การบุกโจมตีในตอนบ่ายยังคงดุดันรุนแรงดังเดิม หลงไซ้หนานยังคงนำหน้าพุ่งเข้าหาขบวนทัพของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน ครั้งนี้ดึงผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบของตระกูลเฟิงและตระกูลเยว่สามคนเข้ามาร่วมด้วย ให้พวกเขาหาโอกาสลอบโจมตีเพื่อเจาะแนวป้องกัน ขอเพียงเจาะได้สักแห่งแล้วให้พวกหลงไซ้หนานบุกทะลวงเข้าไป กองกำลังที่อยู่ด้านหลังก็จะสามารถพรั่งพรูกันเข้ามาได้อย่างไม่ขาดจนสามารถยึดกุมโอกาสแห่งชัยชนะได้อย่างมั่นคง
เพียงแต่กระบี่บินของนักกระบี่ตระกูลเฟิงที่โจมตีออกไปเมื่อตอนเช้าทำให้เยาขาข่าและหมันก้านระวังตัวขึ้น รูปขบวนทัพในตอนบ่ายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากเดิมรูปขบวนแนวป้องกันในตอนเช้าเป็รูปพัดตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็รูปลูกศร เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเปลี่ยนท่าทีมาตั้งรับเพื่อสวนกลับ
รูปขบวนแถวหน้าสุดยังคงเป็นักรบเผ่าคนเถื่อนระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนที่ทั่วร่างแผ่พุ่งพลังแสงสีเหลืองห่อหุ้มร่างกาย ยังคงใช้การเผาไหม้พลังคนเถื่อนสร้างเป็สุดยอดพลังป้องกันเกราะเสื้อคลุมแสงเช่นเดิม พวกมันทั้งหมดมือข้างหนึ่งปกป้องศีรษะของตนเองไว้ ส่วนมืออีกข้างถือกระบองใหญ่ควงทุบออกมาข้างหน้าอย่างสะเปะสะปะมั่วซั่ว ด้านหลังของพวกมันล้วนเป็นักรบเผ่าปีศาจระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจและจอมพลปีศาจที่ใช้วิชาอาคมเผ่าปีศาจกระหน่ำโจมตีออกมายังทางด้านหน้าของนักรบเผ่าคนเถื่อนอย่างท่วมท้น
หลงไซ้หนานพลังปราณรบโอบล้อมทั่วร่างกำลังเตรียมที่จะออกคำสั่งบุกโจมตี แต่กลับมองเห็นเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนชิงบุกโจมตีกลับมาเสียก่อน เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่คาดคิดมาก่อนจึงทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากนักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งหมดใช้มือปิดตาไว้ ทำให้การโจมตีทางิญญาด้วยภาพลวงตาของนักรบตระกูลเยว่ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย ส่วนกระบี่บินของตระกูลเฟิงก็ทำอะไรไม่ได้มากเช่นเดียวกันเพราะนักรบเผ่าคนเถื่อนที่ยืนเป็กำแพงขวางอยู่ด้านหน้า บินวนเวียนอยู่ไม่กี่รอบก็เรียกกลับมา
สุดท้ายการโจมตีระลอกที่สองของเขตปกครองเทพาจบลงด้วยการถูกเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนไล่ลงมาจากยอดเขาอย่างกระเซอะกระเซิง! การสู้รบจบลง นักรบระดับขอบเขตจ้าวนักรบของทางฝ่ายเขตปกครองเทพาได้รับาเ็หลายคน ส่วนทางฝ่ายเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนไม่มีใครเป็อะไรแม้แต่น้อย
“โฮกๆ! วะฮ่าๆ! &%...#”
เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนมองเห็นนักรบฝั่งเขตปกครองเทพาถูกไล่ลงยอดเขาขาดอย่างกระเซอะกระเซิง ต่างพากันร้องเกรียวกราวกันออกมา มีทั้งหัวเราะออกมาอย่างโอหังอวดดี มีทั้งร้องด่าออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยามไม่ยี่หระ และมีทั้งหัวเราะออกมาอย่างเยาะเย้ยถากถาง ทำให้ขวัญกำลังใจในการรบของทางฝั่งเขตปกครองเทพาลดต่ำลงจนถึงก้นเหว
“มารดาเ้าเถอะ หัวเราะหาบิดาเ้ารึ? แน่จริงพวกเ้าลงมา ข้าคนเดียวจะบดขยี้พวกเ้าให้ดู!”
