ั้แ่มู่อี้หานกลับบ้านมากินข้าวเย็นในวันนั้นเขาค่อยๆ กลับคฤหาสน์บ่อยขึ้น ถึงแม้บางครั้งจะมีกลับช้าไปบ้าง แต่หยิ่นยวี๋โม่ก็จะทำอาหารรอเขากลับมากินข้าวเย็นด้วยกันเสมอ
มู่อี้หานเห็นหยิ่นยวี๋โม่หลับอยู่บนโซฟาเมื่อเขาดูเวลา ตอนนี้ก็เป็เวลาสี่ทุ่มเข้าไปแล้วผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้รอเขากลับบ้านอย่างโง่ๆ อีกใช่ไหม?
แม่บ้านโจวเดินออกมาพอดี“คุณผู้ชายกลับมาแล้ว คุณหนูบอกตลอดว่าจะรอคุณกลับมา”
“ฉันรู้แล้ว” มู่อี้หานเดินไปข้างโซฟาและปลุกเธอขึ้นมา“ทำไมมานอนตรงนี้?”
“คุณกลับมาแล้ว ฉันกำลังรอคุณอยู่เลย” หยิ่นยวี๋โม่แค่ไม่อยากกินข้าวเย็นเพียงลำพังก็เท่านั้น
“งั้นกินข้าวกันเถอะ” มู่อี้หานเดินเข้าห้องครัวไป หยิ่นยวี๋โม่เดินตามเข้าไปแต่ว่าอาหารบนโต๊ะกลับเย็นชืดไปหมดแล้ว
“วันหลัง ไม่ต้องรอผมกลับมาหรอกนะ” มู่อี้หานเอ่ยออกมา ทำให้มือที่กำลังคีบตะเกียบของหยิ่นยวี๋โม่ชะงักไป
“หรือเป็เพราะฉันทำอาหารไม่อร่อย?” หยิ่นยวี๋โม่ถามอย่างไม่สบายใจ
เธอรู้สึกว่าระยะหลังมานี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขากำลังเปลี่ยนแปลงไป เขาเริ่มกลับมาบ้านกลับมากินข้าวกับเธอ เขา้าเธอ นอนกอดเธอ แต่จริงๆ แล้วมันคงเป็แค่ความ้าของเธอเท่านั้นยังคงมีบางเื่ ที่ความจริงมันไม่ได้เปลี่ยนไป เป็ความรู้สึกระหว่างเธอกับเขาที่ไม่เคยเปลี่ยนไปทั้งหมดที่เธอกับเขาทำดีต่อกัน มันเป็เพียงแค่ภาพลวงตา
“ผมบอกว่าไม่ต้องรอก็ไม่ต้องรอ” มู่อี้หานมองเธอด้วยท่าทางดุดัน และเขายังคงตะคอกใส่เธอโดยไม่มีการใจอ่อนแม้แต่นิดเดียว
หยิ่นยวี๋โม่ลังเลอยู่นานเธอจึงวางตะเกียบลง “ฉันเข้าใจแล้ว”
บางทีเขาอาจจะไปหาผู้หญิงคนอื่นในเมื่อเขาไม่อยากให้เธอรอ อย่างนั้นก็ไม่ต้องรอเธอไม่อยากทำให้ตัวเองต้องกลายเป็ผู้หญิงโง่ๆ แม้ว่าเธอจะเป็ภรรยาของเขาแต่ว่าสิ่งที่เธอทำให้เขาได้มันก็แค่เื่เล็กน้อยๆ เท่านั้นเขาคงไม่เคยยอมรับภรรยาคนนี้จากหัวใจของเขาแม้สักครั้ง
หลังจากวันนั้นมู่อี้หานก็เริ่มกลับบ้านดึกทุกครั้งที่กลับดึก บนตัวของเขาจะมีกลิ่นเครื่องสำอาง น้ำหอม หรือกลิ่นเหล้าเข้มๆ เสมอหยิ่นยวี๋โม่ได้แต่นิ่งเงียบ เธอพยายามแสร้งเป็ไม่รับรู้เื่ราวอะไร
เฉินจื่อโม่นั่งอยู่ในผับมู่อี้หานนั่งอยู่ตรงข้ามเขา ทั้งสองกำลังดื่มเหล้ากัน “พี่มู่ ได้ยินมาว่า่นี้พี่ไปหาซูเหยาตลอดพี่คงไม่ทำให้เื่ซูเหยา ทำให้พี่กับพี่สะใภ้ห่างกันหรอกนะ?”
