใบแน่ะ!”

        จากนั้นซ่งวั่งซูก็นับเงินบ้าง “ส่วนที่หนูก็มีธนบัตรห้าหยวนยี่สิบสามใบกับธนบัตรสองหยวนอีกเจ็ดสิบเจ็ดใบเชียวนะ”

        ทางด้านเซี่ยงเหมยก็กล่าวขึ้นบ้าง “ส่วนฉันก็มีธนบัตรหนึ่งหยวนอยู่สองร้อยสิบสองใบ”

        ในที่สุดซย่านีก็นับเงินเสร็จ เธอกล่าวขึ้น “ที่ฉันมีธนบัตรห้าเหมาทั้งหมดร้อยใบกับธนบัตรสองเหมาอีกสี่สิบหกใบ และหนึ่งเหมาอีกหกสิบเจ็บใบ”

        หลังจากบวกยอมรวมของแต่ละกองแล้ว วันนี้พวกเขาก็ทำเงินได้ทั้งหมด ห้าร้อยยี่สิบเจ็ดหยวนกับอีกเก้าเหมา!

        เรียกได้ว่าพวกเขารวยขึ้นมาเพียงชั่วข้ามคืนกันเลยทีเดียว!

        ซย่านีรู้ว่าการทำธุรกิจจะสร้างรายได้ให้กับเธอแต่ก็ไม่คิดว่าจะทำได้มากขนาดนี้ ต่อให้เธอแบ่งเงินครึ่งหนึ่งให้เซี่ยงเหมยแต่เธอก็ยังมีเงินเหลืออยู่ในมืออีกสองร้อยหกสิบกว่าหยวน

        หลังจากทำงานอย่างหนักมาตลอดสามวันเธอก็ทำเงินได้สุทธิกว่าสองร้อยหกสิบหยวน! ในปัจจุบันนี้เหล่านักศึกษาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาและเข้าทำงานในบริษัทนั้น แต่ละเดือนยังได้เงินเดือนเพียงสี่สิบกว่าหยวนเท่านั้นเอง

        มิน่าเล่าพักหลังๆ มาถึงมีคนเป็๲จำนวนมากลาออกจากโรงงานแล้วหันมาทำธุรกิจแทน นั่นก็เพราะว่าการทำธุรกิจนั้นได้กำไรมากกว่าจริงๆ 

        ทุกวันนี้บ้านตระกูลซ่งปฏิบัติต่อพวกเธอแม่ลูกเหมือนเป็๞อากาศ แม่สามีอย่างหวังซิ่วอิงก็ดุด่าเธออยู่บ่อยครั้ง เธอมีเงินจำนวนมากขนาดนี้อยู่ในมือ ตอนนี้เธอสามารถวางแผนย้ายออกจากบ้านตระกูลซ่งได้แล้วสินะ

        หลังจากนั้นเธอก็จะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกๆ ได้แล้ว! ในอกของซย่านีเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนไม่อาจบรรยายได้

        แม้แต่ทารกน้อยที่เด็กที่สุดในบ้านอย่างซ่งซิงเหอเองก็พลอยเคลิ้มไปกับบรรยากาศภายในบ้านด้วยเช่นกัน จนเขาหัวเราะเอิ้กๆ ขึ้นมา

        “หาเงินได้แล้ว! ซิงซิงน้อยของแม่ก็ดีใจเหมือนกันใช่ไหมจ๊ะ?” ซย่านีลูบหน้าผากของลูกชายอย่างมีความสุข นั่นทำให้ซิงซิงยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้นเช่นกัน เขาเตะป่ายมือเท้าน้อยๆ ของตนเองไปมา

        เซี่ยงเหมยเองก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เธอดึงซย่านีเข้าหาตัวพลางกล่าวว่า “พวกเรารีบไปทำงานกันเถอะ วันนี้ทำให้เยอะหน่อยพรุ่งนี้จะได้เอาไปขายกัน!”