“เ้าพวกปีศาจตายซาก ร้องหาปู่พวกเ้ารึ? แน่จริงลงมาสิ มาสู้ตัวๆ กับข้า!”
“เยาขาข่า น่าสงสารบิดาเ้าที่มีลูกชายกระตุ้งกระติ้งอย่างเ้า รีบไสหัวลงมาเร็ว มาให้ข้าอัดถั่วดำเดี๋ยวนี้!”
“หมันก้านลูกพ่อ แม่เ้าเรียกกลับบ้านกินข้าวแล้ว...”
“…”
นักรบระดับหัวกะทิจำนวนมากของเขตปกครองเทพาทนไม่ได้ที่เห็นเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนหัวเราะเยาะและด่าทอออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม ต่างพากันลุกขึ้นยืนสองมือเท้าเอวเริ่มด่าทอกลับไป เพียงแต่ภาษาที่ใช้ของทั้งสามเขตปกครองที่แตกต่างกัน แม้จะฟังออกบ้างเล็กน้อยในบางครั้งและััได้จากกิริยาท่าทางของอีกฝ่าย แต่ก็เลือนรางไม่ชัดเจน ด่าไปด่ามาจนสุดท้ายไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจหรือไม่ขอเพียงตนเองด่าอย่างสะใจก็พอ คนนี้ด่าเสร็จ ด่าจนเหนื่อยก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนคนอื่นด่าต่อ
“มนุษย์&%เผ่า ขยะ*...”
“#...&ขึ้นมา *%บดขยี้*#...”
“…”
ครั้นแล้ว การสู้รบระลอกที่สามอย่างเป็ทางการจึงเริ่มขึ้น ทว่าการสู้รบในครั้งนี้กลับไม่ใช่การจับอาวุธเข้าห้ำหั่นกัน แต่เป็การสู้รบด้วยาน้ำลาย ทั้งสองฝ่ายสองมือเท้าเอว ฝ่ายหนึ่งอยู่บนยอดเขาอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ตีนเขา ต่างฝ่ายต่างใช้ภาษาพื้นบ้านของตนเองด่าทออกมา ไล่ขึ้นไปจนถึงโคตรเหง้าศักราชบรรพบุรุษ ไล่ลงมาจนถึงลูกเล็กเด็กแดง รวมไปถึงหมูหมากาไก่ก็ไม่เว้น ด่าทอกันออกมาอย่างสะอกสะใจมองดูแล้วเป็ฉากการสู้รบที่แปลกประหลาดพิลึกกึกกือที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก
“พี่สาวไซ้หนาน ไม่ไปห้ามพวกเขาหน่อยรึ ท่านฟังสิยิ่งด่ายิ่งไม่น่าฟังขึ้นทุกที แทบจะทนฟังไม่ไหวอยู่แล้ว!” ั้แ่ที่เริ่มาน้ำลายกันขึ้นหลงไซ้หนานก็ออกคำสั่งให้หยุดพักผ่อนอยู่กับที่ จากนั้นนางก็มุดเข้ามานั่งจิบชาภายในกระโจมอย่างสบายใจทันที โดยไม่สนใจต่อสถานการณ์ภายนอกที่เกิดขึ้น เพียงแต่เยว่ชิงเฉิงที่ทนฟังไม่ไหวจึงมุดเข้าภายในกระโจมของนางแล้วบุ้ยปากพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง
“เหอะๆ ภายในใจของพวกเขามีความโกรธแค้น ถ้าหากไม่ให้พวกเขาระบายมันออกมา ขวัญกำลังใจในการรบยิ่งจะลดต่ำลงไปมากยิ่งกว่าเก่า อย่าไปสนใจพวกเขาเลย ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครตายหรอก!” หลงไซ้หนานกวาดตามองเยว่ชิงเฉิงด้วยสายตาราบเรียบ ยังคงดื่มชาต่ออย่างไม่ใส่ใจ
ดวงตาที่สดใสแวววาวของเยว่ชิงเฉิงกลอกกลิ้งไปมาครั้งหนึ่งพลันเข้าใจถึงความหมายในคำพูดของหลงไซ้หนานในทันที การสู้รบสองครั้งของทางฝ่ายตนเองในวันนี้ล้วนพลาดท่าทั้งสองครั้งติด และยังเป็การต่อสู้ที่น่าอึดอัดคับแค้นใจเป็อย่างมาก ภายในใจของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยไฟความแค้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในใจของทุกคนรู้ดีว่า การจะบุกโจมตีแนวป้องกันของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนนั้นยากลำบากเป็อย่างมาก ตอนนี้จึงทำได้แค่เพียงอาศัยการด่าทอเพื่อระบายความโกรธแค้นที่สุมอยู่ภายในใจ เพียงแต่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ เยว่ชิงเฉิงทนไม่ไหวจนต้องเอามือปิดหู ส่ายหัวพร้อมกันถอนหายใจออกมา “แต่มันก็ไม่น่าฟังจนเกินไป ท่านฟังดู! ท่านฟังดู! คำด่าเหล่านี้มันอะไรกัน เฮ้อ...”