“แกคิดมากไปแล้ว ่นี้ฉันต้องเข้าสังคมเยอะ” มู่อี้หานตอบเรียบๆ และไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไปหาซูเหยาเป็เพราะเขาติดค้างเธออยู่ ส่วนเื่การคบค้าสมาคมก็เป็สิ่งที่จำเป็ต้องทำยิ่งไปกว่านั้น เขาเริ่มรู้สึกดีกับหยิ่นยวี๋โม่มาระยะหนึ่งแล้วเขาพบว่าตัวเองเริ่มใจอ่อนกับหยิ่นยวี๋โม่ ดังนั้นเขาจำต้องถอยห่างออกจากเธออีกครั้ง
เขาไม่สามารถใจอ่อนได้แม้หยิ่นยวี๋โม่จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่นั่นก็แค่เพื่อรักษาสถานภาพการแต่งงานในครั้งนี้เท่านั้น
แต่เขาทำไม่ได้
ดังนั้น เขาจึงเข้าสังคมดื่มเหล้าเคล้านารีไม่ซ้ำหน้า เพื่อทุกวันเขาจะได้มีกลิ่นเหล้าและกลิ่นน้ำหอมกลับบ้าน แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะไม่พูดอะไรออกมาเลยเธอแสดงออกด้วยการอดทนอดกลั้น เธอทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสถานภาพการแต่งงานแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าเขาไม่รักเธอ และเขาหวังเพียงใช้ประโยชน์จากตัวเธอแต่เธอก็ยอมรับมัน
“พี่มู่ ่นี้พี่สะใภ้ออกไปซื้อกับข้าวทุกวันเธอคงจะเตรียมมื้อเย็นให้พี่ใช่ไหม? แล้วพี่ไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านเหรอ?” เฉินจื่อโม่มองเขา ระยะนี้เขามักจะเจอหยิ่นยวี๋โม่ที่ห้างสรรพสินค้าอยู่เป็ประจำ
“แกเจอเธอเหรอ?” มู่อี้หานจ้องไปยังเฉิ่นจื่อโม่
ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอวิ๋นเฉิงเป็ของหยิ่นซื่อกรุ๊ปการที่เฉินจื่อโม่จะเจอหยิ่นยวี๋โม่ก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไรไม่ใช่หรือ?
“ใช่สิ! ผมเพิ่งได้รับมอบหมายให้ไปตรวจห้างนี้ทุกวันดังนั้นถ้าเจอพี่สะใภ้ก็ไม่เห็นแปลก! แต่ว่า พี่สะใภ้ซื้อกับข้าวเต็มไปหมด แถมยังมาคนเดียวอีกไม่มีคนติดตามสักคน ผมกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ ผมก็เลยให้พนักงานไปช่วยเธอแต่เธอก็ปฏิเสธ” เฉินจื่อโม่เจอหยิ่นยวี๋โม่อยู่หลายวันยิ่งเขาเห็นเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอเหมาะสมกับหมู่อี้หานราวกิ่งทองใบหยก
คิ้วของมู่อี้หานค่อยๆขมวดชิดเข้าหากัน เขาดื่มเหล้ารวดเดียวจนหมดแก้ว “ฉันไม่ได้ใช้ให้เธอทำสักหน่อย แต่เธออยากทำ ฉันก็แค่ตามน้ำไปกับเธอก็แค่นั้น” เขาทำใจแข็งแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ฟังอะไรเลยสักอย่างเธออยากทำอะไรเธอก็ทำ
“พี่มู่ เธอเป็ถึงคุณหนูแต่ยังทำอะไรให้พี่ตั้งมากมายพี่ไม่ใจอ่อนบ้างเลยหรือไง?” เฉินจื่อโม่เป็คนใจอ่อนแต่มู่อี้หานไม่ใช่แบบนั้น
“วันนี้แกมากินเหล้าเป็เพื่อนฉัน หรือมาพูดให้ฉันดีกับหยิ่นยวี๋โม่กันแน่?” มู่อี้หานสลับขาขึ้นไขว่ห้าง เขายังคงดื่มเหล้าด้วยท่าทีสง่างาม
เฉินจื่อโม่หัวเราะออกมา“ผมก็แค่พูดความจริง”
ทันใดนั้น ประตูห้องพิเศษพลันถูกเปิดออกคนดังเฉินฮ่าวเดินเข้ามา เขาสวมชุดสูทสีดำ ใบหน้ามีความเหนื่อยล้าปรากฏอยู่บ้าง “พี่มู่”
“คิดไม่ถึงว่าแกจะมา ทำไมเหรอ? ่นี้โครงการมันวุ่นวายนักหรือไง?” มู่อี้หานหันหน้ามองเขา
เฉินจื่อโม่รินเหล้าไปพลางพูดไปพลาง “ที่วุ่นวายไม่ใช่โครงการหรอกพี่ แต่ที่วุ่นวายน่าจะเป็ภรรยาคนดังของเรามากกว่าใช่ไหม?”