        สินค้าหนึ่งพันกว่าชิ้นก็ขายได้ห้าร้อยกว่าหยวนแล้ว วันนี้หากตอนกลางคืนพวกเธอสองคนทำงานกันจนล่วงเวลาเหมือนเมื่อวาน ก็จะทำสินค้าออกมาได้อีกหนึ่งพันชิ้น หากสามารถขายได้ก็จะมีเงินอีกห้าร้อยหยวน สองวันรวมกันก็จะเป็๲หนึ่งพันหยวน! เซี่ยงเหมยแต่งงานกับเฝิงหย่งมาหลายปีมาแล้วเงินรวมกันแล้วยังมีเก็บไม่ถึงพันหยวนเลย

        “พี่สะใภ้ยังไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกนะคะ” ซย่านีนับเงินออกมาจากกองสองร้อยห้าสิบหยวนแต่พอลองคิดดูแล้ว สองร้อยห้าสิบ[2] ฟังดูไม่ค่อยดีนัก เธอจึงนับเงินออกมาอีกหนึ่งหยวน รวมทั้งหมดเป็๞เงินสองร้อยห้าสิบเอ็ดหยวนจากนั้นก็ยัดเงินใส่มือของเซี่ยงเหมย “พี่สะใภ้ นี่เป็๞เงินส่วนแบ่งของพี่นะ ฉันเองก็จะเก็บไว้สองร้อยห้าสิบเอ็ดหยวนเหมือนกัน ส่วนที่เหลืออีกยี่สิบห้าหยวนกับอีกเก้าเหมานั้น ฉันจะเอาไว้ซื้อวัสดุอย่างพวกผ้ากับหนังยางนะคะ พี่คิดว่าอย่างไรบ้าง?”

        “ไม่ได้ๆ!” เซี่ยงเหมยรีบผลักเงินออกจากตัว เธอรู้สึกว่าเงินก้อนนี้ร้อนจนแทบลวกมืออยู่แล้ว “ธุรกิจนี้ก็ได้เธอเป็๲คนเสนอแถมเธอยังเป็๲คนต้นคิดการทำยางรัดผมนี้ขึ้นมาอีก ฉันเป็๲แค่คนช่วยเท่านั้นจะรับเงินมากขนาดนี้จากเธอได้อย่างไร? ไม่ได้ๆ ไม่ได้เด็ดขาด”

        ซย่านีหันไปกล่าวกับพี่สะใภ้เซี่ยงเหมยว่า “แม้ว่าฉันจะเป็๞คนเสนอธุรกิจนี้ขึ้นมาแต่ก็ต้องมีพี่สะใภ้เซี่ยงเหมยคอยสนับสนุนฉันอีกแรงด้วย ธุรกิจนี้ถึงจะดำเนินต่อไปได้” เธอมีสีหน้าลำบากใจ “พี่ก็รู้สถานการณ์ที่บ้านของฉันดีนี่คะ หากไม่มีพี่ฉันเองก็คงได้แค่คิดแต่ไร้กำลังที่จะทำ ดังนั้นพี่รับเงินนี้ไว้เถอะนะ พี่สมควรได้รับมันแล้ว”

        เซี่ยงเหมยยังคงปฏิเสธและส่ายหน้ารัวๆ “น้องสาวเอ๋ย เธอไม่ควรคิดแบบนี้เลยจริงๆ ถึงจะไม่มีฉันเธอเองก็สามารถหาคนอื่นมาช่วยเธอได้ ไม่มีใครยอมพลาดการทำธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้มากแบบนี้หรอก แค่เธอนึกถึงฉันแล้วยินดีพาฉันไปหาเงินกับเธอฉันก็พอใจมากแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วฉันไม่กล้าแบ่งเงินนี้เท่าๆ กับเธอหรอกนะ”

        “แต่ว่า ตอนที่ธุรกิจนี้ยังไม่ทันได้เริ่ม ใครเล่าจะรู้ว่ามันจะทำเงินได้มากขนาดนี้จริงไหมคะ?”

        “หากเป็๲ธุรกิจอื่นฉันก็คงอาจจะลังเลอยู่บ้าง แต่ธุรกิจของเธอนั้นได้ลงทุนซื้อวัสดุอย่างพวกหนังยางรัดผมหรือเศษผ้าอะไรเสร็จสรรพไปแล้ว ฉันแค่ให้เธอยืมจักรเย็บผ้าและช่วยเธอทำงานแค่วันสองวันเองนะ เธอไม่จำเป็๲ต้องแบ่งเงินให้ฉันเลยด้วยซ้ำแถมไม่ต้องควักเงินตัวเองออกมาช่วยธุรกิจนี้อีก ใครบ้างจะไม่อยากร่วมทำธุรกิจแบบนี้กันเล่า?”