“เหอะๆ...” สีหน้าของหลงไซ้หนานเองก็แข็งทื่อขึ้นมาเช่นเดียวกัน ใบหน้าที่องอาจห้าวหาญเริ่มเปลี่ยนเป็สีแดงขึ้นมาเล็กน้อย ส่ายหัวออกมาอย่างอับจนปัญญา จากนั้นใช้พลังปราณรบปิดกั้นอวัยวะรับเสียงในทันที
พวกที่อยู่ข้างนอกเริ่มด่าทอบรรยายลักษณะของสงวนของหญิงสาวเผ่าคนเถื่อนขึ้น เนื้อหาประมาณว่าผิวของอะไรที่หยาบกว่าปากของวัว ขนข้างๆ ใหญ่หนากว่าขนแขน รูถ้ำภายในสามารถให้วัวตัวหนึ่งมุดเข้าไปได้อะไรทำนองนั้น
หลงไซ้หนานและเยว่ชิงเฉิงทั้งสองคนต่างเป็หญิงสาวบริสุทธิ์พรหมจรรย์ พวกเ้าด่าคนก็ด่าไปแต่ทำไมต้องด่าอะไรเช่นนี้ คิดว่าพวกนางทั้งสองจะทนฟังได้อย่างไรกัน?
าน้ำลายยืดเยื้อมาจนถึงตอนค่ำถึงได้จบลง แน่นอนว่าเป็ฝ่ายเขตปกครองเทพาที่คนมากปากเยอะเป็ฝ่ายชนะ ทุกคนได้ด่าระบายออกไปจิตใจก็โล่งขึ้นมาก จากนั้นจึงเริ่มหุงหาอาหาร แม้กระทั่งในตอนทานข้าวยังคุยโวกันอย่างออกรสชาติว่า ในตอนบ่ายนั้นตนเองกล้าหาญเช่นไร บ้าระห่ำเพียงใด คารมฝีปากเก่งกาจเพียงใด ทำเอาหลงไซ้หนานและเยว่ชิงเฉิงที่กำลังเตรียมตัวออกมาทานข้าวด้วยได้ยินเข้าถึงกับใจนต้องมุดกลับเข้าไปอีกครั้ง ไม่มีแม้แต่ความอยากอาหารอีกเลย
.................................
แต่เยาขาข่าและหมันก้านทั้งสองกลับทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย ผลงานการสู้รบทั้งสองสนามของพวกเขาในวันนี้สามารถบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ของเผ่าได้เลย อารมณ์ของพวกเขาดีเป็อย่างมากการทานข้าวจึงเอร็ดอร่อยเป็พิเศษ หลังจากทานเนื้อย่างไปหลายชุด ดื่มน้ำชาไปหลายสิบกา ทั้งสองเริ่มกอดคอชนไหล่เรียกพี่เรียกน้องกันขึ้น เพียงแต่รูปร่างของทั้งสองที่คนหนึ่งสูงสองเมตรกว่ากับอีกคนที่สูงเมตรเจ็ดสิบ กระทบไหล่กอดคอกันขึ้นจึงไม่คล้ายกับพี่น้องกอดคอกัน แต่กลับดูคล้ายพ่อกับลูกที่สวมกอดกันเสียมากกว่า
ทั้งสองต่างเป็บุคคลอันดับหนึ่งของคนรุ่นหนุ่มสาวภายในเผ่าของตนเอง ตำแหน่งฐานะจึงไม่ต่างกัน แน่นอนว่าตำแหน่งฐานะสูงกว่าพวกเย่ชิงหาน เฟิงจื่อ หลายขั้น แม้แต่หลงไซ้หนานก็ยังด้อยกว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ระดับขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังฝีมือของทั้งสองก็ไม่ต่างกันมาก ดังนั้นการร่วมมือกันสู้รบในวันนี้จึงทำให้ระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาขึ้นเป็อย่างมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้