“มีเื่คุยกันอีกตั้งเยอะ ทำไมคืนนี้ไม่เรียกผู้หญิงมานั่งด้วยล่ะ?หรือแกเปลี่ยนรสนิยมแล้ว?” คนดังเฉินฮ่าวไม่พูดอ้อมค้อมแม้เขาจะไม่ค่อยสบายใจมากนัก แต่ก็ตอบกลับไปทันควัน
“อะแฮ่ม! พี่คิดว่าผมเปลี่ยนได้หรือไง? ผมเนี่ยชอบผู้หญิงหุ่นสะบึ้มๆ ผู้หญิงธรรมดา ผมไม่มองหรอก” เฉินจื่อโม่ทำท่าทางข่มขวัญ “วันนี้ผมอุตส่าห์ทิ้งผู้หญิงมาอยู่เป็เพื่อนพวกพี่สองคนนั่นแหละ” มู่อี้หานและคนดังเฉินฮ่าวเหลือบมองกัน แต่ต่างก็ไม่ได้พูดอะไร
“ผมยอมทิ้งสาวๆ มาอยู่เป็เพื่อนพวกพี่ พวกพี่อย่าเป็แบบนี้สิ!” เฉินจื่อโม่เป็พวกเรื่อยเปื่อย เขาชอบทำเหมือนเป็คนไร้ความสามารถในหยิ่นซื่อกรุ๊ป เขามีแค่ชื่อแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย
ตระกูลเฉินก็ดีเฉินซื่อกรุ๊ปก็ดี ล้วนเป็ธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่แต่ทั้งสามคนล้วนแต่เป็ลูกของเมียรอง แม้จะไม่เคยมีใครพูดถึงแต่ทุกคนก็เติบโตมาอย่างสง่างาม
“ฉันมีธุระ กลับก่อนนะ พวกแกสองคนค่อยๆ ดื่มละกัน มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” มู่อี้หานมองดูเวลา และคิดได้ว่าเขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว
“พี่มู่ กลับไปอยู่กับพี่สะใภ้ดีๆ ล่ะ ไม่ต้องเกรงใจพวกเราหรอก” เฉินจื่อโม่คุยไปพลาง หยิบโทรศัพท์เพื่อโทรไปยังหมายเลขหนึ่ง “เอาเหล้าขวดที่แพงที่สุดมา”
มู่อี้หานยกยิ้มมุมปาก“คนที่ไม่เกรงใจมันแกต่างหาก”
“แน่นอน พี่มู่เป็คนจ่ายทั้งที ผมก็ต้องดื่มขวดที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” เฉินจื่อโม่มองเขา “สบายใจได้ ผมดื่มไม่เยอะหรอก อย่างน้อย ก็ต้องมีสติขับรถกลับเองได้” คอทองแดงอย่างเขา คนธรรมดาดื่มไม่สู้เขาหรอก
หยิ่นยวี๋โม่ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองกระแสลมเอื่อยๆ พัดผ่านผ้าม่าน ทำให้สิ่งที่อยู่ในรัศมีปลิดปลิว รวมถึงผมยาวๆของเธอที่ปลิวไสวไปกับสายลม เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรอหรือไม่ได้รอเขากลับมากันแน่ความจริงเขาจะกลับมาหรือไม่กลับมา มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นหยิ่นยวี๋โม่รับโทรศัพท์ “หย่าฉิง ทำไมเธอโทรหาฉันดึกจัง?”
“ฉันนอนไม่หลับ เลยโทรมาคุยกับเธอ! หมูนี้งานฉันยุ่งมาก แต่ยังไงพรุ่งนี้เราไปดื่มชาตอนบ่ายด้วยกันนะ!” ความจริงแล้ว เหอหย่าฉิงกลัวว่าหยิ่นยวี๋โม่จะต้องทุกข์ใจอยู่ที่บ้านคนเดียว่นี้เธอทำงานแล้ว ยังไงก็ต้องมีไปติดต่อเื่งานบ้างแต่เธอก็ยังคงเห็นมู่อี้หานเที่ยวทำท่าทีสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ดี