        ไม่ใช่ว่าเซี่ยงเหมยไม่ชอบเงินแต่ว่าเธอไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น เงินนี้มันร้อนมือเกินไป หากเธอรับมันไว้จริงๆ เช่นนั้นจากนี้ไปเธอก็คงไม่สามารถสู้หน้าซย่านีไปชั่วชีวิตได้ เธอยังอยากส่งต่อคุณธรรมแบบนี้ให้กับคนรุ่นหลังต่อไป เธอไม่อาจทำตัวเป็๞คนชั้นต่ำที่ละโมบโลภมากได้หรอก

        ซย่านีไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาต่อต้านเซี่ยงเหมยได้เลย ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเก็บเงินนี้ไว้ชั่วคราวก่อน ไม่ว่าอย่างไรธุรกิจนี้ก็ต้องมีกฎในการแบ่งเงินกัน เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ไม่สู้พวกเราเอาแบบนี้ดีไหมคะ พวกเราแบ่งเงินกันสี่ต่อหกดีหรือไม่? ฉันเป็๲คนต้นคิดเ๱ื่๵๹การทำธุรกิจหนังยางรัดผมนี่ ก็แบ่งให้ฉันสองส่วนแล้วอีกแปดส่วนที่เหลือพวกเราก็แบ่งกันคนละครึ่งๆ พี่สะใภ้เซี่ยงเหมยอย่าเพิ่งปฏิเสธฉันเลยนะ พี่ฟังฉันพูดก่อน แม้ว่าฉันจะเป็๲คนซื้อวัสดุอย่างหนังยางกับเศษผ้าพวกนี้มาแต่พี่ก็เป็๲คนให้ยืมจักรเย็นผ้านะคะ อีกอย่างพวกหนังยางรัดผมพันกว่าชิ้นที่ขายได้นั้นพวกเราสองคนเป็๲คนช่วยกันทำ พูดมาถึงตรงนี้แล้ว พวกเราก็แบ่งเงินกันตามนี้เถอะนะ ถึงอย่างไรพวกเราสองคนก็ต่างพยายามกันทั้งคู่”

        “อีกอย่างนะคะ หากพวกเราผลิตสินค้าได้เยอะขนาดนี้และขายยางรัดผมได้จำนวนมากแบบนี้ในทุกๆ วัน ผ้าที่ฉันได้มาก็คงใกล้จะหมดเต็มที ฉันว่าต่อไปในวันข้างหน้าฉันก็คงไม่มีทางหาเศษผ้าพวกนี้มาได้แล้วล่ะ สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาพี่เฝิงหย่งอยู่ดี”

        “หากเป็๲เช่นนี้ต่อไปฉันอาจจะเป็๲คนได้เปรียบก็ได้นะ”

        เซี่ยงเหมยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองได้ประโยชน์มากกว่าอยู่ดี อย่างไรหากไม่มีซย่านีเธอก็คงไม่มีทางหาเงินได้สักแดงเดียวแต่พอเห็นว่าซย่านียังคงยืนกรานหนักแน่น เซี่ยงเหมยก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกจึงได้แต่ยอมเห็นด้วยแต่โดยดี

        หลังจากนั้น ก็เป็๲เวลาแบ่งเงินกันอย่างมีความสุข

 

[1] ธนบัตรสามัคคี 大团结 หรือ ธนบัตรสามัคคีอันยิ่งใหญ่คือธนบัตรในปี 1990 มีรูปคนงาน ชาวนา และทหารอยู่ด้านหน้าเทียบเท่ากับเงินสิบหยวน

[2] สองร้อยห้าสิบ 二百五 มีค่าเท่ากับเงินครึ่งซอง (半封) ซึ่งเป็๞คำพ้องเสียงกับคำว่า ‘กึ่งบ้า’(半疯) หมายถึงบุคคลที่โง่เขลาและประมาท

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้